ไม่เคยเชื่อว่ากรรมดี กับ กรรมชั่ว จะสามารถหักล้างกันได้
แต่มีเหตุการณ์ที่ประสบด้วยตนเอง จึงอยากเล่าค่ะ
คบกับผู้ชายคนหนึ่ง หล่อมาก หล่อระดับพระเอกหนัง ส่วนเราก็หน้าตาธรรมดา
ไม่ได้คบเพราะเขาหล่อ แต่เขาน่ารักค่ะ ดูแลเราดี เข้าใจผู้หญิง (คุณสมบัติที่ผู้หญิงหลงใหล)
เขาขอเราแต่งงานตั้งแต่เริ่มคบกันทีเดียว ด้วยเหตุผล “น้องเป็นคนดี ใครอยู่ด้วยต้องมีความสุข”
ผ่านไปประมาณ 1 ปี ถึงเวลาที่เขาคิดว่าเราน่าจะเป็นของตาย เริ่มออกลาย
1.ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ อาจจะไม่โทรกลับ หรือโทรกลับช้ามาก นานกว่าครึ่งวัน
2.วันหยุดไม่ค่อยว่าง มีธุระตลอด
3.ขอความช่วยเหลือไม่ค่อยได้ ยุ่งเรื่อยไป
4.กินอะไรด้วยกันไม่ค่อยจ่าย เริ่มล้วงเงินช้าลง
5.ถามเรื่องความสัมพันธ์ มีใครอื่นไหม ก็บอก “ไม่มีอะไร พี่ยุ่งมาก”
คบกันแบบแฟนนะคะ ไมได้อยู่ด้วยกัน พอเป็นแบบนี้ เราไม่มีความสุขแล้วค่ะ
จนกระทั่ง เราทำบุญค่ะ ทำบุญร้าน ก็ทำกันเองกับน้องๆ พนักงานในร้าน ทำกับข้าวเลี้ยงพระ
ก็ต้องนิมนต์พระ จัดเตรียมสถานที่ ก็บอกเขา ว่าจะทำบุญนะ เขาทำตัวปกติ ไม่เสนอความช่วยเหลือใดๆ
จนถึงวันรุ่งขึ้นจะทำบุญ
เขา – ใครรับพระให้อ่ะ
เรา – น้องเขย
เขา – อือ
เรา – พี่มาแต่เช้านะ
เขา – ครับ
เรากับน้องๆ ตื่นทำกับข้าว ตี 3 น้องๆ บอกให้โทรปลุกเขา เราว่าไม่ต้อง เขารู้เวลาหรอกน่า
ปรากฏว่า เขามาร่วมงานบุญของเราตอนพระมาถึง ก็ร่วมทำพิธีเสร็จ แขกเหรื่อทานอาหารทยอยกลับ
เขาเดินมาบอกว่า
เขา – พี่กลับก่อนนะ
เรา – เดี๋ยวดิ จะรีบทำไม
ตอนนั้น โต๊ะ เก้าอี้ ข้าวของเครื่องใช้ ยังวางระเกะระกะ ไม่ได้เก็บอะไร น้องเขยก็ไปส่งพระให้แล้ว
เขานั่งอีกซักพัก
เขา – พี่กลับก่อนนะ
เรา – พี่รีบเหรอ
เขา – ปล่าว ก็ไม่มีอะไรแล้ว
พวกเราเริ่มเก็บโต๊ะ กันซักหน่อยล่ะ เขาก็ช่วยหยิบจับบ้าง จนเก็บใกล้เสร็จ แต่ยังไม่ได้ส่งคืน
รอให้น้องเขยกลับมาจากส่งพระ ก็ต้องมาเอาโต๊ะ เก้าอี้ส่งคืน ที่บ้านมีผู้ชาย 2 คนค่ะ น้องเขย กับ พ่อ
เขา – พี่กลับก่อนนะ
เรา – พี่ เอาขนมไปกินดิ
แล้วหยิบขนมให้ เขาก็กลับบ้านแต่โดยดี เราก็จัดของจนเสร็จ ทั้งเก็บล้าง เก็บกวาด ส่งของคืนอีกพักใหญ่
กลับถึงบ้าน หยิบโทรศัพท์โทรหาเขาทันที
เรา – พี่มีธุระเหรอ ถึงรีบกลับ
เขา –ปล่าวคับ ก็เสร็จแล้วนี่
เรา – เสร็จที่ไหน ยังเก็บอะไรไม่เสร็จซักอย่าง
เขา – พี่ไม่รู้จะช่วยอะไร
เรา – ก็ช่วยได้หมดแหล่ะ มันเป็นงานของน้องนะ เราคิดจะอยู่ด้วยกันใช่ไหม ถ้าพี่ไม่ช่วย แล้วใครจะช่วย
น้องเขยเขาก็คงไม่ได้ช่วยอยู่ตลอดหรอก เขาก็มีครอบครัวของเขา ....$%&6#@.......บลา....บลา..%$@#.
เขา – พี่ขอโทษ
เรา – พี่ก็ขอโทษทุกที ทำไมไม่ทำให้ไม่ต้องขอโทษ ทำแล้วค่อยขอโทษ จะทำทำไม (เขาขอโทษเก่งค่ะ)
เขาก็เงียบ รับฟังแต่โดยดี เราก็บ่นอีกนิดหน่อย แล้วก็นึกได้ว่า เอาไว้ทำไมวะ ผู้ชายเห่ยๆ แบบนี้
ช่วยอะไรเราไม่ได้ซักอย่าง ก็เลยเลิกบ่น
เรา – ระหว่างเราจบแค่นี้ละกัน
เขา – แล้วแต่น้อง (เฮ้ย!!!! เราเป็นของตายงั้นเชียว มั่นใจว่าเราไม่พูดจริงดิ)
เรา – พี่มีอะไรจะพูดไม๊ (หมายถึงว่า เราจะไม่คุยกันอีก)
เขา – ไม่มีครับ น้องกลับไปคิดให้ดีละกัน (คิดว่าฉันพูดประชดละเซ้)
เรา – ค่ะ
หลังจากวันนั้น ไม่มีความอาลัย เสียใจเล็กน้อยไม่กี่วัน จนวันนี้ ผ่านไป 2 ปีกว่าๆ เราไม่เคยโทรหาเขาซักครั้งเดียว
มีแต่เขา พยายามหาธุระ โทรคุยกับเราบ้าง เป็นครั้งคราว เราก็คุยด้วยโดยดี (เท่าที่จำเป็น) เพราะไม่ได้โกรธ แค่รู้สึกว่าชั้นหมดกรรมกับเขาแล้ว
หลังจากเตะเขาพ้นไปจากชีวิต มารู้ทีหลังว่าเขามีลูก มีเมียแล้ว ลูก 1 เมียท้อง 6 เดือน โอ้ววว!!!! พระเจ้าจอร์จ ดีนะที่ชั้นรอดมาได้
มันช่างบังเอิญ ที่เราตัดเขาได้ในวันที่เราทำบุญ อาจจะเป็นเหตุบังเอิญ ที่มาประสบกันพอดี
หรือบุญที่เราทำ ทำให้กรรมชั่วที่ทำให้เราต้องทุกข์ใจ ต้องผูกพันกับเขา หมดเร็วขึ้น ทำบุญ แล้วทำให้เราเห็นข้อเสียของเขา มั้งคะ
จะเพราะอะไรก็ตาม แต่ทำให้เราเชื่อว่า ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดีเสมอ ได้โดยไม่ต้องหวังผล และไม่ต้องรอ ถึงเวลาก็มาเองค่ะ
หวังว่าเรื่องเล่าของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะสามารถช่วยให้ทุกคนมั่นใจในการทำกรรมดีมากขึ้นนะคะ ขอบคุณค่ะ
ทำบุญล้างกรรมได้จริง ?
แต่มีเหตุการณ์ที่ประสบด้วยตนเอง จึงอยากเล่าค่ะ
คบกับผู้ชายคนหนึ่ง หล่อมาก หล่อระดับพระเอกหนัง ส่วนเราก็หน้าตาธรรมดา
ไม่ได้คบเพราะเขาหล่อ แต่เขาน่ารักค่ะ ดูแลเราดี เข้าใจผู้หญิง (คุณสมบัติที่ผู้หญิงหลงใหล)
เขาขอเราแต่งงานตั้งแต่เริ่มคบกันทีเดียว ด้วยเหตุผล “น้องเป็นคนดี ใครอยู่ด้วยต้องมีความสุข”
ผ่านไปประมาณ 1 ปี ถึงเวลาที่เขาคิดว่าเราน่าจะเป็นของตาย เริ่มออกลาย
1.ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ อาจจะไม่โทรกลับ หรือโทรกลับช้ามาก นานกว่าครึ่งวัน
2.วันหยุดไม่ค่อยว่าง มีธุระตลอด
3.ขอความช่วยเหลือไม่ค่อยได้ ยุ่งเรื่อยไป
4.กินอะไรด้วยกันไม่ค่อยจ่าย เริ่มล้วงเงินช้าลง
5.ถามเรื่องความสัมพันธ์ มีใครอื่นไหม ก็บอก “ไม่มีอะไร พี่ยุ่งมาก”
คบกันแบบแฟนนะคะ ไมได้อยู่ด้วยกัน พอเป็นแบบนี้ เราไม่มีความสุขแล้วค่ะ
จนกระทั่ง เราทำบุญค่ะ ทำบุญร้าน ก็ทำกันเองกับน้องๆ พนักงานในร้าน ทำกับข้าวเลี้ยงพระ
ก็ต้องนิมนต์พระ จัดเตรียมสถานที่ ก็บอกเขา ว่าจะทำบุญนะ เขาทำตัวปกติ ไม่เสนอความช่วยเหลือใดๆ
จนถึงวันรุ่งขึ้นจะทำบุญ
เขา – ใครรับพระให้อ่ะ
เรา – น้องเขย
เขา – อือ
เรา – พี่มาแต่เช้านะ
เขา – ครับ
เรากับน้องๆ ตื่นทำกับข้าว ตี 3 น้องๆ บอกให้โทรปลุกเขา เราว่าไม่ต้อง เขารู้เวลาหรอกน่า
ปรากฏว่า เขามาร่วมงานบุญของเราตอนพระมาถึง ก็ร่วมทำพิธีเสร็จ แขกเหรื่อทานอาหารทยอยกลับ
เขาเดินมาบอกว่า
เขา – พี่กลับก่อนนะ
เรา – เดี๋ยวดิ จะรีบทำไม
ตอนนั้น โต๊ะ เก้าอี้ ข้าวของเครื่องใช้ ยังวางระเกะระกะ ไม่ได้เก็บอะไร น้องเขยก็ไปส่งพระให้แล้ว
เขานั่งอีกซักพัก
เขา – พี่กลับก่อนนะ
เรา – พี่รีบเหรอ
เขา – ปล่าว ก็ไม่มีอะไรแล้ว
พวกเราเริ่มเก็บโต๊ะ กันซักหน่อยล่ะ เขาก็ช่วยหยิบจับบ้าง จนเก็บใกล้เสร็จ แต่ยังไม่ได้ส่งคืน
รอให้น้องเขยกลับมาจากส่งพระ ก็ต้องมาเอาโต๊ะ เก้าอี้ส่งคืน ที่บ้านมีผู้ชาย 2 คนค่ะ น้องเขย กับ พ่อ
เขา – พี่กลับก่อนนะ
เรา – พี่ เอาขนมไปกินดิ
แล้วหยิบขนมให้ เขาก็กลับบ้านแต่โดยดี เราก็จัดของจนเสร็จ ทั้งเก็บล้าง เก็บกวาด ส่งของคืนอีกพักใหญ่
กลับถึงบ้าน หยิบโทรศัพท์โทรหาเขาทันที
เรา – พี่มีธุระเหรอ ถึงรีบกลับ
เขา –ปล่าวคับ ก็เสร็จแล้วนี่
เรา – เสร็จที่ไหน ยังเก็บอะไรไม่เสร็จซักอย่าง
เขา – พี่ไม่รู้จะช่วยอะไร
เรา – ก็ช่วยได้หมดแหล่ะ มันเป็นงานของน้องนะ เราคิดจะอยู่ด้วยกันใช่ไหม ถ้าพี่ไม่ช่วย แล้วใครจะช่วย
น้องเขยเขาก็คงไม่ได้ช่วยอยู่ตลอดหรอก เขาก็มีครอบครัวของเขา ....$%&6#@.......บลา....บลา..%$@#.
เขา – พี่ขอโทษ
เรา – พี่ก็ขอโทษทุกที ทำไมไม่ทำให้ไม่ต้องขอโทษ ทำแล้วค่อยขอโทษ จะทำทำไม (เขาขอโทษเก่งค่ะ)
เขาก็เงียบ รับฟังแต่โดยดี เราก็บ่นอีกนิดหน่อย แล้วก็นึกได้ว่า เอาไว้ทำไมวะ ผู้ชายเห่ยๆ แบบนี้
ช่วยอะไรเราไม่ได้ซักอย่าง ก็เลยเลิกบ่น
เรา – ระหว่างเราจบแค่นี้ละกัน
เขา – แล้วแต่น้อง (เฮ้ย!!!! เราเป็นของตายงั้นเชียว มั่นใจว่าเราไม่พูดจริงดิ)
เรา – พี่มีอะไรจะพูดไม๊ (หมายถึงว่า เราจะไม่คุยกันอีก)
เขา – ไม่มีครับ น้องกลับไปคิดให้ดีละกัน (คิดว่าฉันพูดประชดละเซ้)
เรา – ค่ะ
หลังจากวันนั้น ไม่มีความอาลัย เสียใจเล็กน้อยไม่กี่วัน จนวันนี้ ผ่านไป 2 ปีกว่าๆ เราไม่เคยโทรหาเขาซักครั้งเดียว
มีแต่เขา พยายามหาธุระ โทรคุยกับเราบ้าง เป็นครั้งคราว เราก็คุยด้วยโดยดี (เท่าที่จำเป็น) เพราะไม่ได้โกรธ แค่รู้สึกว่าชั้นหมดกรรมกับเขาแล้ว
หลังจากเตะเขาพ้นไปจากชีวิต มารู้ทีหลังว่าเขามีลูก มีเมียแล้ว ลูก 1 เมียท้อง 6 เดือน โอ้ววว!!!! พระเจ้าจอร์จ ดีนะที่ชั้นรอดมาได้
มันช่างบังเอิญ ที่เราตัดเขาได้ในวันที่เราทำบุญ อาจจะเป็นเหตุบังเอิญ ที่มาประสบกันพอดี
หรือบุญที่เราทำ ทำให้กรรมชั่วที่ทำให้เราต้องทุกข์ใจ ต้องผูกพันกับเขา หมดเร็วขึ้น ทำบุญ แล้วทำให้เราเห็นข้อเสียของเขา มั้งคะ
จะเพราะอะไรก็ตาม แต่ทำให้เราเชื่อว่า ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดีเสมอ ได้โดยไม่ต้องหวังผล และไม่ต้องรอ ถึงเวลาก็มาเองค่ะ
หวังว่าเรื่องเล่าของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะสามารถช่วยให้ทุกคนมั่นใจในการทำกรรมดีมากขึ้นนะคะ ขอบคุณค่ะ