สิงคโปร์ ประเทศเล็กๆที่มีขนาดแค่ครึ่งเดียวของกรุงเทพมีอะไรให้เที่ยว แล้วมีอะไรให้กลับไปบ่อยๆ ถ้าถามผมๆก็จะตอบว่าผมชอบสถาปัตยกรรม ตึก อาคาร สิ่งก่อสร้างรูปร่างแปลกๆ ถ้าถามแฟนผมก็คงเป็นเรื่องกิน...คราวนี้เราจะไปเพื่อสนองความชอบของเราทั้งคู่...ขยับมาครับ จะเล่าให้ฟัง(อ่าน)กัน
กระทู้นี้รวดเดียวจบเหมือนเดิม ใครเวลาน้อยดูคลิปสรุปก่อนได้แต่ถ้ามีเวลาก็ไปเที่ยวไปกินผ่านตัวหนังสือกันได้เลยครับ
เตรียมตัวก่อนนะ
สิงคโปร์ดูจะเที่ยวง่ายและไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แต่ถ้าเตรียมตัวเสียหน่อยก็จะทำให้การเที่ยวสนุกขึ้น
อากาศ

จากภาพด้านบนสรุปได้ว่าสิงคโปร์เป็นเมืองหนาว หิมะตก...ไม่ใช่แล้ว เป็นเมืองร้อน เหงื่อตกต่างหาก ชุดที่เข้ากับที่เที่ยวแบบนี้ก็คงเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ วิธีเที่ยวของเราคือเที่ยวเช้า บ่ายกลับมาพัก เย็นออกไปใหม่ นอกจากจะหลบอากาศร้อนแล้วยังได้พักขาอีกด้วย
ต่อมาเป็นเรื่องการเดินทาง สิงคโปร์เที่ยวง่าย เดินทางง่ายรถไฟ MRT และรถประจำทางเข้าถึงแทบจะทุกที่ บัตรโดยสารก็มีสารพัดแบบแล้วจะใช้แบบใหนล่ะ

ยกตัวอย่างให้ดูนะครับ เดินทางด้วยรถไฟ MRT จากสนามบินไปที่พักย่าน Chinatown ตอนเย็นออกไปกินสะเต๊ะที่ Lau Pa Sat แล้วไปดูแสงสีที่ Marina bay Sands ก็จะเสียค่าใช้จ่ายดังนี้ (คิดราคาจากการใช้ Ezy Link)
Changi Airport(CG2) => Chinatown(DT19/NE4) เปลี่ยนรถไฟจากสีเขียวเป็นสีน้ำเงินที่สถานี Expo แล้วนั่งยาวๆไป ราคา 1.71เหรียญ
Chinatown(DT19/NE4) => Downtown(DT17) แล้วเดินไป Lau Pa Sat ราคา 0.83 เหรียญ
Downtown(DT17) => Bayfront (DT16/CE1) ไป Marina bay Sands ราคา 0.83 เหรียญ
รวม 3.37 เหรียญ
ถ้าใช้บัตร Singapore Tourist Pass ราคา 30 เหรียญใช้จริงได้ 20 เหรียญใช้ได้ 3 วันตกวันละ 6 เหรียญกว่า ไม่คุ้มแน่ ใช้ Ezy Link นี่แหละ
ลองคำณวนค่าใช้จ่ายได้ที่
https://mrt.sg/fare
เตรียมตัวพร้อม ขึ้นเครื่องและตม.
นี่ไม่ใช่การไปสิงคโปร์ครั้งแรกของเราและแน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ผมว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีไฟลท์บินจากไทยเยอะมาก ดูจากรูปด้านล่างเรียกว่ามีเวลาให้เลือกบินได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันดึก

ซึ่งคราวนี้เราเลือกบินกับการบินไทย ไฟลท์สายๆจะได้ถึงสิงคโปร์ตอนบ่ายเช็คอินเข้าห้องพักได้เลย



ที่นั่งสบาย ช่องว่างระหว่างเก้าอี้ไม่แคบมากผมสูง 174 เข่าไม่ติดเบาะหน้า อาหารบนเครื่องรสชาติไม่พิเศษแต่ไม่แย่ กินได้ไม่บ่น จอภาพเล็กไปหน่อย ขากลับนั่งเครื่อง Airbus A350 กลับขนาดจอต่างกันเยอะเลย
ก่อนเครื่องลงก็ได้รับใบตม.มากรอก เราไม่เคยมีปัญหาในการเข้าประเทศสิงคโปร์ แต่เคยเห็นคนที่มีปัญหาในการเข้าอยู่บ้าง เอาตัวอย่างใบตม.มาให้ดูครับ

การผ่านตม.สิงคโปร์ไม่ยากเลย แต่ก็มีคนไม่ผ่าน รายการสารคดีเกี่ยวกับสนามบินแสดงให้เห็นบ่อยครั้งว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีจุดสังเกตุและสัญชาติญาณในการจับพิรุทคนเก่งมาก ตัวอย่างจุดสำคัญในใบตม.ที่ทำให้เกิดปัญหา
1. ที่อยู่ในช่วงที่เราอยู่สิงคโปร์ อันนี้สำคัญมากที่อยู่ไม่ครบหรือไม่ได้กรอก ถ้าตม.ถามแล้วยังอ้ำอึ้ง เข้าห้องเย็นแน่ๆ เรื่องที่พลาดกันง่ายๆคือไปกับเพื่อนแล้วเอกสารดันอยู่กับเพื่อน พอลืมกรอก ตม.ถามก็ตอบไม่ถูก ใครไปกับเพื่อนขอที่อยู่กันให้ครบนะครับ
2. การเปลี่ยนชื่อ คนประเทศอื่นๆเขาไม่ค่อยเปลี่ยนชื่อบ่อยๆเหมือนบ้านเรา ดังนั้นตม.เห็นชื่อเราเปลี่ยนบ่อยๆอาจจะสงสัยได้ เตรียมคำตอบไปด้วยนะครับว่าเปลี่ยนชื่อทำไม
3. อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เห็นคนต้องมานั่งกรอกทีหลังเยอะคือ ส่วนขวาสุดที่ให้ใส่ชื่อและสัญชาติลงไป เป็นส่วนของขาออกให้กรอกไว้ตั้งแต่ขาเข้าเลย
ผ่านเข้าประเทศเขาได้แล้วเริ่มเที่ยวกัน...แต่ขอเอาของไปเก็บก่อนครับ คราวนี้เราพักที่ Hotel Mono ย่าน Chinatown ปกติเราจะพักตามสายรถไฟ MRT สายสีเขียวเนื่องจากการเดินทางค่อนข้างง่าย คราวนี้รถไฟสายสีน้ำเงินต่อมาถึงสถานี Expo แล้วทำให้การไปย่าน Chinatown ง่ายขึ้นเลยเปลี่ยน
โรงแรม: Hotel Mono
ที่ตั้ง: ถนน Morque Street
การเดินทาง: จากสนามบิน Changi นั่งรถไฟ MRT เปลี่ยนเป็นสายสีน้ำเงินที่สถานี Expo (สถานีเดียวจากสนามบิน) จากนั้นก็นั่งกันยาวๆ รวดเดียวถึง ลงสถานี Chinatown ใช้ Exit A
โรงแรมนี้ตกแต่งสวยดีครับ ด้านนอกเหมือนไม่ใหญ่แต่ข้างในห้องเยอะและซับซ้อนพอสมควรเลย ตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ

ส่วนต้อนรับเล็กนิดเดียว มีพนักงานนั่งอยู่คนเดียว ก็โรงแรมเล็กๆอ่ะนะโรงแรมสูงแค่ 3 ชั้นแต่ก็มีลิฟท์ไว้บริการ แต่ลิฟท์มันเล็กแล้วก็สั่นๆ น่ากลัวเล็กน้อยนอกจากตอนลากกระเป๋าเราก็ไม่ใช้ลิฟท์เลย เดินลงบันไดตลอด



ห้องพักเล็กมาก มีทางเดินตรงกลางเตียง 2 ด้านแต่ก็มีอุปกรณ์ในห้องพักครบถ้วน ใครพักที่นี่เวลาจะทำอะไรที่เป็นส่วนตัวปิดม่านหน้าต่างให้ดีนะครับ ห้องมันค่อนข้างใกล้กันมากมองเห็นกันได้ง่ายๆ เราเห็นห้องอีกฝั่งหนึ่งแก้ผ้าด้วยเล่นเอานอนไม่หลับ
สถานที่: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์
ที่ตั้ง: ถนน Stamford Rd.
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Bencoolen(DT21) ทางออก B เดินต่ออีก 100 เมตร
ที่แรกที่เราจะมาหามุมถ่ายรูปคือที่นี่ครับ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ อาคารด้านหน้าสร้างมาตั้งแต่ปี คศ.1849 อายุ 170 ปีเข้าไปแล้วด้านหลังมีอีกอาคารเป็นรูปแบบกระจกทำให้ตึกนี้รวมสถาปัตยกรรมแบบเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน

เข้ามาด้านในจะเป็นห้องโถงเพดานสูง(มาก) สวยงามและดูขลังดีแล้วก็ต่อแถวซื้อบัตร แน่นอนว่าไม่ได้เข้าฟรี ชาวต่างชาติเสียค่าเข้า 15 เหรียญหรือประมาณเกือบ 400 บาท



ด้านในจัดแสดงประวัติของสิงคโปร์ตั้งแต่เริ่มต้น ไล่มาถึงช่วงที่ญี่ปุ่นมาบุก จนถึงสิงคโปร์ในปัจจุบันและอนาคต ห้องจัดแสดงแบ่งเป็นห้องๆ ค่อนข้างมืดถ่ายรูปทีต้องดัน ISO ไป 3200 นู่นเลยแต่มุมสวยๆเยอะอยู่ครับ ผมชอบการจัดแสดงของเขาที่มีการจัดบรรยากาศให้เข้ากัน มีห้องหนึ่งเป็นจำลองการใช้ชีวิตของคนสิงคโปร์สมัยก่อน จำลองเป็นบ้านและมีเสียงคนทำนู่นทำนี่ในบ้าน เหมือนเรามาอยู่บ้านเขา



เดินต่อมาเจอนิทรรศการที่จัดร่วมกับ Team Lap ใช่แล้วครับที่ทำงานแสดงแสงสีอันเดียวกับที่ Artscience Museum นั่นแหละแต่อันนี้เข้าฟรี ไม่ได้ใหญ่เท่าแต่สวยงามไม่แพ้กัน เป็นภาพธรรมชาติ เดินตามทางลาดลงมาเรื่อยๆเจอห้องหนึ่ง เข้าไปเจอคนนอนกันเต็มเลยเข้าไปนอนดูบ้าง เหมือนนอนใต้ต้นไม้แล้วมีดอกไม้ร่วงมาใส่ สวยมากๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราได้เรียนรู้ความเป็นมาและกำลังจะเป็นไปของสิงคโปร์ ไปต่างประเทศควรไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเขาสักรอบครับ เพื่อจะได้เรียนรู้ประเทศเหล่านั้นได้มากขึ้น เอามุมตัวอย่างมาให้ดูเผื่อใครอยากถ่ายรูปลง IG
สถานที่: Sultan Morque
ที่ตั้ง: ถนน North Bridge Rd.
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Bugis(DT14/EW12) ทางออก B
ที่เที่ยวยอดฮิตสำหรับคนชอบงาน street art หรือตึกสีๆ รวมถึงบันไดวนที่หลังตึก Bugis Village ไปคราวนี้จะไปถ่ายกำแพงสีๆนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ที่ Haji Lane เพราะคนเยอะมากขนาดตอนเช้าๆยังเต็มซอยไปหมด ไปหาที่ใหม่ดีกว่า มี2ตรอกอยู่เยื้องด้านหน้าทางเข้า Sultan Morque ตามไปดูกัน

นี่ไงครับ ว่างสุดๆนี่คือเวลาเดียวกับที่คนไปอัดกันอยู่ที่ Haji Lane แต่ตรอกนี้มีแค่ถังขยะกับเราสองเท่านั้น ถ่ายรูป ถ่ายคลิปได้แบบสบายสุดๆ ถ้าจะไปตรอกนี้ให้เดินไปหน้า Sultan Morque แล้วหันหลังจะเจอซอยที่มีร้านขายของที่ระลึก ซอยนี้จะอยู่ข้างๆกัน มี 2 ซอยเดินทะลุถนนด้านหลังจะต่อกันได้


เนื่องจากอาคารในซอยนี้จะไม่ค่อยสูง ภาพตามกำแพงเลยไม่ใหญ่โตมากนักผมว่าเก็บภาพได้ง่ายกว่าเพราะมันเก็บได้หมด ใครจะมาแนะนำให้มาตอนเช้านะครับ แสงไม่แข็งมากแล้วก็ไม่ค่อยร้อน
[CR] รีวิว...แช๊ะลง IG กินตามมิชลินไกด์ เที่ยวนี้ที่...สิงคโปร์
กระทู้นี้รวดเดียวจบเหมือนเดิม ใครเวลาน้อยดูคลิปสรุปก่อนได้แต่ถ้ามีเวลาก็ไปเที่ยวไปกินผ่านตัวหนังสือกันได้เลยครับ
สิงคโปร์ดูจะเที่ยวง่ายและไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แต่ถ้าเตรียมตัวเสียหน่อยก็จะทำให้การเที่ยวสนุกขึ้น
อากาศ
ต่อมาเป็นเรื่องการเดินทาง สิงคโปร์เที่ยวง่าย เดินทางง่ายรถไฟ MRT และรถประจำทางเข้าถึงแทบจะทุกที่ บัตรโดยสารก็มีสารพัดแบบแล้วจะใช้แบบใหนล่ะ
Changi Airport(CG2) => Chinatown(DT19/NE4) เปลี่ยนรถไฟจากสีเขียวเป็นสีน้ำเงินที่สถานี Expo แล้วนั่งยาวๆไป ราคา 1.71เหรียญ
Chinatown(DT19/NE4) => Downtown(DT17) แล้วเดินไป Lau Pa Sat ราคา 0.83 เหรียญ
Downtown(DT17) => Bayfront (DT16/CE1) ไป Marina bay Sands ราคา 0.83 เหรียญ
รวม 3.37 เหรียญ
ถ้าใช้บัตร Singapore Tourist Pass ราคา 30 เหรียญใช้จริงได้ 20 เหรียญใช้ได้ 3 วันตกวันละ 6 เหรียญกว่า ไม่คุ้มแน่ ใช้ Ezy Link นี่แหละ
ลองคำณวนค่าใช้จ่ายได้ที่ https://mrt.sg/fare
เตรียมตัวพร้อม ขึ้นเครื่องและตม.
นี่ไม่ใช่การไปสิงคโปร์ครั้งแรกของเราและแน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ผมว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีไฟลท์บินจากไทยเยอะมาก ดูจากรูปด้านล่างเรียกว่ามีเวลาให้เลือกบินได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันดึก
ก่อนเครื่องลงก็ได้รับใบตม.มากรอก เราไม่เคยมีปัญหาในการเข้าประเทศสิงคโปร์ แต่เคยเห็นคนที่มีปัญหาในการเข้าอยู่บ้าง เอาตัวอย่างใบตม.มาให้ดูครับ
1. ที่อยู่ในช่วงที่เราอยู่สิงคโปร์ อันนี้สำคัญมากที่อยู่ไม่ครบหรือไม่ได้กรอก ถ้าตม.ถามแล้วยังอ้ำอึ้ง เข้าห้องเย็นแน่ๆ เรื่องที่พลาดกันง่ายๆคือไปกับเพื่อนแล้วเอกสารดันอยู่กับเพื่อน พอลืมกรอก ตม.ถามก็ตอบไม่ถูก ใครไปกับเพื่อนขอที่อยู่กันให้ครบนะครับ
2. การเปลี่ยนชื่อ คนประเทศอื่นๆเขาไม่ค่อยเปลี่ยนชื่อบ่อยๆเหมือนบ้านเรา ดังนั้นตม.เห็นชื่อเราเปลี่ยนบ่อยๆอาจจะสงสัยได้ เตรียมคำตอบไปด้วยนะครับว่าเปลี่ยนชื่อทำไม
3. อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เห็นคนต้องมานั่งกรอกทีหลังเยอะคือ ส่วนขวาสุดที่ให้ใส่ชื่อและสัญชาติลงไป เป็นส่วนของขาออกให้กรอกไว้ตั้งแต่ขาเข้าเลย
ผ่านเข้าประเทศเขาได้แล้วเริ่มเที่ยวกัน...แต่ขอเอาของไปเก็บก่อนครับ คราวนี้เราพักที่ Hotel Mono ย่าน Chinatown ปกติเราจะพักตามสายรถไฟ MRT สายสีเขียวเนื่องจากการเดินทางค่อนข้างง่าย คราวนี้รถไฟสายสีน้ำเงินต่อมาถึงสถานี Expo แล้วทำให้การไปย่าน Chinatown ง่ายขึ้นเลยเปลี่ยน
ที่ตั้ง: ถนน Morque Street
การเดินทาง: จากสนามบิน Changi นั่งรถไฟ MRT เปลี่ยนเป็นสายสีน้ำเงินที่สถานี Expo (สถานีเดียวจากสนามบิน) จากนั้นก็นั่งกันยาวๆ รวดเดียวถึง ลงสถานี Chinatown ใช้ Exit A
โรงแรมนี้ตกแต่งสวยดีครับ ด้านนอกเหมือนไม่ใหญ่แต่ข้างในห้องเยอะและซับซ้อนพอสมควรเลย ตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ
ที่ตั้ง: ถนน Stamford Rd.
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Bencoolen(DT21) ทางออก B เดินต่ออีก 100 เมตร
ที่แรกที่เราจะมาหามุมถ่ายรูปคือที่นี่ครับ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ อาคารด้านหน้าสร้างมาตั้งแต่ปี คศ.1849 อายุ 170 ปีเข้าไปแล้วด้านหลังมีอีกอาคารเป็นรูปแบบกระจกทำให้ตึกนี้รวมสถาปัตยกรรมแบบเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราได้เรียนรู้ความเป็นมาและกำลังจะเป็นไปของสิงคโปร์ ไปต่างประเทศควรไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเขาสักรอบครับ เพื่อจะได้เรียนรู้ประเทศเหล่านั้นได้มากขึ้น เอามุมตัวอย่างมาให้ดูเผื่อใครอยากถ่ายรูปลง IG
ที่ตั้ง: ถนน North Bridge Rd.
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Bugis(DT14/EW12) ทางออก B
ที่เที่ยวยอดฮิตสำหรับคนชอบงาน street art หรือตึกสีๆ รวมถึงบันไดวนที่หลังตึก Bugis Village ไปคราวนี้จะไปถ่ายกำแพงสีๆนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ที่ Haji Lane เพราะคนเยอะมากขนาดตอนเช้าๆยังเต็มซอยไปหมด ไปหาที่ใหม่ดีกว่า มี2ตรอกอยู่เยื้องด้านหน้าทางเข้า Sultan Morque ตามไปดูกัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้