สวัสดีครับ
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1168-1169 ประจำวันที่ 17,24 ตุลาคม 2557

“ม็อคค่าปาท่องโก๋” สัปดาห์นี้ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สองนักแสดงนำ ของหนังผีไทยเรื่องใหม่ The Eyes Diary “คนเห็นผี” ภายใต้การกำกับของมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นั่นก็คือ “ปั้นจั่น” ปรมะ อิ่มอโนทัย และ “โฟกัส จิระกุล”
Mr. Coffee : The Eyes Diary มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนัง The Eye ของแดนนี่ และ ออกไซด์ แปง?
ปั้นจั่น : ผมอย่าไปเทียบกันดีกว่าครับ เพราะเป็นแค่เรื่องเกี่ยวกับการมองเห็นเหมือนกัน เลยใช้ชื่อว่า The Eyes
โฟกัส : อันที่จริงก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้นเลยนะคะ ก็เป็นคนละเรื่องกัน
ปั้นจั่น : ที่จริงผมว่าหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังผีที่มีในตลาดในตอนนี้ อย่างแรกเลยคือหนังผีไทยส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันส่วนใหญ่จะเป็นหนังผีแบบ “ตุ้งแช่” ส่วนหนังผีที่มีที่มาที่ไป หรือมีน้ำหนักที่ส่งให้เรื่องการเจอผีดูสมเหตุสมผลมันไม่ค่อยมี สำหรับเรื่องนี้จะไม่ใช่อย่างนั้น จะมีที่มาที่ไปตลอด จะมีการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นทางเฉพาะของพี่มะเดี่ยว
Mr. Coffee : อยากให้พูดถึงตัวละคร “น็อต” และ “ปลา” ที่พวกคุณเล่น มันมีความคล้ายคลึงกับตัวจริงของแต่ละคนหรือไม่
โฟกัส : ปลาก็เป็นเหมือนผู้หญิงวัยรุ่นทั่วไป ที่เวลามีแฟนก็รักแฟนมาก หวง เป็นคนจำและใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวของความรักทุกๆ อย่าง หลักๆ เป็นแบบนั้น
ปั้นจั่น : สำหรับตัวน็อตเอง ก็เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีความรักในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นคนร่าเริงปกติ แต่ค่อนข้างจะเป็นคนที่การแสดงออกไม่ตรงกับใจ คือใจรัก แต่อาจจะแสดงผิดวิธี จึงทำให้เกิดปัญหากับแฟนเราบ่อยครั้ง จนวันหนึ่ง ปลาเสียชีวิตไป น็อตก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเราทะเลาะกัน แล้วเขาก็เสียชีวิตเลย ดังนั้นน็อตก็จะยึดติดกับปมตรงนั้น และไม่ยอมไปไหนสักที ยังวนเวียนคิดอยู่แต่เรื่องของการตายของปลา ถึงแม้จะได้คำตอบทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังติดอยู่อย่างนั้น
โฟกัส : ในเรื่องปลาจะไม่ใช่ผีน่ากลัว จะคอยอยู่ข้างๆ รอบๆ ตัวน็อตตลอดเวลา
Mr. Coffee : การเล่นหนังผี ยากหรือง่าย กว่าหนังแนวอื่น แล้วระหว่างเล่นเป็นคนหนีผี กับเป็นผี อย่างไหนยากง่ายกว่ากัน
ปั้นจั่น : สำหรับผมแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังผีเรื่องแรกของผม และเป็นหนังเรื่องที่ 2 เท่านั้น ชั่วโมงบินในการเล่นหนังของผมก็น้อยมากเมื่อเทียบกับโฟกัส และอีกหลายๆ คน ซึ่งเขาผ่านชั่วโมงบินกันมาเยอะมาก และได้เล่นหนังหลากหลายสไตล์ หนังผีเรื่องนี้สำหรับผมแล้ว ความยากของมันคือเรื่องของจินตนาการ เพราะว่าตัวผมเองไม่เคยเจอผี ไม่มีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวกับผี เป็นคนกลัวผีแต่ไม่เคยมีประสบการณ์เฉียดผีใดๆ ดังนั้น การจินตนาการว่าเวลาเจอผี Reaction จะเป็นอย่างไร จึงยากประมาณหนึ่งเลย ผมก็ตีความไว้หลายแบบว่า คนเจออาจจะตกใจ กลัว ช็อก หรืออาจจะไม่กลัวก็ได้ ซึ่งที่จริงตีความแบบไหนมันก็ไม่ผิด แต่เราก็ตีความตาม Character ของน็อตและตามสถานการณ์ ณ ตอนนั้นที่เป็นอยู่ แต่ด้วย Character ของน็อตอาจจะไม่ได้กลัวการเจอผีมากนัก เพราะมีความต้องการจะเจอปลาอยู่แล้ว เลยดูเหมือนว่า ความอยากเจอปลา ไปกลบความกลัวตรงนั้น
โฟกัส : ที่จริง ทุกครั้งที่ได้เล่นหนัง จะรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกเสมอ เราไม่ได้ไปเล่นหนังต่อเนื่องเยอะๆ ก็จะรู้สึกว่าต้องปรับตัวทุกๆครั้ง กับหนังผี จะมีปัญหาอย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่ไม่ได้กลัวผี และไม่เคยเจอผีด้วย ตั้งแต่ตอนเล่น “ตี 3 คืน 2 3D” แล้วค่ะ กลัวผีไม่ได้ จริงๆ ไม่เคยเจอแล้วจะกลัวยังไง ตอน “ตี 3 คืน 2 3D” เขาให้ใช้วิธีเหมือนกลัวอะไรสักอย่างที่เราเกลียด แต่จริงๆ มันก็ไม่เหมือนกลัวผี แต่พอมาในเรื่องนี้ พี่มะเดี่ยวเขาสอนให้กลัวผีค่ะ พี่มะเดี่ยวสอนหนุได้ค่ะ ดีค่ะ สนุกดี
ปั้นจั่น : ถ้าให้เล่า มันมีอยู่ฉากหนึ่งที่เรานั่งล้อมวงกันอยู่แล้วจะมีตัวละครของ จอห์น ซึ่งเป็นเพื่อนของ น็อต เข้ามากลาง ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ผีหรอก แต่กำลังเล่าเรื่องผีกันอยู่ พอจอห์นเข้ามาทัก ผมก็จะต้องหันไปตกใจ ซึ่งผมว่าน่าจะใกล้เคียงกับการเจอผีเหมือนกัน เพราะเรากำลังเล่าเรื่องผีกันอยู่ ซึ่งผมก็จะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีจอห์นเดินเข้ามา แล้วผมก็จะต้องตกใจ ซึ่งผมก็แสดงว่าตกใจ แต่มันดูไม่จริง จนกระทั่งพี่มะเดี่ยวเขาไม่บอกแล้วให้ผมหลับตา ก็สั่ง Action แล้วก็ไปเอาทีมงานคนหนึ่งมายืนแทนน้องแจ๊ค (ที่รับบทเห็นจอห์น) เราก็เลย Surprise ว่า ใครวะ ตกใจ แล้วมันก็เลยดูสดและสมจริง
Mr. Coffee : แล้วการที่โฟกัสเป็นคนไม่กลัวผี แต่ปั้นจั่นเป็นคนกลัวผี มีผลยังไง
โฟกัส : พี่ปั้นจั่นกลัวผีมากค่ะ ที่จริงไม่ต้องแสดงก็ได้ (หัวเราะ) แค่เดินไป “แฮ่” แบบนี้ก็กลัวแล้ว
ปั้นจั่น : แปลกกว่านั้นตรงที่ในเรื่องโฟกัสจะกลัวผีเหมือนกัน แต่ของผมกลับไม่กลัว อยากเจอด้วยซ้ำ แต่ผมว่าที่จริง น็อตก็กลัวผีเหมือนกัน แต่ความอยากเจอมันมีมากกว่า
Mr. Coffee : ถามโฟกัสว่า ระหว่างการเล่นเป็นคนวิ่งหนีผี กับการเล่นเป็นผี อย่างไหนยากง่ายกว่ากัน
โฟกัส : หนูว่าการเล่นเป็นผีนะคะ เพราะไม่เคยมีใครเป็นผีมาก่อน ใครจะไปรู้ว่าวิญญาณรู้สึกนึกคิดยังไง การวิ่งหนีผี ก็เหมือนการวิ่งหนีอะไรสักอย่าง น่าจะพอที่จะเอามาเทียบเคียงได้ แต่การเล่นเป็นผีเลยเราไม่รู้เลยว่าจะแสดงออกยังไง แต่พี่มะเดี่ยวเขาตีความให้เหมือนว่าเรายังเป็นคนอยู่ มีความคิด
ปั้นจั่น : ผมว่ายังเป็นผีมือใหม่ เพิ่งตาย จิตก็ยังสับสนอยู่ ยังไม่ชิน
Mr. Coffee : การที่ปั้นจั่นเป็นคนกลัวผี แล้วเมื่อเล่นหนังผี เล่นเป็นผี ทำให้หายกลัวผีหรือไม่
โฟกัส : กลัว กลัวกว่าเดิม เชื่อเรา
ปั้นจั่น : ไม่ๆ ผมกลัวน้อยกว่าเดิม อย่างแรกเลยคือ กลัวที่มืดน้อยลง เพราะเราไปทำงานในสถานที่มืด สถานที่ที่น่ากลัว เหมือนว่าเราได้ไปทำความคุ้นเคย พออยู่หลายๆ วัน
โฟกัส : แล้วตอนนี้ถ้าให้ไปอยู่คนเดียวไปไหม
ปั้นจั่น : ไม่ไป (หัวเราะ) ทำให้เราจัดการกับชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น สามารถอยู่โรงแรมที่น่ากลัวคนเดียวได้
โฟกัส : ไม่จริง ไม่เชื่อหรอก (หัวเราะ)
Mr. Coffee : แล้วโฟกัสล่ะ
ปั้นจั่น : คนนี้ไม่กลัวหรอกครับ ผีต้องกลัวเขามากกว่า (หัวเราะ)
โฟกัส : ตอนเด็กๆ หนูก็มีประสบการณ์เหมือนว่าจะเจอผีนะ แต่ยังเด็กเลยไม่แน่ใจ ก็กลัว แต่พอโตมา ดูหนังผี ฟัง The Shock ทุกวัน ก็เลยชิน แม่หนูชอบดูหนังผี หนูก็ดูไปด้วย
Mr. Coffee : การเล่นบทที่ตัวละครมีความกดดันมากๆ ยากหรือง่าย และมีผลต่อชีวิตจริงๆหรือไม่
ปั้นจั่น : เครียดเหมือนกันครับ มันต้องติดกับตัวละครหนึ่งมากๆ แต่การร่วมงานกับโฟกัส เข้ากันได้ง่าย ก็เลยไม่ยาก ส่วนใหญ่เหมือนเป็นการเล่นคนเดียว เพราะเราจะไม่เห็นเขา แต่ไม่ได้มีผลกลับไปที่บ้านนะครับ
โฟกัส : ใช่ค่ะ อยู่ที่สภาพกองถ่ายด้วย กองนี้ไม่เครียด
Mr. Coffee : การทำงานร่วมกับ มะเดี่ยว เป็นอย่างไรบ้าง
โฟกัส : พี่มะเดี่ยวเป็นคนทุ่มเทกับงานมาก พยายามที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด มีครั้งหนึ่งที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยใช้ Facetime มากำกับ
ปั้นจั่น : ตอนแรกผมไม่เชื่อนะว่าจะกำกับผ่าน Facetime ได้ เพราะไม่น่าจะคุมคนทั้งกองได้ แต่พี่มะเดี่ยวทำได้ เขาเหมือนมาอยู่ตรงนั้นจริงๆ และพี่มะเดี่ยวเป็นคนที่อธิบายไม่ยาว แต่เข้าใจได้ทันที
โฟกัส : พี่เขาสอนได้ดีด้วยค่ะ อธิบายให้เข้าใจได้ตลอด
Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับหนังผีหักมุม
โฟกัส : ที่จริงหนังผีบางเรื่องที่ไม่ต้องหักมุม บางเรื่องเรารู้ตอนจบด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ก็ยังน่ากลัวนะ มันอยู่ที่การเล่าเรื่องและองค์ประกอบของหนังมากกว่าที่ทำให้รู้สึกว่าหนังน่ากลัว หนังน่ากลัวไม่จำเป็นต้องจบหักมุมเสมอไป
ปั้นจั่น : ผมคิดเหมือนโฟกัส ตรงที่บางเรื่องเรารู้อยู่แล้วว่าผีในเรื่องนั้นคืออะไร จับต้องได้ แต่เรื่องราวระหว่างตัวละครที่จะเจอผี การเดินทางระหว่างนั้น ถ้ามันสมเหตุผลพอ มี Impact ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตกใจหรือผวาก็ได้ แต่คนดูรู้สึกกดดัน หรือเครียดไปกับมัน อย่าง The Conjuring เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมาก เพราะบีบทุกอารมณ์ บีบทุก Message ที่ให้มา การค้นหา ทำให้เราตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะทั้งเรื่องแทบจะเจอผีน้อยมาก แต่น่ากลัวมาก พอมันมีเรื่องราว ทฤษฎีเข้ามา ยิ่งน่ากลัว คนเขียนบทเขาเก่งมาก
Mr. Coffee : ชอบดูหนังแนวไหน
โฟกัส : เป็นคนชอบดูหนังทุกแนวค่ะ แต่ถ้าเป็นหนัง Drama หนังชีวิต ต้องมีอารมณ์ที่อยากจะดูก่อนถึงจะดูได้ แต่แนวอื่นดูได้ตลอดเวลา หนังที่บ้านเยอะมาก ต้องซื้อหนังทุกอาทิตย์เลย ในโรงก็ดูแทบทุกเรื่อง
ปั้นจั่น : ของผมก็ดูได้ทุกแนวเหมือนกัน แต่แนวที่ชอบก็จะเป็นแฟนตาซี อย่าง Lord of The Ring เหมือนได้ไปอยู่ในโลกจินตนาการ Drama, Romantic ก็ชอบ แต่ Horror ไม่ค่อยได้ดู ไม่ค่อยชอบหนังผี แต่ The Conjuring ผมว่ามันเหมือนหนังสืบสวนมากกว่า ดูแล้วตื่นเต้นดี
โฟกัส : Horror เราชอบมากเลย อย่าง The Conjuring หนูดู 2 รอบเลย หนูดู Sound Track รอบหนึ่ง อีกรอบดูพากย์ไทย เพราะแม่ชอบดูพากย์ไทยมาก แต่หนูชอบดู Sound Track เพราะอยากฟังเสียงนักแสดง แต่เชื่อไหมว่าบางครั้งดูพากย์ไทยสนุกกว่าด้วย แล้วแต่เรื่อง อย่าง Guardian of The Galaxy หนูชอบพากย์ไทยมากกว่า สนุกมาก
ปั้นจั่น : แต่พากย์ไทยบางครั้ง Message ที่หนังสื่อออกมาอาจจะเปลี่ยนก็ได้ อย่างพันธมิตรพากย์ก็ฮา เติมมุกตลกลงไปก็มี แต่ถ้าไม่คิดมากก็ไม่เป็นไร
Mr. Coffee : ช่วยยกตัวอย่างหนังที่ชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศ
โฟกัส : Forrest Gump ดูหลายรอบมากค่ะ อินมากๆ เหมือนไปวิ่งกับเขาด้วย หนังไทยก็ The Letter จดหมายรัก ชอบเพราะว่า ปกติไม่มีหนังไทยเรื่องไหนที่ทำให้หนูร้องไห้ได้ในโรง แต่เรื่องนี้ทำหนูร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเลย
ปั้นจั่น : Silver Linings Playbook มันตลกร้ายดี
Mr. Coffee : หากมีโอกาส อยากเล่นหนังแนวไหน
โฟกัส : อยากเล่น Comedy จ๋าๆ เลย แบบตึ่งโป๊ะ ค่ะ เพราะว่าโฟกัสคิดว่าการเล่น Drama มันยากนะ แต่มันเล่นได้ แต่การจะเล่นตลกให้คนขำ ยากมากเลย สุดๆ การที่ทำให้คนดูอินตามกับการร้องไห้ กับการที่ทำให้คนดูขำ มันคนละอย่างเลย การทำให้คนดูขำ มันยากมากจริงๆ อยากเล่นหนังแนวเรื่องแรกๆ ของพี่ยอร์ช (ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์)
ปั้นจั่น : ผมอยากเล่นหนังที่เป็นชีวประวัติคน เอาประวัติคนคนนั้นมาทำ แล้วเราจะต้องแสดงเป็นคนคนนั้น ในอดีตที่มีอยู่จริง เมืองไทยมีน้อย อย่างหนังแนวนี้ของเมืองนอก เขาจะก๊อปท่าทาง Body Language ตามคนคนนั้นจริงๆ ดังนั้น การทำการบ้าน Research จะต้องสูงมาก ความท้าทายมันเลยเกิด ผมอยากเล่นมากเลยครับ ถ้าอย่างหนังฝรั่งก็เรื่อง Jobs ที่ “แอสตัน คุชเชอร์” แสดง มันเหมือนมาก 100% เลย หรือ The Fighter ที่ “คริสเตียน เบล” เล่น พอดูภาพจริงตอนท้ายเรื่อง ใช่เลย
Mr. Coffee : หนังไทยแนวแบบนี้มีน้อยมาก เช่น “สอ เสถบุตร” ก็เงียบไปแล้ว
ปั้นจั่น : ใช่ครับ เพราะต้องใช้ทั้งเวลาและเงินในการ Research ข้อมูล ค่าตอบแทนก็ต่างกัน ทำให้ฝรั่งเล่นเรื่องเดียวก็อยู่ได้ แต่ของเราชีวิตประจำวันมันมีค่าใช้จ่าย ถ้าต้องใช้เวลาครึ่งปีไปคลุกกับชีวิตแบบนั้น มันก็ไม่ไหว รายได้ไม่มากพอ
Mr. Coffee : อยากร่วมงานกับผู้กำกับคนไหน
โฟกัส : ก่อนหน้านี้หนูอยากร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวมาก เพราะชอบหนังเรื่อง 13 เกมสยอง และหนูได้อ่านการ์ตูนของคุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มาก่อน ในการ์ตูนหนูว่า “อี๋” แล้ว และไม่คิดว่าหนังจะทำได้ แต่ในหนังจริงๆ “อี๋” กว่าอีก
ปั้นจั่น : พี่มะเดี่ยวก็เป็น 1 ในผู้กำกับที่อยากเล่นหนังด้วยเช่นกัน อีกคนหนึ่งก็ พี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ผู้กำกับหนัง นาคปรก แล้วตอนนี้ผมได้ร่วมงานกับพี่ใหม่ในสายละคร ผมเห็นการผสมผสานระหว่างมุมภาพแบบหนังแต่เป็นละคร ผมก็เลยอยากจะมีโอกาสร่วมงานกับพี่ใหม่ในทางหนังบ้าง
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : {สัมภาษณ์ "โฟกัส" "ปั้นจั่น" จาก The Eyes Diary คนเห็นผี}
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1168-1169 ประจำวันที่ 17,24 ตุลาคม 2557
“ม็อคค่าปาท่องโก๋” สัปดาห์นี้ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สองนักแสดงนำ ของหนังผีไทยเรื่องใหม่ The Eyes Diary “คนเห็นผี” ภายใต้การกำกับของมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นั่นก็คือ “ปั้นจั่น” ปรมะ อิ่มอโนทัย และ “โฟกัส จิระกุล”
Mr. Coffee : The Eyes Diary มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนัง The Eye ของแดนนี่ และ ออกไซด์ แปง?
ปั้นจั่น : ผมอย่าไปเทียบกันดีกว่าครับ เพราะเป็นแค่เรื่องเกี่ยวกับการมองเห็นเหมือนกัน เลยใช้ชื่อว่า The Eyes
โฟกัส : อันที่จริงก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้นเลยนะคะ ก็เป็นคนละเรื่องกัน
ปั้นจั่น : ที่จริงผมว่าหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังผีที่มีในตลาดในตอนนี้ อย่างแรกเลยคือหนังผีไทยส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันส่วนใหญ่จะเป็นหนังผีแบบ “ตุ้งแช่” ส่วนหนังผีที่มีที่มาที่ไป หรือมีน้ำหนักที่ส่งให้เรื่องการเจอผีดูสมเหตุสมผลมันไม่ค่อยมี สำหรับเรื่องนี้จะไม่ใช่อย่างนั้น จะมีที่มาที่ไปตลอด จะมีการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นทางเฉพาะของพี่มะเดี่ยว
Mr. Coffee : อยากให้พูดถึงตัวละคร “น็อต” และ “ปลา” ที่พวกคุณเล่น มันมีความคล้ายคลึงกับตัวจริงของแต่ละคนหรือไม่
โฟกัส : ปลาก็เป็นเหมือนผู้หญิงวัยรุ่นทั่วไป ที่เวลามีแฟนก็รักแฟนมาก หวง เป็นคนจำและใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวของความรักทุกๆ อย่าง หลักๆ เป็นแบบนั้น
ปั้นจั่น : สำหรับตัวน็อตเอง ก็เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีความรักในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นคนร่าเริงปกติ แต่ค่อนข้างจะเป็นคนที่การแสดงออกไม่ตรงกับใจ คือใจรัก แต่อาจจะแสดงผิดวิธี จึงทำให้เกิดปัญหากับแฟนเราบ่อยครั้ง จนวันหนึ่ง ปลาเสียชีวิตไป น็อตก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเราทะเลาะกัน แล้วเขาก็เสียชีวิตเลย ดังนั้นน็อตก็จะยึดติดกับปมตรงนั้น และไม่ยอมไปไหนสักที ยังวนเวียนคิดอยู่แต่เรื่องของการตายของปลา ถึงแม้จะได้คำตอบทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังติดอยู่อย่างนั้น
โฟกัส : ในเรื่องปลาจะไม่ใช่ผีน่ากลัว จะคอยอยู่ข้างๆ รอบๆ ตัวน็อตตลอดเวลา
Mr. Coffee : การเล่นหนังผี ยากหรือง่าย กว่าหนังแนวอื่น แล้วระหว่างเล่นเป็นคนหนีผี กับเป็นผี อย่างไหนยากง่ายกว่ากัน
ปั้นจั่น : สำหรับผมแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังผีเรื่องแรกของผม และเป็นหนังเรื่องที่ 2 เท่านั้น ชั่วโมงบินในการเล่นหนังของผมก็น้อยมากเมื่อเทียบกับโฟกัส และอีกหลายๆ คน ซึ่งเขาผ่านชั่วโมงบินกันมาเยอะมาก และได้เล่นหนังหลากหลายสไตล์ หนังผีเรื่องนี้สำหรับผมแล้ว ความยากของมันคือเรื่องของจินตนาการ เพราะว่าตัวผมเองไม่เคยเจอผี ไม่มีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวกับผี เป็นคนกลัวผีแต่ไม่เคยมีประสบการณ์เฉียดผีใดๆ ดังนั้น การจินตนาการว่าเวลาเจอผี Reaction จะเป็นอย่างไร จึงยากประมาณหนึ่งเลย ผมก็ตีความไว้หลายแบบว่า คนเจออาจจะตกใจ กลัว ช็อก หรืออาจจะไม่กลัวก็ได้ ซึ่งที่จริงตีความแบบไหนมันก็ไม่ผิด แต่เราก็ตีความตาม Character ของน็อตและตามสถานการณ์ ณ ตอนนั้นที่เป็นอยู่ แต่ด้วย Character ของน็อตอาจจะไม่ได้กลัวการเจอผีมากนัก เพราะมีความต้องการจะเจอปลาอยู่แล้ว เลยดูเหมือนว่า ความอยากเจอปลา ไปกลบความกลัวตรงนั้น
โฟกัส : ที่จริง ทุกครั้งที่ได้เล่นหนัง จะรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกเสมอ เราไม่ได้ไปเล่นหนังต่อเนื่องเยอะๆ ก็จะรู้สึกว่าต้องปรับตัวทุกๆครั้ง กับหนังผี จะมีปัญหาอย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่ไม่ได้กลัวผี และไม่เคยเจอผีด้วย ตั้งแต่ตอนเล่น “ตี 3 คืน 2 3D” แล้วค่ะ กลัวผีไม่ได้ จริงๆ ไม่เคยเจอแล้วจะกลัวยังไง ตอน “ตี 3 คืน 2 3D” เขาให้ใช้วิธีเหมือนกลัวอะไรสักอย่างที่เราเกลียด แต่จริงๆ มันก็ไม่เหมือนกลัวผี แต่พอมาในเรื่องนี้ พี่มะเดี่ยวเขาสอนให้กลัวผีค่ะ พี่มะเดี่ยวสอนหนุได้ค่ะ ดีค่ะ สนุกดี
ปั้นจั่น : ถ้าให้เล่า มันมีอยู่ฉากหนึ่งที่เรานั่งล้อมวงกันอยู่แล้วจะมีตัวละครของ จอห์น ซึ่งเป็นเพื่อนของ น็อต เข้ามากลาง ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ผีหรอก แต่กำลังเล่าเรื่องผีกันอยู่ พอจอห์นเข้ามาทัก ผมก็จะต้องหันไปตกใจ ซึ่งผมว่าน่าจะใกล้เคียงกับการเจอผีเหมือนกัน เพราะเรากำลังเล่าเรื่องผีกันอยู่ ซึ่งผมก็จะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีจอห์นเดินเข้ามา แล้วผมก็จะต้องตกใจ ซึ่งผมก็แสดงว่าตกใจ แต่มันดูไม่จริง จนกระทั่งพี่มะเดี่ยวเขาไม่บอกแล้วให้ผมหลับตา ก็สั่ง Action แล้วก็ไปเอาทีมงานคนหนึ่งมายืนแทนน้องแจ๊ค (ที่รับบทเห็นจอห์น) เราก็เลย Surprise ว่า ใครวะ ตกใจ แล้วมันก็เลยดูสดและสมจริง
Mr. Coffee : แล้วการที่โฟกัสเป็นคนไม่กลัวผี แต่ปั้นจั่นเป็นคนกลัวผี มีผลยังไง
โฟกัส : พี่ปั้นจั่นกลัวผีมากค่ะ ที่จริงไม่ต้องแสดงก็ได้ (หัวเราะ) แค่เดินไป “แฮ่” แบบนี้ก็กลัวแล้ว
ปั้นจั่น : แปลกกว่านั้นตรงที่ในเรื่องโฟกัสจะกลัวผีเหมือนกัน แต่ของผมกลับไม่กลัว อยากเจอด้วยซ้ำ แต่ผมว่าที่จริง น็อตก็กลัวผีเหมือนกัน แต่ความอยากเจอมันมีมากกว่า
Mr. Coffee : ถามโฟกัสว่า ระหว่างการเล่นเป็นคนวิ่งหนีผี กับการเล่นเป็นผี อย่างไหนยากง่ายกว่ากัน
โฟกัส : หนูว่าการเล่นเป็นผีนะคะ เพราะไม่เคยมีใครเป็นผีมาก่อน ใครจะไปรู้ว่าวิญญาณรู้สึกนึกคิดยังไง การวิ่งหนีผี ก็เหมือนการวิ่งหนีอะไรสักอย่าง น่าจะพอที่จะเอามาเทียบเคียงได้ แต่การเล่นเป็นผีเลยเราไม่รู้เลยว่าจะแสดงออกยังไง แต่พี่มะเดี่ยวเขาตีความให้เหมือนว่าเรายังเป็นคนอยู่ มีความคิด
ปั้นจั่น : ผมว่ายังเป็นผีมือใหม่ เพิ่งตาย จิตก็ยังสับสนอยู่ ยังไม่ชิน
Mr. Coffee : การที่ปั้นจั่นเป็นคนกลัวผี แล้วเมื่อเล่นหนังผี เล่นเป็นผี ทำให้หายกลัวผีหรือไม่
โฟกัส : กลัว กลัวกว่าเดิม เชื่อเรา
ปั้นจั่น : ไม่ๆ ผมกลัวน้อยกว่าเดิม อย่างแรกเลยคือ กลัวที่มืดน้อยลง เพราะเราไปทำงานในสถานที่มืด สถานที่ที่น่ากลัว เหมือนว่าเราได้ไปทำความคุ้นเคย พออยู่หลายๆ วัน
โฟกัส : แล้วตอนนี้ถ้าให้ไปอยู่คนเดียวไปไหม
ปั้นจั่น : ไม่ไป (หัวเราะ) ทำให้เราจัดการกับชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น สามารถอยู่โรงแรมที่น่ากลัวคนเดียวได้
โฟกัส : ไม่จริง ไม่เชื่อหรอก (หัวเราะ)
Mr. Coffee : แล้วโฟกัสล่ะ
ปั้นจั่น : คนนี้ไม่กลัวหรอกครับ ผีต้องกลัวเขามากกว่า (หัวเราะ)
โฟกัส : ตอนเด็กๆ หนูก็มีประสบการณ์เหมือนว่าจะเจอผีนะ แต่ยังเด็กเลยไม่แน่ใจ ก็กลัว แต่พอโตมา ดูหนังผี ฟัง The Shock ทุกวัน ก็เลยชิน แม่หนูชอบดูหนังผี หนูก็ดูไปด้วย
Mr. Coffee : การเล่นบทที่ตัวละครมีความกดดันมากๆ ยากหรือง่าย และมีผลต่อชีวิตจริงๆหรือไม่
ปั้นจั่น : เครียดเหมือนกันครับ มันต้องติดกับตัวละครหนึ่งมากๆ แต่การร่วมงานกับโฟกัส เข้ากันได้ง่าย ก็เลยไม่ยาก ส่วนใหญ่เหมือนเป็นการเล่นคนเดียว เพราะเราจะไม่เห็นเขา แต่ไม่ได้มีผลกลับไปที่บ้านนะครับ
โฟกัส : ใช่ค่ะ อยู่ที่สภาพกองถ่ายด้วย กองนี้ไม่เครียด
Mr. Coffee : การทำงานร่วมกับ มะเดี่ยว เป็นอย่างไรบ้าง
โฟกัส : พี่มะเดี่ยวเป็นคนทุ่มเทกับงานมาก พยายามที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด มีครั้งหนึ่งที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยใช้ Facetime มากำกับ
ปั้นจั่น : ตอนแรกผมไม่เชื่อนะว่าจะกำกับผ่าน Facetime ได้ เพราะไม่น่าจะคุมคนทั้งกองได้ แต่พี่มะเดี่ยวทำได้ เขาเหมือนมาอยู่ตรงนั้นจริงๆ และพี่มะเดี่ยวเป็นคนที่อธิบายไม่ยาว แต่เข้าใจได้ทันที
โฟกัส : พี่เขาสอนได้ดีด้วยค่ะ อธิบายให้เข้าใจได้ตลอด
Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับหนังผีหักมุม
โฟกัส : ที่จริงหนังผีบางเรื่องที่ไม่ต้องหักมุม บางเรื่องเรารู้ตอนจบด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ก็ยังน่ากลัวนะ มันอยู่ที่การเล่าเรื่องและองค์ประกอบของหนังมากกว่าที่ทำให้รู้สึกว่าหนังน่ากลัว หนังน่ากลัวไม่จำเป็นต้องจบหักมุมเสมอไป
ปั้นจั่น : ผมคิดเหมือนโฟกัส ตรงที่บางเรื่องเรารู้อยู่แล้วว่าผีในเรื่องนั้นคืออะไร จับต้องได้ แต่เรื่องราวระหว่างตัวละครที่จะเจอผี การเดินทางระหว่างนั้น ถ้ามันสมเหตุผลพอ มี Impact ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตกใจหรือผวาก็ได้ แต่คนดูรู้สึกกดดัน หรือเครียดไปกับมัน อย่าง The Conjuring เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมาก เพราะบีบทุกอารมณ์ บีบทุก Message ที่ให้มา การค้นหา ทำให้เราตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะทั้งเรื่องแทบจะเจอผีน้อยมาก แต่น่ากลัวมาก พอมันมีเรื่องราว ทฤษฎีเข้ามา ยิ่งน่ากลัว คนเขียนบทเขาเก่งมาก
Mr. Coffee : ชอบดูหนังแนวไหน
โฟกัส : เป็นคนชอบดูหนังทุกแนวค่ะ แต่ถ้าเป็นหนัง Drama หนังชีวิต ต้องมีอารมณ์ที่อยากจะดูก่อนถึงจะดูได้ แต่แนวอื่นดูได้ตลอดเวลา หนังที่บ้านเยอะมาก ต้องซื้อหนังทุกอาทิตย์เลย ในโรงก็ดูแทบทุกเรื่อง
ปั้นจั่น : ของผมก็ดูได้ทุกแนวเหมือนกัน แต่แนวที่ชอบก็จะเป็นแฟนตาซี อย่าง Lord of The Ring เหมือนได้ไปอยู่ในโลกจินตนาการ Drama, Romantic ก็ชอบ แต่ Horror ไม่ค่อยได้ดู ไม่ค่อยชอบหนังผี แต่ The Conjuring ผมว่ามันเหมือนหนังสืบสวนมากกว่า ดูแล้วตื่นเต้นดี
โฟกัส : Horror เราชอบมากเลย อย่าง The Conjuring หนูดู 2 รอบเลย หนูดู Sound Track รอบหนึ่ง อีกรอบดูพากย์ไทย เพราะแม่ชอบดูพากย์ไทยมาก แต่หนูชอบดู Sound Track เพราะอยากฟังเสียงนักแสดง แต่เชื่อไหมว่าบางครั้งดูพากย์ไทยสนุกกว่าด้วย แล้วแต่เรื่อง อย่าง Guardian of The Galaxy หนูชอบพากย์ไทยมากกว่า สนุกมาก
ปั้นจั่น : แต่พากย์ไทยบางครั้ง Message ที่หนังสื่อออกมาอาจจะเปลี่ยนก็ได้ อย่างพันธมิตรพากย์ก็ฮา เติมมุกตลกลงไปก็มี แต่ถ้าไม่คิดมากก็ไม่เป็นไร
Mr. Coffee : ช่วยยกตัวอย่างหนังที่ชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศ
โฟกัส : Forrest Gump ดูหลายรอบมากค่ะ อินมากๆ เหมือนไปวิ่งกับเขาด้วย หนังไทยก็ The Letter จดหมายรัก ชอบเพราะว่า ปกติไม่มีหนังไทยเรื่องไหนที่ทำให้หนูร้องไห้ได้ในโรง แต่เรื่องนี้ทำหนูร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเลย
ปั้นจั่น : Silver Linings Playbook มันตลกร้ายดี
Mr. Coffee : หากมีโอกาส อยากเล่นหนังแนวไหน
โฟกัส : อยากเล่น Comedy จ๋าๆ เลย แบบตึ่งโป๊ะ ค่ะ เพราะว่าโฟกัสคิดว่าการเล่น Drama มันยากนะ แต่มันเล่นได้ แต่การจะเล่นตลกให้คนขำ ยากมากเลย สุดๆ การที่ทำให้คนดูอินตามกับการร้องไห้ กับการที่ทำให้คนดูขำ มันคนละอย่างเลย การทำให้คนดูขำ มันยากมากจริงๆ อยากเล่นหนังแนวเรื่องแรกๆ ของพี่ยอร์ช (ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์)
ปั้นจั่น : ผมอยากเล่นหนังที่เป็นชีวประวัติคน เอาประวัติคนคนนั้นมาทำ แล้วเราจะต้องแสดงเป็นคนคนนั้น ในอดีตที่มีอยู่จริง เมืองไทยมีน้อย อย่างหนังแนวนี้ของเมืองนอก เขาจะก๊อปท่าทาง Body Language ตามคนคนนั้นจริงๆ ดังนั้น การทำการบ้าน Research จะต้องสูงมาก ความท้าทายมันเลยเกิด ผมอยากเล่นมากเลยครับ ถ้าอย่างหนังฝรั่งก็เรื่อง Jobs ที่ “แอสตัน คุชเชอร์” แสดง มันเหมือนมาก 100% เลย หรือ The Fighter ที่ “คริสเตียน เบล” เล่น พอดูภาพจริงตอนท้ายเรื่อง ใช่เลย
Mr. Coffee : หนังไทยแนวแบบนี้มีน้อยมาก เช่น “สอ เสถบุตร” ก็เงียบไปแล้ว
ปั้นจั่น : ใช่ครับ เพราะต้องใช้ทั้งเวลาและเงินในการ Research ข้อมูล ค่าตอบแทนก็ต่างกัน ทำให้ฝรั่งเล่นเรื่องเดียวก็อยู่ได้ แต่ของเราชีวิตประจำวันมันมีค่าใช้จ่าย ถ้าต้องใช้เวลาครึ่งปีไปคลุกกับชีวิตแบบนั้น มันก็ไม่ไหว รายได้ไม่มากพอ
Mr. Coffee : อยากร่วมงานกับผู้กำกับคนไหน
โฟกัส : ก่อนหน้านี้หนูอยากร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวมาก เพราะชอบหนังเรื่อง 13 เกมสยอง และหนูได้อ่านการ์ตูนของคุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มาก่อน ในการ์ตูนหนูว่า “อี๋” แล้ว และไม่คิดว่าหนังจะทำได้ แต่ในหนังจริงๆ “อี๋” กว่าอีก
ปั้นจั่น : พี่มะเดี่ยวก็เป็น 1 ในผู้กำกับที่อยากเล่นหนังด้วยเช่นกัน อีกคนหนึ่งก็ พี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ผู้กำกับหนัง นาคปรก แล้วตอนนี้ผมได้ร่วมงานกับพี่ใหม่ในสายละคร ผมเห็นการผสมผสานระหว่างมุมภาพแบบหนังแต่เป็นละคร ผมก็เลยอยากจะมีโอกาสร่วมงานกับพี่ใหม่ในทางหนังบ้าง