ตามนั้นเลยครับ
1) ผมรู้สึกแบบนั้นเพราะว่า ถ้าคุณจบ ม ทอปๆ ของประเทศไทย ส่วนมาก ตอนๆเรียนกัน คุณก็จะใช้เงินร่วมๆ เกือบๆ 10,000-20,000 ต่อเดือนกันแล้ว นั่นก็คือหมายความว่า เมื่อเรียนจบมา เห็นฐานเงินเดือน ราชการ รัฐวิสาหกิจ ก็มักจะไม่เลือก เพราะไม่มีจะกิน ไม่พอใช้นั่นเอง
2) สืบเนื่องมาจากข้อ 1 คนจบพวก ม ทอปๆเหล่านี้ มักไม่กลัวการตกงาน เนื่องจากมั่นใจในความสามารถตัวเอง พร้อมแข่งขัน ในขณะที่ ถ้าคุณลองไปดูแต่ละคนที่ทำในราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ ไม่ใช่ ปตท ลองไปดูได้เลย จบแต่ละคนมา ส่วนมาก เครือ ราชมง ราชพัด ทั้งหลายนี่เอง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักรู้ตัวเองอยู่แล้ว ว่าไม่มีความสามารถพอไปแข่งกับ ม ทอปๆได้ จึงพยายามหางานพวกนี้
3) สังเกตดู เวลามีใครมาบอกว่า งานราชการ สบาย และมักจะมีกลุ่มคนเหล่านี้ ออกมาต่อต้าน งานสบายที่ไหนกัน เลิกช้า บลาๆ ผมมีความรู้สึกว่า คนเหล่านี้ไม่ฉลาด พยายามพูดให้องค์กรดูดี แต่ตัวเองไม่ฉลาด สูญเสีย กำไรหลายอย่างในชีวิตไปล่ะ ตรงกันข้ามผมกลับมองว่า ถ้าคนที่ทำงานพวกนี้ได้ทำงานสบายๆ งานต่อวันน้อยๆ เพื่อเอาเวลาส่วนต่างไปหารายได้เสริม ผมว่า จะดูฉลาดขึ้นมาอีก แต่อย่างที่บอก คนกลุ่มนี้ มักไม่ได้จบจาก ม ทอปๆ จึงยังคิดไม่แตกฉานพอ พูดโดยไม่คิด
4) และเด่วก็จะมีกลุ่มโลกสวย ออกมาบอกอีก ทำแล้วมีความสุข รับใช้ประชาชนแล้วภูมิใจ หรอ? แสดงว่าทุกๆวันนี่ทำงานไม่ได้มองตัวเงินเลยสินะ เวลาเงินไม่พอใช้ ไม่มีเงินผ่อนบ้าน รถ เวลาเพื่อนๆสิ้นปีได้ไปเที่ยวกันไม่อั้น คนกลุ่มนี้ก็ต้องประหยัด นั่งดูคดีเด็ดส่งท้ายปีที่บ้าน เวลาเพื่อนชวนกิน sukishi สักมื้อ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ผมเลยถามว่า ทำงานแล้วมีความสุข ภูมิใจได้รับใช้ประชาชนเนี่ย มันช่วยไรได้มั้ยกับตอนบ่มีจะแด๊กเนี่ย
ดังนั้น งานราชการ รัฐวิสาหกิจ จึงเป็นแหล่งรวมพล ของคนไม่ชอบการแข่งขัน คนไม่เอาถ่าน รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถไปแข่งกับเขาในระยะยาว และพอใจในเงินน้อยๆ และพอเวลาสอบเข้าได้ก็จะมาดีใจกันปานถูกรางวัลที่ 1 ทั้งๆที่ การสอบเข้าได้ของคุณนั้น พวกตัวทอปๆเขามองข้าม ไม่ได้จะคิดเข้ามาแข่งในเกมนี้อยู่แล้ว เพราะไม่เห็นคุณค่างานเหล่านี้ เลยทำให้พวกคุณมีโอกาสนั่นเอง บางครั้งก็อยากให้คนทำรัฐวิสาหกิจ ราชการ มองบ้าง ว่าทำไม พวกตัวทอปๆ จึงมองข้ามงานพวกคุณ และตัวคุณเองเสียโอกาสไรบ้าง จากงานพวกนี้ แลกกับความสบาย นี่คือคุ้มแล้วกะชีวิต?
ไม่ได้พาดพิง บุคคล หรือองค์กรใดนะครับ อันนี้คือมุมมองผมเฉยๆครับ
มีใครรู้สึกเหมือนผมมั้ยครับ งานราชการ รัฐวิสาหกิจ เป็นแหล่งรวมพลคนไม่เก่ง และจบ ม ไม่ดัง
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ1) ผมรู้สึกแบบนั้นเพราะว่า ถ้าคุณจบ ม ทอปๆ ของประเทศไทย ส่วนมาก ตอนๆเรียนกัน คุณก็จะใช้เงินร่วมๆ เกือบๆ 10,000-20,000 ต่อเดือนกันแล้ว นั่นก็คือหมายความว่า เมื่อเรียนจบมา เห็นฐานเงินเดือน ราชการ รัฐวิสาหกิจ ก็มักจะไม่เลือก เพราะไม่มีจะกิน ไม่พอใช้นั่นเอง
2) สืบเนื่องมาจากข้อ 1 คนจบพวก ม ทอปๆเหล่านี้ มักไม่กลัวการตกงาน เนื่องจากมั่นใจในความสามารถตัวเอง พร้อมแข่งขัน ในขณะที่ ถ้าคุณลองไปดูแต่ละคนที่ทำในราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ ไม่ใช่ ปตท ลองไปดูได้เลย จบแต่ละคนมา ส่วนมาก เครือ ราชมง ราชพัด ทั้งหลายนี่เอง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักรู้ตัวเองอยู่แล้ว ว่าไม่มีความสามารถพอไปแข่งกับ ม ทอปๆได้ จึงพยายามหางานพวกนี้
3) สังเกตดู เวลามีใครมาบอกว่า งานราชการ สบาย และมักจะมีกลุ่มคนเหล่านี้ ออกมาต่อต้าน งานสบายที่ไหนกัน เลิกช้า บลาๆ ผมมีความรู้สึกว่า คนเหล่านี้ไม่ฉลาด พยายามพูดให้องค์กรดูดี แต่ตัวเองไม่ฉลาด สูญเสีย กำไรหลายอย่างในชีวิตไปล่ะ ตรงกันข้ามผมกลับมองว่า ถ้าคนที่ทำงานพวกนี้ได้ทำงานสบายๆ งานต่อวันน้อยๆ เพื่อเอาเวลาส่วนต่างไปหารายได้เสริม ผมว่า จะดูฉลาดขึ้นมาอีก แต่อย่างที่บอก คนกลุ่มนี้ มักไม่ได้จบจาก ม ทอปๆ จึงยังคิดไม่แตกฉานพอ พูดโดยไม่คิด
4) และเด่วก็จะมีกลุ่มโลกสวย ออกมาบอกอีก ทำแล้วมีความสุข รับใช้ประชาชนแล้วภูมิใจ หรอ? แสดงว่าทุกๆวันนี่ทำงานไม่ได้มองตัวเงินเลยสินะ เวลาเงินไม่พอใช้ ไม่มีเงินผ่อนบ้าน รถ เวลาเพื่อนๆสิ้นปีได้ไปเที่ยวกันไม่อั้น คนกลุ่มนี้ก็ต้องประหยัด นั่งดูคดีเด็ดส่งท้ายปีที่บ้าน เวลาเพื่อนชวนกิน sukishi สักมื้อ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ผมเลยถามว่า ทำงานแล้วมีความสุข ภูมิใจได้รับใช้ประชาชนเนี่ย มันช่วยไรได้มั้ยกับตอนบ่มีจะแด๊กเนี่ย
ดังนั้น งานราชการ รัฐวิสาหกิจ จึงเป็นแหล่งรวมพล ของคนไม่ชอบการแข่งขัน คนไม่เอาถ่าน รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถไปแข่งกับเขาในระยะยาว และพอใจในเงินน้อยๆ และพอเวลาสอบเข้าได้ก็จะมาดีใจกันปานถูกรางวัลที่ 1 ทั้งๆที่ การสอบเข้าได้ของคุณนั้น พวกตัวทอปๆเขามองข้าม ไม่ได้จะคิดเข้ามาแข่งในเกมนี้อยู่แล้ว เพราะไม่เห็นคุณค่างานเหล่านี้ เลยทำให้พวกคุณมีโอกาสนั่นเอง บางครั้งก็อยากให้คนทำรัฐวิสาหกิจ ราชการ มองบ้าง ว่าทำไม พวกตัวทอปๆ จึงมองข้ามงานพวกคุณ และตัวคุณเองเสียโอกาสไรบ้าง จากงานพวกนี้ แลกกับความสบาย นี่คือคุ้มแล้วกะชีวิต?
ไม่ได้พาดพิง บุคคล หรือองค์กรใดนะครับ อันนี้คือมุมมองผมเฉยๆครับ