[CR] เที่ยวอินเดียลุยๆ สไตล์เด็กศิลป์ Part 3

นี่ก็เป็นตอนสุดท้ายแล้ว ใช้เวลาห่างกันซะนาน กว่าจะได้ลง (แอบไปเที่ยวต่างจังหวัดมา) มาต่อกันด้วยสถานีต่อไปเลยคะ สถานนีเป่าหมายของทริปนี้นั้นเอง สำหรับ part นี้ จะขอแน่นรูปภาพนะคะ ให้รูปภาพมันอธิบายดีกว่า หัวใจ
-สถานต่อไป เมือง “Leh ladahk”
       จาก Manali ต่อกันไปยาวๆที่เมือง  Leh ladahk  เลย สำหรับเมืองนี้ เราเดินทางไปโดยรถบัส  ซึ่งการหารถบัสไปเมืองนี้ก็ไม่ยาก อู่รถบัสก็อยู่ศูนย์กลางของเมือง Manali เลย ใช้เวลาในการเดินทาง 2 วัน เต็มๆ ที่ต้องนั้งๆ นอนๆ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนรถ ช่างทรมานและเบื่อ เกินกว่าจะบรรยาย  แต่สิ่งที่ทำให้เราหายเบื่อได้นั้นก็คือ วิวระหว่างสองข้างทางที่ช่างธรรมชาติ และสวยงามสุดๆเป็นฉากภูเขาน้ำแข็งสลับกับน้ำตกบ้าง ดอกไม้บ้าง โอววว  แต่ติดอยู่อย่างเดียว มันถ่ายรูปไม่ได้ ถ่ายไม่ได้ถนัดตามใจเรา เพราะบนรถมันสั้นๆๆๆอยู่ตลอดเวลา  สำหรับใครที่เมารถแนะนำให้พกยาแก้เมารถ และยาดมมาด้วยนะค่ะ  มันน่าจะช่วยชีวิตคุณได้เลย


“ทางระหว่างพักรถ”

         บอกเลยว่าพักรถทีนึงนี่ยังกับสวรรค์  อยากจะรีบกระโดดออกข้างนอกเพื่อไปหามุมดีๆถ่ายรูป สูดอากาศเข้าให้เต็มปอด  วิวระหว่างทางนี่ไม่มีตรงไหนไม่สวยเลย มองไปทางไหนก็ตื่นเต้นไปซะหมด
     สำหรับการเดินทางไปมันค่อนข้างไกล จึงหยุดพักนอนระหว่างทาง 1 คืน  จำชื่อ ม.บ้านไม่ได้ ไม่แน่ใจว่า  Rothang รึป่าว  แต่เป็น ม.บ้าน  ที่โครตสวยเลย  แล้วเป็นฟิวส์แบบนอนในเต็นท์ด้วย ตื่นเต้นๆ  รถมาถึงที่นี่ประมาณสี่โมงเย็น หลังจากลงจากรถ  ก็เดินๆๆ สำรวจแบบจริงจังอยู่คนเดียว  ตอนเดินคิดในใจว่า ขอให้เจอคนไทยสักคนด้วยเถอะ  แต่ก็ไม่มีคนไทยสักคนยันจบทริปนี้


"หมู่บ้านรtหว่างทางไป Leh ladakh"

      แอบอิจฉาคน ม.บ้าน นี้  คงจะรู้สึกดีมาก ที่ตื่นมาแล้วเห็นภาพบรรยากาศแบบนี้ทุกวัน  จิบชานมร้อนๆอากาศเย็นๆ  เป็น ม.บ้าน  ที่น่าอยู่เลยล่ะ  ไม่ใหญ่มาก มีโรงแรม ร้านค้า  มีแปลงผัก  แปลงดอกไม้น่ารักๆ  โหววว  ถ้ามากับแฟนนะ เราว่า…..โครตโรแมนติกเลย
     ได้เวลาเดินทางกันต่อ (ต้องไปอยู่บนรถอีกแล้วหรอว่ะ เฮ้ออ!!) พี่แก มาปลุกตั้งแต่ตีสี่  โอววว  เช้าไปป่ะ กับการต้องทรมานนั้งรถ แต่ก็ต้องทนเพื่อ เมือง Leh Ladakh  ของเรา


"ภาพบรรยากาศระหว่างทาง  และเพื่อนร่วมทาง"

     ทั้งรถมีกันอยู่น้อยมาก  ไม่ถึง  20 คน เป็นชาวต่างชาติ และคนอินเดีย  ไม่มีใรหน้าตาแอเชียๆบ้านๆ แบบเราเลย คือหน้าแปลกสุดแล้ว มีแต่คนมาถามว่ามาจากไหน  แต่คนบนรถน่ารักทุกคนเลย  ถ้ามีโอกาสน่าจะได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้  แต่ก็อย่างว่า แต่ละคนก็มีเป่าหมายที่ต่างกัน พอถึงเวลาก็ต้องจากกันอยู่ดี  จริงๆแล้วสำหรับเป่าหมายก็สำคัญนะ  แต่เราชอบบรรยากาศ และอะไรที่มาพร้อมกับการไม่ได้เตรียมใจระหว่างทางมากกว่า มันตื่นเต้นดี


"เมือง  Leh Ladakh"

      โอ้ยๆๆ ถึงซะที มาเริ่มกันที่ภาพเมืองก่อนเลย ยั้วน้ำลาย  จริงๆแล้วเรานั้งรถมาถึงดึกมาก  ก็ตั้งแต่ตีสี่ ถึงประมาณสามสี่ทุ่มอ่ะ  คิดดูละกันว่าสภาพจะเป็นยังไง  สำหรับโรงแรมที่พักที่เมืองนี้คือ  SKYLAND  HOTEL  ตอนนั้นมันดึกมากแล้วและอยากนอนเต็มที เราบอกคนขับตุ๊กๆให้พาไปโรงแรมไหนก็ได้ถูกๆ ไปโลดดดด  พี่แกก็พามาที่นี้  ราคาต่อคืน / 600 รูปี คะ ถือว่าใช้ได้ๆ ไม่แพงมาก กำลังดี  ที่จริงมีถูกมากกว่านี่นะ เราไปสำรวจมา  แต่ที่นี่มันก็ดี และมีน้ำอุ่นด้วย สำหรับราคานี้เราก็โอเคกับมัน
      มาๆๆตื่นๆไปสำรวจเมืองกันดีกว่า เดินออกมาข้างนอกเมือง มองเห็นอะไร ก็ไปที่นั้นก่อนเลย ดันมองไปเห็นวัดบนภูเขา และตั้งปณิธานว่าต้องไปข้างบนให้ได้  ป่ะไปกันเลย


“Shanti Stupa”

-Shanti  Stupa
  แค่เห็นบันไดก็เมื่อยแล้ว  ที่จริงมันมีทางสำหรับรถขึ้นนะ  แต่ไม่ๆ เราแข็งแรงมาก (หรา) แทบตาย  เดินน่ะมันได้ฟิวส์กว่านะเว้ยเชื่อเถอะๆ   มาถึงที่นี่แล้วต้องมา Shati Stupa เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เป็นวัดแบบทิเบต  ซึ่งตอนเข้าไปไหว้พระข้างในก็ไหว้ซะไทยเลย ไหว้แบบเบญจางคประดิษฐ์พอหันไปข้างๆเจอสเต็ปการไหว้ของคนทิเบต  งงเลย  ซับซ้อบบ้า ชอบๆ สำหรับที่นี่ก็ขอจบด้วยภาพสวยๆละกันคะ


"White Stupa"


"ภาพบรรยากาศจากข้างบนระหว่างลงมา"

-Namgyal  Tsemo Castle And Avalokitesvara Temple
      ไปต่อกันอีกวัดเลย ไปกันให้ครบทุกวัด สำหรับที่นี่ เป็นวัดเดียวกัน แต่ต้องแบ่งเป็นสองวันนะ เดินไม่ไหวจริงๆมันสูงเกินไป ไปแค่วันละที่ก็จะตายแล้วขาลาก


"Namgyal  Tsemo Castle"

       สำหรับที่นี่ข้างในก็จะเป็นห้องลับๆเยอะๆ มืดๆ  ค่อนข้างน่ากลัวอยู่นะ แนะนำให้พกไฟฉายมาด้วย  ข้างในจะมีแกลเลอรีเล็กๆอยู่  และหลังจากที่เยี่ยมชมที่นี่เส็จแล้ว  แนะนำให้ไปวัดข้างหลังบนรูปภาพข้างบนด้วย  มันเหนื่อยมากตอนเดินขึ้น  แต่อยากบอกว่าคุ้มค่ามากจริงๆพอได้ขึ้นไปถึงแล้ว  เห็นเมืองทั้งเมืองสวยเกินกว่าจะบรรยายได้  คุ้มแล้วที่พาตัวเองมาได้ไกลขนานนี้  สำหรับการเพ้นมือในรูปข้างบนนั้น เขาเรียกกันว่า  Mandy  เราก็ไม่รู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาหรอกแต่เห็นเขาเพ้นกันตั้งแต่เด็กๆเลย  เฉพาะผู้หญิงนะ  เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติและเรามาก  มันสามารถอยู่ได้ประมาณสองอาทิตย์  แล้วมันก็จะจางหายไปเอง


"Avalokitesvara Temple"

มันคุ้มค่ากับการเดินมากจริงๆ  ไม่อยากอธิบายอะไรมากสำหรับที่นี่  ให้รูปอธิบายดีกว่า





      สำหรับเมือง Leh Ladakh  ก็ขอจบเท่านี้คะ ไม่อยากอธิบายอะไรมาก  อยากให้มาสัมผัสกันด้วยตัวเองดีกว่า ถ้ามีเวลา และยังไม่มีแผนว่าจะไปที่ไหนก็ลองมาเมืองนี้กันได้คะ  เดี่ยวมีต่ออีกเมืองนึงนะคะ เป็นเมืองสุดท้ายของทริปนี้แล้ว เมือง Sri nagar คะ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องแม่น้ำและเรือมาก
เดี่ยวมาต่อนะคะ ดอกไม้   ขอบพระคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากคะ อมยิ้ม13
ชื่อสินค้า:   Leh, Ladakh อินเดีย,Sri nagar
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่