ขณะที่คดีสุดอื้อฉาวมหากาพย์โกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศกว่า 7 แสนล้านบาท กำลังใกล้ถึงไคลแม็กซ์ที่ขบวนการโกงชาติปล้นแผ่นดินต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้เข้าไปทุกขณะ แต่ปรากฏว่าสองอดีตนายกฯและสองพี่น้องตระกูลชินคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเดินสายเสพย์สุขท่องเที่ยวในหลายประเทศอย่างสบายใจเฉิบ โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เป็นจำเลยคนสำคัญในคดีดูจะไม่สะทกสะท้านเหมือนมั่นใจอะไรบางอย่าง
แต่หน้าฉากอาการยิ้มแย้มเบิกบานของนางดอกไม้อาจซ่อนไว้ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงที่กำลังทุกข์และเครียดหนักแต่ต้องดราม่าเล่นบท “หน้าชื่นอกตรม” เพื่ออำพรางซึ่งถนัดอยู่แล้ว โดยเบื้องหลังการพบพี่ชายครั้งนี้อาจเป็นการหารือกับพี่ชายเพื่อหาช่องทางเอาตัวรอด ขณะเดียวกันก็เที่ยวกราบไหว้บนบานศาลกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือทั้งๆ กรรมที่ก่อไว้กับชาติบ้านเมืองนั้นสุดเลวร้าย
โครงการรับจำนำข้าวสุดอัปยศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมหาศาลแบบหน้าด้านๆ โดยเฉพาะ
โดยไม่คำนึงถึงความพินาศล่มจมของวงจรข้าวทั้งระบบ รวมทั้งการคลังของประเทศที่ล่มจมไปเกือบเฉียดล้านล้านบาท เพียงแค่ 3 ปี ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารประเทศซึ่งดีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจการปกครองประเทศเสียก่อน ไม่งั้นหากปล่อยให้เดินหน้าโครงการวิบัติต่อไปประเทศล้มละลายแน่นอน
คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจนร่ำรวยนับแสนล้านบาทจากโครงการอัปยศนี้คือคนเพียงตระกูลเดียว นอกนั้นเศษเงินสกปรกจากการปล้นแผ่นดินก็แบ่งปันกันในหมู่ขบวนการชั่วร้ายซึ่งมีทั้งพ่อค้าจอมขึ้โกงซึ่งเป็นคนใกล้ชิดตัวการใหญ่ไปจนถึงพวกข้าราชการที่เป็นทาสรับใช้ขบวนการเลวร้ายนี้
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯ และหัวหน้า คสช. ออกมาระบุความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างเป็นทางการจากปริมาณข้าวในสต๊อก 18 ล้านบาท เป็นข้าวที่มีคุณภาพเพียง 10% ที่เหลือเป็นข้าวเสื่อมสภาพ หรือคุณภาพต่ำไม่สามารถบริโภคได้กว่า 70% นอกจากนั้นเป็นข้าวที่หายไปจากบัญชีกว่า1 แสนตัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะส่งให้ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบการทุจริตเท่ากับเป็นการตอกย้ำสิ่งชั่วร้ายของขบวนการทำลายชาติ
แต่มีข้อสงสัยอยู่อย่าง คือ ทำไมตัวเลขข้าวหายจากบัญชีจึงมีแค่1 แสนตัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลังจอมตงฉินในฐานะอดีตประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเคยระบุว่า มีข้าวสารหายไปจากบัญชีกว่า 2 ล้านตันซึ่งตัวเลขข้าวล่องหนที่ต่างกันลิบลับมีข้อน่าสังเกตว่า อาจมีการเล่นแร่แปรธาตุนำข้าวคุณภาพดีออกไปขายแล้วนำข้าวเสื่อมคุณภาพหรือคุณภาพต่ำราคาถูกเข้ามาสวมรอยแทนเพื่อทุจริตส่วนต่างกำไรเพราะฉะนั้น ปมข้าวหายต้องมีการตรวจสอบอย่างจริงจังทำความจริงให้ปรากฏเพื่อหาตัวขบวนการโกงมาลงโทษให้ได้
คสช.ประกาศนโยบายกวาดล้างทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นนโยบายสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ เพราะฉะนั้นต้องไม่ทำให้ยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปประเทศของคสช.เสียของ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้อำนาจล้างบรรดาข้าราชการซึ่งเป็นมือเท้าของกลุ่มอำนาจเก่าออกไปทั้งในสำนักงานอัยการสูงสุด องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แล้วตั้งข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตเข้ามาทำหน้าที่แทนไม่งั้นก็จะเกิดการเตะถ่วงยื้อเกมซ้ำซากทำให้การปิดคดีมหกรรมโคตรโกงจำนำข้าวมีอุปสรรคและดีไม่ดีแก๊งชั่วปล้นชาติโกแผ่นดินอาจลอยนวล
ทีมข่าวการเมือง
ที่มา:
http://www.naewna.com/creative/128364
คดีมหกรรมโกงจำนำข้าว อย่าปล่อยให้แก๊งชั่วลอยนวล...ก๊อปแปะ By อดีตหัวหน้าเผ่าฯ
แต่หน้าฉากอาการยิ้มแย้มเบิกบานของนางดอกไม้อาจซ่อนไว้ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงที่กำลังทุกข์และเครียดหนักแต่ต้องดราม่าเล่นบท “หน้าชื่นอกตรม” เพื่ออำพรางซึ่งถนัดอยู่แล้ว โดยเบื้องหลังการพบพี่ชายครั้งนี้อาจเป็นการหารือกับพี่ชายเพื่อหาช่องทางเอาตัวรอด ขณะเดียวกันก็เที่ยวกราบไหว้บนบานศาลกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือทั้งๆ กรรมที่ก่อไว้กับชาติบ้านเมืองนั้นสุดเลวร้าย
โครงการรับจำนำข้าวสุดอัปยศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมหาศาลแบบหน้าด้านๆ โดยเฉพาะ
โดยไม่คำนึงถึงความพินาศล่มจมของวงจรข้าวทั้งระบบ รวมทั้งการคลังของประเทศที่ล่มจมไปเกือบเฉียดล้านล้านบาท เพียงแค่ 3 ปี ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารประเทศซึ่งดีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจการปกครองประเทศเสียก่อน ไม่งั้นหากปล่อยให้เดินหน้าโครงการวิบัติต่อไปประเทศล้มละลายแน่นอน
คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจนร่ำรวยนับแสนล้านบาทจากโครงการอัปยศนี้คือคนเพียงตระกูลเดียว นอกนั้นเศษเงินสกปรกจากการปล้นแผ่นดินก็แบ่งปันกันในหมู่ขบวนการชั่วร้ายซึ่งมีทั้งพ่อค้าจอมขึ้โกงซึ่งเป็นคนใกล้ชิดตัวการใหญ่ไปจนถึงพวกข้าราชการที่เป็นทาสรับใช้ขบวนการเลวร้ายนี้
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯ และหัวหน้า คสช. ออกมาระบุความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างเป็นทางการจากปริมาณข้าวในสต๊อก 18 ล้านบาท เป็นข้าวที่มีคุณภาพเพียง 10% ที่เหลือเป็นข้าวเสื่อมสภาพ หรือคุณภาพต่ำไม่สามารถบริโภคได้กว่า 70% นอกจากนั้นเป็นข้าวที่หายไปจากบัญชีกว่า1 แสนตัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะส่งให้ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบการทุจริตเท่ากับเป็นการตอกย้ำสิ่งชั่วร้ายของขบวนการทำลายชาติ
แต่มีข้อสงสัยอยู่อย่าง คือ ทำไมตัวเลขข้าวหายจากบัญชีจึงมีแค่1 แสนตัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลังจอมตงฉินในฐานะอดีตประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเคยระบุว่า มีข้าวสารหายไปจากบัญชีกว่า 2 ล้านตันซึ่งตัวเลขข้าวล่องหนที่ต่างกันลิบลับมีข้อน่าสังเกตว่า อาจมีการเล่นแร่แปรธาตุนำข้าวคุณภาพดีออกไปขายแล้วนำข้าวเสื่อมคุณภาพหรือคุณภาพต่ำราคาถูกเข้ามาสวมรอยแทนเพื่อทุจริตส่วนต่างกำไรเพราะฉะนั้น ปมข้าวหายต้องมีการตรวจสอบอย่างจริงจังทำความจริงให้ปรากฏเพื่อหาตัวขบวนการโกงมาลงโทษให้ได้
คสช.ประกาศนโยบายกวาดล้างทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นนโยบายสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ เพราะฉะนั้นต้องไม่ทำให้ยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปประเทศของคสช.เสียของ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้อำนาจล้างบรรดาข้าราชการซึ่งเป็นมือเท้าของกลุ่มอำนาจเก่าออกไปทั้งในสำนักงานอัยการสูงสุด องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แล้วตั้งข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตเข้ามาทำหน้าที่แทนไม่งั้นก็จะเกิดการเตะถ่วงยื้อเกมซ้ำซากทำให้การปิดคดีมหกรรมโคตรโกงจำนำข้าวมีอุปสรรคและดีไม่ดีแก๊งชั่วปล้นชาติโกแผ่นดินอาจลอยนวล
ทีมข่าวการเมือง
ที่มา:http://www.naewna.com/creative/128364