อัพเดต : ดิฉันได้นำเรื่องราวทั้งหมด มาต่อไว้ที่กระทู้หลัก เชิญอ่านกันแบบยาวๆได้เลยค่ะ
สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องคับข้องใจที่อยากได้ความเห็นทีค่ะว่าแต่ละคนคิดกันอย่างไร มันเป็นเรื่องของความรักของคนสองคน
ขออธิบายรายละเอียดตัวละคร ชายและหญิงก่อนนะคะ
พระเอกของเรื่องเป็นผู้ชายอายุ 40 ต้นๆ (นามสมมติ A)หน้าที่การงานและฐานะทางสังคมดี ภาพลักษณ์ยังไม่ได้แต่งงาน (ข้อเท็จจริงไม่ทราบ) เป็นคนเจ้าชู้ จีบสาวไปเรื่อยมาตั้งแต่อายุช่วง 20 ต้นๆ
มีสัมพันธ์สวาทกับทั้งสาวแก่ แม่หม่าย สาวโสดในที่ทำงานและนอกที่ทำงานมาแล้วหลายต่อหลายคน
ผู้หญิงมีสามีและลูกแล้ว A ก็ไปพรากเขามา ดังเรื่องเกริ่นนำต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 นาง X เป็นผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกแล้ว ถูก A มาจีบ จีบไปจีบมาก็ย้ายบ้านไปอยู่ที่เดียวกัน
เรียกได้ว่าทิ้งลูกและสามีเลยที่เดียว แต่ A น่าจะเป็นคนปากหวานคารมคมคายเพราะสามารถพูดให้ผู้หญิงยอมทำตามได้คือ
ให้นั่งรถบริษัทกลับบ้านเอง แล้วไปลงกลางทาง A จะไปแวะรับ และเช่นกันตอนเช้ามาทำงานพร้อมกันก็ให้ลงจากรถกลางทาง แล้วรอนั่งรถบริษัทเข้ามาทำงานเอง เพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ว่าคบกัน (อาจจะอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันไม่ให้ X เสียหาย) ตลอดเวลาที่คบกัน X ไม่เคยได้นั่งรถ A เข้ามาที่ทำงานเลยและดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ นั่นคือสิ่งที่ A คิดเอง
เรื่องที่ 2 ระหว่างนั้น A ก็มาจีบคนใหม่ชื่อ Y (โดยที่ยังไม่ได้เลิกกับ X) และกับ Y นี่เองที่ A ให้ความหวังว่าจะแต่งงานด้วย จะใช้ชีวิตด้วยกัน
ซึ่ง Y ก็หลงเชื่อและมีความหวัง และเป็นที่น่าตกใจตรงที่ Y ก็ไม่เคยได้นั่งรถเข้า-ออกบริษัทเหมือนกัน แต่ Aที่แสนจะเจ้าชู้ก็ไม่เป็นปัญหา
เพราะ Y บ้านอยู่ใกล้ที่ทำงานจึงสามารถเดินทางมาเองหรือรอขึ้นรถบริษัทก็ได้
สิ่งที่เป็นเรื่องจริงคือ A ไม่เคยพูดยอมรับกับใครเลยว่าจีบใคร หรือคบกับใคร ยืนยันว่าตนเองเป็นโสดตลอดเวลา เสมือนว่า รักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีไว้
รอเหยื่อรายใหม่
และไม่ต้องสงสัย เรื่องมันต้องแดงขึ้นมาซักวัน จนมีการปะทะกันระหว่าง X กับ Y ว่าใครเป็นตัวจริง เขารักฉันมากกว่าเธอ ......ไม่จริง!!!! เขารักฉันมากกว่าต่างหาก ฯลฯ
แต่เป็นที่น่าสงสัยว่า A เขาทำอย่างไรที่ยังคงบริหารความสัมพันธ์ได้อย่างดีที่ให้ทุกคน (X และ Y) ยอมรับ
หรืออยู่กับคนนึงก็บอกรักมาก พอไปอยู่อีกคนนึงก็บอกรักมากกว่า
เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องปกตินะเมื่อมันฉาวโฉ่ ก็ต้องมีผู้เสียหาย และ X ก็ลาออกจากงานไปด้วยความอับอาย
เหลือแต่เพียง Y ที่กระหยิ่มยิ้มย่องว่าฉันคือตัวจริง
ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างปกติดี A ส่งข้อความหวานๆให้กับ Y เช่นรักนะ อย่างนู้นอย่างนี้ และจะแต่งงานกัน จนถึงขั้นมีการเตรียมการแต่งงาน
เตรียมชุด เข้าคอร์สแต่งงาน นัดถ่ายรูป Pre-wedding และที่สำคัญฝ่ายว่าที่เจ้าสาว(Y) ได้ป่าวประกาศทั้งบริษัทว่า ไปงานแต่งฉันด้วยนะ
ด้วยความปิติดีใจ ทุกๆคนก็ลุ้นว่าจะได้ไปงานแต่ง ใส่ชุดอะไรดีนะ
แต่ที่น่าสงสัยคือ A ไม่เคยพูดสักคำว่าจะแต่งงาน
และแล้วฟ้าก็ผ่าลงมากลางใจ Y งานทุกอย่างถูกยกเลิก และจะไม่มีการแต่งงานใดๆ ทุกคนคงเดาได้ว่า Y เสียใจแทบเป็นบ้า และในที่สุดก็ลาออกจากงานไปอย่างทุกข์ระทม
เรื่องที่ 3 นาย A ก็ยังคงไม่จบไม่สิ้นเมื่อมีน้องพนักงานใหม่เข้ามา (ซึ่งแต่งงานแล้ว)ชื่อนาง Z แล้วกัน
นาย A ก็พาไปมีสัมพันธ์สวาทได้อย่างไม่เขอะเขิน แต่ยังคง Concept เดิมคือ จะไม่ได้นั่งรถเข้า-ออก จากบริษัทฯ
แต่แล้วจู่ๆวันนึงนาง Z ก็ลาออกไป และหายไปจากสารบบ แต่ในช่วงต้นปีนี้ 2557 มีคนพบเห็น นาย A และนาง Z ไปกินไก่กันกระหนุงกระหนิงที่ KFC เมกาบางนา (สงสัยจะคิดว่าไม่มีใครเห็นกระมัง)
ยัง...ยังไม่จบ ยังมีอีกนะคะ
เรื่องที่ 4 ที่บริษัทนี้มีการขยายงานทำให้รับพนักงานเพิ่มจะมีน้องผู้หญิงจบใหม่ๆ เข้ามาทำงานมากมายเลย
และนาย A ก็ออกลาย มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โซฟารับรองแขก โดยที่ 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยทำแบบนี้
เพราะอะไรนะหรือ เพราะว่าบริษัท ได้รับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คนใหม่ ที่น่ารักฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งมาก
และดูเหมือนว่า รายนี้จะแห้วเพราะน้องรู้นิสัยและสันดานนาย A ดี
ถึงแม้ว่าน้องจะเพิ่งเข้ามาแต่ก็รับฟังคำบอกเล่าจากพี่ๆที่เขาเตือน....สรุปนาย A อด-!!!
เรื่องต่อไปเลยนะคะ เยอะมากมายจริงๆผู้ชายคนนี้
เรื่องที่ 5 ถัดมาเป็นน้องมาใหม่อีกคนนึง นาย A ถึงขั้นที่หลังเลิกงานก็ขับรถไปหาถึงที่บ้าน
อยากจะแต่งงานด้วย สินสอดเท่าไหร่ไม่อั้น แต่น้องคนนี้ก็ได้รับคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ๆ และน้องเขาเชื่อฟัง จึงทำให้ นาย A อดอีกเช่นเคย
เรื่องที่ 6 นาย A เคยมีความพยายามจะชวนเพื่อนร่วมงานท่านนึงไปกินเหล้า ไปทานข้าว หรือไปไหนมาไหน อะไรก็ได้ แต่สุดท้ายนาย A ก็ได้รับการปฏิเสธ (น่าสงสารนาย A อีกแล้ว แห้วรับประทาน)
เรื่องราวของนาย A ยังไม่หมดนะคะ ยังคงมีต่ออีกค่ะ
ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่ดิฉันเล่ามา ขอรับรองและยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยายดราม่าพันทิปแต่อย่างใดค่ะ
เรื่องที่ 7 ถัดมาก็เป็นน้องใหม่ลำดับถัดมา นาย A พยายามมาหาที่ห้องทำงาน จีบ ตามตื้อ
และบอกว่าจะแต่งงานด้วยถ้าเป็นน้องคนนี้เขาจะหยุดที่คนนี้ แต่น้องได้รับการปกป้องจากรุ่นพี่ๆที่ทำงานว่า อย่าไปยุ่งกับนาย A ทำให้นาย A อดอีกเช่นเคย
เรื่องที่ 8 ถัดมาจากนั้น นาย A ก็เล็งเป้าไปที่เด็กใหม่อีกคน สุดท้ายก็ผิดหวังอีก เพราะมีรุ่นพี่คอยปกป้อง และประเด็นคือน้องเขาเชื่อฟังด้วย (นับว่าน้องโชคดีมาก)
เรื่องที่ 9 ได้มีคนเห็นนาย A ไปจอดรอรับผู้หญิงคนนึงอยู่แถวๆ โรงพยาบาลแห่งนึงซึ่งห่างไกลจากบ้าน นาย A มากๆ
โดยได้คาดเดาว่าคงจะรับไปเที่ยวแน่ๆ
เรื่องต่อไปเลยนะคะ
เรื่องที่ 10 ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไหนแต่เดาว่าอยู่ระหว่าง เรื่องลำดับที่ 6 และ 7
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น มาจากความเจ้าชู้ของนาย A ที่กำลังแอบคบกับ น.ส. B และยังคง Concept เดิมๆคือ
นาย A ให้ B นั่งรถบริษัทไปลงกลางทาง แล้วนาย A จะตามไปรับ ซึ่งในบางทีก็มีคนพบเห็นเจอ B นั่งรออยู่ที่ริมฟุตบาททางเดินรถของห้างๆนึง เสมือนว่าจะรอรถมารับ (คนไปเจอก็ช่างตาดีเหลือเกิน) B ก็คงจะเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันกับ ญ. สาวคนอื่นๆที่ได้กล่าวมา
พอมีคนทราบถึงความสัมพันธ์ของ A และ B ก็ได้มีคนเตือนไป B ว่า คนอย่าง A ไม่มีคำว่าจริงใจหรอก B
โชคดีที่มีคนเป็นห่วงและหวังดีเยอะ แต่ B มีกรรมที่เลือกฟังเฉพาะคำลวงของ A และคนที่พูดสนับสนุนเพียงไม่กี่คน
และเมื่อมีคนไปถามนาย A ว่า กำลังคบกับใครหรือป่าวช่วงนี้ (คนถามแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้)
นาย A ตอบว่า “ไม่ได้คบ ไม่ได้จีบใคร และไม่ได้คิดอะไรกับใคร ผมอาจจะเป็นเกย์ หรือชอบผู้ชายก็ได้นะ”
ในขณะที่ น.ส. B ฝันไปไกลแล้วว่า นาย A นั้นรัก และจริงใจกับตน....( ช่างน่าสงสาร B ยิ่งนัก T T )
คนที่จริงใจทำไมต้องปิดเป็นความลับ?
ทำไมต้องไปนัดเจอข้างนอก?
นาย A อาจจะใช้คำพูดเหมือนที่ใช้กับทุกๆคนคือ “ผมกลัวว่าคุณจะเสียหาย” (พระเอกเสียจริง.)
สรุป พฤติกรรมของ A ก็แค่คิดหลอกฟันผู้หญิงไปฟรีๆ เรื่อยๆ อาจจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปเที่ยวผู้หญิงครั้งละเป็นพันๆ
แค่ใช้คำพูดหวานๆ กับเลี้ยงข้าว เลี้ยงไก่ทอด ไม่เกินครั้งละห้าร้อยบาทไม่กี่ครั้ง ที่เหลือก็ฟรีหมด!!!
แล้วทำไมเราถึงไม่ควรเชื่อว่านาย A จะกลับตัวกลับใจพร้อมที่จะหยุดที่ B ล่ะ?
ดิฉันมีความเชื่อว่า ถ้าจะเราตัดสินคนๆนึงว่าอนาคตจากนี้เขาจะเป็นอย่างไร เราน่าจะพิจารณาดูที่ว่าปัจจุบันเขาทำอะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และอดีตที่ผ่านมาเขาประพฤติตัวแบบไหน ถ้าเราเอามาขยำๆรวมกันก็คาดคะเนได้ว่า อนาคตอาจจะเป็นอย่างไร นาย A จะทำอย่างไรกับ B และจุดจบของ B จะจบลงที่ตรงไหน
แต่ก็อาจจะยังพอมีทางที่ B จะไม่ถูกทิ้ง คือ
1) B อย่าแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เก็บตัวเงียบๆ ยอมรับกับความสัมพันธ์ลับๆล่อๆนี้
2) B ต้องไม่ให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้กับ A มากนัก ถ้าใครมาถามก็บอกว่าเปล่า ไม่มีอะไร (คงจะยากเพราะว่าเขารู้กันทั้งบริษัทแล้ว)
3) B ต้องฝันหวานไปเรื่อยๆ อย่างหวาดระแวง ถ้ามีคนมาทักหรือมาเตือนเกี่ยวกับความร้ายกาจของนาย A
โดยชี้ให้เห็นว่านาย A ไม่ดีอย่างไร B ต้องรีบเอาเรื่องที่มีคนมาว่าไปเล่าให้นาย A ฟังในทันที เพื่อจะได้ฟังคำปลอบประโลมใจ ให้สบายใจ
ยกตัวอย่างเช่น "มันไม่จริงหรอกน่า อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา ผมรักคุณมากๆ เราจะแต่งงานกัน อยู่กินด้วยกัน และ XXX กันอย่างมีความสุข"
แล้วถ้า B ตื่นมาเจอโลกของความเป็นจริงล่ะ?
B ก็จะรู้ว่าผู้หญิงที่ผ่านมาของ A นั้นฝันหวานเหมือนกันหมดทุกคนว่าบั้นปลายในท้ายที่สุดจะได้ครองรักกับนาย A แต่อยากให้คิดนิดนึงว่า
ถ้ายังไม่เคยไปที่บ้านนาย A ยังไม่ได้เจอครอบครัว ญาติพี่น้อง ยังไม่ได้เจอบ้านนาย A เขา และยังไม่ได้เข้าไปในบ้านเขา
หรือเข้าไปนั่งเล่นเกม Line Let’s get Rich ในห้องนอนเขา ซึ่งผู้ชายมักจะซ่อนความลับไว้ในห้องนอน (บางคนอาจจะซ่อนในคอมพิวเตอร์ โดย Hidden Folder ไว้ 555+)
ผู้ชายที่เป็นโสดอยู่มาจนถึงป่านนี้โดยยังคงภาพลักษณ์ที่ดี และยังเป็นโสด ทำได้ยังไงนะ ดีมากแต่โสด ไม่ได้คบใครเลยจริงๆ เหรอ?
และประเด็นสำคัญคือ ไม่มีเมียและลูกจริงหรือไม่ แน่ใจได้อย่างไร B น่าจะถามตัวเองว่าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจริงใจ
ผู้ชายเจ้าชู้มักเอาจุดอ่อนของผู้หญิงที่ตัวเองสั่งสมประสบการณ์และประสบกามมา เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเข้าหา รุกล้ำ และจบด้วยการทำร้ายผู้หญิงในท้ายที่สุด
ดิฉันยอมรับตามตรงนะคะว่า ดิฉันก็เป้นคนนึงที่ชอบคำหวาน-คำพูดเพราะๆ-พูดเรื่องดีๆ (จริงๆก็ชอบกันทุกคนแหละรวมถึงผู้ชายด้วย)
การดูแลเอาใจใส่ การให้ความหวังดีๆ สวยงาม การสัมผัสอย่างอ่อนโยนแสดงถึงความรัก
แต่เมื่อ....
ผู้ชายได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว คุณจะไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ ก็ต้องยอมรับสถานะที่ถูกยัดเยียดให้ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่
ทำไมทั้งที่มีคนเตือน B และ B รู้ดีว่า นาย A เป็นคนอย่างไรที่ผ่านมา เหตุการณ์ทั้งหมดก่อนที่จะมาถึงคิวของ B นั้น B รู้มาตลอด
แต่ทำไมถึงยังเชื่อคำลวงเหล่านั้น ที่ออกมาจากปากของนาย A
ดิฉันอยากทราบว่า ผู้หญิงอย่าง B คิดอะไรอยู่ทำไมถึงคิดเองไม่ได้ว่าผู้ชายมาหลอกลวง...ทำไมคะ?
จะมีคำพูดอะไรที่จะเตือนใจ B ให้ B เข้าใจและตาส่วางได้บ้างคะ???
ขออภัยที่เรื่องค่อนข้างจะยาวไปหน่อย และอาจจะสับสนงงงวยกับภาษาพูดของดิฉันนะคะ (เพราะเป็นกระทู้แรกค่ะ)
ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นล่วงหน้า และขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
อุทาหรณ์ สอนหญิง ชายรักไม่จริง หวังทิ้ง หวังฟัน !!!
สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องคับข้องใจที่อยากได้ความเห็นทีค่ะว่าแต่ละคนคิดกันอย่างไร มันเป็นเรื่องของความรักของคนสองคน
ขออธิบายรายละเอียดตัวละคร ชายและหญิงก่อนนะคะ
พระเอกของเรื่องเป็นผู้ชายอายุ 40 ต้นๆ (นามสมมติ A)หน้าที่การงานและฐานะทางสังคมดี ภาพลักษณ์ยังไม่ได้แต่งงาน (ข้อเท็จจริงไม่ทราบ) เป็นคนเจ้าชู้ จีบสาวไปเรื่อยมาตั้งแต่อายุช่วง 20 ต้นๆ
มีสัมพันธ์สวาทกับทั้งสาวแก่ แม่หม่าย สาวโสดในที่ทำงานและนอกที่ทำงานมาแล้วหลายต่อหลายคน
ผู้หญิงมีสามีและลูกแล้ว A ก็ไปพรากเขามา ดังเรื่องเกริ่นนำต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 นาง X เป็นผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกแล้ว ถูก A มาจีบ จีบไปจีบมาก็ย้ายบ้านไปอยู่ที่เดียวกัน
เรียกได้ว่าทิ้งลูกและสามีเลยที่เดียว แต่ A น่าจะเป็นคนปากหวานคารมคมคายเพราะสามารถพูดให้ผู้หญิงยอมทำตามได้คือ
ให้นั่งรถบริษัทกลับบ้านเอง แล้วไปลงกลางทาง A จะไปแวะรับ และเช่นกันตอนเช้ามาทำงานพร้อมกันก็ให้ลงจากรถกลางทาง แล้วรอนั่งรถบริษัทเข้ามาทำงานเอง เพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ว่าคบกัน (อาจจะอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันไม่ให้ X เสียหาย) ตลอดเวลาที่คบกัน X ไม่เคยได้นั่งรถ A เข้ามาที่ทำงานเลยและดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ นั่นคือสิ่งที่ A คิดเอง
เรื่องที่ 2 ระหว่างนั้น A ก็มาจีบคนใหม่ชื่อ Y (โดยที่ยังไม่ได้เลิกกับ X) และกับ Y นี่เองที่ A ให้ความหวังว่าจะแต่งงานด้วย จะใช้ชีวิตด้วยกัน
ซึ่ง Y ก็หลงเชื่อและมีความหวัง และเป็นที่น่าตกใจตรงที่ Y ก็ไม่เคยได้นั่งรถเข้า-ออกบริษัทเหมือนกัน แต่ Aที่แสนจะเจ้าชู้ก็ไม่เป็นปัญหา
เพราะ Y บ้านอยู่ใกล้ที่ทำงานจึงสามารถเดินทางมาเองหรือรอขึ้นรถบริษัทก็ได้
สิ่งที่เป็นเรื่องจริงคือ A ไม่เคยพูดยอมรับกับใครเลยว่าจีบใคร หรือคบกับใคร ยืนยันว่าตนเองเป็นโสดตลอดเวลา เสมือนว่า รักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีไว้ รอเหยื่อรายใหม่
และไม่ต้องสงสัย เรื่องมันต้องแดงขึ้นมาซักวัน จนมีการปะทะกันระหว่าง X กับ Y ว่าใครเป็นตัวจริง เขารักฉันมากกว่าเธอ ......ไม่จริง!!!! เขารักฉันมากกว่าต่างหาก ฯลฯ
แต่เป็นที่น่าสงสัยว่า A เขาทำอย่างไรที่ยังคงบริหารความสัมพันธ์ได้อย่างดีที่ให้ทุกคน (X และ Y) ยอมรับ
หรืออยู่กับคนนึงก็บอกรักมาก พอไปอยู่อีกคนนึงก็บอกรักมากกว่า
เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องปกตินะเมื่อมันฉาวโฉ่ ก็ต้องมีผู้เสียหาย และ X ก็ลาออกจากงานไปด้วยความอับอาย
เหลือแต่เพียง Y ที่กระหยิ่มยิ้มย่องว่าฉันคือตัวจริง
ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างปกติดี A ส่งข้อความหวานๆให้กับ Y เช่นรักนะ อย่างนู้นอย่างนี้ และจะแต่งงานกัน จนถึงขั้นมีการเตรียมการแต่งงาน
เตรียมชุด เข้าคอร์สแต่งงาน นัดถ่ายรูป Pre-wedding และที่สำคัญฝ่ายว่าที่เจ้าสาว(Y) ได้ป่าวประกาศทั้งบริษัทว่า ไปงานแต่งฉันด้วยนะ
ด้วยความปิติดีใจ ทุกๆคนก็ลุ้นว่าจะได้ไปงานแต่ง ใส่ชุดอะไรดีนะ
แต่ที่น่าสงสัยคือ A ไม่เคยพูดสักคำว่าจะแต่งงาน
และแล้วฟ้าก็ผ่าลงมากลางใจ Y งานทุกอย่างถูกยกเลิก และจะไม่มีการแต่งงานใดๆ ทุกคนคงเดาได้ว่า Y เสียใจแทบเป็นบ้า และในที่สุดก็ลาออกจากงานไปอย่างทุกข์ระทม
เรื่องที่ 3 นาย A ก็ยังคงไม่จบไม่สิ้นเมื่อมีน้องพนักงานใหม่เข้ามา (ซึ่งแต่งงานแล้ว)ชื่อนาง Z แล้วกัน
นาย A ก็พาไปมีสัมพันธ์สวาทได้อย่างไม่เขอะเขิน แต่ยังคง Concept เดิมคือ จะไม่ได้นั่งรถเข้า-ออก จากบริษัทฯ
แต่แล้วจู่ๆวันนึงนาง Z ก็ลาออกไป และหายไปจากสารบบ แต่ในช่วงต้นปีนี้ 2557 มีคนพบเห็น นาย A และนาง Z ไปกินไก่กันกระหนุงกระหนิงที่ KFC เมกาบางนา (สงสัยจะคิดว่าไม่มีใครเห็นกระมัง)
ยัง...ยังไม่จบ ยังมีอีกนะคะ
เรื่องที่ 4 ที่บริษัทนี้มีการขยายงานทำให้รับพนักงานเพิ่มจะมีน้องผู้หญิงจบใหม่ๆ เข้ามาทำงานมากมายเลย
และนาย A ก็ออกลาย มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โซฟารับรองแขก โดยที่ 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยทำแบบนี้
เพราะอะไรนะหรือ เพราะว่าบริษัท ได้รับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คนใหม่ ที่น่ารักฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งมาก
และดูเหมือนว่า รายนี้จะแห้วเพราะน้องรู้นิสัยและสันดานนาย A ดี
ถึงแม้ว่าน้องจะเพิ่งเข้ามาแต่ก็รับฟังคำบอกเล่าจากพี่ๆที่เขาเตือน....สรุปนาย A อด-!!!
เรื่องต่อไปเลยนะคะ เยอะมากมายจริงๆผู้ชายคนนี้
เรื่องที่ 5 ถัดมาเป็นน้องมาใหม่อีกคนนึง นาย A ถึงขั้นที่หลังเลิกงานก็ขับรถไปหาถึงที่บ้าน
อยากจะแต่งงานด้วย สินสอดเท่าไหร่ไม่อั้น แต่น้องคนนี้ก็ได้รับคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ๆ และน้องเขาเชื่อฟัง จึงทำให้ นาย A อดอีกเช่นเคย
เรื่องที่ 6 นาย A เคยมีความพยายามจะชวนเพื่อนร่วมงานท่านนึงไปกินเหล้า ไปทานข้าว หรือไปไหนมาไหน อะไรก็ได้ แต่สุดท้ายนาย A ก็ได้รับการปฏิเสธ (น่าสงสารนาย A อีกแล้ว แห้วรับประทาน)
เรื่องราวของนาย A ยังไม่หมดนะคะ ยังคงมีต่ออีกค่ะ
ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่ดิฉันเล่ามา ขอรับรองและยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยายดราม่าพันทิปแต่อย่างใดค่ะ
เรื่องที่ 7 ถัดมาก็เป็นน้องใหม่ลำดับถัดมา นาย A พยายามมาหาที่ห้องทำงาน จีบ ตามตื้อ
และบอกว่าจะแต่งงานด้วยถ้าเป็นน้องคนนี้เขาจะหยุดที่คนนี้ แต่น้องได้รับการปกป้องจากรุ่นพี่ๆที่ทำงานว่า อย่าไปยุ่งกับนาย A ทำให้นาย A อดอีกเช่นเคย
เรื่องที่ 8 ถัดมาจากนั้น นาย A ก็เล็งเป้าไปที่เด็กใหม่อีกคน สุดท้ายก็ผิดหวังอีก เพราะมีรุ่นพี่คอยปกป้อง และประเด็นคือน้องเขาเชื่อฟังด้วย (นับว่าน้องโชคดีมาก)
เรื่องที่ 9 ได้มีคนเห็นนาย A ไปจอดรอรับผู้หญิงคนนึงอยู่แถวๆ โรงพยาบาลแห่งนึงซึ่งห่างไกลจากบ้าน นาย A มากๆ
โดยได้คาดเดาว่าคงจะรับไปเที่ยวแน่ๆ
เรื่องต่อไปเลยนะคะ
เรื่องที่ 10 ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไหนแต่เดาว่าอยู่ระหว่าง เรื่องลำดับที่ 6 และ 7
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น มาจากความเจ้าชู้ของนาย A ที่กำลังแอบคบกับ น.ส. B และยังคง Concept เดิมๆคือ
นาย A ให้ B นั่งรถบริษัทไปลงกลางทาง แล้วนาย A จะตามไปรับ ซึ่งในบางทีก็มีคนพบเห็นเจอ B นั่งรออยู่ที่ริมฟุตบาททางเดินรถของห้างๆนึง เสมือนว่าจะรอรถมารับ (คนไปเจอก็ช่างตาดีเหลือเกิน) B ก็คงจะเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันกับ ญ. สาวคนอื่นๆที่ได้กล่าวมา
พอมีคนทราบถึงความสัมพันธ์ของ A และ B ก็ได้มีคนเตือนไป B ว่า คนอย่าง A ไม่มีคำว่าจริงใจหรอก B
โชคดีที่มีคนเป็นห่วงและหวังดีเยอะ แต่ B มีกรรมที่เลือกฟังเฉพาะคำลวงของ A และคนที่พูดสนับสนุนเพียงไม่กี่คน
และเมื่อมีคนไปถามนาย A ว่า กำลังคบกับใครหรือป่าวช่วงนี้ (คนถามแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้)
นาย A ตอบว่า “ไม่ได้คบ ไม่ได้จีบใคร และไม่ได้คิดอะไรกับใคร ผมอาจจะเป็นเกย์ หรือชอบผู้ชายก็ได้นะ”
ในขณะที่ น.ส. B ฝันไปไกลแล้วว่า นาย A นั้นรัก และจริงใจกับตน....( ช่างน่าสงสาร B ยิ่งนัก T T )
คนที่จริงใจทำไมต้องปิดเป็นความลับ?
ทำไมต้องไปนัดเจอข้างนอก?
นาย A อาจจะใช้คำพูดเหมือนที่ใช้กับทุกๆคนคือ “ผมกลัวว่าคุณจะเสียหาย” (พระเอกเสียจริง.)
สรุป พฤติกรรมของ A ก็แค่คิดหลอกฟันผู้หญิงไปฟรีๆ เรื่อยๆ อาจจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปเที่ยวผู้หญิงครั้งละเป็นพันๆ
แค่ใช้คำพูดหวานๆ กับเลี้ยงข้าว เลี้ยงไก่ทอด ไม่เกินครั้งละห้าร้อยบาทไม่กี่ครั้ง ที่เหลือก็ฟรีหมด!!!
แล้วทำไมเราถึงไม่ควรเชื่อว่านาย A จะกลับตัวกลับใจพร้อมที่จะหยุดที่ B ล่ะ?
ดิฉันมีความเชื่อว่า ถ้าจะเราตัดสินคนๆนึงว่าอนาคตจากนี้เขาจะเป็นอย่างไร เราน่าจะพิจารณาดูที่ว่าปัจจุบันเขาทำอะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และอดีตที่ผ่านมาเขาประพฤติตัวแบบไหน ถ้าเราเอามาขยำๆรวมกันก็คาดคะเนได้ว่า อนาคตอาจจะเป็นอย่างไร นาย A จะทำอย่างไรกับ B และจุดจบของ B จะจบลงที่ตรงไหน
แต่ก็อาจจะยังพอมีทางที่ B จะไม่ถูกทิ้ง คือ
1) B อย่าแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เก็บตัวเงียบๆ ยอมรับกับความสัมพันธ์ลับๆล่อๆนี้
2) B ต้องไม่ให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้กับ A มากนัก ถ้าใครมาถามก็บอกว่าเปล่า ไม่มีอะไร (คงจะยากเพราะว่าเขารู้กันทั้งบริษัทแล้ว)
3) B ต้องฝันหวานไปเรื่อยๆ อย่างหวาดระแวง ถ้ามีคนมาทักหรือมาเตือนเกี่ยวกับความร้ายกาจของนาย A
โดยชี้ให้เห็นว่านาย A ไม่ดีอย่างไร B ต้องรีบเอาเรื่องที่มีคนมาว่าไปเล่าให้นาย A ฟังในทันที เพื่อจะได้ฟังคำปลอบประโลมใจ ให้สบายใจ
ยกตัวอย่างเช่น "มันไม่จริงหรอกน่า อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา ผมรักคุณมากๆ เราจะแต่งงานกัน อยู่กินด้วยกัน และ XXX กันอย่างมีความสุข"
แล้วถ้า B ตื่นมาเจอโลกของความเป็นจริงล่ะ?
B ก็จะรู้ว่าผู้หญิงที่ผ่านมาของ A นั้นฝันหวานเหมือนกันหมดทุกคนว่าบั้นปลายในท้ายที่สุดจะได้ครองรักกับนาย A แต่อยากให้คิดนิดนึงว่า
ถ้ายังไม่เคยไปที่บ้านนาย A ยังไม่ได้เจอครอบครัว ญาติพี่น้อง ยังไม่ได้เจอบ้านนาย A เขา และยังไม่ได้เข้าไปในบ้านเขา
หรือเข้าไปนั่งเล่นเกม Line Let’s get Rich ในห้องนอนเขา ซึ่งผู้ชายมักจะซ่อนความลับไว้ในห้องนอน (บางคนอาจจะซ่อนในคอมพิวเตอร์ โดย Hidden Folder ไว้ 555+)
ผู้ชายที่เป็นโสดอยู่มาจนถึงป่านนี้โดยยังคงภาพลักษณ์ที่ดี และยังเป็นโสด ทำได้ยังไงนะ ดีมากแต่โสด ไม่ได้คบใครเลยจริงๆ เหรอ?
และประเด็นสำคัญคือ ไม่มีเมียและลูกจริงหรือไม่ แน่ใจได้อย่างไร B น่าจะถามตัวเองว่าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจริงใจ
ผู้ชายเจ้าชู้มักเอาจุดอ่อนของผู้หญิงที่ตัวเองสั่งสมประสบการณ์และประสบกามมา เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเข้าหา รุกล้ำ และจบด้วยการทำร้ายผู้หญิงในท้ายที่สุด
ดิฉันยอมรับตามตรงนะคะว่า ดิฉันก็เป้นคนนึงที่ชอบคำหวาน-คำพูดเพราะๆ-พูดเรื่องดีๆ (จริงๆก็ชอบกันทุกคนแหละรวมถึงผู้ชายด้วย)
การดูแลเอาใจใส่ การให้ความหวังดีๆ สวยงาม การสัมผัสอย่างอ่อนโยนแสดงถึงความรัก
แต่เมื่อ....
ผู้ชายได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว คุณจะไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ ก็ต้องยอมรับสถานะที่ถูกยัดเยียดให้ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่
ทำไมทั้งที่มีคนเตือน B และ B รู้ดีว่า นาย A เป็นคนอย่างไรที่ผ่านมา เหตุการณ์ทั้งหมดก่อนที่จะมาถึงคิวของ B นั้น B รู้มาตลอด
แต่ทำไมถึงยังเชื่อคำลวงเหล่านั้น ที่ออกมาจากปากของนาย A
ดิฉันอยากทราบว่า ผู้หญิงอย่าง B คิดอะไรอยู่ทำไมถึงคิดเองไม่ได้ว่าผู้ชายมาหลอกลวง...ทำไมคะ?
จะมีคำพูดอะไรที่จะเตือนใจ B ให้ B เข้าใจและตาส่วางได้บ้างคะ???
ขออภัยที่เรื่องค่อนข้างจะยาวไปหน่อย และอาจจะสับสนงงงวยกับภาษาพูดของดิฉันนะคะ (เพราะเป็นกระทู้แรกค่ะ)
ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นล่วงหน้า และขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ