อาผม 2 คนได้หุ้นกันเปิดโรงงานทำอิฐบล็อค กิจการเติบโตเรื่อยมา หลังจากนั้นอาคนที่ 2 ได้ไปเช่าที่ดินเปล่าแห่งหนึ่ง สัญญาเช่า 10 ปี แล้วสร้างบ้านบนที่ดินเปล่านั้นเพื่อให้ลูกชายขายอิฐบล็อค(โรงงานอิฐบล็อคกับร้านอิฐบล็อค แยกส่วนกันแล้ว โรงงานเป็นของหุ้นส่วน แต่ร้านเป็นของลูกอาคนที่ 2) แต่อยู่มาไม่นานอาคิดว่าทำไมต้องเสียค่าเช่าด้วย เลยหาซื้อที่สร้างบ้านหลังใหม่ซึ่งเป็นที่ดินของตัวเองไม่เสียค่าเช่า ผมก็ขอเช่าบ้านหลังนี้ต่อเพื่อขายอุปกรณ์ไฟฟ้า พี่ชาย ลูกอาคนที่ 2 ก็โอเคร แล้วยังบอกว่าพ่อบอกว่าจะรื้อบ้านออกก็ได้ไม้เก่า ๆ กระเบื้องเป็นรู ไม่รู้เอาไปทำไรเก็บไว้ให้ลูกหลานทำกินดีกว่า ปีแรกยังเสียค่าเช่าไม่เต็มปีเพราะว่าพี่ชายลุกอาคนที่ 2 ยังอยู่ ยังไม่ได้ย้ายออกเพราะว่าบ้านยังไม่เสร็จ ค่าเช่าจ่ายผ่านอา ปีต่อมาค่าเช่าขึ้น 2 หมื่นบาท (เฮ้ย ค่าเช่ามันไม่ครบอายุสัญญาขึ้นได้ด้วยเหรอวะ) ปีต่ออาบอกว่าค่าเช่าจะขึ้นอีก 5 หมื่นบาท พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง นี่มันดักตีหัวกันชัด ๆ ๆ ผมเก็บของกลับบ้าน พี่ชายลูกอาชวนไปอยู่ด้วยกันเอาของไปขายที่บ้านเขาก็ได้ แต่ผมไม่ไป เสียดายเงินที่ลงทุนไปเป็นล้าน สงสารพ่อ-แม่ที่ให้เงินมาลงทุน แต่ก็ไม่คิดว่าญาติกันแท้ ๆ จะทำแบบนี้ได้ เมื่อก่อนแม่เครียดมาก ผมต้องปลอบแม่อยู่บ่อย ๆ ว่า แม่ไม่ต้องเสียใจนะเดี๋ยวทำเอาใหม่ กำไรมันไม่ได้ดีมากอะไร แม่บอกว่าเจ็บใจที่ญาติแท้ ๆ มาทำแบบนี้ ผมมานั่งทบทวนดูเหตุการณ์ทั้งหมด
1.ค่าเช่าที่ขึ้น อาอาจจะเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง เพราะว่าอาเป็นคนสร้างบ้าน
2.ก่อนหน้านี้ลูกชายอาคนที่ 1 ( ผจก โรงงานอิฐบล็อค) มาขอซื้อที่พ่อที่ติดกับโรงงานเพื่อขยายโรงงาน แต่พ่อไม่ขาย
3.ลูกชายอาคนที่ 2 อยากให้ไปขายของที่บ้านเพราะว่าของผมเยอะ ร้านของลูกอาจะได้มีของเยอะ ๆ
เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหอน ว่าผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร พี่-น้องก็ไม่เว้น ต้องทำหนังสือสัญญาครับ เรื่องแบบนี้ผมเข็ดจนตาย
ผมขอบารมีหลวงปู่ทวด ได้โปรดดลจิต ดลใจให้พ่อแม่ของผม และตัวผมด้วย สุ้ ๆ ครับ ผมเชื่อว่ากฏแห่งกรรมมีอยู่จริง ผมจะคอยดู
เหมือนว่าผมจะโดนญาติตัวเองดักตีหัว จะทำไงดี
1.ค่าเช่าที่ขึ้น อาอาจจะเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง เพราะว่าอาเป็นคนสร้างบ้าน
2.ก่อนหน้านี้ลูกชายอาคนที่ 1 ( ผจก โรงงานอิฐบล็อค) มาขอซื้อที่พ่อที่ติดกับโรงงานเพื่อขยายโรงงาน แต่พ่อไม่ขาย
3.ลูกชายอาคนที่ 2 อยากให้ไปขายของที่บ้านเพราะว่าของผมเยอะ ร้านของลูกอาจะได้มีของเยอะ ๆ
เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหอน ว่าผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร พี่-น้องก็ไม่เว้น ต้องทำหนังสือสัญญาครับ เรื่องแบบนี้ผมเข็ดจนตาย
ผมขอบารมีหลวงปู่ทวด ได้โปรดดลจิต ดลใจให้พ่อแม่ของผม และตัวผมด้วย สุ้ ๆ ครับ ผมเชื่อว่ากฏแห่งกรรมมีอยู่จริง ผมจะคอยดู