พ่อป่วยหนัก ไม่รู้สึกตัว ทำยังไงดีคะ เครียดมาก อยากได้คนปรึกษาค่ะ

ตอนนี้มีปัญหาเครียดมาก ไม่รู้จะระบายทางไหนดี เพราะยิ่งนานวันก้อยิ่งอึดอัด อยากหาทางแก้ไขปัญหา อยากได้คำปรึกษา ที่ปรึกษาที่ดี
พ่อเราเริ่มป่วยมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 มีอาการกลืนอาหารลำบาก อาเจียน ชาตามแขนขา มีภาวะเริ่มหายใจลำบาก ตอนนั้นเราเครียดมาก หาสาเหตุของโรคไม่ได้ว่าเป็นอะไร ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องการเจ็บป่วยเลย พาไปหาหมอรักษาโรคทั่วไปก้อไม่หาย พาไปรักษาโรงบาลประจำจังหวัดหลายครั้งมาก ก้อยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาการก้อเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เราไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่าอาการแบบนี้น่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับอะไร แล้วก้อพบว่าน่าจะเป็นอาการทางสมอง เราได้ขอให้ทางโรงบาลเอ็กซเรย์สมองให้ ซึ่งกว่าจะได้ทำการเอ็กซเรย์ก้อใช้เวลาในการรออยู่เกือบ 1 เดือน จนได้ผลเอ็กซเรย์มา หมอสมองที่โรงบาลดังกล่าวได้แจ้งว่า พ่อเรามีก้อนเนื้องอกที่สมอง อยู่ในส่วนที่อันตราย ถ้าทำการผ่าตัดอาจเสียชีวิตได้ หมอคนนั้นพูดกับพ่อเราแบบนี้ พ่อเราหน้าเสียไปเลย และยิ่งทำให้อาการทรุดหนักมากขึ้น เราไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนั้นได้ปรึกษากับญาติๆว่าจะพาพ่อไปรักษาที่รพ.ในกรุงเทพ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากเช่นกัน ตอนนั้นทางครอบครัวเราไม่มีเงินมากขนาดนั้น ทางญาติพี่น้องป๊าเลยบอกให้เราขายที่หน้าทาง เพื่อมารักษา เราก้อทำตามที่ญาติบอก เพราะเราก้ออยากให้พ่อหาย ไม่อยากเห็นเค้าทรมานด้วยโรคแบบนี้ เราพาพ่อไปตรวจที่รพ.เอกชลก่อน ได้เจอคุณหมอสมองที่ดีมากคนนึง ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือเราอย่างมาก จนพ่อเราทำการรักษาที่รพ.ในกรุงเทพ ผลปรากฏว่า ไม่ได้เปนก้อนเนื้อแบบที่โรงบาลจังหวัดบอก แต่เป็นเส้นเลือดโป่งบริเวณก้านสมอง ทำการรักษาโดยใส่ขดลวดไปอุดเส้นเลือดที่โป่ง หลังจากรักษาก้อนอนพักฟื้นที่รพ.อยู่ 1 อาทิตย์ ตอนนั้นเราคิดว่าพ่อเราคงจะหายแล้ว เพราะไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรเพิ่มเติม จนเวลาผ่านไปอีกไม่กี่เดือน ก้อเริ่มมีอาการกลืนลำบากอีก คราวนี้เราส่งไปรักษาที่โรงบาลเอกชล ผลคือเป็นปอดติดเชื้อ แต่อาการไม่ได้หนัก รักษาอยู่อาทิตย์เดียวก้อกลับมาบ้าน ตอนนั้นพ่อก้อไม่ได้มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง แต่หลังจากนั้นอีกหลายเดือนก็เริ่มมีอาการอ่อนแรง เดินไม่ค่อยไหว ต้องใช้ตัวพยุงช่วยเดิน แล้วอาการก็แย่ลงๆเรื่อยๆ จนช่วงเดือนมีนาคม 2557 เราก้อได้ส่งพ่อไปรักษาที่รพ.ในกรุงเทพเหมือนเดิม ทำการใส่ขดลวดเพิ่ม หมอบอกว่าผลการผ่าตัดออกมาดี พ่อน่าจะดีขึ้น เราก้อหวังว่าจะเป็นแบบที่หมอพูด แต่อาการก้อยังไม่หาย พ่อเราเริ่มเดินไม่ไหว เดินได้น้อยลง เหนื่อยง่าย หายใจลำบากเป็นบางที แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ และก็ไม่ได้ใส่ใจพ่อเท่าที่ควร มัวแต่สนใจทำเรื่องอื่น คิดว่าพ่อคงไม่ได้เป็นอะไรมาก จนปลายเดือนกรกฎาคม 2557 พ่อเราเริ่มกินอาหารได้น้อยลง เราเลยพาพ่อมานอนรักษาที่โรงบาลใกล้บ้าน หมอบอกว่าเป็นปอดติดเชื้อ ต้องนอนให้ยาฆ่าเชื้อ เราก็ให้พ่อนอนห้องพิเศษ แล้วอาการพ่อก้อยังไม่ดีขึ้น จนวันที่ 4 พ่อเราอาหารติดหลอดลม ตอนนั้นเราเห็นพ่อเราหน้าเขียว เราตกใจมาก วิ่งไปบอกพยาบาล พยาบาลมากันเต็มห้องไปหมด บอกว่าพ่อเราขาดอากาศหายใจ ต้องช่วยปั๊มหัวใจขึ้นมา แล้วก็ส่งรีเฟอร์ไปที่โรงบาลจังหวัด แล้วพ่อก็ไปนอนรักษาที่ตึกอายุรกรรม ใส่เครื่องช่วยหายใจ พ่อเราไม่อยากนอนห้องนี้เพราะสภาพแวดล้อมไม่ดี มีแต่คนเจ็บหนัก แต่เราก้อต้องให้พ่อนอน เราสงสารพ่อมากที่ต้องนอนที่นี่ พ่อเราถามทุกวันว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน เราก้อได้แต่บอกให้รอๆๆ จนพ่อเราเริ่มเครียดกับการอยู่โรงบาล มีช่วงที่อาการทรุดหนักเป็นพักๆ พ่ออยากมารักษาที่โรงบาลเอกชล แต่ทางบ้านไม่มีเงิน ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราใจร้ายไปหรือป่าว ที่เอาพ่อมานอนที่นี่ พ่อเป็นคนขี้กลัว ขี้เหงา พ่อบอกกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย เพราะกลัว แต่เราก็ยังไม่พาพ่อย้ายไปที่อื่น ตอนนี้มาคิดแล้ว รู้สึกผิดมากเลย พ่อเรารักษาที่ตึกอายุรกรรมอยู่ 2 เดือน หมอทำการเจาะคอ เพื่อช่วยให้หายใจเองได้ เพราะการใส่เครื่องช่วยหายใจนานจะทำให้ติดเชื้อ แล้วตั้งแต่นั้นมาพ่อเราก้อพูดไม่ได้ พูดแบบไม่มีเสียง แล้วต่อมาหมอเอ็กซเรย์สมองก็แจ้งว่ามีก้อนเนื้อ (อีกแล้ว) และบอกว่ามีน้ำในสมองด้วย ต้องเจาะน้ำออก ซึ่งเราก้อรู้ดีอยู่ว่าก้อนเนื้อที่สมองน่ะมันไม่ใช่ เพราะตอนปี 2556 หมอสมองที่โรงบาลนี้ก้อบอกแบบนั้น หมอจะทำการผ่าสมอง เราไม่อยากให้ทำ เพราะหมอวินิจฉัยโรคผิด เราเลยขอให้ส่งพ่อเรากลับไปพักฟื้นที่โรงบาลใกล้บ้านก่อน เพราะเราอยากไปปรึกษาหมอสมองที่โรงบาลกรุงเทพให้แน่ใจก่อน ว่าผลเอ็กซเรย์ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งการทำแบบนี้เราก็พอรู้ว่าไม่เหมาะสม เหมือนเราไม่ไว้ใจหมอที่นี่ แต่พ่อเราทั้งคน เราจะยอมให้มาผ่าตัดผิดๆได้ยังไง เราไปติดต่อที่โรงบาลในกรุงเทพ ผลสรุปคือก้อนเนื้อน่ะ ไม่มีอะไร มันเป็นเส้นเลือดที่อุดไปแล้ว แต่เรื่องน้ำในสมองน่ะมีจริง ต้องทำการเจาะ เราเลยกลับไปจัดการย้ายพ่อมารักษาที่โรงบาลจังหวัดอีกครั้ง โดยผลการผ่าตัดก็ผ่านไปด้วยดี เหมือนเรื่องจะจบ พ่อเราย้ายกลับมาที่โรงบาลใกล้บ้านอีกครั้ง เพื่อรอกลับบ้าน พักฟื้นอยู่ 1 อาทิตย์ก็ได้ย้ายกลับบ้าน เราซื้อเตียง เครื่องดูดเสมหะ และเครื่องผลิตออกซิเจนเตรียมไว้ที่บ้าน พ่อกลับไปนอนพักที่บ้านได้ไม่กี่วันก็ต้องส่งกลับไปกลับมาที่โรงบาลใกล้บ้านอีกหลายครั้ง จนครั้งหลังสุดพ่อเราเริ่มไม่รู้สึกตัว มีอาการชัก เราเลยส่งมารักษาที่โรงบาลใกล้บ้านอีก คราวนี้พ่อเราหายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องออกซิเจนตลอด การดูแลก็ยิ่งยากมากขึ้น ต้องนอนเฝ้าพ่อตลอด พ่อมีเสมหะข้นมาก ดูดไม่ขึ้น จนทำให้หน้าเขียวเพราะขาดออกซิเจนไปหลายครั้ง จนต้องส่งไปรักษาที่โรงบาลจังหวัดอีก ตอนนี้พ่อเราอาการแย่มาก มีภาวะความดันตก ออกซิเจนต่ำ พอย้านมาโรงบาลจังหวัดอาการดีขึ้น ก้อถูกส่งกลับมาที่โรงบาลใกล้บ้านอีก ทั้งที่พ่อเรายังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้ครอบครัวเราเครียดมาก ไม่รู้จะยังไง จะรับมือกับอาการป่วยของพ่อยังไง น้องตองลาออกจากงานมาเฝ้าพ่อ แต่การต้องเฝ้าทั้งวันทั้งคืน ร่างกายก็ไม่ไหว น้องเราเฝ้าพ่อตืฃิดกัน  2 คืนก็ไม่ไหว เผลอหลับไป จนพ่อเราเสมหะติดหลอดลมอีก ต้องมารักษาที่โรงบาลชลอีก เป็นแบบนี้วนเวียนตลอด เราควรทำยังไงดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่