ทริปนี้ที่สิงคโปร์ ด้วยสองขา กล้องหนึ่งตัวและหนังสือหนึ่งเล่ม

สวัสดีค่าาาา ทุกคน ... โอ๊ยตื่นเต้น !!! กระทู้นี้เป็นการรีวิวครั้งแรก ซึ่งปกติ ก็เที่ยวอย่างเดียว แต่จากประสบการณ์ของตัวเอง ที่ไปเที่ยว ก็ไม่อยากไปกับทัวร์ ซึ่งหลายๆคนคงคิดแบบเราเช่นกัน ดังนั้น การที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ โดยไม่ต้องพึ่งทัวร์ เราเลยจำเป็นต้องพึ่งการรีวิวจากหลายๆคนที่เคยไปมาแล้วๆ กลับมารีวิว ซึ่งต้องขอบคุณ รีวิวเหล่านั้น ที่ทำให้มองเห็นภาพของการเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองออก เอาล่ะ เราจะไปสิงคโปร์ ใช่มั๊ย ก่อนอื่น เราต้องมารู้จัก ประเทศนี้ก่อน  ซึ่งเราจะไม่เอาอะไรมาก  

ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่อยู่บนเกาะ  ประชากรของส่วนใหญ่ ก็มีหลายเชื้อชาติปะปนกัน ที่เห็นบ่อยๆ ก็คนสิงคโปร์เอง จีน อินเดีย (อันนี้เยอะมาก) ซะส่วนใหญ่ ภาษาที่เขาใช้กัน ก็อังกฤษ จีนกลาง และภาษาอินเดีย (เรียกอะไรมั๊ยรู้ ๕๕๕) ดังนั้น ถ้าจะไปสิงคโปร์ พื้นฐานของภาษาที่ต้องมี คือ อังกฤษ นะจ๊ะ

สำหรับวีซ่า ไม่จำเป็นจ๊ะ เพราะสิงคโปร์อยู่ใน AEC ดังนั้น แค่มี พาสพอร์ต เราก็ลั้ลล้าได้ แต่ต้องไม่เกิน 30 วันเน้อ!!!

เอาล่ะ มาเริ่มกันดีกว่า

สำหรับทริปนี้ เราไป 3 วัน 4 คืน  (7-10 ตุลาคม 2557) ลืมบอกไปว่า ทริปนี้ ไปกับเพื่อน 2 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงจ๊ะ (เปรี้ยวป่ะล่ะ)ก่อนไป ก็ไปแลกเงินกันก่อนจ้า สำหรับเรทของสิงคโปร์ ที่ Superich อยู่ที่ 1$=25.77฿


ในการเดินทาง เราเลือกใช้สายการบิน Low cost อย่าง Airasia เพราะรู้สึกว่า แค่นั่งไปไม่ต้องถึงกับนอนแผ่หลา หรือนอนราบหลับสบายๆ ก็ได้ม้าง ที่สำคัญ ราคาถูกจ๊ะ ... เราเลือกจองตั๋วด้วยโปร 0 บาท ซึ่งจองกันตั้งแต่ พย. 56 ข้ามปีกันเลยทีเดียว ด้วยราคาตั๋วไปกลับคนละ ประมาณ 5000 บาท ...  (จิงมันถูกกว่านี้นะ แต่พอดีว่า วันกลับมันเลยช่วงโปร 0 บาท ซวยไป) สำหรับเรื่องการเช็คอิน เพื่อนๆ สามารถเช็คอินผ่านทาง App ของแอร์เอเชียหรือที่เคาต์เตอร์ก็ได้จ๊ะ ตามสะดวกสำหรับเราสองคน เช็คอินที่หน้าเคาต์เตอร์จ๊ะ เพราะมีกระเป๋าให้โหลด ระหว่างรอคิว ก็แชะๆ สักหน่อย


เมื่อโหลดกระเป๋าเสร็จ ก็ผ่าน ตม.ของประเทศไทย อ่อ ลืมบอกไปว่า เราต้องเขียนใบตม.ของเราให้เสร็จก่อนที่จะผ่านตม.นะจ๊ะ  ซึ่งหน้าตาก็เป็นแบบนี้


เมื่อถึงตม. ก็ยื่นพาสพอร์ตพร้อม boarding pass ให้กับพี่ตม.ซะ (โซนนี้ถ่ายรูปไม่ได้แต่พี่ๆเค้าจะถ่ายรูปเราแทน ฮี่ๆๆ ยิ้มได้ พี่เขาบอกมา)

เอาล่ะ เมื่อผ่านตม.เสร็จ เราก็จะถึงโซนเครื่องสแกน ใครมีอะไรเอาออกมาให้หมดนะฮะ อย่าหมกเม็ดเด็ดขาด ส่วนใครที่ใส่เสื้อ ก็ถอดออกมากองๆไว้ในตะกร้าที่พี่แกเตรียมไว้ให้ เอาง่ายๆ คือเหลือแค่ตัวอ่ะ โอเคนะ เมื่อตรวจผ่านเสร็จปุ๊บ ก็เก็บสัมภาระข้าวของเตรียมตัวขึ้นเครื่องเลยจ้า ...สำหรับเราสองคน ขึ้น Gate 23 ไม่ไกล เลยไปแวะกินข้าวกันก่อนขึ้นเครื่อง

ไฟลท์ที่เราสองคนนั่งคือ FD355 เวลา 13.25-16.35 (ตามเวลาของสิงคโปร์จ๊ะซึ่งห่างกับเราประมาณ 2 ชม.)
ส่วนขากลับก็ FD356 เวลา 14.40-16.40 (เลขไฟลท์สำคัญนะจ๊ะ เพราะต้องลงในใบตม.เน้อ)

เมื่อถึงเวลาเราก็โบกมือลาประเทศไทยกันเถอะ.....

ท้องฟ้าวันนี้สวยงาม อากาศกำลังดี (ลืมบอกไปว่า จะไปเที่ยวสิงคโปร์ ควรเลือกช่วงๆดี เพราะอาจจะเจอฝนตกหนักจนไปไหนไม่ได้ การตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางสำคัญมาก)

บนเครื่องบิน แอร์คนสวยก็จะนำใบ ตม.ของสิงคโปร์มาแจก ซึ่งหน้าตาใบตม.ก็จะเป็นแบบนี้


เอาล่ะ ถึงสนามบิน Changi สิงคโปร์แล้วจ้า .... ปรับเวลาที่มือถือและนาฬิกาเพื่อไม่ให้สับสนและตกเครื่องเมื่อขากลับ หุหุหุ
หลังจากลงเครื่อง ก็ให้เดินตามทาง ซึ่งจะมีป้ายบอก Arrive และ baggage เป็นระยะๆ และก่อนที่จะเอากระเป๋า ก็จะเจอพี่ตม.ของสิงคโปร์  เมื่อผ่านตม.ปุ๊บ ก็ไปเอากระเป๋าแล้วเตรียมตัวเข้าเมืองกันเลยยยยยซึ่งเราต้องไปขึ้น MRT ที่ Terminal 2 ...



และเมื่อถึง Terminal 2 แล้ว เราก็จะเจอป้ายทางไป MRT จ้า


สำหรับ MRT ที่สิงคโปร์ จะมีบัตรโดยสารให้เลือกว่าเราจะซื้อแบบ single trip หรือ EZ-links  (ขออนุญาตไม่เล่ารายละเอียดบัตร) สำหรับเราเลือกซื้อแบบ Single trip เพราะสะดวกเรื่องการคำนวณราคาเพราะบางทีเราก็ไม่ได้เดินทางบ่อยอะไรขนาดนั้น) สำหรับที่พักของเราในเมือง อยู่ในย่านไชน่าทาวน์จ้า

สำหรับตู้อัตโนมัติเป็นแบบนี้ ซึ่งสามารถใช้เหรียญหรือธนบัตร(ได้ถึง 2SGD)



นี่เป็นแผนที่ MRT ของประเทศเขานะ มีติดไว้ในโทรศัพท์จะดีมาก จะได้รู้ว่าเราควรจะเดินทางยังไง ไปตรงนี้ควรไปสายนี้ ลงตรงนี้ตรงนั้น มันจะสะดวกมากกว่าการไปยืนดูแผนที่ในสถานีจ้า



หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้


เมื่อได้บัตรแล้วเราก็เข้าเมืองกันเลยยยยยยย  ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที เพราะ จากชางยีมาไชน่าทาวน์ ต้องเปลี่ยนสายรถไป 2 ครั้ง ทั้งหมด 16 สถานี (เยอะมาก นั่งตุ๊สบานมาก) เมื่อมาถึงก็หาทางออกไปไชน่าทาวน์ซึ่งโชคดีของเรา ที่ประเทศสิงคโปร์ ทางออกจาก MRT ทุกสาย เขาจะมีป้ายบอกว่า ทางออกนี้ไปเจออะไร สำหรับเรา เราออกทางออก A ซึ่งจะไปถนน Pagoda สำหรับถนนเส้นนี้ใครที่เคยมา น่าจะรู้จักดี เพราะเป็นถนนย่านค้าของฝาก

โรงแรมที่เลือกพักเป็นโฮสเทลราคาประหยัด ที่ตั้งอยู่ถนน South bridge ชื่อ 5footway.inn Project Chinatown2 (เค้ามีทั้ง 4 สาขา คือ Bugis, Clark quay และ Chinatown 1,2)

เจอโรงแรมแล้ว ก็จัดการเช็คอิน


ห้องที่เราเลือกเป็นห้อง Standard พร้อมอาหารเช้า รวมสามคืนทั้งหมดคนละ 2500 บ.จ้า


ขนาดของห้องค่อนข้างเล็กแต่เรามาเที่ยวนี่นา ช่างมันเหอะเนาะ ส่วนเตียง มี 2 ชั้น (มีหมอนและผ้าห่มให้หนาพอสมควร ส่วนเตียงก็โยกเยกพอควร)




ค่าาใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับทริป สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 16000 บาท ซึ่งรวมค่าเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่า USS MRT ของฝาก และจิปาถะ


เจอกันทริปหน้า แพลนไว้ว่าจะไปเปิดโลกกว้างที่บาหลี กับอีกสองสาว ไว้เจอกันนะคะ จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่