ออกตัวก่อนว่าไม่เคยอ่านหนังสือนะครับ เขียนรีวิวจากหนังล้วนๆ ครับ

GONE GIRL (2014)
"อะไรที่มันหายไปแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
หนังในชื่อไทยว่า “เล่นซ่อนหาย” (ชื่อเดียวกับหนังสือภาคภาษาไทย) สร้างจากนวนิยายขายดีติดอันดับ New York best seller ครั้งแรกที่ได้ดูหนังตัวอย่างเรื่องนี้ บอกได้ว่า “เฉยๆ”มาก คือมันดูเป็นหนัง thriller สืบสวนสอบสวนทั่วๆไป แค่หยิบปมประเด็นความขัดแย้งภายในครอบครัวมาเล่น ดูไม่มีไรน่าสนใจแปลกใหม่ แต่นี่พอได้ยินหลายกระแสมาว่าดีก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง แล้วพอได้มาดูแล้ว ก็ไม่ผิดหวังหนังมันมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งสนุกและมีสิ่งให้ได้ขบคิดอยู่มาก (นี่ว่าจะไปหาหนังสือมาอ่านครับ เพราะจะตามเก็บรายละเอียดอีก)
เรื่องย่อ : วันนึง Nick Dunne ชายหนุ่มผู้ซึ่งมีภาวะเบื่อหน่ายในชีวิตคู่กลับมาบ้านตอนเช้าแล้วพบว่าภรรยา Amy Dunne หายตัวไป โดยทิ้งร่องรอย (แบบไม่ค่อยแนบเนียน) เอาไว้ให้สงสัย คำถามที่เกิดคือนางหายตัวไปไหน ? ใครลักพาตัวนางไป ? หรือนางจะโดนฆาตรกรรม ? หนังดำเนินเรื่องตามสไตล์หนังสืบสวนสอบสวน โดยตัดสลับแง่มุมอีกด้านจากตัว Amy dunne ผ่านไดอารี่ที่นางเขียนไว้ก่อนหายตัวไปอยางลึกลับ กลวิธีการเล่าเรื่องของหนังแยบยลแบบค่อยๆคลายปมให้คนเดาเรื่องไปเรื่อยๆ ที่มาของตัวละครถูกคลายออกมาละนิด เปรียบเสมือนคำใบ้ในการเล่นแรลลี่ ที่ต้องแกะปริศนาทีละด่าน เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่าทำไม Amy dunne ถึงหายตัวไปแล้วใครคือคนทำ นอกจากการตัดต่อแต่ละตอน การใช้โทนสีในหนัง ทำให้หนังดูลึกลับอึมครึมและชวนน่าสงสัยแล้ว ต้องยกย่องบทภาพยนตร์ในหนังด้วย ซึ่งน่าจะมีส่วนที่ดึงมาจากบทในนวนิยาย คือคำพูดดูฉลาด แยบยล กระชับไหลลื่นดีทีเดียว
ความยาวของหนังเกือบ 2 ชั่วโมง30 นาที แต่กลับพบว่ามัน ”ไม่น่าเบื่อเลย” หนังออกตัวว่าเป็น Thriller ก็จริงแต่เป็นแบบอ่อนๆ นอกนั้นคือมี Drama มี comedy แทรกเป็นระยะให้หนังดูไม่ชืด หนังเปิดปมมาด้วยคำพูดชวนน่าสงสัยในคนดูฉงน การแสดงที่โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ GONE GIRL ของเรานี่แหละ Rosamund Pike บุคคลิกในหนังคือทำให้เชื่อได้ว่าคือ Amy จริงๆ ดูฉลาดเป็นคนมีหน้าตาในสังคมแต่ลึกๆแฝงความร้ายความขบถไว้ภายใต้หน้าตาสวยๆ ความโดดเด่นฉายแววเกือบตอนครึ่งเรื่องที่พีคสุดเมื่อเฉลยว่าที่แท้จริงแล้วนางหายไปได้อย่างไร ความสามารถในการตีบทแตกเข้าขั้นระดับว่าน่าจะมีแววถูกเสนอชื่อชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงได้เลยทีเดียว ส่วนพ่อ Ben Affleck ก็แสดงได้ดีในระดับมาตรฐานอาจด้วยบทที่ไม่เด่นเท่า Rosamund มั้ง ส่วนที่ชอบคือคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องคือมันสะท้อนความเป็นมนุษย์ในแบบปกติ สีเทา ที่มีทั้งดีทั้งเลวปะปนกัน เธอดีชั้นก็ดีตอบ เธอทำร้ายชั้นก็จะร้ายใส่ ส่วนอีกคนที่รู้สึกว่าเล่นดีมาก ธรรมชาติมากคือฝาแฝดสาวของ Nick dunne ในเรื่องซึ่งคอยช่วยเหลือพี่ชายตลอดทำให้รู้สึกว่านี่และคนในครอบครัว พี่น้องสายเลือดเดียวกัน จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว
แก่นที่หนังพยายามจะบอกคงเป็นเรื่องของ”การมีชีวิตคู่” แรกๆก็ดูสวยงามหวานชื่นเดินบนกลีบกุหลาบ แต่พออยู่ๆกันไปมันอาจจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ใจหวัง สุดท้ายก็ต้องมีฝ่ายที่อยากจะจากไป แต่ความกดดันความมีหน้ามีตาในสังคมทำให้บางคู่ต้องฝืนทนอยู่ทั้งที่ไม่ได้รักกันแล้ว จากความรักแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น การเอาชนะ ความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องกลายมาเป็นภาวะจำยอมทั้งๆที่ไม่มีความสุข หนังยังพยายามถามคนดูกลับว่าทุกวันนี้เราปฏิบัติกับคนที่เรารักแบบไหน เราทำให้เค้าดีแลวหรือยัง เพราะหนังจะบอกว่าสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือผลจากการกระทำที่เราทำต่อกัน มันจะแก้ไขอะไรกลับไปไม่ได้อีกแล้วนะ สัญลักษณ์ของหนังคือชื่อหนังนั่นเอง บทสรุปของหนังจะบอกเองว่า "ถ้าอะไรบางอย่างหายไปแล้วก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
เอาจริงๆหนังตัวอย่างนี่แหละ คือสปอยล์ชั้นดี ว่ามะ ? เพราะหนังสื่อแบบชัดเจนเกินไปว่าพระเอกนี่แหละต้องเป็นฆาตกรฆ่าเมียตัวเอง ซึ่งความเป็นหนังชั้นดีมันก็คงจะต้องไม่เฉลยไปในทางนั้นป่ะ ? อันนี้ก็ต้องไปดูเองว่าหนังจะออกมาเป็นยังไง แต่เอาจริงๆ หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือก็พอเดาทางหนังได้ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องแล้วแหละ แต่หนังก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างนิดหน่อย บอกไปสปอยล์แน่ แต่ไปดูเถอะ สนุกตื่นเต้นและคาดไม่ถึงแน่ๆ
ให้คะแนนหนัง 9/10 ครับ
Gone girl : เล่นซ่อนหาย "อะไรที่มันหายไปแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
"อะไรที่มันหายไปแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
หนังในชื่อไทยว่า “เล่นซ่อนหาย” (ชื่อเดียวกับหนังสือภาคภาษาไทย) สร้างจากนวนิยายขายดีติดอันดับ New York best seller ครั้งแรกที่ได้ดูหนังตัวอย่างเรื่องนี้ บอกได้ว่า “เฉยๆ”มาก คือมันดูเป็นหนัง thriller สืบสวนสอบสวนทั่วๆไป แค่หยิบปมประเด็นความขัดแย้งภายในครอบครัวมาเล่น ดูไม่มีไรน่าสนใจแปลกใหม่ แต่นี่พอได้ยินหลายกระแสมาว่าดีก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง แล้วพอได้มาดูแล้ว ก็ไม่ผิดหวังหนังมันมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งสนุกและมีสิ่งให้ได้ขบคิดอยู่มาก (นี่ว่าจะไปหาหนังสือมาอ่านครับ เพราะจะตามเก็บรายละเอียดอีก)
เรื่องย่อ : วันนึง Nick Dunne ชายหนุ่มผู้ซึ่งมีภาวะเบื่อหน่ายในชีวิตคู่กลับมาบ้านตอนเช้าแล้วพบว่าภรรยา Amy Dunne หายตัวไป โดยทิ้งร่องรอย (แบบไม่ค่อยแนบเนียน) เอาไว้ให้สงสัย คำถามที่เกิดคือนางหายตัวไปไหน ? ใครลักพาตัวนางไป ? หรือนางจะโดนฆาตรกรรม ? หนังดำเนินเรื่องตามสไตล์หนังสืบสวนสอบสวน โดยตัดสลับแง่มุมอีกด้านจากตัว Amy dunne ผ่านไดอารี่ที่นางเขียนไว้ก่อนหายตัวไปอยางลึกลับ กลวิธีการเล่าเรื่องของหนังแยบยลแบบค่อยๆคลายปมให้คนเดาเรื่องไปเรื่อยๆ ที่มาของตัวละครถูกคลายออกมาละนิด เปรียบเสมือนคำใบ้ในการเล่นแรลลี่ ที่ต้องแกะปริศนาทีละด่าน เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่าทำไม Amy dunne ถึงหายตัวไปแล้วใครคือคนทำ นอกจากการตัดต่อแต่ละตอน การใช้โทนสีในหนัง ทำให้หนังดูลึกลับอึมครึมและชวนน่าสงสัยแล้ว ต้องยกย่องบทภาพยนตร์ในหนังด้วย ซึ่งน่าจะมีส่วนที่ดึงมาจากบทในนวนิยาย คือคำพูดดูฉลาด แยบยล กระชับไหลลื่นดีทีเดียว
ความยาวของหนังเกือบ 2 ชั่วโมง30 นาที แต่กลับพบว่ามัน ”ไม่น่าเบื่อเลย” หนังออกตัวว่าเป็น Thriller ก็จริงแต่เป็นแบบอ่อนๆ นอกนั้นคือมี Drama มี comedy แทรกเป็นระยะให้หนังดูไม่ชืด หนังเปิดปมมาด้วยคำพูดชวนน่าสงสัยในคนดูฉงน การแสดงที่โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ GONE GIRL ของเรานี่แหละ Rosamund Pike บุคคลิกในหนังคือทำให้เชื่อได้ว่าคือ Amy จริงๆ ดูฉลาดเป็นคนมีหน้าตาในสังคมแต่ลึกๆแฝงความร้ายความขบถไว้ภายใต้หน้าตาสวยๆ ความโดดเด่นฉายแววเกือบตอนครึ่งเรื่องที่พีคสุดเมื่อเฉลยว่าที่แท้จริงแล้วนางหายไปได้อย่างไร ความสามารถในการตีบทแตกเข้าขั้นระดับว่าน่าจะมีแววถูกเสนอชื่อชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงได้เลยทีเดียว ส่วนพ่อ Ben Affleck ก็แสดงได้ดีในระดับมาตรฐานอาจด้วยบทที่ไม่เด่นเท่า Rosamund มั้ง ส่วนที่ชอบคือคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องคือมันสะท้อนความเป็นมนุษย์ในแบบปกติ สีเทา ที่มีทั้งดีทั้งเลวปะปนกัน เธอดีชั้นก็ดีตอบ เธอทำร้ายชั้นก็จะร้ายใส่ ส่วนอีกคนที่รู้สึกว่าเล่นดีมาก ธรรมชาติมากคือฝาแฝดสาวของ Nick dunne ในเรื่องซึ่งคอยช่วยเหลือพี่ชายตลอดทำให้รู้สึกว่านี่และคนในครอบครัว พี่น้องสายเลือดเดียวกัน จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว
แก่นที่หนังพยายามจะบอกคงเป็นเรื่องของ”การมีชีวิตคู่” แรกๆก็ดูสวยงามหวานชื่นเดินบนกลีบกุหลาบ แต่พออยู่ๆกันไปมันอาจจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ใจหวัง สุดท้ายก็ต้องมีฝ่ายที่อยากจะจากไป แต่ความกดดันความมีหน้ามีตาในสังคมทำให้บางคู่ต้องฝืนทนอยู่ทั้งที่ไม่ได้รักกันแล้ว จากความรักแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น การเอาชนะ ความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องกลายมาเป็นภาวะจำยอมทั้งๆที่ไม่มีความสุข หนังยังพยายามถามคนดูกลับว่าทุกวันนี้เราปฏิบัติกับคนที่เรารักแบบไหน เราทำให้เค้าดีแลวหรือยัง เพราะหนังจะบอกว่าสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือผลจากการกระทำที่เราทำต่อกัน มันจะแก้ไขอะไรกลับไปไม่ได้อีกแล้วนะ สัญลักษณ์ของหนังคือชื่อหนังนั่นเอง บทสรุปของหนังจะบอกเองว่า "ถ้าอะไรบางอย่างหายไปแล้วก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
เอาจริงๆหนังตัวอย่างนี่แหละ คือสปอยล์ชั้นดี ว่ามะ ? เพราะหนังสื่อแบบชัดเจนเกินไปว่าพระเอกนี่แหละต้องเป็นฆาตกรฆ่าเมียตัวเอง ซึ่งความเป็นหนังชั้นดีมันก็คงจะต้องไม่เฉลยไปในทางนั้นป่ะ ? อันนี้ก็ต้องไปดูเองว่าหนังจะออกมาเป็นยังไง แต่เอาจริงๆ หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือก็พอเดาทางหนังได้ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องแล้วแหละ แต่หนังก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างนิดหน่อย บอกไปสปอยล์แน่ แต่ไปดูเถอะ สนุกตื่นเต้นและคาดไม่ถึงแน่ๆ
ให้คะแนนหนัง 9/10 ครับ