เฟซบุ๊ค ความรัก การรอคอย

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่น้องชาวพันทิปทุกท่าน
ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเสาร์ครับ ตอนนี้อายุ 21 ปีครับ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงครับ เกี่ยวกับความรู้สึกบางอย่างที่ผมมี และมันยากต่อการอธิบาย แต่ผมจะอธิบายให้ดีที่สุดนะครับ

เรื่องมันเกิดขึ้นวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 แต่ก่อนหน้านั้นประมาณเดือนกันยา - ตุลา ปี 2554 ผมเพื่อนโดนแฟนบอกเลิก และมันคือจุดเริ่มต้นเรื่องนี้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า คืนนั้นผมกำลังเล่นเฟซบุ๊ค และมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊คของผม จะพูดตรงๆ เขาก็ไม่สวยหรอกนะครับ แต่เขาเป็นคนน่ารักครับ
ก่อนหน้านั้นผมก็ชอบเข้าไปส่องดูเฟซเขาทุกวัน และสาเหตุที่ผมชอบไปส่องเฟซเขา คือลักษณะโครงหน้าของเขามันช่างคล้ายคลึงกับแฟนเก่าผมมาก
และในคืนนั้นเอง ผมตัดสินใจโพสต์บนหน้าวอลล์เขา (เอ้อ เขาชื่อดรีมครับ) ประโยคที่ผมโพสต์ก็เป็นพวกสวัสดีครับ ทั่วไปครับ
เราเม้นต์คุยกันได้ประมาณสัก 4-5 บรรทัด ผมก็คอมเม้นต์ไปว่า "ฮิฮิ. เอ่อ. มีอะไรจะบอกนิดหน่อย รับอ่านมั๊ยฮ๊าฟ??"
ดรีมเม้นต์กลับมาว่า "ได้จ้า ตามใจจ้า แต่ถ้ารับไม่ได้ขอลบโพสนะคะ ^^ แหะๆ" ซึ่งผมก็บรรเลงคอมเม้นต์ถัดไปอย่างจัดเต็ม ผมเม้นต์ไปว่า
"ลบโพสลบเพื่อนเลยก็ได้นะ... คือเพื่อนเคยบอกว่าถ้าคนเราคิดจะชอบใครอย่าลังเลที่จะเข้าไปจีบ เพราะ'เสียหน้าที่คุยได้ไม่ดีหรืออีกฝ่ายไม่สน ดีกว่า'เสียดายที่ไม่ได้ลงมือ... เอ่อ. ผมเลือกที่จะคุยกับใครสักคนที่ไม่รู้จักตัวตนจริงๆ โดยคาดคะเนนิสัยจากการถ่ายรูป เสื้อผ้า มุมกล้อง และผมก็ว่าผมคงชอบดรีม ไม่รู้สินะจะคิดยังไง แต่ผมก็แอบๆมาส่องบ่อย @_@ ก็อยากจะขอเข้ามาเจาะแจ๊ะนิดหน่อยนะฮ่ะ สัญญาว่าจะไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย..
เอ้อ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ รู้สึกโล่งที่ได้เอามันออกมา อ่านเสร็จลบเลยก็ได้นะครับ อาย"
นั่นคือประโยคเช็ตใหญ่ที่ผมจัดเต็มไปให้ดรีม แต่ท่าทีของดรีมก็ไม่ได้อะไรกับผมนะครับ ดรีมก็ยังคุยกับผมปกติ ผมเริ่มจีบดรีมโดยการโพสต์หน้าวอลล์ทุกเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ว่า "Good Morning, Good Afternoon, Good Eveing และ Good Night" (ดรีมกับผมเรียนมาในสาขาเดียวกันแต่คนละสถาบันคือ ภาษาต่างประเทศ)
เอ๊อ. ลืมไปนิดครับ คือผมกับดรีม เราอายุต่างกันไม่มาก ดรีมเกิดกรกฎาปี 35 แต่ผมเกิดมีนา 36 ซึ่งตามวัยวุฒิผมเทียบเท่าดรีมครับ แต่ตอนนั้น ดรีมเป็นรุ่นพี่ผม เพราะผมยังดักดานเรียนอยู่ปวช.2 ส่วนดรีมก็เป็นเฟรซชี่อยู่ปี 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านสาทร

ความสัมพันธ์เราเริ่มดูดีขึ้นครับ ผมพัฒนาจากการคุยเฟซ แชทเฟซ มาเป็นไลน์, ig
ผมใช้มุกที่จะขอเบอร์ดรีมโดยบอกดรีมว่า อยากคุย Whatsapp จัง แต่ผมก็มีเบอร์ดรีมอยู่แล้วล่ะครับ เพราะดรีมเปิดสาธารณะไว้ตรง About บนเฟซ
แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ปุ๊ปปั๊ปโทรไปนะครับ ผมแค่เมมไว้ และถามขอดรีมไปตรงๆ ซึ่งดรีมบอกว่าจะให้วันละตัว
แต่ผมก็บอกไปตรงๆ แหละครับ ว่าผมมีแล้ว เพราะดรีมเปิดสาธารณะไว้ และให้ดรีมปิดเถอะ โรคจิตมันเยอะ
จากนั้นเราก็เริ่มมีการโทรคุยกันบ้างปะปราย ครั้งแรกที่ผมโทรไป ดรีมไม่รับสายครับ แต่ดรีมก็โทรกลับมา (โคตรดีใจ) เราคุยกันได้สักพักใหญ่เลยวันนั้น
ต่อมาผมก็ขอสไกป์ดรีม เราก็คุยแบบเห็นหน้ากัน ผมรู้สึกดีกับดรีมมากครับตอนนั้น

มาถึงวันที่เรานัดเจอกัน... ผมกับดรีมเจอกันครั้งแรกที่ร้าน B2S สาขา Fashion Island
แว๊บแรกที่สบตากัน ผมโคตรจะเขินเลยครับ แต่เราทั้งสองคนทำตัวเหมือนรู้จักกันมานาน ดรีมเจอผมครั้งแรกก็เอาหนังสือมาให้ผมถือให้เลย
เราก็เดินเล่นกันสักพักครับ และเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านครับ
ครั้งต่อมาเราไปดูหนังกันครับ จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร จำได้แต่ดูที่ Major สาขา Fashion Island ดังเดิม
ดรีมยืมโทรศัพท์ผมเล่นและเซลฟี่ โดยเหมือนแอบให้ถ่ายติดผม (ตอนนี้รูปนั้นหายไปแล้วครับ เสียดายมากๆครับ)
ครั้งต่อมาก็.. ที่เดิมครับ Fashion Island ดรีมชวนผมมาเลือกซื้อของขวัญเพื่อไปจับฉลาก
เราเจอกันไม่บ่อยครับ แต่มีอยู่ช่วงนึงที่เวลาผมเลิกเรียนจากวิทยาลัยแถวซาฟารีเวิร์ล ผมก็จะนั่งรถตู้ไปรอดรีมทีหมอชิต เพราะดรีมจะกลับ BTS ลงหมอชิต
เรานั่งใต้ดินไปกินข้าว ติวหนังสือกันต่อที่ Food Zone ชั้นใต้ดินของยูเนียนมอลล์ครับ วันนั้นผมมีความสุขดี และเริ่มคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแล้วสิ
เขามีความพิเศษและสำคัญกับผมมากขึ้นทุกวัน
ดรีมมักจะไปกลับกรุงเทพ-อุดร บ่อยๆ และวันหนึ่งดรีมโทรมาหาผมด้วยน้ำเสียงที่สะอื้น เพราะว่าสุนัขที่ดรีมเลี้ยงไว้ที่บ้านกรุงเทพตายเสียแล้ว
ดรีมมีความผูกพันกับตัวนั้นมาก เสียงสะอื้นของดรีมทำให้ผมใจคอไม่ดีเอาซะเลย ก็ไม่รู้จะปลอบยังไงครับ ได้แต่ยินดีรับฟังปัญหาและปลอบนิดหน่อย

ความสัมพันธ์ของเราสองคนเริ่มมีท่าทีที่ดีเอามากๆ ดรีมโทรหาผมทุกวัน ผมโทรหาดรีมทุกวัน ผมยอมย้ายค่ายโทรศัพท์มาใช้เหมือนดรีมและเปลี่ยนเบอร์ ทำเป็นเบอร์คู่กันเลยครับ
วันหนึ่งผมเอ่ยปากที่จะชวนดรีมไปเที่ยวที่ดรีมเวิร์ลกันในวันที่ 7 มกราคม 2555
ผมบอกกับดรีมว่าผมอยากไปเที่ยว และพอถึงวันนั้นผมมีอะไรจะให้ดรีมด้วย และดรีมก็บอกว่าดรีมก็มีอะไรจะให้เหมือนกัน
แต่ประมาณ 10 วัน ก่อนจะถึงวันไปดรีมเวิร์ล ผมก็เช็คดูพื้นที่ ค่าบัตรอะไรพวกนี้แหละครับ ทว่า.. วันที่ 7 ดรีมเวิร์ลยังไม่เปิดบริการครับ เพราะน้ำท่วมอยู่
แต่ทว่า... จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในวันขึ้นปีใหม่เลยครับ
คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554 นั้น ผมไปเค้าดาวน์ที่บ้านเพื่อนครับ ผมปูเสื่อนอนมองดูท้องฟ้าด้วยอารมณ์เหม่อลอย และเหงามาก
หน้าของแฟนเก่าของผมมันแว๊บเข้ามาบนท้องฟ้าเลยครับ เสียดายที่ไม่ได้อยู่เค้าดาวน์ด้วยกัน
ผมหยิบโทรศัพท์มาแล้วกดส่งข้อความ Happy New Year ถึงแฟนเก่าและดรีมไปพร้อมๆ กัน
ผ่านมา 2 วัน ผมก็ไปสังสรรค์อยู่บ้านเพื่อนเช่นเดิมครับ ด้วยอารมณ์ที่เมาและปากไว ใจร้อน ผมเดินออกมาจากวงเหล้าที่กำลังดิ่มกันอยู่
เอาโทรศัพท์กดโทรไปหาแฟนเก่า และขอโอกาสให้ผมพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง.. ความรู้สึกตอนนั้น ผมเริ่มสับสนกับตัวเองมากๆ แล้วครับ
หลังจากคุยกับแฟนเก่าเสร็จ ผมก็กดโทรไปหาดรีมต่อ โทรไปเล่าให้ดรีมฟังว่าผมคุยกับแฟนเก่า (ผมนี่มันเขลาจริงๆ)
ผมบอกดรีมว่า ผมกับแฟนเก่าจะไปเที่ยวกันในวันที่ 7 (T_T ดรีมคงคิดว่าแทนที่จะไปกับดรีมแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไปกับแฟนเก่าอีก)
ผมมีเหตุผลที่พูดไปนะครับ ไม่ใช่ว่าแค่เมา เพราะผมไม่อยากโกหกดรีม ผมไม่อยากมีความลับกับดรีม เพราะผมเองก็เป็นคนตรงไปตรงมามากพอ
หลังจากนั้นครับ....
ดรีมเริ่มมองผมเปลี่ยนไป (มันส่งสัญญาณว่าผมจะไม่ได้เจอดรีมอีก Fashion Island คือสถานที่ล่าสุด)
คืนที่ 6 ก่อนจะไปเที่ยวกับแฟนเก่า ผมโทรไปร้องไห้ให้ดรีมฟัง ด้วยความอึดอัดใจ และด้วยความสับสนกับสิ่งที่ผมพูดออกไป ทำลงไป
คืนนั้นผมแทบไม่ได้พูดอะไรมากครับ ร้องไห้อย่างเดียว ว่าทำไม ทำไม และทำไม? และดรีมเหมือนจะปลอบผมว่า "เค้าก็ไม่ได้ไปไหนนี่ เราเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ" ... แต่ความรู้สึกของผมมันเกินเพื่อนไปแล้วครับ ผมไม่สามารถเป็นเพื่อนกับดรีมได้จริงๆ คำพูดของดรีมคืนนั้นน้ำเสียงปกติ แต่ผมสัมผัสได้ว่า ความรู้สึกของดรีม มันไม่ใช่ !
ด้วยความไม่อยากเสียดรีมไป ผมก็ตอบรับตกลงว่าผมเป็นเพื่อนดรีมนะ และถ้ามีวันนึงผมจะขอกลับไปจีบดรีมอีกได้มั้ย แต่ดรีมไม่ได้ให้คำตอบอะไรผมมา
ถึงวันที่ผมไปเที่ยวกับแฟนเก่า มันดูเหมือนจะมีความสุขนะครับ แต่ป่าวเลย วันนั้นทั้งวันผมอยู่กับแฟนเก่าก็จริง แต่ในใจผมมีแต่ดรีม ดรีม ดรีม และก็ดรีม
ผมกับแฟนเก่า เรากลับมาคบกันอีกครั้งครับ แต่รอบนี้เราคบกันได้แค่ 7 วัน และทุกวันนี้ผมยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมเขาต้องขอเลิกกับผมทั้งสองรอบ ?
ช่างเถอะครับ!! .. หลังจากผมเลิกกับแฟนเก่า แน่นอนครับ ว่าผมพยายามกลับไปบนถนนเส้นเดิม เส้นที่ผมและดรีมเคยวาดไว้ร่วมกัน
ผมถามดรีมว่า "ถ้าวันนั้นเราไปด้วยกันจริงๆ ดรีมมีอะไรจะให้ผมหรอ" คำตอบของดรีมวันนั้นมันทำให้ผมแทบคลั่งและคำพูดนั้นมันยังดังชัดเจนอยู่ในใจผมมาถึงทุกวันนี้คือดรีมบอกว่า "เราจะเป็นแฟนด้วย" เท่านั้นแหละครับ!! น้ำตาผมไหลออกมาเลย
ผมพยายามทุกวิถีทางเพื่อดึงดรีมกลับมา (ผมไม่เคยทะเลาะกับดรีมเลย เราสองคนไปกันได้ด้วยดีด้วยซ้ำไปนะครับ)
แต่ดรีมก็ยังมีท่าทีที่ไม่เชิงต่อต้านผม แต่ดรีมก็ไม่เลือกผมแล้วเช่นกัน ผมถึงกับจนปัญญาเลยครับ
ผมพยายามตื้อดรีมมาประมาณ 3-4 เดือน... แน่นอนครับว่าต้องมีท้อกันบ้าง เพราะท่าทีของดรีมนั้น มันช่างดูเย็นชากับผมเหลือเกินครับ นี่ผมจะไม่มีสิทธิ์แล้วใช่มั้ย ? เศร้า
จนในที่สุดผมกับดรีมก็เริ่มกลายเป็นควันล่องลอยไปตามอากาศ คำว่า"เรา" มันเริ่มจางหายไปกับกาลเวลา แต่สำหรับผม ดรีมยังชัดเจนอยู่มาถึงทุกวันนี้

ผมถามตัวเองมาตลอดว่า ผมรู้สึกยังไงกับดรีม ? มันเรียกว่าความรักได้มั้ย ? แต่เราไม่ได้ผูกพันอะไรกันขนาดนั้นนะ !
เวลาผ่านมาเป็นปีเลยครับ แต่ก็มีบ้างที่ดรีมทักแชทมาถามสารทุกข์สุขดิบ ตามประสาเพื่อน!
ผมก็ฟอร์มปรึกษาดรีมเรื่องเรียนต่อมาตลอด ถามโน้นถามนี่เกี่ยวกับการเรียนมาตลอด แต่ใจจริงแล้วผมแค่อยากคุยกับดรีมครับไม่ใช่ไรหรอก
จนกระทั่งผมเรียนจบปวช.3 ผมสอบติดในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านดุสิต(ที่เพิ่งจะมีข่าวรับน้องโหดไปไม่มีสัปดาห์ก่อน) ซึ่งดรีมรับรู้ว่าผมติดที่นี่
หลังจากผมสอบติดใหม่ๆ ก็จะมีประเพณีรับน้องของมหาวิทยาลัย และคืนวันรับน้องวันสุดท้าย ผมซ้อนมอไซค์เพื่อนกำลังไปตัดกางเกงนักศึกษาที่ร้านย่านกล้วยน้ำไท วันนั้นตอนนั้นก็ประมาณทุ่มครึ่งครับ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นเบอร์แปลก ผมรับสายแต่ยังคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเสียงลมมันตีเข้า
จนผมจับใจความคำนึงที่คนในสายนั้นพูดว่า "เสาร์ปะค่ะ" ผมตอบว่า"ใช่ครับ นี่ใครครับ?" คนในสายพูดว่า "ดรีมเอง นี่ดรีมเอง ดรีมไง"
ผมก็เอะ! "ดรีมไหน ?" ผมดูเบอร์.... อ๋ออออออออออ "ดรีม!!!!" น้ำเสียงผมเปลี่ยนเลยครับ เมื่อรู้ว่าเป็นดรีม เบอร์ดรีม ดรีมคนที่ผมรู้สึกดีด้วยมากๆ
(ตอนนั้นไม่ได้ใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าแล้วครับ ประกอบกับจำเบอร์ดรีมไม่ได้ จึงไม่มีเบอร์ดรีมครับ แต่มาทุกวันนี้เบอร์ดรีม ผมจำได้แม่นกว่าเบอร์ตัวเองอีก)
ผมบอกดรีมว่าเดี๋ยวผมโทรกลับนะ (ทั้งๆ ที่ตังไม่โทรศัพท์ไม่มี และกำลังรีบไปตัดกางเกง ผมนี่รีบไปเซเว่นก่อนเลยครับ)
เมื่อผมโทรกลับไปหาดรีม เราคุยกันได้ประมาณ 20 นาทีครับ ดรีมแค่โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเกี่ยวกับการเรียนของผมเท่านั้นเอง เท่านั้นผมก็ดีใจแล้ว
และนั่นเป็นครั้งล่าสุด(สุดท้าย)ที่ผมได้ยินเสียงดรีม

หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาจีบดรีมครับ ผมรู้ได้ไงน่ะหรอ? ก็ผมส่องเฟซดรีมทุกวัน ผมเห็นผู้ชายคนนึงเข้ามาเจาะแจ๊ะกับดรีมทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น
มันช่างดูเหมือนผมกับดรีมในช่วงแรกๆ ที่เราเจอกันใหม่ๆ เลยจริงๆ นะครับ
จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นก็ได้ใจดรีมที่ผมว่าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดไปครอง เขาเป็นแฟนกันในวันที่ 25 ธันวาคม 2556 ทุกวันนี้เขาก็ยังรักกันดีอยู่
ช่วงแรกๆ ที่เห็นผู้ชายคนนั้นมาเจาะแจ๊ะกับดรีม ผมรู้สึกไม่ดีเลย ผมโมโหทุกครั้งที่เห็นเขาเจาะแจ๊ะกับดรีม แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะผมกับดรีม เรามีสถานะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น (ผมคือเพื่อนดรีม แต่ดรีมไม่ใช่เพื่อนผม)
มีอยู่วันหนึ่ง ผมเห็นดรีมกับแฟนเขาอัพรูปคู่ รอยยิ้มของดรีมในรูปมันช่างดูมีความสุข ผมได้เห็นรูปน้ำอยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาและผมก็ยิ้มได้เอง โดยไม่ต้องฝืน มันไหลเอง ยิ้มเองจริงๆ
ซึ่งวันนั้นเอง เป็นวันที่ผมได้คำตอบแล้วว่า "ผมโคตรรักดรีมเลย" ผมเห็นดรีมมีความสุข ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ด้วยใจจริง

ทุกวันนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ที่ดรีมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม ได้เปลี่ยนความคิดครั้งใหญ่ของผม
ผมยอมรับว่าผมรอดรีมมาตลอดโดยที่ผ่านมา ผมไม่มีแฟน ไม่จีบใครจริงจัง เพราะผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่ผมจะไปจีบใคร ผมก็ทำไม่ลง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
เหมือนกับดรีมเป็นเงาตามตัวผมมาตลอด ผมไม่กล้าจีบใครจริงๆ ผมยังรู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นออกไป
ผมไม่รู้ว่าแฟนดรีมจะรักดรีมมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่เชื่อว่าเขาคนนั้นจะรักดรีมมากกว่าผม ผมไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ....

ผมควรรอต่อไปดีมั้ยครับ ?
ผมไม่ได้จมปลักกับอดีตขนาดนั้นนะ เอ๊ะ! หรือ........ ไม่รู้สิ...

ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
(เมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร มันยังคงรักมากเท่านั้น แต่ชีวิตมันต้องเป็นไป... ♪♫)

คิดถึงดรีมนะ..
เสาร์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่