[CR] Fukui สถานที่ที่ทำให้ฉันตกหลุมรัก ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะ มารีวิว Fukui ต่อจากระทู้ http://pantip.com/topic/32737596 นะคะ
(รู้สึกว่ารูปในกระทู้ก่อนหน้ามันเยอะไป เลยมาตั้งเป็นอีกกระทู้ดีกว่า )
คราวนี้ถึง วัด Eiheiji แล้วค่ะ วัดนี้เค้าบอกว่าเป็นวัดชื่อดังของเมืองนี้เลยค่ะ
เราไปวัดนี้แต่เช้าเลย ออกจากที่พักตั้งแต่ 8.30

อากาศกำลังดีเลย ไม่หนาวไป แดดก็ไม่ร้อนค่ะ

น่าเสียดายที่เรามาก่อนช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เลยอดเห็นต้นไม้เหล่านี้ืเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย
(แต่เขียวๆ แบบนี้ก็ดูร่มเย็นสบายตาดีค่ะ พยายามปลอบใจตัวเอง = =^)

ป้ายแผนที่ภายในวัดค่ะ คือภายในวัดกว้างมาก (แต่ถึงดูไปก็อ่านไม่ออก แหะๆ)

เดินกันต่อไป ยังไม่ถึงตัววัดซะที มั่วแต่ถ่ายรูปกันค่ะ

ก่อนจะเข้าวัด ต้องถอดรองเท้าก่อนค่ะ แล้วเค้าจะมีถุงหิ้วให้ใส่รองเท้าเดินหิ้วเข้าไปข้างในด้วย
(ตอนแรกก็คิดว่าขากลับคงออกอีกทาง แต่ที่ไหนได้ก็เดินวนมาออกทางเดิม แอบบงงทำไมไม่ทำที่เก็บรองเท้าซะเลย ให้หิ้วตั้งนาน 55)
เข้ามาข้างในแล้วค่าาาาาา ห้องนี้เป็นห้องที่ใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนาของเค้าค่ะ

ข้างบน เพดาน จะเป็นรูปวาดลายดอกไม้ต่างๆในญี่ปุ่นค่ะ สวยมากเลย

ในโซนวัด เค้าจะมีป้ายบอกทางเลยค่ะ ว่าจะให้เดินไปทางไหน
เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ คือพื้นสะอาดมากกกกกก จนกลัวเดินจะลื่นเลยค่ะ 555

อ่อ ลืมบอกไปค่ะ ตอนถอดรองเท้า นิต้องเปลี่ยนมาใส่รองเท้าของทางวัดด้วย ซึ่งมันใหญ่มาก เดินยากมาก โดยเฉพาะเวลาเดินบันไดแคบๆแบบนี้ (จนบางทีเดินตามเพื่อนไม่ทัน ต้องถอดรองเท้าออกมาหิ้วอีกข้าง(หิ้วถุงรองเท้ามือนึง อีกมือหิ้วรองเท้าแตะอีก ==")

วิวทิวทัศน์ ภายในวัดค่ะ





คือวิวสวยมากกกกก ถ้าใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงคงสวยกว่านี้อีก (ไม่น่ามาเร็วไปเล๊ยยยย )
(คิดจะลองถ่ายพาโนราม่า แต่ฝีมือยังไม่เชี่ยว เลยออกมาได้แค่นี้ =




อันนี้เป็นคล้ายๆกระถางธูปค่ะ มีควันออกมา แล้วเค้ามีความเชื่อว่า เราต้องพัดควันนั้นเข้าหาตัว แล้วอธิษฐานขอพรค่ะ ^^


ขอพรกันเสร็จ ก็เตรียมกลับจากวัดแล้วค่ะ ไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่ เพราะต้องกลับมาที่ดูงานโรงพยาบาลอีก
ระหว่างทางเดินกลับก็ขอถ่ายอีกสักช็อต 2 ช็อต

เจอต้นนี้แดงทั้งต้นแล้ววววววว เย้ๆๆๆ

ก่อนกลับถ่ายป้ายวัดซะหน่อยยยย


วัด Eiheiji เป็นวัดที่สวยมากกกกกกก เงียบสงบสุดๆ คนไม่พลุกพล่านดี(อาจเพราะมาแต่เช้าด้วย)
เป็นที่เที่ยวที่สุดท้ายที่เราได้ไปเที่ยวในฟุกุอิแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันที่เราอยู่ฟุกุอิเป็นวันสุดท้ายแล้ววววว
เสียดายสุดๆๆ จริงๆอยากอยู่ที่นี่อีกนานๆ แต่ดันจองที่พักในเกียวโต กับโอซาก้าไว้แล้ว แถมวางแผนเที่ยวไว้หมดแล้วด้วย ก็เลยต้องไป

ขนาดอยู่แค่ 3 วันยังรู้สึก ผูกพันธ์กับคนที่นี่และเมืองที่นี่มากเลยค่ะ อยากจะอยู่นานๆ และหวังว่าคงได้มาเที่ยวที่นิอีก ^^

ปล.ถ่ายผ่านกระจกรถยนต์ เลยมีภาพสะท้อน อิอิ
ฟุกุอิ เมืองแสนสงบ ที่เต็มไปด้วยวิวทุ่งนา (ที่นี่ปลูกข้าวเยอะค่ะ เอาไว้ทำสาเก เพราะสาเกจากที่นี่ชื่อดังมาก!!!! อร่อยมากด้วย!!!! )


เหมือนรีวีจะจบ แต่จริงๆยังไม่จบค่ะ 555 เพราะเย็นวันนั้นก่อนกลับมีปาร์ตี้อำลาค่ะ
ไปถ่ายรูปที่สนามรักบี้(กลุ่มคนที่มาดูแลเราเป็นนักกีฬารักบี้ค่ะ) ตอนพระอาทิตย์ตกค่ะ ก่อนจะไปปาร์ตี้อำลา

คือถึงขาจะหัก แต่เค้าก็ไฟท์จะโดนมาก 555 (ดีที่ไม่หักเพิ่มตอนโดดเสร็จ 555)

ในงานปาร์ตี้
พวกเราทำอาหารไทยให้เค้าทานกันค่ะ

พวกเค้ากินกันหมดเลยทุกอย่าง แม้แต่มาม่า 555 แถมยังชมว่าอร่อยมากด้วย(อิอิ จะไม่อร่อยได้ไง ก็ซื้อจากไทยมาแบบสำเร็จรูปทุกอย่าง 555)
หลังจากนั้นก็มีถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก


กระดานนี้พวกเค้าเขียนกันเองค่ะ มีคนที่เขียนภาษาไทยได้ด้วย น่ารักมากเลย ^^

คนนี้เค้าชื่อ ทาคายะ ค่ะ แล้วโดนคนไทยแซวว่าชื่อ ถังขยะ he ก็เลยเอาขยะมาทิ้งใสปากตัวเอง 5555 he เป็นคนที่ฮามากค่ะ (หล่อด้วย กิกิ >< เห็นความหล่อมากขึ้นหลังจากตอนที่ฝนตก แล้วเค้าถอดเสื้อคลุมเค้ามากันฝนให้เราค่ะ )

ตอนปาร์ตี้กำลังจะเลิกค่ะ เค้าแบกกันไปส่งด้วย พอดีคนนี้ขาหักมาค่ะ แต่ก็ยังอุตส่าห์มาดูแลพวกเราค่ะ ซาบซึ้งมาก


หลังจากปาร์ตี้เสร็จ เป็นธรรมเนียมของที่นี่ค่ะ วันสุดท้าย เค้าพาไปเล่นพลุ ไฟเย็นกันที่ริมทะเล

น่าเสียดายที่ไปตอนดึกมากกกกกกกกกกกก เกือบ 5 ทุ่ม มืดสนิท อดถ่ายวิวใดๆของทะเล เลยมีแต่รูปเล่นพลุแทน
หน้าตาดูตั้งใจในการจุดมาก 555






ตัวพลุอันนี้เป็น climax ของงานเลย เค้าเก็บไว้เล่นกันสุดท้าย
ต้องจุดจากปลายล่าง แล้วมันจะเป็นตุ่มไฟแดงๆเล็ก ก่อนจะระเบิดออกเป็นประกายเล็ก สวยมากๆ(ยั้งกะ แขนงประสาท = =!!!! เรื่องเรียนตามไปหลอกหลอนถึงญี่ปุ่น)



พอเล่นพลุเสร็จก็ไปเดินเล่นริมทะเลต่ออีกนิด แอบน่ากลัวเพราะมันมืดมาก เสียงคลื่นดังมาก อากาศหนาวมาก แต่บรรยากาศดี ถ้ามากับแฟนคงฟิน 555(ไม่ใช่ล่ะ)
ปาร์ตี้ของเราก็จบลงด้วยการเล่นน้ำทะเล (บ้าเรอะ!! หนาวจะตาย จริงๆแค่เอาเท้าจุ่มๆน้ำ แต่เปียกถึงขา โดนพวกเค้าแกล้ง)
วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมากกกกกกกกกก ไม่อยากกลับเลยจริงๆ
แต่ก็ต้องกลับแล้ว เพราะดึกมาก แล้วพรุ่งนี้ พวกเค้ายังต้องตื่นแต่เช้ามาส่งพวกเราขึ้นรถไฟ ไปเกียวโตต่อ

เช้าวันต่อมาพวกเขาก็มาส่งที่สถานีรถไฟ แถมยังวิ่งตามรถไฟอีกด้วยค่ะ คืออึ้งมาก น้ำตาไหลเลย ซาบซึ้งสุดๆๆๆ รักที่นี่และคนที่นี่มากๆเลย



ขอบคุณประสบการณ์ดีๆ จาการมาแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ถ้ามาเที่ยวเองคงไม่ได้เจอเรื่องราวดีๆแบบนี้
จะไม่มีวันลืมความทรงจำดีๆที่เกิดขึ้นที่นี่เลย

รีวิวฟุกุอิ ก็จบลงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ ที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนจบ