Review: Gone Girl (2014,David Fincher)

Gone Girl (2014,David Fincher) คะแนน B+


ฺฺBy Form Corleone

‪#‎ไม่มีสปอยใดๆ‬

" หวาดระแวง คลี่คลาย ขบขัน " ความหวังและการรอคอยผลงานชิ้นล่าสุดของ ผู้กำกับ "David Fincher" เรียกว่าดูเกือบทุกเรื่องและคงไม่ขอเปรียบเทียบกับงานชิ้นก่อนๆแล้วกัน ไม่รู้จะจัดประเภท “Gone Girl” อยู่ในหมวดหรือประเภทหนังแนวไหน เพราะตัวมันเองมีสัดส่วนที่หาประเภทของหนังคงจัดได้หลายแนว แต่ไม่ใช่ประเด็น!! ประเด็นคือสำหรับเราแล้วหนังแบ่งช่วงออกเป็นสองพาร์ทอย่างชัดเจน พาร์ทแรกคงเป็น หวาดระแวงและคลี่คลายคดี ส่วนพาร์ทสอง เรียกได้ว่า “ขบขัน” แต่ก็แฝงความตลกร้ายไม่ทิ้งลายของ Fincher แต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กๆที่จนแล้วจนรอด หนังก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากเข้าไปดู ถึงกระนั้นแล้วช่วงเวลาสองชั่วโมงครึ่งก็ทำให้เราเพลินไปได้ตลอดทั้งเรื่อง จนมองดูนาฬิกาพบว่าเวลาเดินผ่านไปเร็วเหลือเกิน คุ้มค่าที่ได้ดูแต่ไม่คุ้มค่าที่ตั้งใจรอคอยครับ!!

“หวาดระแวง” แม้หนังจะไม่ได้ออกแนวกดดันจนเกินไปและไม่ได้เซอร์ไพรส์คนดูแบบกำลังโดนตบหัวอยู่ ถ้าคุณกำลังคิดตามคงจับผิดตัวละครได้ไม่ยากเลย ในการเปิดเผยเรื่องราวดูไม่มีเอกลักษณ์และแรงดึงดูดบวกกับไร้ซึ่งความมีเสน่ห์!! ผมหวังว่าอยากรู้สึกร้องวาว!! จุดนี้เองที่ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรเลยเพราะเหมือนตัวหนังเองก็อยากให้คนดูรู้ๆกันแบบง่ายๆอยู่แล้วในช่วงไขคดี และหนังเองก็จงใจจะเล่นประเด็นครอบครัวแบบเปิดเผยมากกว่าประเด็นสืบสวน บวกด้วยการจงใจเสียดสีวิถีชีวิต สังคม ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันมักจบลงด้วยความ “หวาดระแวง” ตลอดช่วงเวลาของพาร์ทแรกคือช่วงที่เกริ่นนำที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัว ตัดสลับการไขคดีที่ชวนเพลิดเพลินไร้ซึ่งความกดดัน(แม้จะมีเล็กๆแต่ก็น้อยเกินไป แอบเซ็งๆ) เรียกได้ว่าเย็นสบายเกินไปสำหรับหนังสืบสวน น่าแปลกมากที่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ณ ขณะที่นั่งดูอยู่ ถึงแม้ว่าหนังจะไม่กดดันเท่าที่ควรจะเป็น แต่งานฝีมือ ด้านตัดภาพ ซาวด์เอฟเฟค หรือลำดับภาพ ก็สุดยอดตามเคยครับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการนำเสนอ เราก็คงอดคิดไม่ว่า “Gone Girl” เป็นหนังที่ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยาย ที่ผมก็ไม่เคยอ่านหรอกครับ!! และถ้าอ่านจริงๆผมก็คิดว่าคงเดาตอนจบในใจได้ไม่ต่างจากหนังเท่าไหร่เลย สิ่งที่ผมคิดก่อนดู “Gone Girl” คือความต้องการ ได้รับหนังแนวกดประสาทสมอง โรคจิต อารมณ์หม่นหมอง ออกแนวดาร์ก ซาดิสเล็กๆ ลุ้นๆใจเต้นเร็วๆ ตบท้ายด้วย เล่นผมเต็มๆ ตามสไตล์ Fincher!! แต่สำหรับ Gone Girl คงแตกต่างแต่ก็ไม่ต่างจนเกินไป แอบเสียดายเล็กๆ

ประเด็นคงไม่ใช่ความกดดันแล้วครับ เมื่อมาถึงจุดกลางเรื่อง ผมก็สัมผัสกับประเด็นความรักและการนอกใจ ความสัมพันธ์ของครอบครัว พฤติกรรมของคนในสังคมผนวกด้วยสภาพแวดล้อม เอาเข้าจริงมันก็ดูดีและงดงามเกินกว่าประเด็นโรคจิตที่หนังเล่นด้วยซ้ำไป บางทีสิ่งเหล่านี้คงเป็นการเล่าเรื่องที่ดูตรงไปตรงมาจนเราอาจเสียดายว่าอยากได้อะไรมากไปกว่าความตรงไปตรงมาของตัวหนัง ถึงแม้ว่า “ความเป็นเส้นตรง” ของ “Gone Girl”จะดูไม่มีเสน่ห์เลยก็ตามที แต่มันก็เป็นเส้นตรงที่ดูเพลินจนจบเส้นทางการดำเนินเรื่อง ว่าด้วยพาร์ทหลัง “ขบขัน” หลังคลี่คลายคดี ตัวหนังกระชากอารมณ์เร็วเกินไปพลิกจากหนังสืบสวน กลายร่างเป็นหนังอารมณ์ดีแต่ก็แฝงไปด้วยแนวคิดที่ตลกดีเหมือนจะแอบชอบกว่าพาร์ทแรก เพลินๆไปครับ ทางด้านนักแสดง “Ben Affleck” เอาจริงๆไม่เคยมีเรื่องไหนที่ดูแล้วชอบพี่เลยนะ ข้ามไปที่ “Rosamund Pike” จัดว่าเด็ด!! เอาใจไปสุดยอดของการแสดงครับ ^^

สุดท้าย “Gone Girl” คือการตัดตอนบทสรุปไขคดีได้แบบไร้ความมีเสน่ห์ ลดทอนตัดตอนแบบรวดเร็ว แต่บรรเทาอาการด้วยพาร์ทขบขันได้เอาอยู่ หงุดหงิดเพียงชั่วขณะตบกลับด้วยความเพลินได้เร็วจนลืมไปเลยว่าความรู้สึกก่อนหน้านั้นเป็นแบบไหน สำหรับแฟนๆ “David Fincher” คงผิดหวังเล็กๆ หรืออาจจะไม่เล็ก ขึ้นอยู่ที่คุณตั้งความหวังไว้ก่อนดูมากแค่ไหน ไม่ว่าด้วยความหวังว่าเราอยากได้หนังแนวไหน แต่สำหรับเราแล้ว “Gone Girl” ก็เป็นหนังที่คุ้มค่าและน่าบอกต่อ แม้มันจะไม่พีคจนเราร้องวาว!! แต่มันก็เพลินจนลืมเวลาเลยครับ >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ

ขอบคุณที่สละเวลาอ่านความรู้สึกผมครับ
อ่านเรื่องอื่น http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่