ก่อนอื่นผมต้องขอชี้แจงก่อนว่า ทำไมถึงต้องแทคทั้งห้องราชดำเนินและห้องศุภชลาศัย
ก็เพราะว่าเนื้อหาในกระทู้นี้ มีความเกี่ยวข้องกัน และโดยปรกติทั่วไป กีฬากับการเมืองมักมีปัจจัยอะไรหลายๆอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นมวยที่จัดชิงแชมป์โลกในไทยทุกครั้งต้องมี สส.ในพื้นที่รับหน้าเสื่อ หรือฟุตบอลกีฬายอดฮิตที่หลายๆทีมในลีกล้วนแต่มีนักการเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นบุรีรัมย์ เชียงราย สงขลา ภูเก็ต ชัยนาท สุพรรณบุรี ฯลฯ
หากคุยกันไปถึงระดับโลก ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่านกระทู้นี้ของคุณ Toom McCartney ครับ เป็นเรื่องกีฬากับการเมือง รับรองว่าสนุก เพลิดเพลิน และอัดแน่นไปด้วยสาระความรู้ ชนิดที่ท่านอ่านจบแล้วต้องย้อนกลับไปอ่านต่ออีกรอบ ( แรงจูงใจของกระทู้นั้นมาจากการจัดชกมวยระหว่างสมาชิกสองสีเสื้อบนสังเวียนผ้าใบมาตรฐานเมื่อปีที่แล้ว ที่จบลงด้วยรอยยิ้มและน้ำใจไมตรีต่อกัน )
http://pantip.com/topic/30136036
ต่อครับ
กระทู้นี้ ผมเขียนขึ้นเพราะ สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และบังเอิญผมไม่ได้ดู ( กลับมาดูไม่ทัน พอสองทุ่มครึ่งก็มีสมาธิดูแต่แมนยูกับแมนซิ พอแมนยูแพ้ก็เลยเซ็งไม่ได้ติดตามข่าวอื่น )
พอวันจันทร์ ผมนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนมีนัดส่งท้ายไทยพรีเมียร์ลีก ใครเป็นแชมป์กันหว่า พอเปิดเข้าไปในเวป SIAM SPORT เพื่อหาข่าว ก็ไล่ดูไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ทำไมไม่มีข่าวว่าทีมไหนได้แชมป์ จนไปเจอกรอบเล็กๆมีเนื้อข่าวคล้ายๆกับหน้าหนังสือพิมพ์ที่ผมได้เห็นในกระทู้ห้องศุภ
เห็นแล้วก็ เฮ้ย นี่มันคืออัลไล !!!
ข่าวกีฬาใหญ่ระดับถ้วยสูงสุดของประเทศ แทนที่จะพาดหัวว่าทีมไหนได้แชมป์ กลับไปลงข่าวทีมที่วืดแชมป์ !!!
เป็นสื่อกีฬาใหญ่ยักษ์ฉบับเดียวของประเทศ แต่กลับไร้จรรยาบรรณ "เลือกข้าง" กันอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งเมื่อไปเปรียบกับตอนทีมเมืองทองได้แชมป์ กลับพาดหัวและลงรูปหน้าหนึ่งเกือบครึ่งหน้า
เมื่อเห็นสื่อหลักของกีฬาแล้วก็อดมานึกถึงสื่อหลักบ้านเราที่นำเสนอข่าวบ้านเมืองไม่ได้
คงไม่ต้องไปพูดถึงสื่อเฉพาะทางอย่าง ASTV BLUESKY ASIAUPDATE หรือ NATION เพราะสื่อเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มีนายทุนแต่ละพรรคหนุนหลังและมีสีเสื้อชัดเจน คนเสพสื่อช่องเหล่านั้นย่อม"เลือก"แล้วที่จะเสพข่าวด้านไหน
แต่ผมอยากพูดถึงสื่อหลักต่างๆไม่ว่าจะเป็นคอลัมนิสต์ ผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าว ที่ควรจะทำตัวเป็น "สื่อมวลชนอิสระ" ที่เก็บความรักความเกลียดเอาไว้ในใจ และนำเสนอแต่สิ่งที่เป็นข้อมูลตามจริง ไม่ตีใข่ใส่ข่าวหรือใส่อารมณ์ส่วนตัวเข้าไป แบบคุณธีระ คุณกนก คุณสมจิตร หรือคุณหว่องก็ตาม
(สมัยก่อน ผู้บรรยายกีฬาฟุตบอลมักจะปกปิดเป็นความลับสุดชีวิตว่าตัวเองเชียร์ทีมอะไร เพราะกลัวจะโดนจ้องจับผิดเวลาพากย์ทีมที่ตัวเองลงแข่ง แต่ปัจจุบันจะปิดไม่อยู่ ก็เลยต้องเลยตามเลย บางคนก็ออกลูกบ้าไปเลยเพื่อให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันเวลาพากย์)
ยอมรับเถอะว่า อินเตอร์เนทไม่ได้เข้าถึงคนไทยทุกระดับ มีคนไทยอีกเป็นล้านที่เลือกจะเสพข่าวทางสื่อฟรีทีวีและหนังสือพิมพ์
หากสื่อมวลชนไร้จรรยาบรรณ ใช้อาชีพของตัวเองเป็นเครื่องมือในการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา หรือเรื่องการเมือง สังคมนี้จะเดินไปอย่างไร เพราะอิทธิพลของสื่อเป็นผู้ชี้นำสังคมเสมอ สามารถพิพากษาใครผิดใครถูกได้ทันทีเพียงแค่พาดหัวข่าว
หรือว่าปัจจุบัน คำว่าจรรยาบรรณของสื่อ ไม่มีความหมายใดๆแล้ว ?
สังคมนี้จะเดินไปอย่างไร เมื่อสื่อไร้จรรยาบรรณ และ"เลือกข้าง"
ก็เพราะว่าเนื้อหาในกระทู้นี้ มีความเกี่ยวข้องกัน และโดยปรกติทั่วไป กีฬากับการเมืองมักมีปัจจัยอะไรหลายๆอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นมวยที่จัดชิงแชมป์โลกในไทยทุกครั้งต้องมี สส.ในพื้นที่รับหน้าเสื่อ หรือฟุตบอลกีฬายอดฮิตที่หลายๆทีมในลีกล้วนแต่มีนักการเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นบุรีรัมย์ เชียงราย สงขลา ภูเก็ต ชัยนาท สุพรรณบุรี ฯลฯ
หากคุยกันไปถึงระดับโลก ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่านกระทู้นี้ของคุณ Toom McCartney ครับ เป็นเรื่องกีฬากับการเมือง รับรองว่าสนุก เพลิดเพลิน และอัดแน่นไปด้วยสาระความรู้ ชนิดที่ท่านอ่านจบแล้วต้องย้อนกลับไปอ่านต่ออีกรอบ ( แรงจูงใจของกระทู้นั้นมาจากการจัดชกมวยระหว่างสมาชิกสองสีเสื้อบนสังเวียนผ้าใบมาตรฐานเมื่อปีที่แล้ว ที่จบลงด้วยรอยยิ้มและน้ำใจไมตรีต่อกัน )
http://pantip.com/topic/30136036
ต่อครับ
กระทู้นี้ ผมเขียนขึ้นเพราะ สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และบังเอิญผมไม่ได้ดู ( กลับมาดูไม่ทัน พอสองทุ่มครึ่งก็มีสมาธิดูแต่แมนยูกับแมนซิ พอแมนยูแพ้ก็เลยเซ็งไม่ได้ติดตามข่าวอื่น )
พอวันจันทร์ ผมนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนมีนัดส่งท้ายไทยพรีเมียร์ลีก ใครเป็นแชมป์กันหว่า พอเปิดเข้าไปในเวป SIAM SPORT เพื่อหาข่าว ก็ไล่ดูไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ทำไมไม่มีข่าวว่าทีมไหนได้แชมป์ จนไปเจอกรอบเล็กๆมีเนื้อข่าวคล้ายๆกับหน้าหนังสือพิมพ์ที่ผมได้เห็นในกระทู้ห้องศุภ
เห็นแล้วก็ เฮ้ย นี่มันคืออัลไล !!!
ข่าวกีฬาใหญ่ระดับถ้วยสูงสุดของประเทศ แทนที่จะพาดหัวว่าทีมไหนได้แชมป์ กลับไปลงข่าวทีมที่วืดแชมป์ !!!
เป็นสื่อกีฬาใหญ่ยักษ์ฉบับเดียวของประเทศ แต่กลับไร้จรรยาบรรณ "เลือกข้าง" กันอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งเมื่อไปเปรียบกับตอนทีมเมืองทองได้แชมป์ กลับพาดหัวและลงรูปหน้าหนึ่งเกือบครึ่งหน้า
เมื่อเห็นสื่อหลักของกีฬาแล้วก็อดมานึกถึงสื่อหลักบ้านเราที่นำเสนอข่าวบ้านเมืองไม่ได้
คงไม่ต้องไปพูดถึงสื่อเฉพาะทางอย่าง ASTV BLUESKY ASIAUPDATE หรือ NATION เพราะสื่อเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มีนายทุนแต่ละพรรคหนุนหลังและมีสีเสื้อชัดเจน คนเสพสื่อช่องเหล่านั้นย่อม"เลือก"แล้วที่จะเสพข่าวด้านไหน
แต่ผมอยากพูดถึงสื่อหลักต่างๆไม่ว่าจะเป็นคอลัมนิสต์ ผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าว ที่ควรจะทำตัวเป็น "สื่อมวลชนอิสระ" ที่เก็บความรักความเกลียดเอาไว้ในใจ และนำเสนอแต่สิ่งที่เป็นข้อมูลตามจริง ไม่ตีใข่ใส่ข่าวหรือใส่อารมณ์ส่วนตัวเข้าไป แบบคุณธีระ คุณกนก คุณสมจิตร หรือคุณหว่องก็ตาม
(สมัยก่อน ผู้บรรยายกีฬาฟุตบอลมักจะปกปิดเป็นความลับสุดชีวิตว่าตัวเองเชียร์ทีมอะไร เพราะกลัวจะโดนจ้องจับผิดเวลาพากย์ทีมที่ตัวเองลงแข่ง แต่ปัจจุบันจะปิดไม่อยู่ ก็เลยต้องเลยตามเลย บางคนก็ออกลูกบ้าไปเลยเพื่อให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันเวลาพากย์)
ยอมรับเถอะว่า อินเตอร์เนทไม่ได้เข้าถึงคนไทยทุกระดับ มีคนไทยอีกเป็นล้านที่เลือกจะเสพข่าวทางสื่อฟรีทีวีและหนังสือพิมพ์
หากสื่อมวลชนไร้จรรยาบรรณ ใช้อาชีพของตัวเองเป็นเครื่องมือในการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา หรือเรื่องการเมือง สังคมนี้จะเดินไปอย่างไร เพราะอิทธิพลของสื่อเป็นผู้ชี้นำสังคมเสมอ สามารถพิพากษาใครผิดใครถูกได้ทันทีเพียงแค่พาดหัวข่าว
หรือว่าปัจจุบัน คำว่าจรรยาบรรณของสื่อ ไม่มีความหมายใดๆแล้ว ?