สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 47
สงสัย จขกท ดูท่าทางน่าไว้ใจมั้งคะ ถถถถ
เห็นความคิดเห็นแต่ละ คห ไม่กล้าขอความช่วยเหลือยิ่งกว่าเดิมเลยค่ะ เวลาเร่งรีบ (แต่ก็เป็นเรื่องจริงนี่นะ ระวังตัวไม่ก่อนก็ไม่เสียหาย) คงต้องเดินออกกำลังกายกันไป
อ่านไปนึกไป อารมณ์นี้เหมือนจะเจอมาเมื่อไม่นานนี้เอง #ไม่ต้องอ่านก็ได้ แค่อยากเล่าเฉยๆ
รู้สึกตอนนั้น ไปนอนเล่นบ้านเพื่อน ขากลับเพื่อนมาส่งตรงบิ๊กซีเพชรเกษม (กะช๊อปของกินก่อนแยก) แล้วเพื่อนก็ปล่อยให้ฉันนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง เราก็โอเค ไม่ใช่เด็กละ แค่ไม่คุ้นทางเฉย ๆ แต่รอไปรอมา กระต่ายเอ้ยย นานเมมหาย รอไป 30 นาที(รึเปล่าไม่รู้ รู้แต่นานมากกกกก) รถเมล์ก็ไม่มาซะที ตอนนั้นก็ 3 ทุ่มแล้วด้วย มีคนยืนรออยู่ด้วยประมาณ 7 คน (รวมเราด้วย) ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 4 ทอมอีก 1 เป็นคู่รัก 2 คู่ ( ช ญ กับ ท ญ ) หญิงโสดมาแบบโดดเดี่ยวก็ยืนหงอยกันไป คนอื่นมีโทรศัพให้เล่น จิ้มๆ ของฉันใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินหน้าจอขาวดำปาหัวหมาไม่แตก คงไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะทำอะไร .. เล่นเกมงูค่ะ!!! ฉันแอบยืนเล่มเกมงูรอรถเมล์เกือบครึ่งชั่วโมงพระเจ้า ไม่รู้มีใครเห็นบ้าง เขินจัง ><
. รู้ตัวอีกทีแบตก็เหลือขีดเดียว..
เห้ยยยยยยยยยย!!!
เห้ย ๆๆ ๆ ยาว ๆ รีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างไว (ไว้ฉุกเฉินฉุดๆ) พลางระลึกในใจว่า อย่าเพิ่งคิดมากตังในโทรศัพท์เหลือแค่ 19 บาท ไว้โทรเผื่อเกิดเหตุ (ข้างนอกปกติ แต่ในใจคิดไปนู้นนนน แหมมันก็มีบ้างแหละ เป็นผู้หญิงแถมเดินทางกลับบ้านคนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ ?)
สรุปรอไปรอมา ฉันก็เห็นสายรถเมล์คันที่ฉันต้องการเข้ามาจอด ในใจแบบโครตโล่งอะ ได้ขึ้นรถแล้ว ได้กลับบ้านแล้ว จะได้นอนแล้วบลา ๆ แต่ขึ้นไปยืนได้แค่ไม่ถึง 3 วิ ผู้ชายที่ขึ้นมาก่อนเราคนนึงจ่ายตังพร้อมกับบอกจุดหมายว่าจะลงไหน พระเจ้าช่วยหอยทอด ไม่รู้บังเอิญหรืออะไร เขาลงแถวบ้านเราเลยค่ะห่างกันแค่ป้ายรถเมล์เดียว เราก็เออ ๆ ดีใจละ มีเพื่อนลงใกล้ ๆ กัน ถ้ากดออดลงไม่ทัน จะได้ลงกับผู้ชายคนนั้น บลา ๆ (คิดไปนั่น) แต่สรุป รถเมล์ออกตัวยังไม่ข้ามป้าย คนเก็บเงินก็พูดเนิบ ๆ ตัดความหวัง(ที่จะได้กลับบ้าน)ของฉันให้หายไปราวกับสายลม แม่เจ้า เขาบอกว่ารถคันที่ดิฉันขึ้นไปไม่ถึงจุดหมายที่ฉันจะลงค่ะ (ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แบบว่าพอขึ้นมาก็บอกจอดแค่ที่นี่ ที่นั้นนะ แต่จุดหมายปลายทางที่สุดของเส้นทางมันอยู่อีกที่หนึ่งเลย แอบเซ็งเบา ๆ )
ฉันที่เพิ่งขึ้นมา ยืนก้มหน้าเปิดกระเป๋าจะเอาเงินออกมาจ่ายค่ารถถึงกับชะงัก แล้วมองหน้าคนพูดตาปริบ ๆ T^T
และเมื่อชีวิตเรายังต้องก้าวเดินต่อไป สรุปเขาก็ให้เราลงป้ายหน้าค่ะ ซึ่งมันไม่มีคน ไม่มีรถ ไม่มีเหวอะไรเลย (รถฝั่งตรงข้ามโครตติด ฝั่งฉันรอรถโครตว่างอ่ะ) รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก เพราะที่รอรถเมล์ตอนแรก มันสว่าง + มีคน ตอนนี้แถบไม่มีอะไรเลย นอกจากไฟจากเสาไฟฟ้า ซึ่งติด ๆ ดับ ๆ (ไฟป้ายโฆษณาอะไรก็ไม่มีเลยค่ะ มีม้านั่งอยู่อีกตัวข้างหน้าแค่นั้น T^T)
เราที่เดินตามผู้ชายคนนั้น(ใครวะ? 555) มาแบบมึน ๆ เบลอ ๆ (ติดจะเอ๋อด้วย = =) เขาก็เดินไปนั่งปลายสุดของเก้าอี้ยาวที่นั่งรอรถเมล์แบบนิ่ง ๆ เงียบ ๆ เราที่เดินตามมาติด ๆ ก็เข้าไปนั่งบ้าง ไม่รู้เขาคิดอะไรไหม แต่เราคิดโครตเยอะ เพราะจะนั่งห่างจากเขาเกินเราก็กลัว (สิ่งที่เรารู้ ๆ กันอยู่) จะนั่งใกล้เกินเราก็กลัวผู้ชายจะคิดมากอีก (ที่ไม่ค่อยกลัวเขาทำอะไรเราเพราะตัวเขาผอม ส่วนสูงเราก็ไล่ ๆ กัน เขาน่าจะ 170 กว่า ๆ ที่สำคัญเหมือนเด็ก ม.ปลายมากกว่า แถมดูท่าทางจะเป็นคนไม่ค่อยหือค่อยอือเท่าไร)
สุดท้ายเราก็นั่งห่างจากเขาประมากหนึ่งช่วงแขน (ซึ่งเป็นระยะที่เราคิดว่าปลอดภัย) ระหว่างที่นั่งรอเราก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ฉันที่อยากจะถามก็ไม่ได้ถาม (ตอนนั้นเหมือนตัวเองเป็นใบ้ ตั้งแต่แยกจากเพื่อน ปากแทบไม่ได้อ้าเลย) ได้แต่เหล่ ๆ ไม่ก็แอบ(?)ๆ หันไปมองเขาตรง ๆ ประมาณว่าอยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามอ่ะ ยึก ๆ ยัก ๆ ประมาณนั้นแหละ เขาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเราเท่าไร เห็นนั่งเปิดดูเงินในกระเป๋า เอาโทรศัพท์ออกมาดูเวลา นั่งมองรถผ่านไปมา เอาแขนชันเข่า กระดิกนิ้วเท้านิด ๆ เห็นเขาใส่รองเท้าแตะ เสื้อยืดแขนสั้นเห็นสีไม่ชัดเพราะค่อนข้างมืด กางเกงขาสามส่วน เราเลยเห็นนิ้วเท้า) หัวเกรียน ๆ ผิวสีแทน มองไม่ค่อยเห็นหน้าเท่าไร แต่คิดว่ามีตาสองข้าง จมูกมีดั้งค่อนข้างเยอะ และมีปากอยู่หนึ่งที่ใต้จมูก เอ๊ะ หรือเขาจะไม่มีปาก เราก็มองไม่เห็นซะด้วย กำ ๆ = = (เราที่สายตาไม่รู้จะไปวางที่ไหนอีกนอกจากรถ ถนน ต้นไม้ เสาไฟ ก็มองผู้ชายไปนั่นแหละ กร้ากกก -..- )
ระหว่างนั่งรอกันอยู่สองคนก็มีเหตุให้ระทึกเรื่อย ๆ รู้สึกว่าคืนนั้นมีอุบัติเหต รถชนหรืออะไรก็ไม่รู้ เพราะรถผ่านไปเร็ว (ตอนอยู่บนรถเมล์เพื่อกลับบ้าน) ที่รู้ตอนนั่งอยู่เพราะมีรถปอเต็กตึ๊งผ่านหน้าอยู่คันหนึ่ง แล้วมาเห็นตอนขากลับซึ่งเป็นทางผ่านอุบัติเหตอีก ก็เลยเห็นเขากั้นพื้นที่อยู่พอดี
กลับ ๆ มาถึงตอนที่นั้งกันอยู่สองคนก่อน (กิ๊ว ๆ เขิน )
หลังจากนั่งกันอยู่สองต่อสองนานแสนนาน เราก็มองกระเป๋าตังเขาไป ไม่รู้เขาคิดหรือเห็นอะไรหรือเปล่านะคะ แต่ตัวเราโครตอยากจะถามเขาเลย ว่าเขามีตังเท่าไร มาหารนั่งแท็กซี่กลับกันไหม? แล้วถ้าไม่พอจะทำยังไง ที่สำคัญเราลงก่อนด้วย จะเลี้ยงก็ไม่ไหวเพราะมีเงินติดตัวอยู่ 120.25 บ. และที่สำคัญจะถามยังไงดีไม่ให้เหมือนไถเงิน คิดไปคิดมา รถเมล์ผ่านไป 2 3 คัน เวลาผ่านไปนานพอ ๆ กับรอรถที่แรก
คิด + ทำใจ จนได้จังหวะ เอาวะ ถามเลยละกัน
พออ้าปากยังไม่ถึง 2 เซน เสียงยังไม่ทันจะออกจากลำคอ เขาก็ลุกขึ้นอย่างเร็วเหมือนได้ยินกลิ่นปาก (เอ่อ สรุปตูก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เวลาช่างเสียเปล่าเสียจริง = =) สายตามองออกไปไกล ๆ เหมือนผู้นำ (เริ่มไม่ปกติแล้วจริง ๆ ณ ช่วงเวลานั้น ตูง่วงงงงงงง กร้ากกก) แบบว่าตอนนั้นเราเหมือนมีที่พึ่ง (ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้พูดอะไรซักคำ - -)
ผู้ชายที่นั่งใส่แตะกระดิกเท้ายิก ๆ เปิดกระเป๋าตัง(ที่ไม่มีแบงค์เลยซักใบ) ตัวผอมแห้งแรงน้อย ดูเท่ ขึ้นมาทันตาเห็น เห็นหล้ามแขน + ส่วนสูงที่ตอนแรกใกล้ ๆ ดูสูงขึ้นไปอีกเกทือบ 20 เซน #มันเพิ่มขึ้นมาทันตา = = (มโนตูไปไกลละ) ณ ตอนนั้น เรารีบลุกขึ้นยืน ส่งสายตาวิ้ง ๆ มองตามทางที่เขามองไปอย่างมีความหวัง ยิ่งเห็นไฟหน้ารถของรถประจำทางสายหนึ่งส่องสว่างมายิ่งเหมือนเห็นแสงปลายอุโมง (บรรยากาศให้จริง ๆ เลยค่ะตอนนั้น ) ยิ่งรถขับเข้ามาใกล้ เรายิ่งอยากจะหลับตา
โอ้ แสงไฟช่างเจิดจ้าเหลือเกิน
พอรถมาถึงใกล้ ๆ เท่านั้นแหละ!
ตูอยากจะร้องไห้!! เพราะมันไม่ใช่สายที่ฉันเคยนั่งหรือรู้จักเลย!
ตอนที่ผู้เป็นความหวังเดินก้าวขึ้นรถไปเราโครตลังเล จะตามเขาไปดีไหมวะ ? หรือจะรอรถเมล์สายที่เพื่อนบอกเพราะชัวร์กว่า? แต่แม้ง ไม่ได้ดิ เหลือตูอยู่คนเดียวที่ป้ายนี้ไม่เอานะเว้ย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนมีคนสองคนมาเถียงอยู่ในหัว สรุปเราก็เดินตามเขาไปแบบสับสนนิด ๆ ตอนนั้นลืมไปละ ว่าเขาลงก่อนเราป้ายนึง พอนั่งไปนั่งมาถึงเพิ่งคิดได้
สรุปเราก็กลับบ้านอย่างปลอกภัย ตอน 4 ทุ่มกว่า ๆ แม่โทรตามตอนถึงหน้าบ้านพอดี (เหมือนเขาจะคอยเรานานละ ปกติทานข้าวเย็นพร้อมกัน) กับผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้คุยอะไร เดินตามเขาต้อย ๆ เหมือนลูกเป็ดน้อยอย่างเดียว
.
แล้วมันเกี่ยวเห้อะไรกะเรื่องที่ จขกท โพสวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!! = =*
ต้องขอกราบขออภัยงาม ๆ สักสองสามตลบที่ทำให้เสียเวลาอ่านมาจนถึง ณ จุด ๆ นี้ (.)
ปล.1 ตูไม่ใช่สาวออฟฟิสนี่หว่า (ฉันเป็นสาวออฟโฮมค่ะ .. )
ปล.2 อ่านไปอ่านมาตูเหมือนโรคจิตว่ะ หลายครั้วและที่ได้แต่มอง กระซิก ๆ (ครั้งแรกก็มองไอแพตเพราะอยากให้เขาถ่ายหมาจรจัดไปลงเฟสตอนรอรถเมล์หน้าซีคอน ครั้งที่สองก็มองกระเป๋าตังเพราะอยากถามเขาว่ามีค่ารถไหม เจริญล่ะกู ลืมวิธีการพูดไปหมดแล้ว - -*)
ปล.3 ขอให้ใครก็ตามที่รู้จักฉัน อย่าได้บังอาจมาอ่าน คห นี้ (เขิน)
ปล.4 ขอโทษจริง ๆ สำหรับเรื่องราวที่ค่อนข้างหาสาระไม่เจอ ฮ่า ๆๆ (ปกติดเป็นคนคิดมาก แต่เมื่อไรที่คนอื่นคิดมาก เราจะไม่คิด 55555)
พอละ จบ ยาวเกิน
สุดท้าย ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสู๊งงงงงงงงง สำหรับพื้นที่ในการพิมพ์ และขอขอบคุณเป็นอย่างสูงกว่า สำหรับคนที่อ่านจนจบ (ฉันรู้สึกสงสารคุณอย่างสุดซึ้ง ที่หลงทางมาอ่าน 555)
ไปละค่ะจุ๊บ ๆ (ปกติขี้เกียจ แต่วันนี้อารมณ์ดีเลยยาวไปหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ)
ขออีก ปล ได้ไหม
ปล.5 จขกท ขอติดรถมั่งสิ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
#เดี๋ยวนี้ระวังตัวไว้ดีที่สุดค่ะ จะทำอะไร กับใคร ยังไง ก็แทบจะเชื่อใจ ไว้ใจใครไม่ได้ ที่ฉันรอดมาจนถึงป่านนี้ก็เพราะสัญชาตญาณและโชคช่วยล้วน ๆ ถือว่าเรา ๆ โชคดีกันไปที่ยังไม่ได้เจอใครปล้น ความประมาทเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไร เพราะฉะนั้น
จงมีสติปัญญาอยู่กับตัว เพราะความประมาทอาจนำเราหรือคนรอบข้างไปสู่ความตาย
โชคดีไม่มีหนี้ค่ะ บาย
ปล.6 ถ้าอาจไม่เข้าใจก็ข้าม ๆ มันไปเถอะนะคะ เพราะเราเริ่มขี้เกียจตรวจว่าเรื่องราววนไปวนมาหรือพิมพ์ผิด พิมพ์ตกตรงไหนหรือเปล่า (ความเฉื่อยมาเยือนฟหกด)
เห็นความคิดเห็นแต่ละ คห ไม่กล้าขอความช่วยเหลือยิ่งกว่าเดิมเลยค่ะ เวลาเร่งรีบ (แต่ก็เป็นเรื่องจริงนี่นะ ระวังตัวไม่ก่อนก็ไม่เสียหาย) คงต้องเดินออกกำลังกายกันไป
อ่านไปนึกไป อารมณ์นี้เหมือนจะเจอมาเมื่อไม่นานนี้เอง #ไม่ต้องอ่านก็ได้ แค่อยากเล่าเฉยๆ
รู้สึกตอนนั้น ไปนอนเล่นบ้านเพื่อน ขากลับเพื่อนมาส่งตรงบิ๊กซีเพชรเกษม (กะช๊อปของกินก่อนแยก) แล้วเพื่อนก็ปล่อยให้ฉันนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง เราก็โอเค ไม่ใช่เด็กละ แค่ไม่คุ้นทางเฉย ๆ แต่รอไปรอมา กระต่ายเอ้ยย นานเมมหาย รอไป 30 นาที(รึเปล่าไม่รู้ รู้แต่นานมากกกกก) รถเมล์ก็ไม่มาซะที ตอนนั้นก็ 3 ทุ่มแล้วด้วย มีคนยืนรออยู่ด้วยประมาณ 7 คน (รวมเราด้วย) ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 4 ทอมอีก 1 เป็นคู่รัก 2 คู่ ( ช ญ กับ ท ญ ) หญิงโสดมาแบบโดดเดี่ยวก็ยืนหงอยกันไป คนอื่นมีโทรศัพให้เล่น จิ้มๆ ของฉันใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินหน้าจอขาวดำปาหัวหมาไม่แตก คงไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะทำอะไร .. เล่นเกมงูค่ะ!!! ฉันแอบยืนเล่มเกมงูรอรถเมล์เกือบครึ่งชั่วโมงพระเจ้า ไม่รู้มีใครเห็นบ้าง เขินจัง ><
. รู้ตัวอีกทีแบตก็เหลือขีดเดียว..
เห้ยยยยยยยยยย!!!
เห้ย ๆๆ ๆ ยาว ๆ รีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างไว (ไว้ฉุกเฉินฉุดๆ) พลางระลึกในใจว่า อย่าเพิ่งคิดมากตังในโทรศัพท์เหลือแค่ 19 บาท ไว้โทรเผื่อเกิดเหตุ (ข้างนอกปกติ แต่ในใจคิดไปนู้นนนน แหมมันก็มีบ้างแหละ เป็นผู้หญิงแถมเดินทางกลับบ้านคนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ ?)
สรุปรอไปรอมา ฉันก็เห็นสายรถเมล์คันที่ฉันต้องการเข้ามาจอด ในใจแบบโครตโล่งอะ ได้ขึ้นรถแล้ว ได้กลับบ้านแล้ว จะได้นอนแล้วบลา ๆ แต่ขึ้นไปยืนได้แค่ไม่ถึง 3 วิ ผู้ชายที่ขึ้นมาก่อนเราคนนึงจ่ายตังพร้อมกับบอกจุดหมายว่าจะลงไหน พระเจ้าช่วยหอยทอด ไม่รู้บังเอิญหรืออะไร เขาลงแถวบ้านเราเลยค่ะห่างกันแค่ป้ายรถเมล์เดียว เราก็เออ ๆ ดีใจละ มีเพื่อนลงใกล้ ๆ กัน ถ้ากดออดลงไม่ทัน จะได้ลงกับผู้ชายคนนั้น บลา ๆ (คิดไปนั่น) แต่สรุป รถเมล์ออกตัวยังไม่ข้ามป้าย คนเก็บเงินก็พูดเนิบ ๆ ตัดความหวัง(ที่จะได้กลับบ้าน)ของฉันให้หายไปราวกับสายลม แม่เจ้า เขาบอกว่ารถคันที่ดิฉันขึ้นไปไม่ถึงจุดหมายที่ฉันจะลงค่ะ (ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แบบว่าพอขึ้นมาก็บอกจอดแค่ที่นี่ ที่นั้นนะ แต่จุดหมายปลายทางที่สุดของเส้นทางมันอยู่อีกที่หนึ่งเลย แอบเซ็งเบา ๆ )
ฉันที่เพิ่งขึ้นมา ยืนก้มหน้าเปิดกระเป๋าจะเอาเงินออกมาจ่ายค่ารถถึงกับชะงัก แล้วมองหน้าคนพูดตาปริบ ๆ T^T
และเมื่อชีวิตเรายังต้องก้าวเดินต่อไป สรุปเขาก็ให้เราลงป้ายหน้าค่ะ ซึ่งมันไม่มีคน ไม่มีรถ ไม่มีเหวอะไรเลย (รถฝั่งตรงข้ามโครตติด ฝั่งฉันรอรถโครตว่างอ่ะ) รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก เพราะที่รอรถเมล์ตอนแรก มันสว่าง + มีคน ตอนนี้แถบไม่มีอะไรเลย นอกจากไฟจากเสาไฟฟ้า ซึ่งติด ๆ ดับ ๆ (ไฟป้ายโฆษณาอะไรก็ไม่มีเลยค่ะ มีม้านั่งอยู่อีกตัวข้างหน้าแค่นั้น T^T)
เราที่เดินตามผู้ชายคนนั้น(ใครวะ? 555) มาแบบมึน ๆ เบลอ ๆ (ติดจะเอ๋อด้วย = =) เขาก็เดินไปนั่งปลายสุดของเก้าอี้ยาวที่นั่งรอรถเมล์แบบนิ่ง ๆ เงียบ ๆ เราที่เดินตามมาติด ๆ ก็เข้าไปนั่งบ้าง ไม่รู้เขาคิดอะไรไหม แต่เราคิดโครตเยอะ เพราะจะนั่งห่างจากเขาเกินเราก็กลัว (สิ่งที่เรารู้ ๆ กันอยู่) จะนั่งใกล้เกินเราก็กลัวผู้ชายจะคิดมากอีก (ที่ไม่ค่อยกลัวเขาทำอะไรเราเพราะตัวเขาผอม ส่วนสูงเราก็ไล่ ๆ กัน เขาน่าจะ 170 กว่า ๆ ที่สำคัญเหมือนเด็ก ม.ปลายมากกว่า แถมดูท่าทางจะเป็นคนไม่ค่อยหือค่อยอือเท่าไร)
สุดท้ายเราก็นั่งห่างจากเขาประมากหนึ่งช่วงแขน (ซึ่งเป็นระยะที่เราคิดว่าปลอดภัย) ระหว่างที่นั่งรอเราก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ฉันที่อยากจะถามก็ไม่ได้ถาม (ตอนนั้นเหมือนตัวเองเป็นใบ้ ตั้งแต่แยกจากเพื่อน ปากแทบไม่ได้อ้าเลย) ได้แต่เหล่ ๆ ไม่ก็แอบ(?)ๆ หันไปมองเขาตรง ๆ ประมาณว่าอยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามอ่ะ ยึก ๆ ยัก ๆ ประมาณนั้นแหละ เขาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเราเท่าไร เห็นนั่งเปิดดูเงินในกระเป๋า เอาโทรศัพท์ออกมาดูเวลา นั่งมองรถผ่านไปมา เอาแขนชันเข่า กระดิกนิ้วเท้านิด ๆ เห็นเขาใส่รองเท้าแตะ เสื้อยืดแขนสั้นเห็นสีไม่ชัดเพราะค่อนข้างมืด กางเกงขาสามส่วน เราเลยเห็นนิ้วเท้า) หัวเกรียน ๆ ผิวสีแทน มองไม่ค่อยเห็นหน้าเท่าไร แต่คิดว่ามีตาสองข้าง จมูกมีดั้งค่อนข้างเยอะ และมีปากอยู่หนึ่งที่ใต้จมูก เอ๊ะ หรือเขาจะไม่มีปาก เราก็มองไม่เห็นซะด้วย กำ ๆ = = (เราที่สายตาไม่รู้จะไปวางที่ไหนอีกนอกจากรถ ถนน ต้นไม้ เสาไฟ ก็มองผู้ชายไปนั่นแหละ กร้ากกก -..- )
ระหว่างนั่งรอกันอยู่สองคนก็มีเหตุให้ระทึกเรื่อย ๆ รู้สึกว่าคืนนั้นมีอุบัติเหต รถชนหรืออะไรก็ไม่รู้ เพราะรถผ่านไปเร็ว (ตอนอยู่บนรถเมล์เพื่อกลับบ้าน) ที่รู้ตอนนั่งอยู่เพราะมีรถปอเต็กตึ๊งผ่านหน้าอยู่คันหนึ่ง แล้วมาเห็นตอนขากลับซึ่งเป็นทางผ่านอุบัติเหตอีก ก็เลยเห็นเขากั้นพื้นที่อยู่พอดี
กลับ ๆ มาถึงตอนที่นั้งกันอยู่สองคนก่อน (กิ๊ว ๆ เขิน )
หลังจากนั่งกันอยู่สองต่อสองนานแสนนาน เราก็มองกระเป๋าตังเขาไป ไม่รู้เขาคิดหรือเห็นอะไรหรือเปล่านะคะ แต่ตัวเราโครตอยากจะถามเขาเลย ว่าเขามีตังเท่าไร มาหารนั่งแท็กซี่กลับกันไหม? แล้วถ้าไม่พอจะทำยังไง ที่สำคัญเราลงก่อนด้วย จะเลี้ยงก็ไม่ไหวเพราะมีเงินติดตัวอยู่ 120.25 บ. และที่สำคัญจะถามยังไงดีไม่ให้เหมือนไถเงิน คิดไปคิดมา รถเมล์ผ่านไป 2 3 คัน เวลาผ่านไปนานพอ ๆ กับรอรถที่แรก
คิด + ทำใจ จนได้จังหวะ เอาวะ ถามเลยละกัน
พออ้าปากยังไม่ถึง 2 เซน เสียงยังไม่ทันจะออกจากลำคอ เขาก็ลุกขึ้นอย่างเร็วเหมือนได้ยินกลิ่นปาก (เอ่อ สรุปตูก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เวลาช่างเสียเปล่าเสียจริง = =) สายตามองออกไปไกล ๆ เหมือนผู้นำ (เริ่มไม่ปกติแล้วจริง ๆ ณ ช่วงเวลานั้น ตูง่วงงงงงงง กร้ากกก) แบบว่าตอนนั้นเราเหมือนมีที่พึ่ง (ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้พูดอะไรซักคำ - -)
ผู้ชายที่นั่งใส่แตะกระดิกเท้ายิก ๆ เปิดกระเป๋าตัง(ที่ไม่มีแบงค์เลยซักใบ) ตัวผอมแห้งแรงน้อย ดูเท่ ขึ้นมาทันตาเห็น เห็นหล้ามแขน + ส่วนสูงที่ตอนแรกใกล้ ๆ ดูสูงขึ้นไปอีกเกทือบ 20 เซน #มันเพิ่มขึ้นมาทันตา = = (มโนตูไปไกลละ) ณ ตอนนั้น เรารีบลุกขึ้นยืน ส่งสายตาวิ้ง ๆ มองตามทางที่เขามองไปอย่างมีความหวัง ยิ่งเห็นไฟหน้ารถของรถประจำทางสายหนึ่งส่องสว่างมายิ่งเหมือนเห็นแสงปลายอุโมง (บรรยากาศให้จริง ๆ เลยค่ะตอนนั้น ) ยิ่งรถขับเข้ามาใกล้ เรายิ่งอยากจะหลับตา
โอ้ แสงไฟช่างเจิดจ้าเหลือเกิน
พอรถมาถึงใกล้ ๆ เท่านั้นแหละ!
ตูอยากจะร้องไห้!! เพราะมันไม่ใช่สายที่ฉันเคยนั่งหรือรู้จักเลย!
ตอนที่ผู้เป็นความหวังเดินก้าวขึ้นรถไปเราโครตลังเล จะตามเขาไปดีไหมวะ ? หรือจะรอรถเมล์สายที่เพื่อนบอกเพราะชัวร์กว่า? แต่แม้ง ไม่ได้ดิ เหลือตูอยู่คนเดียวที่ป้ายนี้ไม่เอานะเว้ย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนมีคนสองคนมาเถียงอยู่ในหัว สรุปเราก็เดินตามเขาไปแบบสับสนนิด ๆ ตอนนั้นลืมไปละ ว่าเขาลงก่อนเราป้ายนึง พอนั่งไปนั่งมาถึงเพิ่งคิดได้
สรุปเราก็กลับบ้านอย่างปลอกภัย ตอน 4 ทุ่มกว่า ๆ แม่โทรตามตอนถึงหน้าบ้านพอดี (เหมือนเขาจะคอยเรานานละ ปกติทานข้าวเย็นพร้อมกัน) กับผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้คุยอะไร เดินตามเขาต้อย ๆ เหมือนลูกเป็ดน้อยอย่างเดียว
.
แล้วมันเกี่ยวเห้อะไรกะเรื่องที่ จขกท โพสวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!! = =*
ต้องขอกราบขออภัยงาม ๆ สักสองสามตลบที่ทำให้เสียเวลาอ่านมาจนถึง ณ จุด ๆ นี้ (.)
ปล.1 ตูไม่ใช่สาวออฟฟิสนี่หว่า (ฉันเป็นสาวออฟโฮมค่ะ .. )
ปล.2 อ่านไปอ่านมาตูเหมือนโรคจิตว่ะ หลายครั้วและที่ได้แต่มอง กระซิก ๆ (ครั้งแรกก็มองไอแพตเพราะอยากให้เขาถ่ายหมาจรจัดไปลงเฟสตอนรอรถเมล์หน้าซีคอน ครั้งที่สองก็มองกระเป๋าตังเพราะอยากถามเขาว่ามีค่ารถไหม เจริญล่ะกู ลืมวิธีการพูดไปหมดแล้ว - -*)
ปล.3 ขอให้ใครก็ตามที่รู้จักฉัน อย่าได้บังอาจมาอ่าน คห นี้ (เขิน)
ปล.4 ขอโทษจริง ๆ สำหรับเรื่องราวที่ค่อนข้างหาสาระไม่เจอ ฮ่า ๆๆ (ปกติดเป็นคนคิดมาก แต่เมื่อไรที่คนอื่นคิดมาก เราจะไม่คิด 55555)
พอละ จบ ยาวเกิน
สุดท้าย ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสู๊งงงงงงงงง สำหรับพื้นที่ในการพิมพ์ และขอขอบคุณเป็นอย่างสูงกว่า สำหรับคนที่อ่านจนจบ (ฉันรู้สึกสงสารคุณอย่างสุดซึ้ง ที่หลงทางมาอ่าน 555)
ไปละค่ะจุ๊บ ๆ (ปกติขี้เกียจ แต่วันนี้อารมณ์ดีเลยยาวไปหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ)
ขออีก ปล ได้ไหม
ปล.5 จขกท ขอติดรถมั่งสิ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
#เดี๋ยวนี้ระวังตัวไว้ดีที่สุดค่ะ จะทำอะไร กับใคร ยังไง ก็แทบจะเชื่อใจ ไว้ใจใครไม่ได้ ที่ฉันรอดมาจนถึงป่านนี้ก็เพราะสัญชาตญาณและโชคช่วยล้วน ๆ ถือว่าเรา ๆ โชคดีกันไปที่ยังไม่ได้เจอใครปล้น ความประมาทเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไร เพราะฉะนั้น
จงมีสติปัญญาอยู่กับตัว เพราะความประมาทอาจนำเราหรือคนรอบข้างไปสู่ความตาย
โชคดีไม่มีหนี้ค่ะ บาย
ปล.6 ถ้าอาจไม่เข้าใจก็ข้าม ๆ มันไปเถอะนะคะ เพราะเราเริ่มขี้เกียจตรวจว่าเรื่องราววนไปวนมาหรือพิมพ์ผิด พิมพ์ตกตรงไหนหรือเปล่า (ความเฉื่อยมาเยือนฟหกด)
ความคิดเห็นที่ 58
เคยรับ ผช ขาใส่เฝือกคนนึง ระหว่างสี่แยกฝนตก เขาบอกไปรพ. ไม่มีรถแท็กซี่รับเลย
ก็ให้นั่งนะ ตอนลงเขาถามว่า ไม่กลัวเหรอ ผมก็เลยบอกว่า คุณคงไม่เห็นหรอก เพราะผมวางมีดสปาร์ต้าถอดปลอกพร้อมเสียบไว้ข้างตัวตลอดอยู่แล้ว (วางจริงๆด้วยนะ)
ถ้าคุณออกแนวมิจฉาชีพนิดเดียวคุณคงลงจากรถในอีกสภาพแน่ เขายิ้มแหยๆแล้วลงไป อ้อ ผมให้ขึ้นฟรี ไม่เก็บเงินหรอก
ก็ถามเค้าว่า ทำไมเลือกรถผม เขาตอบว่า เพราะรถมันเก่า ( ตอนนั้นขับรถพ่อ อายุรถ 30 ปี) คงไม่ใช่พวกโจรคิดร้ายอะไรและไม่น่าหวงรถมาก
อีกครั้งก็ให้ฝรั่งแบ็คแพค นั่งฟรีๆ เพราะเค้ามาเดี่ยว ตอนตี 4 ผมพึ่งเลิกหน้างานก่อสร้างจะปล่อยเดินก็อันตราย เลยส่งให้ฟรีๆ เพราะเดินอีกคงไกล
ก็ให้นั่งนะ ตอนลงเขาถามว่า ไม่กลัวเหรอ ผมก็เลยบอกว่า คุณคงไม่เห็นหรอก เพราะผมวางมีดสปาร์ต้าถอดปลอกพร้อมเสียบไว้ข้างตัวตลอดอยู่แล้ว (วางจริงๆด้วยนะ)
ถ้าคุณออกแนวมิจฉาชีพนิดเดียวคุณคงลงจากรถในอีกสภาพแน่ เขายิ้มแหยๆแล้วลงไป อ้อ ผมให้ขึ้นฟรี ไม่เก็บเงินหรอก
ก็ถามเค้าว่า ทำไมเลือกรถผม เขาตอบว่า เพราะรถมันเก่า ( ตอนนั้นขับรถพ่อ อายุรถ 30 ปี) คงไม่ใช่พวกโจรคิดร้ายอะไรและไม่น่าหวงรถมาก
อีกครั้งก็ให้ฝรั่งแบ็คแพค นั่งฟรีๆ เพราะเค้ามาเดี่ยว ตอนตี 4 ผมพึ่งเลิกหน้างานก่อสร้างจะปล่อยเดินก็อันตราย เลยส่งให้ฟรีๆ เพราะเดินอีกคงไกล
ความคิดเห็นที่ 16
ผมเคยเห็นช๊อปเปอร์คันหนึ่ง คนขับเป็นชายวัย 50 ปี หน้ารถกับท้ายรถจะเขียนป้ายปิดไว้ว่า
โดยสารฟรีตั้งแต่ BTS ซอยสุขุมวิท 50 ถึง ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ประมาณนี้อ่ะครับ
เห็นแล้วรู้สึกว่าน้ำใจคนไทยนี่สุดยอด (แต่เช้าวันนั้นก็ไม่เห็นมีคนช้อนท้ายนะครับ)
แต่กรณีคุณ เป็นผม ๆ จะปฎิเสธินะ เพราะว่า ผญ. สมัยนี้ก็น่ากลัว
โดยสารฟรีตั้งแต่ BTS ซอยสุขุมวิท 50 ถึง ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ประมาณนี้อ่ะครับ
เห็นแล้วรู้สึกว่าน้ำใจคนไทยนี่สุดยอด (แต่เช้าวันนั้นก็ไม่เห็นมีคนช้อนท้ายนะครับ)
แต่กรณีคุณ เป็นผม ๆ จะปฎิเสธินะ เพราะว่า ผญ. สมัยนี้ก็น่ากลัว
แสดงความคิดเห็น
เดี๋ยวสาวๆออฟฟิสเค้าชอบอาศัยรถคนแปลกหน้ากันหรอครับ?
.
.
เมื่อกี๊ผมก็อ่านเจอกระทู้นึง โดนเหมือนกันเลย
ผมก็เพิ่งเจอเมื่อเช้าสดๆร้อนๆ เติมน้ำมันรถอยู่ที่ปั๊มหน้าปากซอยบ้าน
และทุกครั้งที่เติมน้ำมันผมจะเติมลมยางด้วย
ก็เดินลงมาดูน้องเด็กปั๊มเติมลมให้ ดูๆอยู่
มีสาวออฟฟิสหน้าตาน่ารัก คนนึง
เดินมาทักผม แล้วบอกว่า
"โทษนะคะเดี๋ยวพี่จะไปทางไหน พอดีเรียก taxi แล้วไม่มีใครไปเลย ขอติดรถไปด้วยได้ไหม เผื่อไปทางเดียวกัน" ผมงงๆเล็กน้อย ตอนแรกคิดว่า
มีใครมาแกล้งเปล่า พยายามมองไปรอบๆ
ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวไปทางสุขุมวิทครับ น้องเค้าก็บอกว่างั้นขอไปลงรถไฟฟ้านะคะ
ผมก็ได้แต่บอกว่า อ้อ โอเคครับ แล้วก็นั่งรถไปด้วยกันแบบ งงๆ คืออยากถามว่าเดี๋ยวนี้เค้าเป็น
แบบนี้กันหรอครับ หรือว่าผมไม่รู้อยู่คนเดียว
มีใครเคยเจอบ้างไหมครับ