เราเป็นคนชอบเขียนไดอารี่มาก เราว่าไดอารี่ก็มีประโยชน์นะ ได้เขียนสิ่งที่ติดค้างในจิตใจลงไป ได้ระบาย ได้บันทึกความทรงจำดีๆ อีกอย่างได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง การเติบโตทางความคิดและจิตใจ วันนี้เราได้อ่านกระทู้นึง
http://pantip.com/topic/31540443 ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนจดหมายถึงตัวเองใน 10 ข้างหน้า เราเลยเอามาโพสแชร์เพื่อนพันทปด้วย ชื่อที่เราใช้เป็นนามสมตินะจ๊ะ และอยากชวนเพื่อนๆพันทิปมาเขียนจดหมายถึงตัวเองกัน
สวัสดีแพม ในอีกสิบปีข้างหน้า ตอนที่เขียนจดหมายนี้ฉันอายุ 25 เพราะฉะนั้นตอนที่เธออ่านก็ปาไป 35 ล่ะ มิใช่น้อยเลยนะ อยากรู้จังว่าตอนนั้นเธอจะกลัวแก่มั้ย 555 เธอจะแต่งงานยังน้า.....ถ้า 35 เธอยังโสด ฉันคงเริ่มเชื่อความคิดเรื่องบวชในนิกายเซนกับท่านติช นัท ฮัน ที่ฉันเคยคิด ณ ตอนนี้ ว่ามันอาจจะเป็นจริง
อีกอย่างที่อยากรู้คือ หน้าเธอจะเหี่ยวมั้ย ในวัย 35 ฉันหวังว่าหน้าเธอจะยังเด้งใสปิ๊งจนคนอื่นทายไม่ถูก ทายเด็กกว่าอายุจริง ช่วงที่ฉันนอนไม่หลับบ่อยๆตอน 19 พ่อเคยบอกว่าถ้าแพมยังนอนไม่หลับยังงี้ หน้าแพมคงจะแก่ในไม่ช้า ฟังแล้วเศร้าชะมัด ฉันไม่อยากทำร้ายตัวเองเลย แต่เพราะความไม่รู้ของฉันในวัยที่ผ่านมา ทำให้ฉันทำร้ายตัวเองเยอะไปหน่อย สั่งสมความเครียดจนเป็นโรคนอนไม่หลับ แต่ฉันไม่เคยเชื่อหรอก ว่าแต่ละสิ่งมันจะอยู่ตลอดกาล เหมือนหลายๆสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต เหตุการณ์แต่ละอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าที่ผ่านมาฉันได้สร้างความทุกข์ให้ตัวเองมากไปหน่อย แต่ฉันในวัย 25 พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีความสุขที่สุด พยายามที่จะลดอัตตา ลดความยึดมั่นในตัวเองให้น้อยลงเรื่อยๆ และพัฒนาความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น เห็นในสิ่งที่เป็น ไม่ใช่สิ่งที่คิด สิ่งที่ฉันพยายามทำทุกวันนี้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เธอในวัย 35 มีความสุข ได้ใช้ชีวิตไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
เอาจริงๆนะ ณ ตอนนี้ฉันซึมซับเรื่องอนิจจังไปซะเยอะ ฉันเห็นความไม่แน่นอนของชีวิตซะเยอะ ฉันก็เผื่อใจไว้เสมอว่าเธออาจไม่มีโอกาสอ่านจดหมายนี้ก็ได้ แต่ถ้าเธอยังอยู่ ขอให้เธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉา มีใบหน้าที่ผ่องใสอันเกิดขึ้นมาจาก จิตใจที่เบิกบาน ตอนนั้นเธอจะหายขาดจากโรคซึมเศร้าหรือยังน้า .... ฉันหวังเสมอว่าเธอจะหายขาดจากมัน และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เป็นอาสาสมัครช่วยเผยแพร่ความรู้เรื่องโรคซึมเศร้า ช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้หลุดพ้นเหมือนเธอบ้าง บางครั้งฉันก็คาดหวังให้เธอเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความธรรมะช่วยให้คนอื่นได้พ้นทุกข์บ้าง ขอโทษนะที่ฉันคาดหวังกะเธอมากไปหน่อย ก็แหมฉันอุตส่าห์เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ทั้งชีวิต อ่านมาเป็นพันเล่มแล้วมั้ง หนังสือธรรมะก็อ่านทุกพระอาจารย์ทุกสำนัก แถมยังพาตัวไปปฏิบัติธรรมอหลายรูปแบบอีก ตอนนี้ก็ลึกซึ้งธรรมะในระดับนึงเลยหล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเธอในอีกสิบปีข้างหน้าว่ามันจะพัฒนาไปขนาดไหน เธอคงจะเป็นระดับโปรเฟสเซอร์เลยแหละ นี่เป็นเรื่องดีๆที่ฉันคิดเสมอ แต่ก็มีบางเรื่องที่ฉันไม่อยากจะคิดเลยอ่ะแแต่ก็อดคิดไม่ได้ เทคโนโลยีนี่มันพัฒนาไปเร็วจังเนอะ บอกเลยว่าทุกวันนี้ฉันยังไม่ค่อยชอบใจกะเทคโนโลยีซะเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีประโยชน์หรอกนะ ประโยชน์ก็เยอะ แต่โทษดันเยอะกว่าหน่ะสิ รู้ม้ยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันสมาธิสั้นลง เวลาที่ฉันเบื่ออาจารย์สอน หรือเริ่มเซงกะอะไรตรงหน้าฉันจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาจิ้มๆจ้ำๆ ฉันเบื่อตัวเองตอนนี้มากที่สมาธิสั้น บางครั้งไม่มีสมาธิที่จะฟังครูสอน จนฉันอดห่วงเธอไม่ได้ อีกสิบปีข้างหน้า คงจะมีอะไรที่ทำให้สมาธิสั้นลงไปอีก อาจจะล่อจิตล่อใจกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ อีกอย่างที่ฉันเป็นห่วง คือความเสื่อมลงของคน ทุกวันนี้ฉันอ่านข่าวแล้วหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก ข่าวพี่เตะก้านคอน้องตายบ้างล่ะ ข่าวคนข่มขืนสุนัขจนสุนัขป่วยตายบ้าง ฉันห่วงเธอจังว่าอีกสิบปีข้างหน้า ข่าวจะแย่กว่านี้อีกตั้งเท่าไหร่
เอาหล่ะท้ายที่สุดแล้วตอนที่เธออ่านจดหมายนี้ เธออาจกำลังหัวเราะ หัวเราะว่าสิ่งที่ฉันคาดเอาไว้อาจไม่ถูกเลยสักนิด อิอิ หรืออาจทึ่งที่สิ่งที่ฉันคิดไว้เป็นจริงซะหมด ฉันไม่อาจแน่ใจได้จริงๆว่ามันจะเป็นแบบไหน แต่ฉันอยากบอกเธอนะ ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะอยู่ในจุดที่แย่กว่าเดิม หรือดีกว่าเดิม ฉันขอให้เธอจงเข้มแข็ง อย่างที่ฉันเป็นในวันนี้ จงเรียนรู้จากโลก จงเห็นโลกอย่างที่มันเป็น จงรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ จงคิดบวก จงเป็นสุข สุดท้ายฉันอยากบอกเธอว่าฉันโคตรรักตัวฉันในวันนี้เลย และฉันก็รักเธอในตอนนั้นมากนะแพม
รัก จาก แพม ตอน 25
จะเป็นยังไงเมื่อผู้ป่วยซึมเศร้าเขียนจดหมายถึงตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า +เชิญชวนเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคตกัน
สวัสดีแพม ในอีกสิบปีข้างหน้า ตอนที่เขียนจดหมายนี้ฉันอายุ 25 เพราะฉะนั้นตอนที่เธออ่านก็ปาไป 35 ล่ะ มิใช่น้อยเลยนะ อยากรู้จังว่าตอนนั้นเธอจะกลัวแก่มั้ย 555 เธอจะแต่งงานยังน้า.....ถ้า 35 เธอยังโสด ฉันคงเริ่มเชื่อความคิดเรื่องบวชในนิกายเซนกับท่านติช นัท ฮัน ที่ฉันเคยคิด ณ ตอนนี้ ว่ามันอาจจะเป็นจริง
อีกอย่างที่อยากรู้คือ หน้าเธอจะเหี่ยวมั้ย ในวัย 35 ฉันหวังว่าหน้าเธอจะยังเด้งใสปิ๊งจนคนอื่นทายไม่ถูก ทายเด็กกว่าอายุจริง ช่วงที่ฉันนอนไม่หลับบ่อยๆตอน 19 พ่อเคยบอกว่าถ้าแพมยังนอนไม่หลับยังงี้ หน้าแพมคงจะแก่ในไม่ช้า ฟังแล้วเศร้าชะมัด ฉันไม่อยากทำร้ายตัวเองเลย แต่เพราะความไม่รู้ของฉันในวัยที่ผ่านมา ทำให้ฉันทำร้ายตัวเองเยอะไปหน่อย สั่งสมความเครียดจนเป็นโรคนอนไม่หลับ แต่ฉันไม่เคยเชื่อหรอก ว่าแต่ละสิ่งมันจะอยู่ตลอดกาล เหมือนหลายๆสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต เหตุการณ์แต่ละอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าที่ผ่านมาฉันได้สร้างความทุกข์ให้ตัวเองมากไปหน่อย แต่ฉันในวัย 25 พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีความสุขที่สุด พยายามที่จะลดอัตตา ลดความยึดมั่นในตัวเองให้น้อยลงเรื่อยๆ และพัฒนาความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น เห็นในสิ่งที่เป็น ไม่ใช่สิ่งที่คิด สิ่งที่ฉันพยายามทำทุกวันนี้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เธอในวัย 35 มีความสุข ได้ใช้ชีวิตไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
เอาจริงๆนะ ณ ตอนนี้ฉันซึมซับเรื่องอนิจจังไปซะเยอะ ฉันเห็นความไม่แน่นอนของชีวิตซะเยอะ ฉันก็เผื่อใจไว้เสมอว่าเธออาจไม่มีโอกาสอ่านจดหมายนี้ก็ได้ แต่ถ้าเธอยังอยู่ ขอให้เธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉา มีใบหน้าที่ผ่องใสอันเกิดขึ้นมาจาก จิตใจที่เบิกบาน ตอนนั้นเธอจะหายขาดจากโรคซึมเศร้าหรือยังน้า .... ฉันหวังเสมอว่าเธอจะหายขาดจากมัน และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เป็นอาสาสมัครช่วยเผยแพร่ความรู้เรื่องโรคซึมเศร้า ช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้หลุดพ้นเหมือนเธอบ้าง บางครั้งฉันก็คาดหวังให้เธอเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความธรรมะช่วยให้คนอื่นได้พ้นทุกข์บ้าง ขอโทษนะที่ฉันคาดหวังกะเธอมากไปหน่อย ก็แหมฉันอุตส่าห์เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ทั้งชีวิต อ่านมาเป็นพันเล่มแล้วมั้ง หนังสือธรรมะก็อ่านทุกพระอาจารย์ทุกสำนัก แถมยังพาตัวไปปฏิบัติธรรมอหลายรูปแบบอีก ตอนนี้ก็ลึกซึ้งธรรมะในระดับนึงเลยหล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเธอในอีกสิบปีข้างหน้าว่ามันจะพัฒนาไปขนาดไหน เธอคงจะเป็นระดับโปรเฟสเซอร์เลยแหละ นี่เป็นเรื่องดีๆที่ฉันคิดเสมอ แต่ก็มีบางเรื่องที่ฉันไม่อยากจะคิดเลยอ่ะแแต่ก็อดคิดไม่ได้ เทคโนโลยีนี่มันพัฒนาไปเร็วจังเนอะ บอกเลยว่าทุกวันนี้ฉันยังไม่ค่อยชอบใจกะเทคโนโลยีซะเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีประโยชน์หรอกนะ ประโยชน์ก็เยอะ แต่โทษดันเยอะกว่าหน่ะสิ รู้ม้ยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันสมาธิสั้นลง เวลาที่ฉันเบื่ออาจารย์สอน หรือเริ่มเซงกะอะไรตรงหน้าฉันจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาจิ้มๆจ้ำๆ ฉันเบื่อตัวเองตอนนี้มากที่สมาธิสั้น บางครั้งไม่มีสมาธิที่จะฟังครูสอน จนฉันอดห่วงเธอไม่ได้ อีกสิบปีข้างหน้า คงจะมีอะไรที่ทำให้สมาธิสั้นลงไปอีก อาจจะล่อจิตล่อใจกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ อีกอย่างที่ฉันเป็นห่วง คือความเสื่อมลงของคน ทุกวันนี้ฉันอ่านข่าวแล้วหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก ข่าวพี่เตะก้านคอน้องตายบ้างล่ะ ข่าวคนข่มขืนสุนัขจนสุนัขป่วยตายบ้าง ฉันห่วงเธอจังว่าอีกสิบปีข้างหน้า ข่าวจะแย่กว่านี้อีกตั้งเท่าไหร่
เอาหล่ะท้ายที่สุดแล้วตอนที่เธออ่านจดหมายนี้ เธออาจกำลังหัวเราะ หัวเราะว่าสิ่งที่ฉันคาดเอาไว้อาจไม่ถูกเลยสักนิด อิอิ หรืออาจทึ่งที่สิ่งที่ฉันคิดไว้เป็นจริงซะหมด ฉันไม่อาจแน่ใจได้จริงๆว่ามันจะเป็นแบบไหน แต่ฉันอยากบอกเธอนะ ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะอยู่ในจุดที่แย่กว่าเดิม หรือดีกว่าเดิม ฉันขอให้เธอจงเข้มแข็ง อย่างที่ฉันเป็นในวันนี้ จงเรียนรู้จากโลก จงเห็นโลกอย่างที่มันเป็น จงรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ จงคิดบวก จงเป็นสุข สุดท้ายฉันอยากบอกเธอว่าฉันโคตรรักตัวฉันในวันนี้เลย และฉันก็รักเธอในตอนนั้นมากนะแพม
รัก จาก แพม ตอน 25