กระทู้นี้โพสเพื่อเตือนใจเพื่อน ๆ ในเรื่องการกินจากสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นปัญหา กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
"ก้างปลาแทงเหงือกยังเสื..กตาย"สำนวนนี้ ดูจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระสำหรับผมอีกต่อไป เหตุการณ์เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมานี่เอง ผมเดินทางมาจังหวัดราชบุรีเพื่อร่วมงานทำบุญครบรอบการเสียชีวิต 50 วันของคุณยายแฟน มาถึงตั้งแต่คืนวันศุกร์ มาถึงก็ได้เวลาทานข้าวพอดีแม่ครัวทำกับข้าวหลายอย่างอร่อยทั้งนั้น แต่ที่สะดุดลิ้นเป็นพิเศษคือ"แกงส้มหน่อไม้ปลาช่อน" ทานข้าวเสร็ดก็อาบน้ำอาบท่าเข้านอน พรุ้งนี้ต้องไปยืมของที่วัดมาจัดสำหรับงานแต่เช้า
ตื่นเช้ามาด้วยความสดใส ผมกับแฟนรีบไปยืมของจากวัด ทั้งเสื่อพระ,โต๊ะหมู่บูชา ฯลฯ หลังจากจัดของเสร็จพบว่ายังขาดของอีกหลายรายการ เช่นเทียนทำน้ำมนต์ ,สายสิน จำเป็นตองอกไปซื้อ อีกทั้งต้องซื้อน้ำแข็งด้วย และขณะนั้นก็เป็นเวลา แปดโมงครึ่งแล้ว จึงรีบทานข้าวมีกระดูกหมูทอดที่แม่แฟนทอดไว้ และที่ขาดไม่ได้คือ "แกงส้มหน่อไม้ปลาช่อน"ที่เหลือจากเมื่อวาน
ด้วยความรีบร้อนในการกินทำให้ ก้างปลาเจ้ากรรมทิ่มคอพร้อมกันนั้นก็สำลักข้าวด้วย จุดที่ทิ่มนั้นไม่แน่ใจว่าตรงไหน แต่จากความรู้สึกน่าจะด้านซ้ายและลงไปในลำคอลึกพอสมควร ที่สำคัญมันอยู่ในจุดที่ทำให้คันคอและกระตุ้นให้อาเจียน ผมอาเจียนไปหลายครั้งจนหัวหูแดงไปหมด คิดว่ามันคงจะหลุดออกมา แต่เหมือนมันจะยิ่งลึกเข้าไป จึงตัดสินใจให้แฟนพาไปหาหมอที่ใกล้ที่สุด แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดทำให้สถานพยาบาลขนาดเล็กปิด ไปแห่งที่ 2 ไม่มีเครื่องมือ จึงต้องไปฉุกเฉินที่โรงพยาบาลราชบุรี เข้าห้องฉุกเฉินหมอส่องหาไม่พบ จนต้องไปเอ็กซเรย์ลำคอ และส่งต่อไปแพทย์เฉพาะทาง หมอพ่นยาชา และส่องหาตำแหน่งที่ก้างทิ่ม ใช้เวลานานกว่าจะพบ หมอส่องและคีบ ผมต้องดึงลิ้นเอง ทั้งกด ทั้งดึง ทั้งคีบ ใช้เวลากว่า 45 นาทีถึงจะนำก้างเจ้ากรรมชิ้นนี้ออกมาได้ เจ็บลิ้นผุด ๆ หมอถอนหายใจเฮือกและบอกว่า"นึกว่าจะต้องผ่าแล้ว" ผมใจหายวาบถึงกะต้องผ่าเชียวเหรอ! ก้างปลายาวได้ขนาดประมาณ 3 cm หมอบอกว่าแทงไปมิดต้องกดถึงจะเห็นหัว และที่สำคัญตำแหน่งที่ก้างทิ้มเข้าไปอยู่ระหว่างโคนลิ้นกับต่อมทอมซิล ซึ่งเอาออกยากมาก กว่าจะเอาออกมาได้หมดสถาพเลยเพราะอาเจียนหลายรอบ สรุปผมมาไม่ทันฟังพระสวดใช้เวลาตั้งแต่ 8.45-12.30 ไปกับก้างปลาอันเดียว หลังจากนั้นยังเจ็บคอและเจ็บลิ้นต่อมาจนถึงวันนี้เลยครับ
นี่แหละครับประสบการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เวลาทานข้าวควรระวังเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนอย่ารีบ แต่ถ้าพลาดมีก้างทิ่มไปแล้วผมมีข้อแนะนำอยู่ 5 ข้อดังนี้
1.พยายามอย่าอาเจียร แม้ว่ามันจะอาเจียรก็ขอให้ฝืนไว้ก่อน(เพราะเรายิ่งอาเจียน กล้ามเนื้อจะยิ่งดูดก้างปลางเข้าไปลึกยิ่งขึ้น)
2.คายเศษอาหารทีเหลือออกให้หมด อย่ากลืนอะไรลงไปเช่นข้าวสวย ,ข้าวเหนียว หรือขนมปัง(เพราะอาจทำให้สิ่งที่กลืนไปดันก้างปลาให้ลึกเข้าไปอีก)
3.บ้วนปาก บ้วนน้ำลายให้ปากสะอาด
ขั้นตอนต่อไปนี้ต้องมีคนช่วยทำ
4.เอาไฟส่องดูว่าพบก้างปลาหรือไม่ ถ้าไม่พบให้ลองดึงลิ้น หรือใช้ไม้ไอติมกดลิ้น จะทำใหสามารถมองเห็นชองลำคอได้ลึกขึ้น
5.ถ้ามองเห็นก้างปลาและมีอุปกรณ์ ที่พอจะคีบถึงให้คีบออกมาเลย โดยปกติก้างปลาจะทิ่มไปไม่ลึกมาก แต่ถ้าเรายิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปมันจะยิ่งลึกเข้าไป แต่ถ้าไม่สามารถให้รีบไปพบแพทย์ที่ใกล้ที่สุด
*สิ่งสำคัญพยายามบังคับตัวเองไม่ให้อาเจียน และพยายามอย่ากลืนอะไรถ้าน้ำลายเยอะให้บ้วนทิ้ง เพราะทุกครั้งที่เรากลืนกล้ามเนื้อจะขยับทำให้ก้างยิ่งแทงเข้าไปลึกขึ้าชน
**ก้างทิ่มคอ ต่างจากก้างขวางคอ เพราะฉะนั้นกลืนข้าวเหนียว ข้าวสุก ขนมปังไม่ช่วยอะไร
***แมวไม่ช่วยอะไร
บทเรียนจากก้างปลา
"ก้างปลาแทงเหงือกยังเสื..กตาย"สำนวนนี้ ดูจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระสำหรับผมอีกต่อไป เหตุการณ์เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมานี่เอง ผมเดินทางมาจังหวัดราชบุรีเพื่อร่วมงานทำบุญครบรอบการเสียชีวิต 50 วันของคุณยายแฟน มาถึงตั้งแต่คืนวันศุกร์ มาถึงก็ได้เวลาทานข้าวพอดีแม่ครัวทำกับข้าวหลายอย่างอร่อยทั้งนั้น แต่ที่สะดุดลิ้นเป็นพิเศษคือ"แกงส้มหน่อไม้ปลาช่อน" ทานข้าวเสร็ดก็อาบน้ำอาบท่าเข้านอน พรุ้งนี้ต้องไปยืมของที่วัดมาจัดสำหรับงานแต่เช้า
ตื่นเช้ามาด้วยความสดใส ผมกับแฟนรีบไปยืมของจากวัด ทั้งเสื่อพระ,โต๊ะหมู่บูชา ฯลฯ หลังจากจัดของเสร็จพบว่ายังขาดของอีกหลายรายการ เช่นเทียนทำน้ำมนต์ ,สายสิน จำเป็นตองอกไปซื้อ อีกทั้งต้องซื้อน้ำแข็งด้วย และขณะนั้นก็เป็นเวลา แปดโมงครึ่งแล้ว จึงรีบทานข้าวมีกระดูกหมูทอดที่แม่แฟนทอดไว้ และที่ขาดไม่ได้คือ "แกงส้มหน่อไม้ปลาช่อน"ที่เหลือจากเมื่อวาน
ด้วยความรีบร้อนในการกินทำให้ ก้างปลาเจ้ากรรมทิ่มคอพร้อมกันนั้นก็สำลักข้าวด้วย จุดที่ทิ่มนั้นไม่แน่ใจว่าตรงไหน แต่จากความรู้สึกน่าจะด้านซ้ายและลงไปในลำคอลึกพอสมควร ที่สำคัญมันอยู่ในจุดที่ทำให้คันคอและกระตุ้นให้อาเจียน ผมอาเจียนไปหลายครั้งจนหัวหูแดงไปหมด คิดว่ามันคงจะหลุดออกมา แต่เหมือนมันจะยิ่งลึกเข้าไป จึงตัดสินใจให้แฟนพาไปหาหมอที่ใกล้ที่สุด แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดทำให้สถานพยาบาลขนาดเล็กปิด ไปแห่งที่ 2 ไม่มีเครื่องมือ จึงต้องไปฉุกเฉินที่โรงพยาบาลราชบุรี เข้าห้องฉุกเฉินหมอส่องหาไม่พบ จนต้องไปเอ็กซเรย์ลำคอ และส่งต่อไปแพทย์เฉพาะทาง หมอพ่นยาชา และส่องหาตำแหน่งที่ก้างทิ่ม ใช้เวลานานกว่าจะพบ หมอส่องและคีบ ผมต้องดึงลิ้นเอง ทั้งกด ทั้งดึง ทั้งคีบ ใช้เวลากว่า 45 นาทีถึงจะนำก้างเจ้ากรรมชิ้นนี้ออกมาได้ เจ็บลิ้นผุด ๆ หมอถอนหายใจเฮือกและบอกว่า"นึกว่าจะต้องผ่าแล้ว" ผมใจหายวาบถึงกะต้องผ่าเชียวเหรอ! ก้างปลายาวได้ขนาดประมาณ 3 cm หมอบอกว่าแทงไปมิดต้องกดถึงจะเห็นหัว และที่สำคัญตำแหน่งที่ก้างทิ้มเข้าไปอยู่ระหว่างโคนลิ้นกับต่อมทอมซิล ซึ่งเอาออกยากมาก กว่าจะเอาออกมาได้หมดสถาพเลยเพราะอาเจียนหลายรอบ สรุปผมมาไม่ทันฟังพระสวดใช้เวลาตั้งแต่ 8.45-12.30 ไปกับก้างปลาอันเดียว หลังจากนั้นยังเจ็บคอและเจ็บลิ้นต่อมาจนถึงวันนี้เลยครับ
นี่แหละครับประสบการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เวลาทานข้าวควรระวังเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนอย่ารีบ แต่ถ้าพลาดมีก้างทิ่มไปแล้วผมมีข้อแนะนำอยู่ 5 ข้อดังนี้
1.พยายามอย่าอาเจียร แม้ว่ามันจะอาเจียรก็ขอให้ฝืนไว้ก่อน(เพราะเรายิ่งอาเจียน กล้ามเนื้อจะยิ่งดูดก้างปลางเข้าไปลึกยิ่งขึ้น)
2.คายเศษอาหารทีเหลือออกให้หมด อย่ากลืนอะไรลงไปเช่นข้าวสวย ,ข้าวเหนียว หรือขนมปัง(เพราะอาจทำให้สิ่งที่กลืนไปดันก้างปลาให้ลึกเข้าไปอีก)
3.บ้วนปาก บ้วนน้ำลายให้ปากสะอาด
ขั้นตอนต่อไปนี้ต้องมีคนช่วยทำ
4.เอาไฟส่องดูว่าพบก้างปลาหรือไม่ ถ้าไม่พบให้ลองดึงลิ้น หรือใช้ไม้ไอติมกดลิ้น จะทำใหสามารถมองเห็นชองลำคอได้ลึกขึ้น
5.ถ้ามองเห็นก้างปลาและมีอุปกรณ์ ที่พอจะคีบถึงให้คีบออกมาเลย โดยปกติก้างปลาจะทิ่มไปไม่ลึกมาก แต่ถ้าเรายิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปมันจะยิ่งลึกเข้าไป แต่ถ้าไม่สามารถให้รีบไปพบแพทย์ที่ใกล้ที่สุด
*สิ่งสำคัญพยายามบังคับตัวเองไม่ให้อาเจียน และพยายามอย่ากลืนอะไรถ้าน้ำลายเยอะให้บ้วนทิ้ง เพราะทุกครั้งที่เรากลืนกล้ามเนื้อจะขยับทำให้ก้างยิ่งแทงเข้าไปลึกขึ้าชน
**ก้างทิ่มคอ ต่างจากก้างขวางคอ เพราะฉะนั้นกลืนข้าวเหนียว ข้าวสุก ขนมปังไม่ช่วยอะไร
***แมวไม่ช่วยอะไร