คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
คนที่เค้าเก่งๆกัน ง่ายๆคือเพื่อนเค้าทำกันยังไง?
ขอเล่าตามประสบการณ์ที่เจอนะคะ
*ที่เราพิมพ์มานี้เป็นการสังเกตเพื่อนๆ จากตัวเราเองค่ะ*
*กรณีที่เรายกตัวอย่างขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเรียนได้ A ตลอด แต่เราจะเลือกมาเฉพาะคนที่เรียนยังไงได้ A*
คนที่เขาเรียนเก่ง อันดับแรกที่เราเชื่อว่าทุกคนมีคือ 'กระบวนการคิด แยกแยะ และจับประเด็นสำคัญของเนื้อหาที่เรียนไปได้'
คล้ายๆ กับเทคนิคในการเรียนแหละค่ะ ทุกคนมี เพียงแค่... ใครจะดึงออกมาใช้ได้มากกว่า
เพื่อนคนที่ 1 : เรียนดีมาตลอด เกรดในผลการศึกษานอกเหนือจาก A กับ B+ นี่หายากมากๆ
(ถ้าไม่ได้ D ในเทอมสุดท้ายนี้ เกียรตินิยมอันดับ 1 รอเห็นๆ ค่ะ)
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : เน้นความเข้าใจ (ถ้าเราเข้าใจ การจำเป็นเรื่องง่ายๆ ไปเลย)
จุดเด่น : ทฤษฎีเป็นเลิศ มีทฤษฎีอ้างอิงชัดเจน (เพราะเพื่อนจะบอกเสมอว่า ถ้าแกไม่เชื่อฉัน ฉันมีข้อพิสูจน์นะ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แบบนี้)
จุดอ่อน : คำนวณนี่อย่าถามหา (เพื่อนไม่เก่งแนวคณิตศาสตร์ค่ะ ต้องให้เพื่อนที่เก่งด้านนี้ช่วยติวอีกที ผลปรากฎว่า เพื่อนคนที่ 1 ได้ A คนที่ติวให้ได้ B)
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : ความรู้ไม่เคยกั๊กค่ะ เราบอกเขาว่าเราไม่เข้าใจตรงนี้ เค้าก็อธิบายจนเราเข้าใจ
เพื่อนคนที่ 2 : เรียนไม่ได้ดีมาก แต่เริ่มเห็นทางว่าเกรดตัวเองจะหล่นสู่เหว เลยพัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : เน้นทำแบบฝึกหัดและอ่านย้ำหลายๆ รอบ ติวให้เพื่อนที่ไม่เข้าใจ เพราะการที่เราได้แสดงความคิดเห็นหรือพูดออกไป มันจะย้ำสิ่งที่เราพยายามเข้าใจได้มากขึ้น
จุดเด่น : ความจำดีมาก
จุดด้อย : เป็นคนสมาธิสั้นค่ะ
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : เพื่อนเป็นคนที่สอนใจเย็นดีค่ะ อธิบายแบบช้าๆ ใครขอมาติวก็ติวให้ (แม้ตัวเองจะไม่ค่อยสะดวกก็ตาม)
เพื่อนคนที่ 3 : เรียนระดับปานกลาง แต่ความทะเยอทะยาน เยอะจนห้ามไม่อยู่ (ปาร์ตี้เก่งที่สุด)
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : เข้าหาคนที่เข้าใจบทเรียนที่เขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ก็ถาม ถามจนกว่าจะรู้
จุดเด่น : ความจำดี+คำนวณเก่ง
จุดด้อย : (คิดไม่ออกค่ะ คนนี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน)
สิ่งที่เรา (ไม่) ชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : เอาแต่ได้ และไม่ยอมสอนเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง บอกกับเราว่าไม่ถูกกัน (??)
และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แม้บางครั้งงานกลุ่มเราจะอยู่ด้วยกัน ก็โดนเอาเปรียบตลอด
เพื่อนคนที่ 4 : เรียนระดับปานกลาง แบกรับความหวังจากครอบครัวด้วยเกรดจบ 3.00 (แต่เพื่อนทำไม่ได้ค่ะ)
ร้องไห้เพราะเหมือนเป็นความหวังของครอบครัว เราก็ได้แต่ปลอบใจและสู้ไปด้วยกัน
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : จดค่ะ จดทุกอย่าง ผ่านตาอาจแปลว่าเข้าใจ
จุดเด่น : คำนวณเห็นปุ๊บก็เข้าใจ (บางครั้งเรายัง งงๆ เลยค่ะ ว่ามันทำยังไง)
จุดด้อย : หูไวกับบางเรื่องที่ได้ยิน แล้วทำให้คิดมาก หรือไม่พอใจอะไรได้ง่ายๆ
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : อธิบายเนื้อหาที่เราไม่เข้าใจได้แบบรู้เรื่อง อารมณ์ร้ายนิดๆ (ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจ) >> แบบถามซ้ำๆ 10 รอบได้ ถึงมีน้ำโห , แต่โดยรวมเป็นคนอธิบายใจเย็นค่ะ แต่แสดงออกชัดเจนที่ไม่ชอบพฤติกรรมของเพื่อนบางคน (แอบส่งผลต่อการติวด้วยนะ)
เพื่อนคนที่ 5 : เรียนชิวๆ F ก็เคยติดมาแล้ว
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : อ่านไปเรื่อยๆ อ่านจนกว่าจะเข้าใจ (ถ้าให้เพื่อนติว ต้องขอแบบส่วนตัว เพราะเป็นคนเข้าใจอะไรยากแต่ไม่มากเท่าไร) หรือไม่ ก็เลือกที่จะนั่งอ่านคนเดียว ทำความเข้าใจไปก่อน
จุดเด่น : ความจำดี ถ้าเป็นข้อสอบแบบเขียน เธอสามารถชักแม่น้ำทั้งห้ามาตอบได้
จุดด้อย : ทำเหมือนว่าตัวเองใส่ใจบทเรียน แต่จริงๆ เหมือนพยายามแต่ก็ไม่เต็มที่มากกว่า
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : พยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเองก่อน ก่อนที่จะมาถามเพื่อน
และคนสุดท้าย ขอยกตัวอย่าง 'ตัวเราเองค่ะ'
เรา : การเรียนปานกลาง เฉียด F ก็เกือบได้ชิม >> แต่ได้ D มาแทน
*เราไม่ค่อยได้เกรด A ในวิชาสาขา แต่มักจะได้เกรด A กับวิชาที่ไม่ใช่ตัวสาขา (มันเลยทำให้เรารู้ว่าเราเด่นด้านไหน)
เทคนิคของเราคือ : การมอง การจดโน้ต และการฟังค่ะ
จุดเด่น : มีสมาธิในการเรียน (เราพยายามทำข้อสรุปตามความเข้าใจของตัวเองค่ะ แม้จะเขียนจบบ้างไม่จบบ้างก็ตาม)
จุดด้อย : อ่านหนังสือดึกมาก ถึงมากที่สุด (เราว่ามันเงียบดี) หรือไม่ก็ตื่นมาอ่านเช้าตั้งแต่ ตี 5 (ตอนนี้ทำไม่ได้แล้วค่ะ เป็นคนตื่นยาก เลยตัดปัญหาด้วยการอ่านหนังสือก่อนที่ตัวเองจะนอน), ไม่เคยทบทวนบทเรียน จะทบทวนต่อเมื่อใกล้ถึงวันสอบ และสรุปตามความเข้าใจของตัวเองในวันนั้น, ความขี้เกียจมีมากกว่าความขยัน
เราเคยทำข้อสอบวิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณไม่ได้ (เพราะเราไม่เข้าใจ เพื่อนอธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ)
สอบเสร็จเราเดินออกจากห้องสอบไปเข้าห้องน้ำค่ะ ตอนนั้นเดินไปร้องไห้ไป >> เราเครียดมาก เพราะรู้ว่าคำตอบมันต้องเป็น 0
เพื่อนๆ มาให้กำลังใจเยอะค่ะ เยอะจนเราคิดว่า >> ถ้าเราพยายามกับมันให้เต็ม 100 สอบครั้งหน้ามันอาจจะมีคะแนนบ้าง (เรากลัวการติด F เพราะไม่ชอบการนั่งเรียนใหม่ค่ะ)
ตอนสอบกลางภาค 'คะแนนสอบเราเกือบเต็ม' เพื่อนบอกว่า >> ม้ามืด
เราขอยกความดีให้กับความพยายามครั้งนั้น มันทำให้เรายิ้มออก อย่างน้อยเราก็กู้คะแนนจาก 0 ขึ้นมาได้ และไม่ติด F
สรุปนะคะ สิ่งที่เราคิดว่ามีอิทธิพลต่อการเรียนยังไงให้ได้ A คือ
1. เพื่อนค่ะ >> การมีเพื่อนที่ดี หรือเพื่อนที่เรียนเก่ง เราสามารถไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้ค่ะ เขายินดีอยู่แล้วค่ะ เพราะเพื่อนที่เรียนเก่งส่วนมาก ไม่ได้หยิ่ง ไม่ได้กั๊ก แต่ที่หยิ่งกับกั๊กก็มีนะ อย่ามองแล้วคิดไปเองว่าเพื่อนคนนี้คนนั้นเป็นไง จนกว่าจะเดินเข้าพูดคุยและขอให้เขาช่วยในเรื่องที่เราไม่ได้ค่ะ
2. การเข้าหาคนที่เข้าใจในวิชานั้นๆ เพื่อขอให้เขาช่วยติวให้
3. แบ่งความรู้ที่เรามี แสดงความคิดเห็นออกไปให้เพื่อนที่เขาไม่เข้าใจ >> เพราะในเมื่อเราติวให้เพื่อนได้ >> 50%จะทำข้อสอบในห้องสอบได้ค่ะ
4. หาเทคนิคในการเรียน >> ฟัง พูด อ่าน เขียน จำ มอง ทบทวนซ้ำๆ (เราเชื่อว่าทุกคนมี แต่ใครจะมีด้านไหนเด่น ขอแค่ดึงออกมาใช้ค่ะ)
5. ในห้องสอบทำให้เต็มที่ อย่างน้อยคะแนนที่ออกมาคือบทย้ำเตือนว่าเรา 'ใส่ใจมัน มากพอหรือยัง'
6. เข้าหาอาจารย์บ้าง (ถ้าเรียนกับเพื่อนแล้วไม่เข้าใจ) >> ม.เรา อาจารย์ชอบให้เด็กเข้าหาค่ะ แต่พวกเราไม่เคยเข้าหาอาจารย์เลย (อารมณ์แบบกลัวๆ ไม่กล้านั่นเอง TT)
7. การเข้าชั้นเรียนสม่ำเสมอค่ะ เพราะบางครั้งแนวข้อสอบมักจะออกมาจากปากของอาจารย์เวลาสอน (มันก็มีหลุดๆ กันบ้าง) และอาจารย์เคยบอกว่า อะไรที่อาจารย์ย้ำ สัญนิษฐานได้ว่าอาจารย์อาจนำมาออกข้อสอบ และวัตถุประสงค์ของการศึกษา หน้าแรกของบทเรียนเคยเปิดดูบ้างไหมคะ เพราะอาจารย์มักออกตามวัตถุประสงค์ (อันนี้โดนอาจารย์ตำหนิมาค่ะ ปัจจุบันเลยต้องอ่านวัตถุประสงค์ของบทเรียนด้วย ^^) >> ถ้าคุณขาดเรียนวันเดียว คุณอาจจะพลาดอะไรดีๆ ไปก็เป็นได้
8. อาหารเช้าค่ะ >> เราพิสูจน์แล้วด้วยตัวเอง การทานอาหารเช้าติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ส่งผลต่อการจำที่ดีขึ้นค่ะ *ไม่เชื่อก็ได้นะ
พิมพ์มาซะยาว หวังว่าคงเป็นแนวทางและคำตอบให้ จขกท. สำหรับคำถามที่สงสัยนะคะ ^^
ขอเล่าตามประสบการณ์ที่เจอนะคะ
*ที่เราพิมพ์มานี้เป็นการสังเกตเพื่อนๆ จากตัวเราเองค่ะ*
*กรณีที่เรายกตัวอย่างขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเรียนได้ A ตลอด แต่เราจะเลือกมาเฉพาะคนที่เรียนยังไงได้ A*
คนที่เขาเรียนเก่ง อันดับแรกที่เราเชื่อว่าทุกคนมีคือ 'กระบวนการคิด แยกแยะ และจับประเด็นสำคัญของเนื้อหาที่เรียนไปได้'
คล้ายๆ กับเทคนิคในการเรียนแหละค่ะ ทุกคนมี เพียงแค่... ใครจะดึงออกมาใช้ได้มากกว่า
เพื่อนคนที่ 1 : เรียนดีมาตลอด เกรดในผลการศึกษานอกเหนือจาก A กับ B+ นี่หายากมากๆ
(ถ้าไม่ได้ D ในเทอมสุดท้ายนี้ เกียรตินิยมอันดับ 1 รอเห็นๆ ค่ะ)
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : เน้นความเข้าใจ (ถ้าเราเข้าใจ การจำเป็นเรื่องง่ายๆ ไปเลย)
จุดเด่น : ทฤษฎีเป็นเลิศ มีทฤษฎีอ้างอิงชัดเจน (เพราะเพื่อนจะบอกเสมอว่า ถ้าแกไม่เชื่อฉัน ฉันมีข้อพิสูจน์นะ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แบบนี้)
จุดอ่อน : คำนวณนี่อย่าถามหา (เพื่อนไม่เก่งแนวคณิตศาสตร์ค่ะ ต้องให้เพื่อนที่เก่งด้านนี้ช่วยติวอีกที ผลปรากฎว่า เพื่อนคนที่ 1 ได้ A คนที่ติวให้ได้ B)
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : ความรู้ไม่เคยกั๊กค่ะ เราบอกเขาว่าเราไม่เข้าใจตรงนี้ เค้าก็อธิบายจนเราเข้าใจ
เพื่อนคนที่ 2 : เรียนไม่ได้ดีมาก แต่เริ่มเห็นทางว่าเกรดตัวเองจะหล่นสู่เหว เลยพัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : เน้นทำแบบฝึกหัดและอ่านย้ำหลายๆ รอบ ติวให้เพื่อนที่ไม่เข้าใจ เพราะการที่เราได้แสดงความคิดเห็นหรือพูดออกไป มันจะย้ำสิ่งที่เราพยายามเข้าใจได้มากขึ้น
จุดเด่น : ความจำดีมาก
จุดด้อย : เป็นคนสมาธิสั้นค่ะ
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : เพื่อนเป็นคนที่สอนใจเย็นดีค่ะ อธิบายแบบช้าๆ ใครขอมาติวก็ติวให้ (แม้ตัวเองจะไม่ค่อยสะดวกก็ตาม)
เพื่อนคนที่ 3 : เรียนระดับปานกลาง แต่ความทะเยอทะยาน เยอะจนห้ามไม่อยู่ (ปาร์ตี้เก่งที่สุด)
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : เข้าหาคนที่เข้าใจบทเรียนที่เขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ก็ถาม ถามจนกว่าจะรู้
จุดเด่น : ความจำดี+คำนวณเก่ง
จุดด้อย : (คิดไม่ออกค่ะ คนนี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน)
สิ่งที่เรา (ไม่) ชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : เอาแต่ได้ และไม่ยอมสอนเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง บอกกับเราว่าไม่ถูกกัน (??)
และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แม้บางครั้งงานกลุ่มเราจะอยู่ด้วยกัน ก็โดนเอาเปรียบตลอด
เพื่อนคนที่ 4 : เรียนระดับปานกลาง แบกรับความหวังจากครอบครัวด้วยเกรดจบ 3.00 (แต่เพื่อนทำไม่ได้ค่ะ)
ร้องไห้เพราะเหมือนเป็นความหวังของครอบครัว เราก็ได้แต่ปลอบใจและสู้ไปด้วยกัน
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : จดค่ะ จดทุกอย่าง ผ่านตาอาจแปลว่าเข้าใจ
จุดเด่น : คำนวณเห็นปุ๊บก็เข้าใจ (บางครั้งเรายัง งงๆ เลยค่ะ ว่ามันทำยังไง)
จุดด้อย : หูไวกับบางเรื่องที่ได้ยิน แล้วทำให้คิดมาก หรือไม่พอใจอะไรได้ง่ายๆ
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : อธิบายเนื้อหาที่เราไม่เข้าใจได้แบบรู้เรื่อง อารมณ์ร้ายนิดๆ (ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจ) >> แบบถามซ้ำๆ 10 รอบได้ ถึงมีน้ำโห , แต่โดยรวมเป็นคนอธิบายใจเย็นค่ะ แต่แสดงออกชัดเจนที่ไม่ชอบพฤติกรรมของเพื่อนบางคน (แอบส่งผลต่อการติวด้วยนะ)
เพื่อนคนที่ 5 : เรียนชิวๆ F ก็เคยติดมาแล้ว
เทคนิคของเพื่อนคนนี้คือ : อ่านไปเรื่อยๆ อ่านจนกว่าจะเข้าใจ (ถ้าให้เพื่อนติว ต้องขอแบบส่วนตัว เพราะเป็นคนเข้าใจอะไรยากแต่ไม่มากเท่าไร) หรือไม่ ก็เลือกที่จะนั่งอ่านคนเดียว ทำความเข้าใจไปก่อน
จุดเด่น : ความจำดี ถ้าเป็นข้อสอบแบบเขียน เธอสามารถชักแม่น้ำทั้งห้ามาตอบได้
จุดด้อย : ทำเหมือนว่าตัวเองใส่ใจบทเรียน แต่จริงๆ เหมือนพยายามแต่ก็ไม่เต็มที่มากกว่า
สิ่งที่เราชอบในตัวเพื่อนคนนี้ : พยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเองก่อน ก่อนที่จะมาถามเพื่อน
และคนสุดท้าย ขอยกตัวอย่าง 'ตัวเราเองค่ะ'
เรา : การเรียนปานกลาง เฉียด F ก็เกือบได้ชิม >> แต่ได้ D มาแทน
*เราไม่ค่อยได้เกรด A ในวิชาสาขา แต่มักจะได้เกรด A กับวิชาที่ไม่ใช่ตัวสาขา (มันเลยทำให้เรารู้ว่าเราเด่นด้านไหน)
เทคนิคของเราคือ : การมอง การจดโน้ต และการฟังค่ะ
จุดเด่น : มีสมาธิในการเรียน (เราพยายามทำข้อสรุปตามความเข้าใจของตัวเองค่ะ แม้จะเขียนจบบ้างไม่จบบ้างก็ตาม)
จุดด้อย : อ่านหนังสือดึกมาก ถึงมากที่สุด (เราว่ามันเงียบดี) หรือไม่ก็ตื่นมาอ่านเช้าตั้งแต่ ตี 5 (ตอนนี้ทำไม่ได้แล้วค่ะ เป็นคนตื่นยาก เลยตัดปัญหาด้วยการอ่านหนังสือก่อนที่ตัวเองจะนอน), ไม่เคยทบทวนบทเรียน จะทบทวนต่อเมื่อใกล้ถึงวันสอบ และสรุปตามความเข้าใจของตัวเองในวันนั้น, ความขี้เกียจมีมากกว่าความขยัน
เราเคยทำข้อสอบวิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณไม่ได้ (เพราะเราไม่เข้าใจ เพื่อนอธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ)
สอบเสร็จเราเดินออกจากห้องสอบไปเข้าห้องน้ำค่ะ ตอนนั้นเดินไปร้องไห้ไป >> เราเครียดมาก เพราะรู้ว่าคำตอบมันต้องเป็น 0
เพื่อนๆ มาให้กำลังใจเยอะค่ะ เยอะจนเราคิดว่า >> ถ้าเราพยายามกับมันให้เต็ม 100 สอบครั้งหน้ามันอาจจะมีคะแนนบ้าง (เรากลัวการติด F เพราะไม่ชอบการนั่งเรียนใหม่ค่ะ)
ตอนสอบกลางภาค 'คะแนนสอบเราเกือบเต็ม' เพื่อนบอกว่า >> ม้ามืด
เราขอยกความดีให้กับความพยายามครั้งนั้น มันทำให้เรายิ้มออก อย่างน้อยเราก็กู้คะแนนจาก 0 ขึ้นมาได้ และไม่ติด F
สรุปนะคะ สิ่งที่เราคิดว่ามีอิทธิพลต่อการเรียนยังไงให้ได้ A คือ
1. เพื่อนค่ะ >> การมีเพื่อนที่ดี หรือเพื่อนที่เรียนเก่ง เราสามารถไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้ค่ะ เขายินดีอยู่แล้วค่ะ เพราะเพื่อนที่เรียนเก่งส่วนมาก ไม่ได้หยิ่ง ไม่ได้กั๊ก แต่ที่หยิ่งกับกั๊กก็มีนะ อย่ามองแล้วคิดไปเองว่าเพื่อนคนนี้คนนั้นเป็นไง จนกว่าจะเดินเข้าพูดคุยและขอให้เขาช่วยในเรื่องที่เราไม่ได้ค่ะ
2. การเข้าหาคนที่เข้าใจในวิชานั้นๆ เพื่อขอให้เขาช่วยติวให้
3. แบ่งความรู้ที่เรามี แสดงความคิดเห็นออกไปให้เพื่อนที่เขาไม่เข้าใจ >> เพราะในเมื่อเราติวให้เพื่อนได้ >> 50%จะทำข้อสอบในห้องสอบได้ค่ะ
4. หาเทคนิคในการเรียน >> ฟัง พูด อ่าน เขียน จำ มอง ทบทวนซ้ำๆ (เราเชื่อว่าทุกคนมี แต่ใครจะมีด้านไหนเด่น ขอแค่ดึงออกมาใช้ค่ะ)
5. ในห้องสอบทำให้เต็มที่ อย่างน้อยคะแนนที่ออกมาคือบทย้ำเตือนว่าเรา 'ใส่ใจมัน มากพอหรือยัง'
6. เข้าหาอาจารย์บ้าง (ถ้าเรียนกับเพื่อนแล้วไม่เข้าใจ) >> ม.เรา อาจารย์ชอบให้เด็กเข้าหาค่ะ แต่พวกเราไม่เคยเข้าหาอาจารย์เลย (อารมณ์แบบกลัวๆ ไม่กล้านั่นเอง TT)
7. การเข้าชั้นเรียนสม่ำเสมอค่ะ เพราะบางครั้งแนวข้อสอบมักจะออกมาจากปากของอาจารย์เวลาสอน (มันก็มีหลุดๆ กันบ้าง) และอาจารย์เคยบอกว่า อะไรที่อาจารย์ย้ำ สัญนิษฐานได้ว่าอาจารย์อาจนำมาออกข้อสอบ และวัตถุประสงค์ของการศึกษา หน้าแรกของบทเรียนเคยเปิดดูบ้างไหมคะ เพราะอาจารย์มักออกตามวัตถุประสงค์ (อันนี้โดนอาจารย์ตำหนิมาค่ะ ปัจจุบันเลยต้องอ่านวัตถุประสงค์ของบทเรียนด้วย ^^) >> ถ้าคุณขาดเรียนวันเดียว คุณอาจจะพลาดอะไรดีๆ ไปก็เป็นได้
8. อาหารเช้าค่ะ >> เราพิสูจน์แล้วด้วยตัวเอง การทานอาหารเช้าติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ส่งผลต่อการจำที่ดีขึ้นค่ะ *ไม่เชื่อก็ได้นะ
พิมพ์มาซะยาว หวังว่าคงเป็นแนวทางและคำตอบให้ จขกท. สำหรับคำถามที่สงสัยนะคะ ^^
แสดงความคิดเห็น
A ตัวอักษรธรรมดา แต่เอื่อมไม่ถึง
เราแอบอิจฉาไม่ได้ โดยเฉพาะบางคนทั้งหล่อ ทั้งเก่ง เรียน กีฬา อย่างให้บอก เทพบุตรไม่ก็นางฟ้าชัดๆ
วันนี้ เราก็เลยอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ว่า
คนที่เค้าเก่งๆกัน ง่ายๆคือเพื่อนเค้าทำกันยังไง? ถึงต่างกับคนอย่างผมได้ถึงขนาดนี้ ผมเรียนไปก็ได้เกรดเดิม เรียนไปก็เกรดเดิม...
อีกอยากคือ เราอยากรู้จุดสำคัญ!!!! ที่ทำให้แต่ละคน ต่างกันนั่นคืออะไร
###ขอระบายเบาๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้