สวัสดีครับ
จากที่ผมทำงานในสายไอทีมาเป็นเวลาพอสมควร ทั้งในและต่างประเทศ
ในช่วงสอง-สามเดือนที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสสัมภาษณ์น้องๆ เข้าบริษัทครับ
แต่พบว่าหลายต่อหลายคน ไม่สามารถผ่านการสัมภาษณ์ได้ จึงอยากแชร์มุมมอง
และประสบการณ์ในฐานะรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องที่กำลังหางาน และใกล้จะจบในสายงานนี้นะครับ
มีไม่กี่ข้อ แต่ยาวหน่อยนะครับ ผมหวังว่าเวลา 2-3 ชม.ที่เขียนมานี้ จะมีประโยชน์ และได้รับ Feedback
เพื่อขัดเกลาแนวคิดของตัวเอง เพื่อที่จะสร้างประโยชน์อะไรได้บ้างครับ
ถ้ามีคำถามอื่นใดสงสัย รบกวน PM มาได้ครับ ผมตอบในกระทู้ด้วย แต่สะดวก PM มากกว่า
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านไหนอยากแชร์ประสบการณ์เรื่องน้องจบใหม่ ในสาย Enterprise แบบผม หรือ Startup
ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ :3
ปล.ผมไม่เคยทำงานลักษณะ Startup เป็นงานหลัก แต่ก็อยากรู้ว่าพิจารณากันยังไงบ้าง
สาเหตุที่มักสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านกัน
==============================================
1.ขาดทักษะพื้นฐาน ในสายงานไอทีจริงๆ
==============================================
ในงานไอที เรามักจะแบ่งทักษะออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ Soft Skill และ Hard Skill ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดย Soft Skill เรามักจะมองเรื่องทักษะการสื่อสาร ภาษาอังกฤษ ประสานงาน ดำเนินการ จัดการตัวเอง/ทีม/โปรเจค การวางแผน การวิเคราะห์ความเสี่ยง ฯลฯ เป็นต้น ครับ ส่วน Hard Skill คือทักษะทาง Technical สำหรับสายงานนี้ อาทิเช่น Coding, Database, Mobile, Network, Problem Solving/Analytic, Design Pattern, Architecture (Software [Application], Hardware[Infrastructure], Product/Package Software [SAP, Oracle, IBM] เป็นต้นครับ
ซึ่งส่วนมากเราจะคาดหวังต่อน้องๆ จบใหม่จาก "โปรเจคจบ", เกรดที่สะสมมา และการสัมภาษณ์สด เพื่อวัด Attitude ครับ
สำหรับคนที่ตั้งใจเรียนตอนท้าย หรือเกรดไม่สวย ขอให้เตรียมตัวกับการสัมภาษณ์สดให้ดี บางคนโชคดีที่ผู้ประเมินจะมองข้ามเรื่องเกรด
ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราทำสัมภาษณ์ได้ดี แต่เชื่อผมเถอะว่าเราจะร้องขอให้ผู้ประเมินทุกคนมองข้ามคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่มีอะไรทีน่าสนใจกว่ามาเสนอพวกเค้า และความคิดที่ว่า "ไม่เป็นไร จบใหม่ ค่อยไปเรียนรู้เอาตอนฝึกงานก็ได้" จะทำให้เราผ่านสัมภาษณ์ยากมากครับ เพราะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย มักถูกแยกกองต่างกับคนที่เคยทำอะไรมาบ้าง
ผมเคยเห็นน้องบางคนถูกปล่อยทิ้งไว้ แล้วไม่มีรุ่นพี่คนไหนลงไปสอนยาวๆ ได้
จนสุดท้าย ผ่านพ้นช่วงฝึกงานก็ได้รับประเมินว่าไม่ผ่านงาน มันอาจเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่การทำงานมักเป็นแบบนี้ครับ
เรายังสามารถเรียนรู้ได้ แต่ช่วงจะสั้นมาก และบททดสอบที่ไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถลงทะเบียนใหม่เหมือนตอนเรียนได้
บางครั้ง เราอาจต้องทุ่มเทให้มากเป็นพิเศษ ในสถานการณ์ที่ท้าทาย(จำเป็น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอยกตัวอย่างเดือนแรกที่ผมทำงานครับ ผมมาสาย Coding แต่กลับสมัครงานในบริษัท In House
และติดปัญหาเรื่องการสื่อสารมากๆ เพราะเราฟัง User อธิบาย Business ไม่เข้าใจ ตกๆ หล่นๆ
ดังนั้นช่วง เสาร์ อาทิตย์ ผมก็หอบเอกสารเก่าๆ จดบันทึกของตัวเอง แล้วเอามาศึกษา ทบทวน
ข้อไหนงง ก็รวบรวมเป็นคำถาม ไปถามพี่ๆ วันจันทร์
==============================================
2.ทิ้งช่วงนานเกินไป และละเลยการบ้าน ก่อนการสัมภาษณ์
==============================================
บางคนจบมาในสายไอที แต่กลับไปทำงานอย่างอื่น เช่นเดินเอกสาร, ช่วยงานที่บ้าน (?) หรืองานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับไอที
แล้วพอมาสมัครงาน โดยระบุว่ามีทักษะ Coding, Database พอถึงเวลาสัมภาษณ์ก็ตอบแค่ ได้ค่ะๆ เหมือนเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
น้อง A และ B ระบุว่าตนสามารถ/เคยเรียน Database มาก่อน
Round 1 : น้อง A
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผม : ที่ว่าทำ Database มาบ้าง นี่เคยใช้พวก Join ไหมครับ?
น้อง A : อ๋อ เคยค่ะ
ผม : ดีเลยครับ แล้วเป็นไงบ้างครับ?
น้อง A : ก็ดีค่ะ แต่หมู่นี้ไม่ค่อยได้ Join เลย
ผม : งั้น.. Inner Join เป็นยังไงครับ
น้อง A : จำไม่ได้ค่ะ
ผม : (โอ้วเหยดดดด)
Round 2 : น้อง B
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผม : เอาล่ะ เดี๋ยวเราลองคำสั่งพื้นฐานของ Database เรานะ พร้อมมั้ย?
น้อง B : พร้อมครับ!
ผม : เอาล่ะ ลอง "ซีเล็คสตาร์จากเทเบิลข้อมูลลูกค้าหน่อยครับ"
น้อง B : พิมพ์ "Select star from...."
ผม : (อืม.... มาเป็นดาวเลยเว้ยเฮ้ย)
เคสพิเศษ น้อง C แสนสวย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผม : เห็นว่าจบมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ไม่ทราบว่าเคยทำงานที่ไหนมาบ้างไหมครับ (จริงๆ รู้อยู่แล้ว จาก Resume แต่ถามตามธรรมเนียมส์)
น้อง C : อ๋อ ช่วยงานที่บ้าน กับทำงานอื่นๆ อ่ะค่ะ
ผม : รับพวก Freelance มาบ้างไหมครับ
น้อง C : ช่วงนี้ไม่ได้รับอะค่ะ
ผม : (ใจชื้น เออ เว้ย อาจจะเป็นงาน... คิดในใจ) แล้วเคยรับแนวไหนมาบ้างอะครับ พวกทำเว็บบริษัทอะไรงี้เคยปะ
น้อง C : อ๋อ จริงๆ แล้วไม่เคยทำค่ะ
ผม : (ถ้าไม่ถามต่อ คงไม่รู้ข้อเท็จจริงแน่ๆ)
จากเคสน้อง C ขอพ่วงไปนิดนึงว่า มั่วนิ่มส์
ซึ่งบางคนก็ไม่อะไรมาก แต่บางคนนี่แทบจุกในลำคอ และแน่นอนว่า ไม่ผ่าน!
ผมไม่ได้คาดคั้นว่าระหว่างที่หางาน หรือว่างงาน จะต้องทำโน่นทำนี่ หรือฝึกฝนวิชาให้เหมาะกับตลาดแรงงาน ซะทีเดียว
บางบริษัท (แม้กระทั่งที่ผมทำงานอยู่เอง) ก็มีอะลุ่มอะหล่วยว่า ถ้าพอปั้นได้ ถึงจะไม่มีทักษะ แต่ก็โอเค!
แต่ก่อนหน้านั้นเราก็จะพิจารณาในข้อถัดไปซะหน่อยก็คือ การเตรียมตัวมาสัมภาษณ์ครับ อย่างน้อยๆ ก็ขอดูการเตรียมตัว เตรียมใจหน่อยเถอะ
บางคนมาสัมภาษณ์แบบไม่รู้อะไรเลย อาทิเช่น Telecom .. ไม่เคยเปิดบัญชี จ่ายรายเดือน เติมเงิน จ่ายยังไง จ่ายได้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ ไม่เคยจ่าย ที่บ้านจ่ายให้ตลอด ไม่ก็แอบงงๆ อยู่เหมือนกันว่าที่เปิดรับสมัคร Web Developer แล้วจะเอาไปทำเว็บอะไร หน้าเว็บตอนนี้ก็สวยดีอยู่แล้ว, ไม่รู้ว่า Telco ที่กำลังสัมภาษณ์อยู่ดำเนินธุรกิจกันยังไง แต่จำได้ลางๆ ว่ามีคนไปยืนขายซิมอยู่ คงเป็นพนักงานที่เหลือนอกจากฝ่ายไอทีล่ะมั้ง.. แล้วเก็บเงินตอนคนเติมเงิน หรือครบรอบเดือนแค่นั้นมั้ง เป็นต้น!
ถ้าเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ก็อาจรู้ว่าเออ มีฝาก โอน ถอน ฝากประจำ ฝากออมทรัพย์ มีสินเชื่อบ้าน รถ การศึกษา SME ทำนองนี้ ถ้าเคยเปิดบัญชี หรือฝากประจำ แล้วรู้ขั้นตอนก็ยิ่งง่าย ถือว่าเป็นโบนัสได้เลย ครั้งที่ผมไปสมัครทำงานสายธนาคาร ผมเดินไปเปิดบัญชีก่อน แล้วดูว่าอะไร ที่น่าจะทำให้มันดีขึ้นได้ ในแง่ของกระบวนการทำงาน หรือระบบที่พนักงานแสนสวยใช้อยู่ แล้วระหว่างสัมภาษณ์
ผมก็แชร์ความคิดของผมไป ซึ่งนั่นถูกใจผู้สัมภาษณ์มาก .. ดั่งทำนองที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ก็รบร้อยครั้ง (เผ่นนน)
มีอยู่ครั้งนึงที่เจอแบบสับสนกับตัวเอง ประมาณว่า "หนูไม่ชอบงาน Support ค่ะ แต่ชอบงานบริการ"
เล่นบอกมาแบบนี้ ผมแทบจะไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว ! คิดว่าคงตื่นเต้นมาก(?) หรือไม่ก็เมาใบกระท่อมมา =w="a
==============================================
3.มาไม่ตรงสายกับบริษัท Out Source !?
==============================================
ข้อนี้เกี่ยวกับน้องๆ ที่เวลาสมัครงานแล้ว คาดหวังว่าจะได้เป็นพนักงานประจำ แต่กลับกลายเป็น Out Source?!
หรือเพิ่งมารู้ตัวตอนสัมภาษณ์ว่า อ้าว! นี่เราไม่ใช่พนักงานประจำหรือ!! ตอนสัมภาษณ์สดๆ เลย... แล้ว Out source มันคืออะไร
ต่างจากซอสอื่นๆ ที่มีขายอยู่ตาม Super Market หรือไม่..!?
คำนิยามตามที่ซ่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บ้างก็เรียกว่า Head Hunt ครับ คือบริษัทที่จัดเตรียมคนที่มีทักษะ
ตรงตาม Skill ที่ลูกค้า (พวก In House ทั้งหลาย) ต้องการ โดยมีการรับเงินค่าจ้างจากลูกค้า แล้วแบ่งส่วนหนึ่งให้พนักงาน Out Source
อีกทอดหนึ่งครับ มักจะเกิดขึ้นในจังหวะที่ลูกค้าไม่สามารถหาพนักงานได้ แบบว่าช่วยหาให้ที! เร่งด่วนมาก! เป็นต้น .. สมมุติว่าบริษัทเคมี A เปิดรับตำแหน่ง Programmer เงินเดือน 30k (รวมสวัสดิการต่างๆ) แต่บริษัท Out Source B บอกว่า เดี๋ยวหาคนให้นะ แต่ขอ 40k (และบริษัท A ไม่ต้องให้สวัสดิการอะไร เดี๋ยวบริษัท B จะดูแลเรื่องนี้เอง ซึ่งอาจจะให้ หรือไม่ให้จริงๆ ก็ได้) แล้วจ้างเราเป็น Programmer โดยให้เงินเดือน 32k! (สมมุติ) จากนั้นบริษัท B ก็ส่งเราเข้าทำงานกับบริษัท A และรับค่าหัวคิวไปเรื่อยๆ โดยแลกกับสวัสดิการจากบริษัท B ซึ่งอาจจะดีกว่า (ถ้ามีเหมารวม Package อะไรมา) ขึ้นอยู่กับการจัดการและนโยบายของบริษัท บางบริษัทมีการส่งพนักงานไปเทรนทักษะใหม่ๆ ด้วยก็มี .. ปล.สวัสดิการที่บริษัท A มีให้พนักงาน ก็มีค่าใช้จ่ายครับ พอเค้าไม่ต้องจ่ายค่าสวัสดิการพื้นฐานให้ เค้าก็เอาเงินส่วนนี้ไปจ้าง Out Source ในเรตที่สูงขึ้นได้
น้องๆ บางคนทั้งจบใหม่ และทำงานมาสักระยะหนึ่ง มักเข้าใจผิดกับเรื่องนี้ แยกไม่ออกระหว่าง Client (In House), Software House, Out source บ้างก็เข้าใจว่ามาเป็นพนักงานประจำของลูกค้า จึงถามถึงสวัสดิการจากลูกค้าก็มี
โดนส่งแบบไม่ตรงสกิลก็มี เช่นชอบทำ Database แต่ดันมาสัมภาษณ์ในตำแหน่ง Programmer
ปกติแล้ว Out source จะได้เงินเยอะครับ แลกกับการได้สวัสดิการที่น้อยลง ลักษณะการทำงานก็ต้องทำเป็นสัญญา แบบต่อ 3 เดือน 6 เดือน หรือปีต่อปี ดังนั้นจึงขาดความมั่นคงแบบพนักงานประจำ ถ้าทำโปรเจคไหนจบ แล้วไม่มีโปรเจคไหนไปทำต่อได้ ก็ไม่มีงาน = ไม่มีเงิน! (ผมเคยเจอเพื่อนชาวอินโดคนนึง ทำงานเก่งมาก อายุราวๆ 26-27 ได้เงินเดือนราวๆ 250k บาทต่อเดือน แต่ที่อยู่ ค่าเดินทางจัดการเอง ซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก พอๆ กะที่ไทย แต่แพงกว่าราว 10-15% ขณะที่ทำโปรเจคอยู่มาเลย์ ในตำแหน่ง Sr.Developer ... ทำงานอยู่ 2 ปี กลับประเทศไปเห็นว่าซื้อบ้านพร้อมแต่งงานเลยทีเดียว = =" )
โดยส่วนตัวแล้วผมมี Bias นิดหน่อยกับบริษัท Out Source ครับ
หลายๆ บริษัทดำเนินธุรกิจได้ดีครับ น่าชื่นชม และใช้บริการอยู่ แต่จากที่เคยสัมผัสเองโดยตรง มีบางบริษัทที่เน้นแต่ยอด
ส่งพนักงานไปสัมภาษณ์กับลูกค้าทั้งๆ ที่ทักษะไม่ตรงกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมเคยมีประสบการณ์สุดแสบ ที่ได้รับ Feedback ระหว่างสัมภาษณ์กับลูกค้าว่า "เราต้องการ .Net Platform คิดว่าคุณที่เป็น Java ไม่น่าจะมาสัมภาษณ์นะ" แน่นอนว่าตอนนั้นผมก็ถามเผื่อไปแล้วด้วยซ้ำว่า Java Framework อะไร แต่กลับได้รับคำตอบว่า Coding ได้ก็พอ ถ้ามาท่านี้
รายละเอียดโปรเจคไม่ชัดเจน แนะนำอะไรไม่ได้ ทำได้แต่ส่งไปอย่างเดียว มักจะทำเราเสียเวลาครับ
ช่วงนี้ผมก็กำลังปวดหัวกับบริษัท Out Source แห่งหนึ่งอยู่ ที่ชอบส่งคนไม่ตรงสกิลมา ซึ่งรอบหน้าผมคิดว่าจะแจ้งให้เลิกส่งคนมาแล้ว เพราะเสียเวลาคนสัมภาษณ์ และคนที่เข้ามาสัมภาษณ์ครับ =A=p
แถมท้าย : Tip Trick จะครบ 10k ตัวอักษรแล้ว ขอพิมพ์สั้นๆ นะครับ >.<
การ Apply Job คือสิ่งควรทำ
- แค่เอา Resume ไปวางเฉยๆ บน JobDB, JobTopgun มันไม่พอนะครับ ควรเลือกงานแล้ว Apply ไปเองด้วย
ไม่งั้นก็จะเจอแต่เหล่า Head hunt ติดต่อมาเท่านั้น เป็นผู้เลือกย่อมดีกว่าถูกเลือกนะครับ
เรียนรู้ Career Path จากรุ่นพี่ และคนรอบข้าง
- ลองวางแผนตำแหน่ง การโปรโมท หน้าที่การงานของเราหรือยังครับ? บางครั้งเราอาจเรียนรู้จากใครสักคนในที่ทำงานก็ได้
ผมชอบแนวคิดที่ว่า "ถ้าคุณอยากเป็น Manager คุณต้องเริ่มทำงานของ Manager ได้แล้ว" แหงล่ะ ทำงานเดิมๆ แล้วจะหวังก้าวหน้าคงพิลึกเต็มทน
Resume ควรมีอะไรบ้าง
- นอกจาก Transcript กับ Personal Info แล้ว พวกผลงานจากการแข่งขัน, คอร์สอบรม หรือโครงการที่เข้าร่วมประกวด ก็ควรใส่ลงไปครับ
เพราะผู้สัมภาษณ์จะรู้จักเรามากขึ้น มันอาจมีงานที่เหมาะกับเรามากกว่าที่คิดก็ได้ งานสันทนาการที่แสดงออกถึง Soft skill ก็สำคัญครับ
ก่อนการสัมภาษณ์ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
- แรกสุดคือก่อนเวลาสัมภาษณ์ 1 ชม. โทร Confirm กับ HR ครับ จะโทรไปเช็คตั้งกะต้นวันเลยก็ได้
เพื่อลดความคลาดเคลื่อนหรือเหตุสุดวิสัย ถ้าจำเป็นต้องเลื่อนการสัมภาษณ์ก็บอกแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่หายตัวไปเงียบๆ
เดี๋ยวจะกลายเป็นเสียโอกาสสัมภาษณ์กับบริษัทแห่งนั้นไป หรือไม่ก็ปฏิเสธดีๆ เผื่ออนาคตอาจต้องไปสมัคร
ครบ 10k ตัวอักษรแล้ว ได้เวลาไปงีบสำหรับผมพอดี
ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จในการเริ่มงานนะครั
ว่าด้วยเรื่องของน้องๆที่จบไอที กับการสมัครงานครับ
จากที่ผมทำงานในสายไอทีมาเป็นเวลาพอสมควร ทั้งในและต่างประเทศ
ในช่วงสอง-สามเดือนที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสสัมภาษณ์น้องๆ เข้าบริษัทครับ
แต่พบว่าหลายต่อหลายคน ไม่สามารถผ่านการสัมภาษณ์ได้ จึงอยากแชร์มุมมอง
และประสบการณ์ในฐานะรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องที่กำลังหางาน และใกล้จะจบในสายงานนี้นะครับ
มีไม่กี่ข้อ แต่ยาวหน่อยนะครับ ผมหวังว่าเวลา 2-3 ชม.ที่เขียนมานี้ จะมีประโยชน์ และได้รับ Feedback
เพื่อขัดเกลาแนวคิดของตัวเอง เพื่อที่จะสร้างประโยชน์อะไรได้บ้างครับ
ถ้ามีคำถามอื่นใดสงสัย รบกวน PM มาได้ครับ ผมตอบในกระทู้ด้วย แต่สะดวก PM มากกว่า
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านไหนอยากแชร์ประสบการณ์เรื่องน้องจบใหม่ ในสาย Enterprise แบบผม หรือ Startup
ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ :3
ปล.ผมไม่เคยทำงานลักษณะ Startup เป็นงานหลัก แต่ก็อยากรู้ว่าพิจารณากันยังไงบ้าง
สาเหตุที่มักสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านกัน
==============================================
1.ขาดทักษะพื้นฐาน ในสายงานไอทีจริงๆ
==============================================
ในงานไอที เรามักจะแบ่งทักษะออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ Soft Skill และ Hard Skill ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งส่วนมากเราจะคาดหวังต่อน้องๆ จบใหม่จาก "โปรเจคจบ", เกรดที่สะสมมา และการสัมภาษณ์สด เพื่อวัด Attitude ครับ
สำหรับคนที่ตั้งใจเรียนตอนท้าย หรือเกรดไม่สวย ขอให้เตรียมตัวกับการสัมภาษณ์สดให้ดี บางคนโชคดีที่ผู้ประเมินจะมองข้ามเรื่องเกรด
ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราทำสัมภาษณ์ได้ดี แต่เชื่อผมเถอะว่าเราจะร้องขอให้ผู้ประเมินทุกคนมองข้ามคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่มีอะไรทีน่าสนใจกว่ามาเสนอพวกเค้า และความคิดที่ว่า "ไม่เป็นไร จบใหม่ ค่อยไปเรียนรู้เอาตอนฝึกงานก็ได้" จะทำให้เราผ่านสัมภาษณ์ยากมากครับ เพราะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย มักถูกแยกกองต่างกับคนที่เคยทำอะไรมาบ้าง
ผมเคยเห็นน้องบางคนถูกปล่อยทิ้งไว้ แล้วไม่มีรุ่นพี่คนไหนลงไปสอนยาวๆ ได้
จนสุดท้าย ผ่านพ้นช่วงฝึกงานก็ได้รับประเมินว่าไม่ผ่านงาน มันอาจเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่การทำงานมักเป็นแบบนี้ครับ
เรายังสามารถเรียนรู้ได้ แต่ช่วงจะสั้นมาก และบททดสอบที่ไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถลงทะเบียนใหม่เหมือนตอนเรียนได้
บางครั้ง เราอาจต้องทุ่มเทให้มากเป็นพิเศษ ในสถานการณ์ที่ท้าทาย(จำเป็น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
==============================================
2.ทิ้งช่วงนานเกินไป และละเลยการบ้าน ก่อนการสัมภาษณ์
==============================================
บางคนจบมาในสายไอที แต่กลับไปทำงานอย่างอื่น เช่นเดินเอกสาร, ช่วยงานที่บ้าน (?) หรืองานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับไอที
แล้วพอมาสมัครงาน โดยระบุว่ามีทักษะ Coding, Database พอถึงเวลาสัมภาษณ์ก็ตอบแค่ ได้ค่ะๆ เหมือนเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
น้อง A และ B ระบุว่าตนสามารถ/เคยเรียน Database มาก่อน
Round 1 : น้อง A
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Round 2 : น้อง B
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เคสพิเศษ น้อง C แสนสวย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากเคสน้อง C ขอพ่วงไปนิดนึงว่า มั่วนิ่มส์
ซึ่งบางคนก็ไม่อะไรมาก แต่บางคนนี่แทบจุกในลำคอ และแน่นอนว่า ไม่ผ่าน!
ผมไม่ได้คาดคั้นว่าระหว่างที่หางาน หรือว่างงาน จะต้องทำโน่นทำนี่ หรือฝึกฝนวิชาให้เหมาะกับตลาดแรงงาน ซะทีเดียว
บางบริษัท (แม้กระทั่งที่ผมทำงานอยู่เอง) ก็มีอะลุ่มอะหล่วยว่า ถ้าพอปั้นได้ ถึงจะไม่มีทักษะ แต่ก็โอเค!
แต่ก่อนหน้านั้นเราก็จะพิจารณาในข้อถัดไปซะหน่อยก็คือ การเตรียมตัวมาสัมภาษณ์ครับ อย่างน้อยๆ ก็ขอดูการเตรียมตัว เตรียมใจหน่อยเถอะ
บางคนมาสัมภาษณ์แบบไม่รู้อะไรเลย อาทิเช่น Telecom .. ไม่เคยเปิดบัญชี จ่ายรายเดือน เติมเงิน จ่ายยังไง จ่ายได้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ ไม่เคยจ่าย ที่บ้านจ่ายให้ตลอด ไม่ก็แอบงงๆ อยู่เหมือนกันว่าที่เปิดรับสมัคร Web Developer แล้วจะเอาไปทำเว็บอะไร หน้าเว็บตอนนี้ก็สวยดีอยู่แล้ว, ไม่รู้ว่า Telco ที่กำลังสัมภาษณ์อยู่ดำเนินธุรกิจกันยังไง แต่จำได้ลางๆ ว่ามีคนไปยืนขายซิมอยู่ คงเป็นพนักงานที่เหลือนอกจากฝ่ายไอทีล่ะมั้ง.. แล้วเก็บเงินตอนคนเติมเงิน หรือครบรอบเดือนแค่นั้นมั้ง เป็นต้น!
ถ้าเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ก็อาจรู้ว่าเออ มีฝาก โอน ถอน ฝากประจำ ฝากออมทรัพย์ มีสินเชื่อบ้าน รถ การศึกษา SME ทำนองนี้ ถ้าเคยเปิดบัญชี หรือฝากประจำ แล้วรู้ขั้นตอนก็ยิ่งง่าย ถือว่าเป็นโบนัสได้เลย ครั้งที่ผมไปสมัครทำงานสายธนาคาร ผมเดินไปเปิดบัญชีก่อน แล้วดูว่าอะไร ที่น่าจะทำให้มันดีขึ้นได้ ในแง่ของกระบวนการทำงาน หรือระบบที่พนักงานแสนสวยใช้อยู่ แล้วระหว่างสัมภาษณ์
ผมก็แชร์ความคิดของผมไป ซึ่งนั่นถูกใจผู้สัมภาษณ์มาก .. ดั่งทำนองที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ก็รบร้อยครั้ง (เผ่นนน)
มีอยู่ครั้งนึงที่เจอแบบสับสนกับตัวเอง ประมาณว่า "หนูไม่ชอบงาน Support ค่ะ แต่ชอบงานบริการ"
เล่นบอกมาแบบนี้ ผมแทบจะไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว ! คิดว่าคงตื่นเต้นมาก(?) หรือไม่ก็เมาใบกระท่อมมา =w="a
==============================================
3.มาไม่ตรงสายกับบริษัท Out Source !?
==============================================
ข้อนี้เกี่ยวกับน้องๆ ที่เวลาสมัครงานแล้ว คาดหวังว่าจะได้เป็นพนักงานประจำ แต่กลับกลายเป็น Out Source?!
หรือเพิ่งมารู้ตัวตอนสัมภาษณ์ว่า อ้าว! นี่เราไม่ใช่พนักงานประจำหรือ!! ตอนสัมภาษณ์สดๆ เลย... แล้ว Out source มันคืออะไร
ต่างจากซอสอื่นๆ ที่มีขายอยู่ตาม Super Market หรือไม่..!?
คำนิยามตามที่ซ่อนนะครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
น้องๆ บางคนทั้งจบใหม่ และทำงานมาสักระยะหนึ่ง มักเข้าใจผิดกับเรื่องนี้ แยกไม่ออกระหว่าง Client (In House), Software House, Out source บ้างก็เข้าใจว่ามาเป็นพนักงานประจำของลูกค้า จึงถามถึงสวัสดิการจากลูกค้าก็มี
โดนส่งแบบไม่ตรงสกิลก็มี เช่นชอบทำ Database แต่ดันมาสัมภาษณ์ในตำแหน่ง Programmer
ปกติแล้ว Out source จะได้เงินเยอะครับ แลกกับการได้สวัสดิการที่น้อยลง ลักษณะการทำงานก็ต้องทำเป็นสัญญา แบบต่อ 3 เดือน 6 เดือน หรือปีต่อปี ดังนั้นจึงขาดความมั่นคงแบบพนักงานประจำ ถ้าทำโปรเจคไหนจบ แล้วไม่มีโปรเจคไหนไปทำต่อได้ ก็ไม่มีงาน = ไม่มีเงิน! (ผมเคยเจอเพื่อนชาวอินโดคนนึง ทำงานเก่งมาก อายุราวๆ 26-27 ได้เงินเดือนราวๆ 250k บาทต่อเดือน แต่ที่อยู่ ค่าเดินทางจัดการเอง ซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก พอๆ กะที่ไทย แต่แพงกว่าราว 10-15% ขณะที่ทำโปรเจคอยู่มาเลย์ ในตำแหน่ง Sr.Developer ... ทำงานอยู่ 2 ปี กลับประเทศไปเห็นว่าซื้อบ้านพร้อมแต่งงานเลยทีเดียว = =" )
โดยส่วนตัวแล้วผมมี Bias นิดหน่อยกับบริษัท Out Source ครับ
หลายๆ บริษัทดำเนินธุรกิจได้ดีครับ น่าชื่นชม และใช้บริการอยู่ แต่จากที่เคยสัมผัสเองโดยตรง มีบางบริษัทที่เน้นแต่ยอด
ส่งพนักงานไปสัมภาษณ์กับลูกค้าทั้งๆ ที่ทักษะไม่ตรงกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แถมท้าย : Tip Trick จะครบ 10k ตัวอักษรแล้ว ขอพิมพ์สั้นๆ นะครับ >.<
การ Apply Job คือสิ่งควรทำ
- แค่เอา Resume ไปวางเฉยๆ บน JobDB, JobTopgun มันไม่พอนะครับ ควรเลือกงานแล้ว Apply ไปเองด้วย
ไม่งั้นก็จะเจอแต่เหล่า Head hunt ติดต่อมาเท่านั้น เป็นผู้เลือกย่อมดีกว่าถูกเลือกนะครับ
เรียนรู้ Career Path จากรุ่นพี่ และคนรอบข้าง
- ลองวางแผนตำแหน่ง การโปรโมท หน้าที่การงานของเราหรือยังครับ? บางครั้งเราอาจเรียนรู้จากใครสักคนในที่ทำงานก็ได้
ผมชอบแนวคิดที่ว่า "ถ้าคุณอยากเป็น Manager คุณต้องเริ่มทำงานของ Manager ได้แล้ว" แหงล่ะ ทำงานเดิมๆ แล้วจะหวังก้าวหน้าคงพิลึกเต็มทน
Resume ควรมีอะไรบ้าง
- นอกจาก Transcript กับ Personal Info แล้ว พวกผลงานจากการแข่งขัน, คอร์สอบรม หรือโครงการที่เข้าร่วมประกวด ก็ควรใส่ลงไปครับ
เพราะผู้สัมภาษณ์จะรู้จักเรามากขึ้น มันอาจมีงานที่เหมาะกับเรามากกว่าที่คิดก็ได้ งานสันทนาการที่แสดงออกถึง Soft skill ก็สำคัญครับ
ก่อนการสัมภาษณ์ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
- แรกสุดคือก่อนเวลาสัมภาษณ์ 1 ชม. โทร Confirm กับ HR ครับ จะโทรไปเช็คตั้งกะต้นวันเลยก็ได้
เพื่อลดความคลาดเคลื่อนหรือเหตุสุดวิสัย ถ้าจำเป็นต้องเลื่อนการสัมภาษณ์ก็บอกแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่หายตัวไปเงียบๆ
เดี๋ยวจะกลายเป็นเสียโอกาสสัมภาษณ์กับบริษัทแห่งนั้นไป หรือไม่ก็ปฏิเสธดีๆ เผื่ออนาคตอาจต้องไปสมัคร
ครบ 10k ตัวอักษรแล้ว ได้เวลาไปงีบสำหรับผมพอดี
ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จในการเริ่มงานนะครั