เราควรทำอย่างไรดี
เริ่มเรื่องว่า เรารู้จักกับแฟนเรามา 4 เดือนกว่า คบกันได้ 2 เดือนกว่า ตลอดเวลาที่คบกัน เราแทบไม่เคยรู้เลยว่าเค้ามีใครอีกคน
เริ่มก่อนว่า เราอายุ 28 เขาอายุ 39 ห่างกัน 11 ปี เราหาเหตุผลให้ตัวเองที่คบกับคนอายุต่างกัน 11 ปีด้วยความที่ว่า เขายังดูไม่แก่ นิสัยเค้าน่ารักมากเหมือนเด็ก เดินเล่น วิ่งเล่น ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน เป็นคนรักสุขภาพ ชอบต้นไม้ ที่สำคัญ เราเป็นผู้หญิงทำบ้างาน ทำงานหนัก เราทำงานที่มีต่ำเหน่งค่อนข้างสูง และรวมไปถึง แน่นอน ยากมากที่จะหาแฟน เพราะด้วยอายุและการงาน ที่มัน challenge ตัวเราเองอยู่แล้ว การที่จะหาแฟนที่จะมา match กับ life style ยากมาก ที่ทำงานก็เป็นพวก แก่ แต่งงานแล้ว หรือกระล่อน อะไรพวกนี้ หนักเลยก็นะ เป็นลูกน้องเราหรือ เอาง่ายๆ ว่าเราก็อยากมีแฟน ที่เหมาะกับเรา ด้วยทุกอย่าง เพราะเราก็อยากจะก้าวต่อไปในชีวิตที่ดีขึ้น young management ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำกว่าจะมาถึงจุดนี้
เราก็ดิ้นรนมาเยอะ จนไม่อยากให้ใครมาทำลาย และก็ยากมีคนที่จะคอยเป็นคู่คิดกัน ช่วยกันเตือนกัน พอเรารู้จักกับเขา เขาคือคนที่ตอบโจทย์ทุกอย่างในชีวิตเรามาก ด้วยความรัก นิสัย การใช้ชีวิต ด้วยหน้าที่การงาน และเรื่องการ support ชีวิตเรา หน้าตาใช้ได้ 2 เดือนแรก เราเจอกันบ่อยมาก
ราว 20 ครั้งได้ ทุกครั้งที่เจอ และร้านที่ไปเป็นร้านที่เรารู้สึกว่า เขาเลือกด้วย Style ของเขาเรียบหรูมีคลาส กิจกรรมที่เข้ามาในชีวิตเราเริ่มมีเค้าเข้ามามากขึ้นเริ่มจากงานแต่งงานเพื่อนเรา ญาติเรา เราไม่เคยบังคับเค้าว่าต้องมา แต่ทุกครั้งเค้าจะถามเลยมีตรีม ชุดไหม ไปซื้อชุดกัน ทั้งเราและเค้าเป็นคนเรื่องมากในการแต่งตัวทั้งคู่ เดินหาชุดกันประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ เรารู้สึกประทับใจยิ่งขึ้น มีครั้งที่ไปทานอาหารกัน แล้วอยู่ๆ เราแพ้อาหารนั้น ผด ขึ้นทั้งตัว
ต้องไปหาหมอ ซึ่งก็ เกือบที่ยงคืน เค้าก็พาเราไป นั่งรอ กับเรา และคอยห่วงเราตลอด เรามีโรคประจำตัวเยอะมาก กรดไหลย้อน (ที่มันพร้อมจะกำเริบตลอดเวลา) หอบ หัวใจ ไซนัส และไมเกรน ขั้นรุนแรง คือปวดหัวเมือไหร่ ต้องไปฉีดยา อย่างเดียว หลายครั้งที่อาการพวกนี้ กำเริบ เค้าก็จะคอยดูและเรา พาไปหาหมอบ้าง ทุกอาทิตย์เราจะต้องไปออกกำลังกายด้วยกัน ทุกวันเสาร์ ชีวิตก็ดำเนินเรื่อยมา เราเคยคุยกับเค้าด้วยความที่เรารู้สึกเกรงใจเกี่ยวกับการใช้จ่าย เพราะเค้าแทบไม่ให้เราออกค่าอะไรเลย แต่เราไม่มองอย่างนั้น เรามองว่าเห้ย มาด้วยกันก็ต้องช่วยกันบ้า จนเราตัดสินใจบอกว่า เธอเรา จะใช้จ่ายกับเรา 2 คน 10% ของ เงินเดือนเรา ส่วนเขา ก็ 5% หรือ 10% ของเงินเดือนเขา ต่อเดือนพอ เพื่อไม่ให้เป็นการใช้จ่ายที่มากเกินไป ชีวิตก็เหมือนดำเนินไปตามปกติของคนทั่วไป ส่วนใหญ่เขาจะขอมารับวัน อังคาร ส่วน พฤหัส กับ ศุกร์ นี่ก็ตามเหตุการณ์ ว่าจะดูหนัง หรือ จะทานข้าว หรือ ซื้อเสื้อผ้า ก็ว่าไป ส่วนวันเสาร์คือออกกำลังกาย และ climax อยู่ที่วันอาทิตย์ ที่เค้าจะเหมือนหายไปทั้งวัน บอกว่านอนตื่นสายบ้าง ทำงานบ้าน พาแม่ไปซื้อของ นู้นนี่นั้น ซึ่งเราไม่เคยสงสัยเลย ด้วยความที่เค้าทำทุกอย่างเหมือน routine แบบเดิมซ้ำๆ ตามมาด้วยการออก ทริป ต่างจังหวัดครั้งแรก 3 วัน 2 คืน อยากใส่เสื้อคู่เดินหาเสื้อคู่ที่แบบเป็น style ของเราก็ยากมาก ได้มา 1 ชุด กับ order ผ่าน FB เราให้เค้าทำให้เพราะเรายุ่งมาก แต่แอบสงสัยที่เค้า capture หน้าจอมาเค้าพยายามให้เราไม่เห็น FB เค้า แต่ก็ไม่แอ๊ะใจอะไร เค้าเป็นคนติดเล่นเกม จนเราก็งง ว่าเอ๊ะทำไมมันต้องขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไร ทริปผ่านพ้นไปด้วยดีมาก เรารู้สึกดีๆ กับเขาเพิ่มขึ้น จนสามารถ ว่ารักได้เลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยพูด เพราะเรากลัวการโดนหลอกมากๆๆ เราลองใจเค้าด้วยหลายๆอย่าง ให้เค้าเจอทุกด้านที่เราเป็น ว่าเค้าจะรับเราได้ไหม จนวันที่เรารู้สึกว่า เรารักเค้า พอ มาอีกครั้งก็นัดดูหนัง ก็ถ่ายรูปกันเลยแอบเปิด line อ่าน ก็งง ว่าเอ๊ะ ทำไม line ของ ผู้หญิงคนนี้ถึงถูกลบ และมีแค่วันนี้ และผู้หญิงก็ share รูปเด็ก บอกว่าไปเดินเล่นกันมา และ ถามว่า “รองเท้าแตะคู่เก่าทิ้งเลยไหม” ไม่ทันขาดคำ แฟนเราพูดว่า “ตัว เค้าซื้อรองเท้าแตะคู่ใหม่มาแหล่ะ” OMG จร้า แอ๊ะยังไง เลยคุยเลย ก็ถาม เธอคนนี้ใครเหรอ เค้าเงียบแปะ ตอบเสียงตะกุ๊กตะกัก“ลูกพี่ลูกน้อง” ต่อ อยู่บ้านเดียวกันเหรอ “ไม่ดิบ้านใครบ้านมัน” แล้วทำไมเค้าถึงจะทิ้งรองเท้าให้เทอละ “อ้อก็อยู่ใกล้กัน” เอิ่ม ลูกพี่ลูกน้องเค้าใส่ใจกันเรื่องของส่วนตัวด้วยเหรอ เลยออก กลยุทธ์ ว่าเอางี้เพื่อความสบายใจ ขอให้เปลี่ยน Line Profile เป็นรูปคู่เราได้ไหม เค้ารับปาก , ขอทำ in relationship บน FB ได้ไหม ก็ได้ เค้าก็รับ ซึ่งเหมือนจะผ่านไปด้วยดี ไม่ค่ะ ผ่านวันเดียว พอวันจันเริ่มเลย บอกว่า นายมาตำหนิ นะ ลูกน้องแซวนะ ขอเปลี่ยนคืน เราก็งง ไม่เข้าใจ เพราะใครๆ ก็ใช้รูปคู่กันได้ ทำไมถึงเป็นประเด็น แต่ก็อะไม่อยากใช้ก้เปลี่ยนๆไปซะ เลยกลับบ้านมาคิดๆๆ พร้อมปรึกษาเพื่อน เพื่อนเราบอกเลยว่า แก ผู้ชายเก่งมาก สามารถจัดการเวลาทุกอย่างได้อย่างลงตัว (เพื่อนเราเคยมีประสบการณ์ แฟน เค้า แฟนเรา เธอเค้าเราฉัน) เท่านั้นแหล่ะ ทุกอย่างประติดประต่อ ไม่รอรี ถามใน line เลยว่า เธอทำแบบนี้ทำไม มีภรรยากับลูกอยู่แล้ว แล้วมาโกหกเราทำไม บลาๆๆ (จริงๆ แล้วคือลองใจ ถ้าปฎิเสธ เสียงแข็ง คือ จบเลย ไม่มีแน่ๆๆ แต่นี่ เค้ากลับยอมรับ ค่ะ) “เธอจะให้เราทำไง เรารักเธอ แบบ ที่เธอเป็น รักที่เธอเป็นตัวของเธอเองแบบนี้ ” อ้าว กรู ได้เรื่องเลย ไปไม่ถูกต่อไม่เป็น Shiftหาย ละ แฟนฉันเป็นสามีคนอื่น นี่คือเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดค่ะ ถามว่า เราควรทำไงต่อดี เราไม่รู้จริงๆ สับสนมาก รู้ว่าไม่ควรไปยุ่งเพราะเราดันนึกได้ว่าตอนที่เราเป็นเด็กน้อย ที่รู้ว่าพ่อมีเมียน้อย เราก็โกรธนะว่า มาแย้งพ่อเราทำไม รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็รักผู้ชายคนนี้มาก เพราะเค้าเป็นคนอบอุ่นจิงๆ แต่ฉัน ที่ไม่รู้เรื่องเลย และดันรักเค้าหมดใจ คนที่ฉันคิดว่าเค้าจะเป็นทุกอย่างน่าจะเป็นคนในอนาคตด้วยกันกลับหายไป ฉันไปไม่ถูก อยากเก็บไว้ แต่ความถูกต้องก็ต้องมา ใช่ไหมค่ะ ใครคิดเห็นอย่างไร ช่วย share หน่อยค่ะ ว่าดิฉันควรทำไงดี เมื่อวานก็คุยกันไป แต่ก็เหมือนยังไม่ได้สรุปอะไร เพราะ เรายังสับสนมากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ
ทำไงดี แฟนเราเป็นสามีเค้า
เริ่มเรื่องว่า เรารู้จักกับแฟนเรามา 4 เดือนกว่า คบกันได้ 2 เดือนกว่า ตลอดเวลาที่คบกัน เราแทบไม่เคยรู้เลยว่าเค้ามีใครอีกคน
เริ่มก่อนว่า เราอายุ 28 เขาอายุ 39 ห่างกัน 11 ปี เราหาเหตุผลให้ตัวเองที่คบกับคนอายุต่างกัน 11 ปีด้วยความที่ว่า เขายังดูไม่แก่ นิสัยเค้าน่ารักมากเหมือนเด็ก เดินเล่น วิ่งเล่น ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน เป็นคนรักสุขภาพ ชอบต้นไม้ ที่สำคัญ เราเป็นผู้หญิงทำบ้างาน ทำงานหนัก เราทำงานที่มีต่ำเหน่งค่อนข้างสูง และรวมไปถึง แน่นอน ยากมากที่จะหาแฟน เพราะด้วยอายุและการงาน ที่มัน challenge ตัวเราเองอยู่แล้ว การที่จะหาแฟนที่จะมา match กับ life style ยากมาก ที่ทำงานก็เป็นพวก แก่ แต่งงานแล้ว หรือกระล่อน อะไรพวกนี้ หนักเลยก็นะ เป็นลูกน้องเราหรือ เอาง่ายๆ ว่าเราก็อยากมีแฟน ที่เหมาะกับเรา ด้วยทุกอย่าง เพราะเราก็อยากจะก้าวต่อไปในชีวิตที่ดีขึ้น young management ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำกว่าจะมาถึงจุดนี้
เราก็ดิ้นรนมาเยอะ จนไม่อยากให้ใครมาทำลาย และก็ยากมีคนที่จะคอยเป็นคู่คิดกัน ช่วยกันเตือนกัน พอเรารู้จักกับเขา เขาคือคนที่ตอบโจทย์ทุกอย่างในชีวิตเรามาก ด้วยความรัก นิสัย การใช้ชีวิต ด้วยหน้าที่การงาน และเรื่องการ support ชีวิตเรา หน้าตาใช้ได้ 2 เดือนแรก เราเจอกันบ่อยมาก
ราว 20 ครั้งได้ ทุกครั้งที่เจอ และร้านที่ไปเป็นร้านที่เรารู้สึกว่า เขาเลือกด้วย Style ของเขาเรียบหรูมีคลาส กิจกรรมที่เข้ามาในชีวิตเราเริ่มมีเค้าเข้ามามากขึ้นเริ่มจากงานแต่งงานเพื่อนเรา ญาติเรา เราไม่เคยบังคับเค้าว่าต้องมา แต่ทุกครั้งเค้าจะถามเลยมีตรีม ชุดไหม ไปซื้อชุดกัน ทั้งเราและเค้าเป็นคนเรื่องมากในการแต่งตัวทั้งคู่ เดินหาชุดกันประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ เรารู้สึกประทับใจยิ่งขึ้น มีครั้งที่ไปทานอาหารกัน แล้วอยู่ๆ เราแพ้อาหารนั้น ผด ขึ้นทั้งตัว
ต้องไปหาหมอ ซึ่งก็ เกือบที่ยงคืน เค้าก็พาเราไป นั่งรอ กับเรา และคอยห่วงเราตลอด เรามีโรคประจำตัวเยอะมาก กรดไหลย้อน (ที่มันพร้อมจะกำเริบตลอดเวลา) หอบ หัวใจ ไซนัส และไมเกรน ขั้นรุนแรง คือปวดหัวเมือไหร่ ต้องไปฉีดยา อย่างเดียว หลายครั้งที่อาการพวกนี้ กำเริบ เค้าก็จะคอยดูและเรา พาไปหาหมอบ้าง ทุกอาทิตย์เราจะต้องไปออกกำลังกายด้วยกัน ทุกวันเสาร์ ชีวิตก็ดำเนินเรื่อยมา เราเคยคุยกับเค้าด้วยความที่เรารู้สึกเกรงใจเกี่ยวกับการใช้จ่าย เพราะเค้าแทบไม่ให้เราออกค่าอะไรเลย แต่เราไม่มองอย่างนั้น เรามองว่าเห้ย มาด้วยกันก็ต้องช่วยกันบ้า จนเราตัดสินใจบอกว่า เธอเรา จะใช้จ่ายกับเรา 2 คน 10% ของ เงินเดือนเรา ส่วนเขา ก็ 5% หรือ 10% ของเงินเดือนเขา ต่อเดือนพอ เพื่อไม่ให้เป็นการใช้จ่ายที่มากเกินไป ชีวิตก็เหมือนดำเนินไปตามปกติของคนทั่วไป ส่วนใหญ่เขาจะขอมารับวัน อังคาร ส่วน พฤหัส กับ ศุกร์ นี่ก็ตามเหตุการณ์ ว่าจะดูหนัง หรือ จะทานข้าว หรือ ซื้อเสื้อผ้า ก็ว่าไป ส่วนวันเสาร์คือออกกำลังกาย และ climax อยู่ที่วันอาทิตย์ ที่เค้าจะเหมือนหายไปทั้งวัน บอกว่านอนตื่นสายบ้าง ทำงานบ้าน พาแม่ไปซื้อของ นู้นนี่นั้น ซึ่งเราไม่เคยสงสัยเลย ด้วยความที่เค้าทำทุกอย่างเหมือน routine แบบเดิมซ้ำๆ ตามมาด้วยการออก ทริป ต่างจังหวัดครั้งแรก 3 วัน 2 คืน อยากใส่เสื้อคู่เดินหาเสื้อคู่ที่แบบเป็น style ของเราก็ยากมาก ได้มา 1 ชุด กับ order ผ่าน FB เราให้เค้าทำให้เพราะเรายุ่งมาก แต่แอบสงสัยที่เค้า capture หน้าจอมาเค้าพยายามให้เราไม่เห็น FB เค้า แต่ก็ไม่แอ๊ะใจอะไร เค้าเป็นคนติดเล่นเกม จนเราก็งง ว่าเอ๊ะทำไมมันต้องขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไร ทริปผ่านพ้นไปด้วยดีมาก เรารู้สึกดีๆ กับเขาเพิ่มขึ้น จนสามารถ ว่ารักได้เลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยพูด เพราะเรากลัวการโดนหลอกมากๆๆ เราลองใจเค้าด้วยหลายๆอย่าง ให้เค้าเจอทุกด้านที่เราเป็น ว่าเค้าจะรับเราได้ไหม จนวันที่เรารู้สึกว่า เรารักเค้า พอ มาอีกครั้งก็นัดดูหนัง ก็ถ่ายรูปกันเลยแอบเปิด line อ่าน ก็งง ว่าเอ๊ะ ทำไม line ของ ผู้หญิงคนนี้ถึงถูกลบ และมีแค่วันนี้ และผู้หญิงก็ share รูปเด็ก บอกว่าไปเดินเล่นกันมา และ ถามว่า “รองเท้าแตะคู่เก่าทิ้งเลยไหม” ไม่ทันขาดคำ แฟนเราพูดว่า “ตัว เค้าซื้อรองเท้าแตะคู่ใหม่มาแหล่ะ” OMG จร้า แอ๊ะยังไง เลยคุยเลย ก็ถาม เธอคนนี้ใครเหรอ เค้าเงียบแปะ ตอบเสียงตะกุ๊กตะกัก“ลูกพี่ลูกน้อง” ต่อ อยู่บ้านเดียวกันเหรอ “ไม่ดิบ้านใครบ้านมัน” แล้วทำไมเค้าถึงจะทิ้งรองเท้าให้เทอละ “อ้อก็อยู่ใกล้กัน” เอิ่ม ลูกพี่ลูกน้องเค้าใส่ใจกันเรื่องของส่วนตัวด้วยเหรอ เลยออก กลยุทธ์ ว่าเอางี้เพื่อความสบายใจ ขอให้เปลี่ยน Line Profile เป็นรูปคู่เราได้ไหม เค้ารับปาก , ขอทำ in relationship บน FB ได้ไหม ก็ได้ เค้าก็รับ ซึ่งเหมือนจะผ่านไปด้วยดี ไม่ค่ะ ผ่านวันเดียว พอวันจันเริ่มเลย บอกว่า นายมาตำหนิ นะ ลูกน้องแซวนะ ขอเปลี่ยนคืน เราก็งง ไม่เข้าใจ เพราะใครๆ ก็ใช้รูปคู่กันได้ ทำไมถึงเป็นประเด็น แต่ก็อะไม่อยากใช้ก้เปลี่ยนๆไปซะ เลยกลับบ้านมาคิดๆๆ พร้อมปรึกษาเพื่อน เพื่อนเราบอกเลยว่า แก ผู้ชายเก่งมาก สามารถจัดการเวลาทุกอย่างได้อย่างลงตัว (เพื่อนเราเคยมีประสบการณ์ แฟน เค้า แฟนเรา เธอเค้าเราฉัน) เท่านั้นแหล่ะ ทุกอย่างประติดประต่อ ไม่รอรี ถามใน line เลยว่า เธอทำแบบนี้ทำไม มีภรรยากับลูกอยู่แล้ว แล้วมาโกหกเราทำไม บลาๆๆ (จริงๆ แล้วคือลองใจ ถ้าปฎิเสธ เสียงแข็ง คือ จบเลย ไม่มีแน่ๆๆ แต่นี่ เค้ากลับยอมรับ ค่ะ) “เธอจะให้เราทำไง เรารักเธอ แบบ ที่เธอเป็น รักที่เธอเป็นตัวของเธอเองแบบนี้ ” อ้าว กรู ได้เรื่องเลย ไปไม่ถูกต่อไม่เป็น Shiftหาย ละ แฟนฉันเป็นสามีคนอื่น นี่คือเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดค่ะ ถามว่า เราควรทำไงต่อดี เราไม่รู้จริงๆ สับสนมาก รู้ว่าไม่ควรไปยุ่งเพราะเราดันนึกได้ว่าตอนที่เราเป็นเด็กน้อย ที่รู้ว่าพ่อมีเมียน้อย เราก็โกรธนะว่า มาแย้งพ่อเราทำไม รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็รักผู้ชายคนนี้มาก เพราะเค้าเป็นคนอบอุ่นจิงๆ แต่ฉัน ที่ไม่รู้เรื่องเลย และดันรักเค้าหมดใจ คนที่ฉันคิดว่าเค้าจะเป็นทุกอย่างน่าจะเป็นคนในอนาคตด้วยกันกลับหายไป ฉันไปไม่ถูก อยากเก็บไว้ แต่ความถูกต้องก็ต้องมา ใช่ไหมค่ะ ใครคิดเห็นอย่างไร ช่วย share หน่อยค่ะ ว่าดิฉันควรทำไงดี เมื่อวานก็คุยกันไป แต่ก็เหมือนยังไม่ได้สรุปอะไร เพราะ เรายังสับสนมากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ