สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ดิชั้นอยู่กินกับสามีสี่ปีก่อนตัดสินใจแต่งงาน
เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีการงานทำดูแลตัวเองได้
ที่บ้านก็ไม่ว่าอะไรคะ ไม่ได้ไปแย่งของใครมา ทำไมต้องต้องอาย ?
ถึงอยู่กินกันแล้วเข้ากันไม่ได้ ก็เลิกกันไปค่ะ ดีกว่าแต่งงานมีลูก
แล้วค่อยเลิก มันยุ่งยากกว่ามากและมีผลกระทบโดยตรงกับลูก
อยากจะแต่งงานกับคนที่รู้จัตัวตนกันกจริงๆ ไม่ใช่แค่ช่วงโปรโมชั่น
การอยู่กิน การใช้ชีวิตร่วมกัน แม้แต่เรืรอง sex อยากเรียนรู้กันก่อนค่ะ
ไม่ใช่แต่งงานไปแล้วพบว่าผู้ชายคนนั้นมันบ้า sex หรือวิตถารเรืองบนเตียง
ส่วนสังคมจะมองยังไงนั้น ดิชั้นไม่แคร์ค่ะและไม่อายค่ะ เพราะกรอบทาง
สังคมเป็นแค่สิ่งสมมุติ จะดีจะชั่วเรารู้ตัวเราเองดี
เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีการงานทำดูแลตัวเองได้
ที่บ้านก็ไม่ว่าอะไรคะ ไม่ได้ไปแย่งของใครมา ทำไมต้องต้องอาย ?
ถึงอยู่กินกันแล้วเข้ากันไม่ได้ ก็เลิกกันไปค่ะ ดีกว่าแต่งงานมีลูก
แล้วค่อยเลิก มันยุ่งยากกว่ามากและมีผลกระทบโดยตรงกับลูก
อยากจะแต่งงานกับคนที่รู้จัตัวตนกันกจริงๆ ไม่ใช่แค่ช่วงโปรโมชั่น
การอยู่กิน การใช้ชีวิตร่วมกัน แม้แต่เรืรอง sex อยากเรียนรู้กันก่อนค่ะ
ไม่ใช่แต่งงานไปแล้วพบว่าผู้ชายคนนั้นมันบ้า sex หรือวิตถารเรืองบนเตียง
ส่วนสังคมจะมองยังไงนั้น ดิชั้นไม่แคร์ค่ะและไม่อายค่ะ เพราะกรอบทาง
สังคมเป็นแค่สิ่งสมมุติ จะดีจะชั่วเรารู้ตัวเราเองดี
ความคิดเห็นที่ 7
เราเห็นเป็นเรื่องปกติค่ะ ไม่เคยคิดว่าคนที่มี sex ก่อนแต่งไม่ดีหรือทำผิดแต่อย่างใด
แต่ๆๆๆๆ เรายังไม่เคยมีอะไรกับแฟนนะคะ
ไม่ใช่ว่าคิดแบบนี้เพราะมี sex ไปแล้ว
สำหรับเรากับแฟนมากสุดคือหอมแก้ม
เพราะเราตกลงกันว่าอยากจะมีอะไรกันวันแต่งงาน
ไม่ใช่เพราะประเพณี หรือค่านิยมอะไร
แต่เรากับแฟนคิดตรงกัน ว่ามันคงน่าตื้นเต้น+โรแมนติคมาก
ถ้าคืนวันแต่งงานเป็นคืนแรกที่มีอะไรกัน
ส่วนเรื่องไปเที่ยว นอนห้องเดียวกัน คือปกติมากค่ะ
เพราะเที่ยวมา 5 ประเทศ นี่ยังไม่นับในไทย
เราก็นอนห้องเดียวกันมาตลอด โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และก็ไม่แคร์ว่าใครจะคิดยังไง
คนอื่นอ่านจะคิดว่าผญเสียหาย แต่ว่าเรากลับคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้มีอะไรกันจริงๆก็ไม่ผิด
และถ้าในอนาคตเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้แต่งกับแฟนคนนี้
คนใหม่ไม่เข้าใจ คิดว่าเราไม่เวอร์จิ้นและรับไม่ได้
เราก็คงไม่เอาคนนั้นมาเป็นแฟนเหมือนกันค่ะ
แต่ๆๆๆๆ เรายังไม่เคยมีอะไรกับแฟนนะคะ
ไม่ใช่ว่าคิดแบบนี้เพราะมี sex ไปแล้ว
สำหรับเรากับแฟนมากสุดคือหอมแก้ม
เพราะเราตกลงกันว่าอยากจะมีอะไรกันวันแต่งงาน
ไม่ใช่เพราะประเพณี หรือค่านิยมอะไร
แต่เรากับแฟนคิดตรงกัน ว่ามันคงน่าตื้นเต้น+โรแมนติคมาก
ถ้าคืนวันแต่งงานเป็นคืนแรกที่มีอะไรกัน
ส่วนเรื่องไปเที่ยว นอนห้องเดียวกัน คือปกติมากค่ะ
เพราะเที่ยวมา 5 ประเทศ นี่ยังไม่นับในไทย
เราก็นอนห้องเดียวกันมาตลอด โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และก็ไม่แคร์ว่าใครจะคิดยังไง
คนอื่นอ่านจะคิดว่าผญเสียหาย แต่ว่าเรากลับคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้มีอะไรกันจริงๆก็ไม่ผิด
และถ้าในอนาคตเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้แต่งกับแฟนคนนี้
คนใหม่ไม่เข้าใจ คิดว่าเราไม่เวอร์จิ้นและรับไม่ได้
เราก็คงไม่เอาคนนั้นมาเป็นแฟนเหมือนกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
เรามองเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติอะค่ะ คนเราพอมีแฟนมีคการคบใครแบบคนรักแล้วจะมีอารมณ์ทางเพศกับคนๆนั้นมันธรรมดามากเลย ไม่เห็นต้องอายใคร แล้วการมีประสบการณ์ทางเพศก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวคนลดลงด้วยไม่ว่าจะเป็นคนเพศไหนหรือวัยไหนก็ตาม แค่ต้องมีการป้องกันโรคและคุมกำเนิดทุกครั้งที่มีเซ็กซ์เท่านั้นเองละ ถ้ามีเซ็กซ์แล้วและเลิกกันมันก็ไม่ได้ต่างกับคนที่แต่งงานแล้วหย่าตรงไหนนี่ ยังไงแต่งไปแล้วก็มีเซ็กซ์กันทั้งนั้น นอกจากพวกมีปัญหาทางจิตมองเซ็กซ์สกปรก หรือพวกพิการท่อนล่างจนใช้งานไม่ได้น่ะ และอีกอย่างนึงผู้หญิงหลายๆคนไม่อยากจะเสี่ยงไปเจอผู้ชายที่เข้ากันไม่ได้เรื่องเซ็กซ์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝีมือห่วย เรื่องรสนิยมที่แปลกแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ไปมาก อย่างน้อยก็เราคนนึงไม่อยากจะไปวัดดวงหรอกค่ะ ถ้าลองแล้วไม่ใช่ก็จะได้ไหวตัวทัน ดีกว่าที่จะแต่งงานไปแล้วต้องไปเลิกกันทีหลังเพราะปรับตัวกันไม่ได้ในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องพ่อแม่นี่ขอเรียนตามตรงว่าพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์มาครอบงำความคิดของลูกค่ะ ถ้าลูกจะมีหัวเสรีนิยมมากกว่าตัวเอง หรือพูดให้เห็นภาพง่ายๆว่าหัวตะวันตกมากกว่า มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา คือถ้าเขาอยู่ที่โน่นเขาก็คือคนที่คิดอะไรปกติๆคนนึงละค่ะ แต่สำหรับบ้านเรามันกลายเป็นผิดเป็นแปลกแยกไปได้ยังไงไม่รู้นะ ตรงนี้มันห้ามกันไม่ได้เลยว่าจะต้องให้มีความคิดเหมือนทางบ้าน แค่ต้องดูว่ามันไม่ได้เดือดร้อนคนอื่น ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองก็คือจบแล้ว พ่อแม่คนเอเชียส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการเลี้ยงลูกแบบที่พยายามจะครอบงำความคิดให้ได้ทั้งหมด อะไรที่ฉันว่าดีถ้าลูกเห็นตรงข้ามมักจะมีปัญหาทันที ในขณะที่พ่อแม่และสังคมตะวันตกกลับฉนับสนุนความเป็น individual ของลูกหลานมากกว่า ไม่เน้นให้ลูกต้องเป็นเหมือนตัวเอง ไม่สืบทอดทายาทอสูรให้ลูก แถมยังสนับสนุนให้ลูกภูมิใจในความแตกต่างของด้วยเองด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องพ่อแม่นี่ขอเรียนตามตรงว่าพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์มาครอบงำความคิดของลูกค่ะ ถ้าลูกจะมีหัวเสรีนิยมมากกว่าตัวเอง หรือพูดให้เห็นภาพง่ายๆว่าหัวตะวันตกมากกว่า มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา คือถ้าเขาอยู่ที่โน่นเขาก็คือคนที่คิดอะไรปกติๆคนนึงละค่ะ แต่สำหรับบ้านเรามันกลายเป็นผิดเป็นแปลกแยกไปได้ยังไงไม่รู้นะ ตรงนี้มันห้ามกันไม่ได้เลยว่าจะต้องให้มีความคิดเหมือนทางบ้าน แค่ต้องดูว่ามันไม่ได้เดือดร้อนคนอื่น ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองก็คือจบแล้ว พ่อแม่คนเอเชียส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการเลี้ยงลูกแบบที่พยายามจะครอบงำความคิดให้ได้ทั้งหมด อะไรที่ฉันว่าดีถ้าลูกเห็นตรงข้ามมักจะมีปัญหาทันที ในขณะที่พ่อแม่และสังคมตะวันตกกลับฉนับสนุนความเป็น individual ของลูกหลานมากกว่า ไม่เน้นให้ลูกต้องเป็นเหมือนตัวเอง ไม่สืบทอดทายาทอสูรให้ลูก แถมยังสนับสนุนให้ลูกภูมิใจในความแตกต่างของด้วยเองด้วยซ้ำ
แสดงความคิดเห็น
SEXก่อนแต่งเป็นเรื่องปกติไปแล้วใช่ไหม
ไปเที่ยวนอนด้วยกัน
อยู่บ้านหรือห้องเดียวกัน
ฝ่ายหญิงไม่อายบ้างเหรอถ้าใครรู้เข้า
ฝ่ายผู้หญิงไม่เสียดายตัวบ้างเหรอ ถ้าให้เขาไปแล้วแต่ก็เลิกกัน ไม่ได้สร้างครอบครัวอยู่ด้วยกันจนแก่
พ่อแม่รู้หรือไม่ รับกับพฤติกรรมได้ไหม