1. แมทช์นี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ LVG rotation ทั้งนักเตะและระบบ (4-1-4-1 เป็น 4-4-2 แบบมีปีก) แต่ก็ยอมรับว่า เป็นเพราะการกลับมาของรูนีย์และอาการบาดเจ็บของราฟาเอลเป็นสาเหตุหลัก ส่วนเฟไลนี่ที่ฟอร์มดีมา 2 นัดแล้วก็ได้เป็นตัวจริงเบียดมาต้าและเออร์ไรร่าเป็นตัวสำรอง
2. พอเห็น line-up แบ็คขวาเป็นวาเลนเซีย ผมก็รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่แรก แม้จะยอมรับว่า ซีซั่นนี้ ราฟาเอลประกบกองหน้าฝ่ายตรงข้ามพลาดจนเสียประตูมา 3-4 นัดแล้ว ... แต่ซีซั่นก่อน วาเลนเซียที่ถูกมอยส์จับมาเล่นแบ็คขวาบ่อยๆ ก็ประกบตัวได้ไม่ดีเช่นกัน ซึ่งการเสียประตูโทนของแมทช์นี้ก็มาจากความผิดพลาดของด้านนี้แหล่ะ
3. รูนีย์ลงมาก็เล่นต่ำกว่าเฟไลนี่ทันทีและเกือบตลอดเกม ทำให้เห็นได้ชัดว่า เขา (ในฐานะกัปตันทีม) เป็นห่วงเกมรับของทีมเป็นอย่างมาก แต่มันนำมาซึ่งการที่ทีมเล่นรุกก็ไม่ดี รับก็แย่ เฟไลนี่ไม่ทราบว่าเขาควรเล่นสนับสนุน RVP หรือช่วยบลินด์กันแน่ เพราะจะทับตำแหน่งกับรูนีย์
ทีมเล่นอย่างประดักประเดิกอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งราว 15 นาทีสุดท้าย ที่รูนีย์โต้กลับ แต่แทนที่เขาจะเลี้ยงตะลุยหรือยิง กลับไปล็อคจนเสียจังหวะยิงประตู แต่ก็เหมือนการจุดประกาย ทำให้ทีมที่มีเพียง 10 คนเล่นเกมรุกเต็มสูบ จนแมนฯซิก็ปั่นป่วนในช่วงท้ายเกม ซึ่งช่วงนั้นเอง ทีมก็ได้ใช้ประโยชน์จากเฟไลนี่ในการพักบอลในแดนหน้าและโหม่งเข้าทำประตู
4. แมทช์นี้ ดิมาเรียได้เล่นตำแหน่งถนัดคือปีกซ้าย เขาได้มีโอกาสทั้ง cross บอลและตัดเข้ากลาง โดยที่หลังจากยานาไซด์โดนเปลี่ยนตัวไป ให้แม็คแนร์ลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์เพราะโรโฮเจ็บ ดิมาเรียก็ได้มาช่วยทั้งกลางและหน้า แต่การประสานงานกับแบ็คซ้ายอย่างชอว์ยังคงทำได้ไม่ดีนัก (น่าจะเป็นเพราะดิมาเรียไม่ชินกับการประสานงานกับแบ็ค เพราะชอว์เล่นระบบ 4-4-2 ให้เซาท์แฮมตันใน EPL มาโดยตลอด ไม่น่าจะพลาดตรงนี้)
นอกจากนั้น ยังยืนยันได้อีกว่า เขาเล่นเกมรับไม่เป็นเอาเสียเลยจริงๆ เมื่อเขาสไลด์พลาดง่ายๆ ในลูกที่เสียประตู
คงต้องใช้เวลาอีกระยะใหญ่ๆ ที่ดิมาเรียจะประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีกว่านี้ แม้ว่า เขาจะมีความสามารถเฉพาะตัวและทำเกมได้ยอดเยี่ยมที่สุดในทีม
5. ยานาไซด์ยังคงเล่นเลี้ยงบอลมากเกินไปอยู่ดี แทบจะไม่มีลูก cross หรือตัดเข้าในให้เห็นเลย LVG คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับทัศนคติของปีกดาวรุ่งคนนี้
6. เดเกอา ที่ผมให้ตำแหน่ง MOM (Man of the Match) ยังคงเป็นที่พึ่งของทีมสมกับการได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของเดือนตค. (หวังว่าไม่ต้องเป็นหลายเดือนนักนะ) เขาซุปเปอร์เซฟไว้ได้ 2-3 ลูก ไม่เช่นนั้น สกอร์อาจจะออกมาเละเทะกว่านี้
7. มาถึงตำแหน่ง WOM (Worse of the match) ก็คงเหมือนหลายๆ คน คือ สมอลลิ่ง การสูญเสียเฟอร์ดินานด์และวีดิชทำให้กองหลังของทีมขาดผู้นำที่เก่งและมีประสบการณ์อย่างแรง ลูกแรกที่เขาเสียใบเหลืองเพราะไปขวางทางโจ ฮาร์ทหน้าประตูซิตี้ ส่วนลูกที่สอง ทั้งที่เขารู้อยู่ว่าเสียเหลืองแรก ไม่น่าจะไปเข้าพรวดสกัดคู่ต่อสู้ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ
8. อย่างไรก็ดี เกมนี้แสดงให้เห็นใจสู้ของทีม ที่โหมบุกในช่วงท้ายเกม จนแมนฯซิเจียนไปเจียนอยู่เหมือนกัน ได้แต่หวังว่า ทีมจะไม่เล่นรุกแบบลืมตายได้แบบนี้ เฉพาะตอนที่สกอร์ตามหลังอยู่ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายแบบ 2 แมทช์ที่ผ่านมา ... เล่นให้มันได้แบบนี้ตลอดเกมสิฟร่ะ
แมทช์หน้าทีมเราพบพาเลซทีมอันดับ 16 โดยจะขาดโรโฮ (ที่ยังไม่รู้ว่าต้องพักนานเท่าไหร่) และสมอลลิ่งที่โดน 2 เหลือง ฟัลเกาก็ยังไม่แน่ว่าจะฟิตพอไหม หลังจากที่แมทช์นี้ไม่ได้ลงแม้แต่เป็นตัวสำรอง ... ทำให้ LVG ก็จำเป็นจะต้อง rotation นักเตะและระบบเหมือนเดิม ความหวังที่ว่าอยากให้นักเตะเราจะเล่นกันมี team work และมีแนวทางการเล่นที่ชัดเจน ยังคงต้องรอไปอีก 2-3 เดือนเป็นอย่างเร็วครับ
แล้วเพื่อนๆ หล่ะครับ คิดว่ายังไงบ้าง ?
[กระทู้สนทนาผีแดง 2014-11-03] มาสนทนาหลังเกมส์แมนฯซิตี้ 1-0 แมนฯยูไนเต็ด กัน
2. พอเห็น line-up แบ็คขวาเป็นวาเลนเซีย ผมก็รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่แรก แม้จะยอมรับว่า ซีซั่นนี้ ราฟาเอลประกบกองหน้าฝ่ายตรงข้ามพลาดจนเสียประตูมา 3-4 นัดแล้ว ... แต่ซีซั่นก่อน วาเลนเซียที่ถูกมอยส์จับมาเล่นแบ็คขวาบ่อยๆ ก็ประกบตัวได้ไม่ดีเช่นกัน ซึ่งการเสียประตูโทนของแมทช์นี้ก็มาจากความผิดพลาดของด้านนี้แหล่ะ
3. รูนีย์ลงมาก็เล่นต่ำกว่าเฟไลนี่ทันทีและเกือบตลอดเกม ทำให้เห็นได้ชัดว่า เขา (ในฐานะกัปตันทีม) เป็นห่วงเกมรับของทีมเป็นอย่างมาก แต่มันนำมาซึ่งการที่ทีมเล่นรุกก็ไม่ดี รับก็แย่ เฟไลนี่ไม่ทราบว่าเขาควรเล่นสนับสนุน RVP หรือช่วยบลินด์กันแน่ เพราะจะทับตำแหน่งกับรูนีย์
ทีมเล่นอย่างประดักประเดิกอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งราว 15 นาทีสุดท้าย ที่รูนีย์โต้กลับ แต่แทนที่เขาจะเลี้ยงตะลุยหรือยิง กลับไปล็อคจนเสียจังหวะยิงประตู แต่ก็เหมือนการจุดประกาย ทำให้ทีมที่มีเพียง 10 คนเล่นเกมรุกเต็มสูบ จนแมนฯซิก็ปั่นป่วนในช่วงท้ายเกม ซึ่งช่วงนั้นเอง ทีมก็ได้ใช้ประโยชน์จากเฟไลนี่ในการพักบอลในแดนหน้าและโหม่งเข้าทำประตู
4. แมทช์นี้ ดิมาเรียได้เล่นตำแหน่งถนัดคือปีกซ้าย เขาได้มีโอกาสทั้ง cross บอลและตัดเข้ากลาง โดยที่หลังจากยานาไซด์โดนเปลี่ยนตัวไป ให้แม็คแนร์ลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์เพราะโรโฮเจ็บ ดิมาเรียก็ได้มาช่วยทั้งกลางและหน้า แต่การประสานงานกับแบ็คซ้ายอย่างชอว์ยังคงทำได้ไม่ดีนัก (น่าจะเป็นเพราะดิมาเรียไม่ชินกับการประสานงานกับแบ็ค เพราะชอว์เล่นระบบ 4-4-2 ให้เซาท์แฮมตันใน EPL มาโดยตลอด ไม่น่าจะพลาดตรงนี้)
นอกจากนั้น ยังยืนยันได้อีกว่า เขาเล่นเกมรับไม่เป็นเอาเสียเลยจริงๆ เมื่อเขาสไลด์พลาดง่ายๆ ในลูกที่เสียประตู
คงต้องใช้เวลาอีกระยะใหญ่ๆ ที่ดิมาเรียจะประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีกว่านี้ แม้ว่า เขาจะมีความสามารถเฉพาะตัวและทำเกมได้ยอดเยี่ยมที่สุดในทีม
5. ยานาไซด์ยังคงเล่นเลี้ยงบอลมากเกินไปอยู่ดี แทบจะไม่มีลูก cross หรือตัดเข้าในให้เห็นเลย LVG คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับทัศนคติของปีกดาวรุ่งคนนี้
6. เดเกอา ที่ผมให้ตำแหน่ง MOM (Man of the Match) ยังคงเป็นที่พึ่งของทีมสมกับการได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของเดือนตค. (หวังว่าไม่ต้องเป็นหลายเดือนนักนะ) เขาซุปเปอร์เซฟไว้ได้ 2-3 ลูก ไม่เช่นนั้น สกอร์อาจจะออกมาเละเทะกว่านี้
7. มาถึงตำแหน่ง WOM (Worse of the match) ก็คงเหมือนหลายๆ คน คือ สมอลลิ่ง การสูญเสียเฟอร์ดินานด์และวีดิชทำให้กองหลังของทีมขาดผู้นำที่เก่งและมีประสบการณ์อย่างแรง ลูกแรกที่เขาเสียใบเหลืองเพราะไปขวางทางโจ ฮาร์ทหน้าประตูซิตี้ ส่วนลูกที่สอง ทั้งที่เขารู้อยู่ว่าเสียเหลืองแรก ไม่น่าจะไปเข้าพรวดสกัดคู่ต่อสู้ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ
8. อย่างไรก็ดี เกมนี้แสดงให้เห็นใจสู้ของทีม ที่โหมบุกในช่วงท้ายเกม จนแมนฯซิเจียนไปเจียนอยู่เหมือนกัน ได้แต่หวังว่า ทีมจะไม่เล่นรุกแบบลืมตายได้แบบนี้ เฉพาะตอนที่สกอร์ตามหลังอยู่ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายแบบ 2 แมทช์ที่ผ่านมา ... เล่นให้มันได้แบบนี้ตลอดเกมสิฟร่ะ
แมทช์หน้าทีมเราพบพาเลซทีมอันดับ 16 โดยจะขาดโรโฮ (ที่ยังไม่รู้ว่าต้องพักนานเท่าไหร่) และสมอลลิ่งที่โดน 2 เหลือง ฟัลเกาก็ยังไม่แน่ว่าจะฟิตพอไหม หลังจากที่แมทช์นี้ไม่ได้ลงแม้แต่เป็นตัวสำรอง ... ทำให้ LVG ก็จำเป็นจะต้อง rotation นักเตะและระบบเหมือนเดิม ความหวังที่ว่าอยากให้นักเตะเราจะเล่นกันมี team work และมีแนวทางการเล่นที่ชัดเจน ยังคงต้องรอไปอีก 2-3 เดือนเป็นอย่างเร็วครับ
แล้วเพื่อนๆ หล่ะครับ คิดว่ายังไงบ้าง ?