[คำถามก็ไม่เชิง เชิงบ่นก้อน่าจะใช่] ความในใจที่ผมมีให้กับแฟนเก่า

กระทู้คำถาม
เชิงบ่น] ผมกับแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว . . . แต่ว่า . . .
แก้ไข
ขออธิบายเพื่อนๆ ก่อนครับว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรก แทกห้องอะไรบ้างก็ยังไม่รู้เลย . .  ตั้งใจจะมาบ่นอย่างว่านั้นแหละครับ แต่ในใจก็อยากได้ความเห็นจากคนหลายๆมุมมอง
เกริ่นนำเรื่องก่อนเริ่มแรก ช่วงฤดูร้อนของเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา"ผม" ตั้งใจจะจีบหรือชอบเพื่อนของเธอคนนี้ ซึ่งตรงกับกิจกรรมการเข้าค่ายอะไรสั้กอย่างนึง ก่อนหน้านี้เราโทรศัพท์คุยกันเป็นปกติ ไม่มี Line Facebook หรือ Smart Phone ที่ติดต่อกันง่ายเหมือนสมัยนี้(สมัยนั้นมีแหล่ะ แต่ว่าไม่สะดวกทั้งคู่) แต่ว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมของเธอนั้นเสีย . . . เธอจึงบอกว่าให้โทรผ่านเพื่อนสนิทของนางก็ได้ . . แล้วผมก็ได้เบอร์โทรศัพท์ปริศนานี้มา . . ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่เบอร์จริง หรืออาจจะแกล้งทำเลขเพี้ยน
ถึงช่วงวันกิจกรรมจริง . . ผมก็โทรไปเจ้าของโทรศัพท์ก็รับ ตามธรรมเนียมปกติของเพื่อนๆ มีแซวกันเป็นปกติอยู่แล้ว "อ้าวถูกเบอร์ด้วยหรอ !" ผมสบถออกมาด้วยน้ำเสียงธรรมดา จากนั้นมีคนพุดแทรกในสาย "ห้ะ ? อะไรนะคะ" น้ำเสียงค่อยข้างหนักแน่นต่างจากคนที่กำลังจีบอยู่ ซึ่งเรื่องที่ผมกำกล่าวมาจะเกือบ 1,000 ตัวอักษรนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาหลักเลยแต่อย่างใด . .
สุดแล้วแต่ถัดจากนั้นมา ราวหนึ่งรอบเดือนเป็นไปตามเพื่อนๆคาดไว้นั้นแหละครับ คือ "ผมอกหัก" เธอคนนั้นไปชอบอีกคนนึงซ้ะแล้ว
ซึ่งเป็นไปตามประสาผู้ชายที่จีบสาวไม่เป็นอย่างผม ต้องมีเสียใจบ้างแต่ทำไงได้ . . . เค้าบอกมาชัดซ้ะแบบนั้น
  เรื่องเริ่มจากตรงนี้ครับ . . . ผมก็เรื่อยๆของผมไป กล่าวคือหลังจากอกหักก็ไม่ได้อะไรมากมาย มีใครคุยก็คุยไป . . จนไปแอด Friend facebook ของเธอคนนี้เข้า ใช่แล้วครับเค้าคือเพื่อนของผู้หญิงคนแรกที่ผมกล่าว
ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงระยะเวลาทำใจ ผมก็ฆ่าเวลาด้วยการดูการ์ตูน หรืออนิเมะ เรื่องนึงครับ มันคืออันเดียวกันนั้นแหละหน่า . . .
  จนกระทั่งวันนึงตาผมไปสะดุดเข้ากับชื่อที่ใช้แสดงในเฟสบุ๊ค พร้อมกับสถานะอย่างนึงื่เกี่ยวกับ อนิเมะ ที่ผมพึ่งดูจบไปเมื่อเดือนก่อนที่จะเริ่มคุยกับเธอนี้แหละครับ "อ้าว . . .มีเรื่องให้คุยแล้ว เราลองดูดีกว่า" ผมมีนิสัยเสียอย่างนึงที่ติดนิสัยมาจากพ่อคือ การใช้คำพูดค่อนข้างออกไปในทางเชิงลบแต่ไม่ถึงกับเทเสียนั้นแหละ เป็นการแซวหากใครดูไม่ดูจะคิดว่าประชดประชัน แล้ว comment ใน status นั้นก็แน่นอนเลยครับว่า "Negative"  กับตัวละครที่เธออวยแน่นอน เริ่มต้นดีมีชัยเหมือนจะมีชัย คร่าวๆเกี่ยวกับตัวเธอผมค่อนข้างถูกใจ ผมชอบผู้หญิงที่มีสไตล์โดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง ถ้าจะมองเห็นภาพหน่อยก็คือ เอกลักษณ์ที่เราสัมผัสได้จากประดิษฐ์ จิตรกรรมอะไรทำนองนั้น
"สาวซึน" เป็นคำนิยามของผุ้หญิงที่ผมค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เราคุยกันมาเรื่อยๆผ่านตัวหนังสือสั้กพัก เจอกันบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้พิเศษอะไร ผมเองก็คิดว่าการคุยแบบนี้ของนางคงปกติดีกับทุกคน หลังจากนั้นก็คิดได้ว่า ตัวเองมีเบอร์โทรศัพท์ของเธออยู่ก่อนแล้ว จึงคิดสนุกในใจว่าลองโทรไปแกล้งเป็น Callcentre หรือ เกรียนตามประสาเราดีกว่า
        "คุยกันไปได้ด้วยดีเลย" ผมคิดในใจไม่น่าจะมีเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้ตั้งตัว ผมจำได้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้ซึ่งเคยกล่าวข้างบนบอกกับผมว่า "เอ่อพี่นี่เพื่อนคนนี้ เพิ่งเลิกกับแฟนมา มันเฮิร์ทๆอยู่ อยากให้มันลองคุยกับพี่ดู" ซึ่งแน่นอนผมถามจากเธอ แต่จริงๆผมเริ่มคุยกับเธอ(คนที่2) ก่อนที่จะถามเพื่อนเธออีก (ตอนนี้ เธอในคนที่กล่าวข้างบนตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็น"เพื่อนเธอ" แล้วนะครับ ส่วน"เพื่อนเธอ" เลื่อนยศไปเป็น"เธอ" ตามลำดับ
         คุยกันอีกร่วมเดือนนึงทางเสียงบ้าง ทางตัวหนังสือบ้าง ผมก็เกิดถูกใจขึ้นมา . . ." แฟน ???" คำคำนี้มันคงจะห่างไกลกับผมมาก ประกอบกับผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อน ส่วนมากจะโดนไม้เบสบอลฟาดที่ต้นขาบ้าง บ้างก็เอาค้อนทุบหัวเข่า ผมทรุดลงแล้วเค้าก็ไป ก็คือ "โดนปฏิเสธ" นั้นแหละครับ วันวันนั้นไม่รู้เกิดลูกบ้าอะไรขึ้น . . . ผมหลุดถามออกไป แต่เออ. .หลุดถาม ? มันคงเป็นการ Requests ล่ะมั่ง "นี้ . . . เป็นแฟนกัน . . .ไหม๊ ?" ตอนที่หลุดคำขอคำนี้ไป ผมเองก็ไม่เชื่อว่าจะพุดจริงๆ ถ้าจะให้พูดครั้งที่สองในตอนนั้นผมบอกได้คำเดียวว่า "ไม่" หน้าแดงจนดำ เขียวคล้ำเลยทีเดียว ความรุ้สึกแบบนี้พุดตามตรงคือ เขิน
"ห้ะ อะไรนะ ?" เธอถามอยากให้ผมพูดใหม่อีกครั้ง ? ประกอบกับน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ของเธอ คล้ายกำลังทะเล้น และน่ารักในตัว
   เอาวะเป็นไงเป็นกัน จะตายวันนี้หรือวันหน้าก็ยิ้มตายเหมือนกัน ผมตัดสินใจส่งคำขออีกครั้ง ครั้งนี้ชัดกว่าเดิม "เป็นแฟนกันนะ ?"
"อื้มมมมมมมมม" เธอตอบตกลง น้ำเสียงที่มีเสน่ห์และทะเล้นของเธอตอนนั้นทำเอาหัวใจผมแทบจะวาย . . .
ซึ่งเกือบประมาณ 4000 ตัวอักษรข้างบนก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลัก
แต่แล้วเรื่องก็กำลังจะเริ่มจากนี้ครับ . . .
เราคบกันได้ประมาณ 1 ปีเศษๆ มีงอน มีง้อ เป็นปกติครับ แต่ทะเลาะกันหนักๆ คงพุดได้เลยว่า" ไม่มี " ในระยะที่คบกัน โดยส่วนตัวแล้ว
ผม ไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบกินเหล้า ไม่สูบบุหรี่หรือแต่อย่าใด
ไม่ชอบ ก็ใช่ว่าจะไม่เคย แต่ไม่สะดวกทำเป็นกิจวัตรแน่นอน
พอครบวันเผา มีพบก็ต้องมีวันจาก ช่วงปั้นปลายของระยะเวลาที่คบกัน
เราสองคนรู้กันดีว่า . . . ไกล้จะถึงเวลาที่เราจะเลิกกันแล้ว เราสองคน "พยายามจะไม่ทะเลาะกัน" ตลอด แต่ด้วยนิสัยเสียของผมจะชวนเธอทะเลาะอยู่เรื่อย ซึ่งก็รู้สึกผิดในใจอยู่แล้วตอนนี้ แต่ด้วยธรรมชาติของคนเรา ไม่มีใครโทษตัวเองก่อนอยู่แล้ว จึง . . . . อย่างที่คิดนั้นแหละครับ สิ่งที่แย่ที่สุดคือโยนความผิด คนทุกคนรู้อยู่ใจ แต่ใครล่ะที่คอยระวัง ?
เราคุยกันน้อยลง แทบจะไม่คุยกันเลย ทุกครั้งที้คุยกันจะรู้สึกตึงๆ อึดอัด
เราสองคนรู้สึกดี แต่เนื่องจากที่เคยทะเลาะหยอกล้อน่ารักๆ ตอนแรกๆ ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว น้ำหนักของเสียงเปลี่ยนรู้ดีว่าเธอก็อึดอัดไม่แพ้กัน
บอกตรงๆ ผมก็ทำอะไรไม่ถูกในตอนนั้น เหมือนที่ทำมันจะผิดซ้ะเกือบหมด
เหมือนกับเราเขย่าขวดน้ำอัดลม เวลาเปิดฝาสิ่งอยู่ข้างในมันจะพุ่งออกจนเกินควบคุม
   แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ วันที่เราต้องเลิกกันแล้ว รายละเอียดก่อนจะเลิกกันมีลึกกว่านั้นแต่มันจะทำร้ายจิตใจเกินไป ผมรู้สึกว่าตัวเองแย่จนเกินไป
ตลอดเวลาที่เลิกกัน ตามสูตร . . ตามพล็อตของภาพยนตร์พันล้าน "ง้อ คืนดี" ? จะทำได้จริงหรอ ? ภายหลังรู้ว่า ผมแย่เกินไปที่เค้าจะให้โอกาศจริงๆ แน่นอนว่าเธอปฏิเสธ เธอพูดว่า " ถ้าเรากลับไป เธอจะทนเราได้หรอ ? ไม่อึดอัดหรอ ? เราไม่เอาแล้ว" รายละเอียดตอนง้อก็เยอะกว่านี้อีกแน่นอน แต่ขอเก็บความผิดไว้คนเดียว ไม่ขอบ่นเพิ่มเติม ผมก็เข้าใจแล้วว่าต่อจากนี้ต้องเลิกจริงๆ
5 เดือน - - - กับสงครามเย็นที่ค่อนข้างดุเดือด อย่างที่บอกว่าเหมือนเขย่าน้ำอัดลมแรงๆ แล้วเปิดฝาออก แต่ถึงกระนั้นไม่เคยปะทะกันตรงๆ
หลังๆ ก็เริ่มซาลงมาบ้าง "ถ้าจะด่ากันก็ให้เผื่อวันใด วันหนึ่งจะกลับมาเจิกันด้วย"
แล้วผมก็ทัก IM fb ไปหา . . . เธอไม่ตอบกลับ . . บ้างอ่านแต่เฉย
ผ่านไปอีกเดือนนึง ก็ทัก IM ไปอีกคราวนี้ก็ตอบกลับมา
แต่ว่า. . . การคุยในรอบนี้ . . . ตัวผมเองรุ้สึกดีกว่าคราวที่คบกัน
ในใจลึกๆ ผมรักเธอมาก รักมากจริงๆ แต่การกระทำที่ผ่านมาเหมือนกับผมเห็นแก่ตัว
ใช่แล้วครับผมคิดว่า "คืนดี" แต่ . . . . เรื่องแย่ๆที่เคยมากับเธอ ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก ทำได้แค่ว่า "ผมเห็นเธอ happy ดี สดใสดีเหมือนตอนที่เจอกัน คุยกับผมปกติดี ผมเองก็โอเคร ในความคิดของเค้า ผมไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ? หรือผมต้องทำยังไงต่อไป ?
เลิกกันมาจะร่วม ปีกว่าๆ ผมไม่มีใหม่ จริงที่สุด คนที่จีบใครไม่เป็นอย่างผมจะไปมีใครเป็นได้ยังไง ? ส่วนเธอ ก็ไม่มีใครเข้ามา (ผมเข้าข้างตัวเองตะหาก . . . จริงๆ มีคนเข้ามาคุยกับเธอ แต่เธอปฏิเสธไป ไม่ได้เปิดเผยเป็นพิเศษกับใครคนใดคนนึง )
ถึงช่วงนี้แล้ว ผมก็ยังยืนยันว่า ผมยังมีความรู้สึกดีดีให้กับเธออยู่ . . . ในช่วงเวลาขณะนี้ เธอยังแสดงตัวที่ดีกับผมอยู่ (ก่อนนี้คือไม่ตอบ หรืออ่านแล้วจบไป ) คล้ายกับมีบางอย่างจับตัวผมไว้ บอกกับผมว่า "อยู่ตรงนี้ ที่นี้ ดีแล้ว" ผมคิดมากขึ้นว่าจะสื่อสารกับเค้ายังไง ? เหมือนกับว่าผมรู้สึกตัวช้ามาตลอด บางทีกับเธอ . . ผมก็พูดไม่ออก เหมือนกับที่เธอทำกับผมคราวก่อน
เหมือนเป็นเวรกรรมที่ตามใวเหลือเกิน  เพียงแต่เปลี่ยนตัวละคร บทของตัวละครก็เปลี่ยนด้วย จากแย่ จนพูดไม่ออก มาเป็น ดี จนพูดไม่ออก
เธอแสดงออกกับผมดีมากครับ เธอร่างเริงเหมือน มีแต่ผมที่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกผิด . . . ผมคิดว่าผมควรจะจากไปได้แล้ว ยุ่งกับเธอมากกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ แต่ทุกครั้งที่คิดจะหยุด ไม่พูด ไม่ตอบ มันกลับทำไมได้เลยจริงๆ หรือบางที่ก็คิดอยากมีคนใหม่ แต่เค้าคนนั้นก็ไม่ควรมาเป็นเครื่องมือให้ผมลืมคนนี้ได้อีก เหมือนกับที่ผมทำกับเค้าคนนี้ ที่ผมพยายามจะใช้เธอเพื่อลืมคนก่อน . . . ผมจะงอแงกับเค้าเหมือนก่อนไม่ได้อีกแล้ว สถานะมันผิดกัน ความรู้สึกของผมก็ผิดด้วย ตอนนี้ในหัวของผมมันโล่งไปหมด
ทุกอย่างที่ทำ ก็เป็นไปตามสัญชาติญาณ
จึงกราบขอคำแนะนำ จากเพื่อนๆ ว่า . . . . .
ถ้าผมพิมพิ์ผิดก็ขอโทษด้วยครับ 5555 ไม่น่าจะใช่
มีคำแนะนำ หรือ something ไม่ถึงกับช่วย แต่เป็นสอนให้ผมเรียนรู้ที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่