ได้ฤกษ์นั่งหน้าคอมค่ะ ที่จริงป้ามีอะไรทำเยอะแต่เช้านี้ขออู้ซักวัน อิอิ สัปดาห์นี้ไม่ค่อยกล้าคลิกเข้าห้องมือหมุนหลังเลิกงานตอนดึกเพราะรูปน่องเป็ดของน้าบีเคฯ ดูทีไรอยากซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไทยไปโซ้ยซัก 2 ชาม ก๊ากสสส์
ป้ายังหมุนแบบเบลอของป้าเหมือนเดิมค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ทำงานมากแค่ไหน ยุ่งแค่ไหน ทุกวันป้าต้องหาเรื่องเอากล้องไม่หมุนดอกไม้ใบหญ้ารอบบ้าน ช่วงอากาศเริ่มเย็นแต่ทุกอย่างยังเขียว ช่วงนี้ต้องจับตามองสภาพอากาศดีๆ ค่ะ ถ้าบอกว่าจะหนาวถึงจุดเยือกแข็งป้าต้องเก็บผักผลไม้ให้หมดก่อน ชีวิตเมืองหนาวลำบากเนาะ ปีนี้ผลไม้เยอะค่ะ เยอะจนเหนื่อย (เอ้าเยอะก็บ่น น้อยก็บ่นหน้อเรา)
ปีนี้ทั้งปี เกือบจะหมดปีแล้วป้ายังไม่ได้งอกเลนส์หรือกล้องอะไรเลย อยากงอกแต่กลัวโดนพิจารณาไม่ไว้วางใจ อิอิ เลนส์ทุกตัวยังเก็บสงบนิ่ง ร้องไห้เงียบๆเพราะป้าไม่ได้ใช้ ก๊ากสสสส ใช้เฉพาะเลนส์ติดกล้องตัวเดียวคือนางฟ้าซูมตัวเดิม ตอนนี้กล้องดีเจ็ดร้อยต้องส่งทำความสะอาดเลยได้จับกล้องตัวอื่นบ้าง แต่ตัวไหนๆ ป้าก็ใช้ไม่เต็มความสามารถของกล้องหรอกค่ะ พยายามพัฒนาความรู้แบบช้า แต่ดีกว่าไม่เริ่ม (ป้าชอบคิดแบบขึ้เกียจว่า ไม่ต้องอะไรกันหนักกันหนาหรอกเด้อ อายุก็ปูนนี้แล้ว ถ่ายรูปเอาสนุกก็แล้วกัน) จริงๆ แล้วอายุคือตัวเลข อย่าหยุดหาความรู้และสร้างผลงานกับสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุดกันนะคะ
แต่เรื่องเลนส์ที่ป้าอยากงอกก็ไม่เปลี่ยนค่ะ กะว่าจะเดินหน้างอกมาซักสองตัวเป็นของขวัญให้ตัวเองก่อนสิ้นปี
*************************************************************************************
เที่ยวกันต่อนะคะ
**********
เมื่อคืนกว่าจะเข้าทีพักก็เกือบ 4 ทุ่มเพราะหาโมเทลไม่เจอ สองตายายงมกันสนุกสนาน โทรศัพท์ลูกหมดแบต เลยทุลักทุเลกัน ในที่สุดก็ใช้วิธีโบราณที่ลุงชอบคือจอดถามที่ปั๊มน้ำมัน ปรากฏว่าโมเทลที่ว่าอยู่ใกล้ปั๊มน้ำมันนั่นเอง ก็ขำกัน แหม แก่แล้วแก่เลยจริงๆ
ในที่สุดลุงก็ได้เจอหมอนที่ลืมไว้และนอนหลับสบายพร้อมกับสัญญาว่าจะไม่ลืมอีก อิอิ ความรู้สึกของป้าแตกต่างกันมากระหว่างเดินเข้าโมเทลนี้ครั้งแรกและครั้งนี้ ทั้งที่ทุกอย่างเหมือนเดิน พรมเก่าๆ สีแดงลาดตามขั้นบันไดก็เหมือนเดิม กลิ่นอับๆ ก็กลิ่นเดิม ก๊ากสสสส์ เอแต่ว่าขากลับกลิ่นมันแรงกว่าเดิมเพราะครั้งแรกตื่นเต้นเลยมองข้ามไป อิอิ
หน้าตาของห้องพัก จ่ายไปน่าจะ 60 เหรียญ ก็น่าอยู่นะคะป้าว่า
หลังจากคว้าอาหารเช้าแบบแช่แข็งคนอะอันมานั่งกินบนรถ วันนี้ป้าซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทัวร์จำเป็น ก็คิดว่าควรจะทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวซักหน่อยคือหาจุดเด่นของเมืองนี้ซึ่งเป็นเมืองที่เค้าทอผ้ากันและมีโรงงานทอผ้าที่มีชื่อเสียง ลุงก็เออออกันไป ป้ารู้ว่าลุงเค้าไม่อยากไปหรอกค่ะ แต่ป้าทำเป็นไม่รู้ อิอิ
มีเพื่อนร่วมทัวร์ ลุงเลยมีเพื่อนคุย ไปกับลุงรับรองความรู้แน่นค่ะ ถามละเอียดเหมือนจะกลับมาตั้งโรงงานทอผ้าเอง ส่วนป้าถ่ายรูปไป คิดถึงที่ทำงานไปเพราะที่ทำงานป้าก็เสียงดังแบบนี้ เค้าแจกหูฟังเล็กเครื่องรับเสียงเล็กๆ ให้ทุกคน คนบรรยายพูดแบบชำนาญ สนุกสนานฟังเพลินเลยป้า
หมุนยากมากค่ะแสงไม่พอแต่ป้าชอบสี
ทอแล้วได้สีลวดลายมากมาย แบบสีไม่ตกด้วยค่ะ ราคาแต่ละฝืนแพงมากสำหรับป้า แต่แมดอินยูเอสเอแน่นอนเนาะ ลุงยังไปล้วงความลับเค้าอีกว่า บางส่วนส่งจากจีนหรือเปล่า เค้าบอกว่าทุกอย่าง ทุกขั้นตอนทำในอเมริกา แกะก็เลี้ยงในอเมริกา ราคาถึงได้แพง (อันนี้ป้าคิดเอง อิอิ)
ทุกขั้นตอนเค้าละเอียดมากค่ะ (แหมป้าทำเหมือนโฆษณาสินค้าให้เค้าซะงั้น) ทุกผืนจะมีคนงาน (ที่ตาดี ป้าทำงานนี้ไม่ได้แน่ ก๊ากสสส์) เช็คว่ามีด้ายที่ทอขดแบบไม่สวยหรือเปล่า นั่งดูสีพวกนี้ทั้งวันเป็นป้าคงดูไปดมยาไปแน่ๆ
ตรงนี้มีไว้ให้นักช็อปค่ะ ทุกชิ้นที่สวยสมบูรณ์แบบจะมาวางขายแถวนี้ค่ะ ราคาผืนใหญ่ก็หลายร้อยเหรียญเลยค่ะ
ออกเดินทางอำลาเมืองทอผ้า เจอวิวนี้ลุงรีบจอดให้ป้าไปลั้ลลากับดอกไม้ป่า สวยมาก กว้างสวยน่าอยู่ดีจัง
ป้าล่ะอิจฉาคนที่มีบ้านตรงนั้นเนาะ บรรยากาศดีสุดๆ
ดอกไม้ป่าสีสวย ไม่เคยเห็นแถวยูท่าห์
สีม่วงบ้าง
ดูนาฬิกาบ่ายโมงครึ่ง ได้เวลาเตรียมตัวไปทำงาน เดี๋ยวป้ามาต่อตอนกลับจากทำงานนะคะ
***************************************************************
(มาต่อแล้วค่ะ เครื่องแบบไม่ต้องเปลี่ยน ลุยพิมพ์ต่อ)
ตณะทัวร์ป้าให้ความสำคัญเรื่องปากเรื่องท้องกันจริงจังมาก (ยกเว้นป้า) ก็กะว่าจะหยุดทานอาหารเที่ยงที่เมือง Baker เมืองที่มีโรงแรมผีสิงนั่นแหละค่ะ ก่อนเข้าเมืองลุงและลูกสาวก็หาข้อมูลว่าร้านไหนอร่อยแบบมีรีวิวดีๆ หาจนเจอเรียกว่ากว่าจะได้กินป้าเนี่ยแทบจะเป็นลม เลือกกันจริ๊ง อิอิ เสร็จก็เตรียมหาเสบียงเพิ่มและที่ไม่ลืมคือต้องเติมน้ำมัน งานนี้ป้าไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ลุงหูชาแน่ถ้าเกิดอีก อิอิ
ขับรถเข้าสู่ภูมิประเทศเดิมต่อเขตแดนระหว่างรัฐออริกอนและรัฐไอดาโอ ที่เป็นภูเขา อากาศร้อน ลุงซึ่งใส่เสื้อแบบไม่ได้เตรียมว่าจะเจอร้อน แถมหนังตึงหนังตาชักจะหย่อน ขับเข้าเส้นกลางถนนเสียงดังครืดๆ หลายครั้งเลยต้องหาที่จอด พอจอดปั๊บสิ่งแรกที่ลุงทำคือถอดเสื้อ เดินรับลมเอาน้ำรดตัวแบบภาษาใต้บ้านป้าเรียกว่ารดท่อน อิอิ เสียเวลานานค่ะ กว่าลุงจะหายง่วง
เป้าหมายที่จะไปกันต่อคือ Hell Canyon ชื่อน่ากลัวนะคะแหม เหวนรกอะไรทำนองนั้น ดูๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ แต่ถนนแคบมาก กลัวรถตกถนนเวลารถสวนมา ลุงไม่ได้บอกป้าว่าคือ Hell Canyon ที่ลุงคุยไว้ตอนแรก ป้าเลยไม่ได้ให้ความสำคัญ พอขับออกมาถนนใหญ่ป้าถามว่าอีกไกลมั้ยกว่าจะถึง Hell Canyon ลุงบอกว่าเราเพิ่งออกมาไงคุณ อ้าววววววว เอาอีกแล้ว เลยได้รูปแบบไม่ตั้งใจถ่ายค่ะ
บึ่งเข้าสู่รัฐไอดาโฮ ซึ่งถ้าขับกลับบ้านแบบม้วนเดียวจบก็ได้ แต่ป้าสงสารลุงเลยกะว่าจะโต๋เต๋แถวไอดาโอและค้างคืนซักคืน รัฐนี้กว้างโล่งแบบอะไรมันจะโล่งได้โล่งดีขนาดนั้น
ขับไปเจอป้ายเขียนว่า Sand Dune หรือเนินทราย ลุงบอกว่าเราต้องไปดูให้เห็นกับตาเพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีเลยขับรถหา คิดว่าใกล้ กว่าจะเจอล่อไปเป็นครึ่ง ชั่วโมง ไปถึงพระอาทิตย์ใกล้จะตกซะแล้ว อากาศขมุกขมัวสีเลยหม่นๆ
แอบหมุนคนเศร้า อิอิ
เนินทรายสวยแปลกตาดีค่ะ ลุงทำตัวเหมือนโดนไขลานอีกแล้ว เดินชึ้นไปบนเนิน ทั้งที่เค้าเขียนไว้ว่าไม่ให้ขึ้นกลัวเป็นรอยเท้า ลุงขำบอกว่า ลมพัด รอยเท้าก็หายแล้ว ดูซิมีรอยเท้าเยอะแยะ ป้าก็เคร่งกฏระเบียบค่ะ ก๊ากสสสส์ เอานิสัยครูมาใช้
ดูรูปแล้วสีไม่สวยเลยเปลี่ยนเป็นมือหมุน นางฟ้าทำงานได้สีสวยล่ะคราวนี้แต่ระยะแค่ 70
ได้ดูแซนดูนสมใจ คราวนี้ต้องมาคิดว่าคืนนี้จะนอนที่ไหนเพราะป้าทำเท่ห์แบบขอไม่จองที่พัก อิอิ พอเริ่มมืดชักใจไม่ดี ลุงเค้าหวังดีอยากให้ป้าได้ภาพแปลกๆ จากขาไปเลยออกนอกเส้นทาง ก็ได้ภาพแปลกแต่ใจชักกังวล อิอิ
ในที่สุดลุงก็จอดเพื่อกางแผนที่แบบเคร่งเครียด ป้าหันไปเจอผนังตึกนี้เลยหมุนมา
ก็วางแผนว่าจะขับไปเรื่อยๆ ตามชื่อเมืองต่างๆ แล้วดูว่าเมืองไหนมีโมเทลก็หยุด แต่เมืองไหนๆ ในแผนที่ชื่อโก้ๆ เอาเข้าจริง เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีโมเทล ยุ่งละซี ป้าเก็บบรรยากาศผ่านกระจกรถไปเรื่อยๆ หมุนไปก็ลุ้นไปชวนลุงคุยไป
แสงยามเย็นเหงาจังเลย...
ในที่สุดก็เจอเมืองที่มีที่พัก เป็นแอร์พอร์ตโมเทล ป้าคิดว่าไกลปืนเที่ยงขนาดนี้มีสนามบินด้วยเหรอเนี่ย ปรากฏว่าเป็นสนามบินเครื่องบินส่วนตัว สำหรับคนรวยๆ ที่จะมาพักเล่นสกีช่วงหน้าหนาว ช่วงที่ป้าไปไม่มีนักท่องเที่ยวห้องว่างเยอะเลยได้หลับสบาย ตื่นมาเปิดหน้าต่างๆ ออกไปดู เอ้า เพื่อนบ้านนอนในหลุมกันทั้ง ก๊ากสสส์ ถึงว่ากลางคืนเงียบสงัดดีแท้ๆ นี่ถ้าเห็นตอนกลางคืนป้าคงขอเปลี่ยนห้อง อิอิ
**************************************
เช้าวันใหม่อากาศสดใส วันนี้ได้กลับถึงบ้านแน่ๆ ก่อนออกจากเมืองนี้ก็ขับรถชมบรรยากาศรอบๆ ทำตัวเป็นคนรวยนิดหน่อยค่ะ อิอิ ป้าไม่ได้ถ่ายในเมือง ก็หมุนรอบเมืองมาบ้าง ป้าชอบบรรยากาศ
สีเขียวสวยสดใส บรรยากาศดีสมเป็นเมืองของเล่นคนรวย
ออกจากเมืองนี้ก็บึ่งกลับบ้าน เรียบร้อยปลอดภัยค่ะ ได้บทเรียนว่าถ้าลุงอิ่มจะง่วงเลยกลับมาจอดทานอาหารกลางวันที่ยูท่าห์ อิอิ
จบทริปนี้แล้วค่ะ กว่าจะจบได้ป้าหนอป้าใช้เวลานานจัง
ขอบคุณที่ไปเที่ยวกับป้านะคะ คราวนี้ป้าจะได้ลงรูปอื่นบ้าง
(101)***รูปเล่าเรื่อง ทุลักทุเลทัวร์สู่รัฐออริกอน ตอนอวสาน อิอิ มาเหมือนละครเลยเนาะ***
ป้ายังหมุนแบบเบลอของป้าเหมือนเดิมค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ทำงานมากแค่ไหน ยุ่งแค่ไหน ทุกวันป้าต้องหาเรื่องเอากล้องไม่หมุนดอกไม้ใบหญ้ารอบบ้าน ช่วงอากาศเริ่มเย็นแต่ทุกอย่างยังเขียว ช่วงนี้ต้องจับตามองสภาพอากาศดีๆ ค่ะ ถ้าบอกว่าจะหนาวถึงจุดเยือกแข็งป้าต้องเก็บผักผลไม้ให้หมดก่อน ชีวิตเมืองหนาวลำบากเนาะ ปีนี้ผลไม้เยอะค่ะ เยอะจนเหนื่อย (เอ้าเยอะก็บ่น น้อยก็บ่นหน้อเรา)
ปีนี้ทั้งปี เกือบจะหมดปีแล้วป้ายังไม่ได้งอกเลนส์หรือกล้องอะไรเลย อยากงอกแต่กลัวโดนพิจารณาไม่ไว้วางใจ อิอิ เลนส์ทุกตัวยังเก็บสงบนิ่ง ร้องไห้เงียบๆเพราะป้าไม่ได้ใช้ ก๊ากสสสส ใช้เฉพาะเลนส์ติดกล้องตัวเดียวคือนางฟ้าซูมตัวเดิม ตอนนี้กล้องดีเจ็ดร้อยต้องส่งทำความสะอาดเลยได้จับกล้องตัวอื่นบ้าง แต่ตัวไหนๆ ป้าก็ใช้ไม่เต็มความสามารถของกล้องหรอกค่ะ พยายามพัฒนาความรู้แบบช้า แต่ดีกว่าไม่เริ่ม (ป้าชอบคิดแบบขึ้เกียจว่า ไม่ต้องอะไรกันหนักกันหนาหรอกเด้อ อายุก็ปูนนี้แล้ว ถ่ายรูปเอาสนุกก็แล้วกัน) จริงๆ แล้วอายุคือตัวเลข อย่าหยุดหาความรู้และสร้างผลงานกับสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุดกันนะคะ
แต่เรื่องเลนส์ที่ป้าอยากงอกก็ไม่เปลี่ยนค่ะ กะว่าจะเดินหน้างอกมาซักสองตัวเป็นของขวัญให้ตัวเองก่อนสิ้นปี
*************************************************************************************
เที่ยวกันต่อนะคะ
**********
เมื่อคืนกว่าจะเข้าทีพักก็เกือบ 4 ทุ่มเพราะหาโมเทลไม่เจอ สองตายายงมกันสนุกสนาน โทรศัพท์ลูกหมดแบต เลยทุลักทุเลกัน ในที่สุดก็ใช้วิธีโบราณที่ลุงชอบคือจอดถามที่ปั๊มน้ำมัน ปรากฏว่าโมเทลที่ว่าอยู่ใกล้ปั๊มน้ำมันนั่นเอง ก็ขำกัน แหม แก่แล้วแก่เลยจริงๆ
ในที่สุดลุงก็ได้เจอหมอนที่ลืมไว้และนอนหลับสบายพร้อมกับสัญญาว่าจะไม่ลืมอีก อิอิ ความรู้สึกของป้าแตกต่างกันมากระหว่างเดินเข้าโมเทลนี้ครั้งแรกและครั้งนี้ ทั้งที่ทุกอย่างเหมือนเดิน พรมเก่าๆ สีแดงลาดตามขั้นบันไดก็เหมือนเดิม กลิ่นอับๆ ก็กลิ่นเดิม ก๊ากสสสส์ เอแต่ว่าขากลับกลิ่นมันแรงกว่าเดิมเพราะครั้งแรกตื่นเต้นเลยมองข้ามไป อิอิ
หน้าตาของห้องพัก จ่ายไปน่าจะ 60 เหรียญ ก็น่าอยู่นะคะป้าว่า
หลังจากคว้าอาหารเช้าแบบแช่แข็งคนอะอันมานั่งกินบนรถ วันนี้ป้าซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทัวร์จำเป็น ก็คิดว่าควรจะทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวซักหน่อยคือหาจุดเด่นของเมืองนี้ซึ่งเป็นเมืองที่เค้าทอผ้ากันและมีโรงงานทอผ้าที่มีชื่อเสียง ลุงก็เออออกันไป ป้ารู้ว่าลุงเค้าไม่อยากไปหรอกค่ะ แต่ป้าทำเป็นไม่รู้ อิอิ
มีเพื่อนร่วมทัวร์ ลุงเลยมีเพื่อนคุย ไปกับลุงรับรองความรู้แน่นค่ะ ถามละเอียดเหมือนจะกลับมาตั้งโรงงานทอผ้าเอง ส่วนป้าถ่ายรูปไป คิดถึงที่ทำงานไปเพราะที่ทำงานป้าก็เสียงดังแบบนี้ เค้าแจกหูฟังเล็กเครื่องรับเสียงเล็กๆ ให้ทุกคน คนบรรยายพูดแบบชำนาญ สนุกสนานฟังเพลินเลยป้า
หมุนยากมากค่ะแสงไม่พอแต่ป้าชอบสี
ทอแล้วได้สีลวดลายมากมาย แบบสีไม่ตกด้วยค่ะ ราคาแต่ละฝืนแพงมากสำหรับป้า แต่แมดอินยูเอสเอแน่นอนเนาะ ลุงยังไปล้วงความลับเค้าอีกว่า บางส่วนส่งจากจีนหรือเปล่า เค้าบอกว่าทุกอย่าง ทุกขั้นตอนทำในอเมริกา แกะก็เลี้ยงในอเมริกา ราคาถึงได้แพง (อันนี้ป้าคิดเอง อิอิ)
ทุกขั้นตอนเค้าละเอียดมากค่ะ (แหมป้าทำเหมือนโฆษณาสินค้าให้เค้าซะงั้น) ทุกผืนจะมีคนงาน (ที่ตาดี ป้าทำงานนี้ไม่ได้แน่ ก๊ากสสส์) เช็คว่ามีด้ายที่ทอขดแบบไม่สวยหรือเปล่า นั่งดูสีพวกนี้ทั้งวันเป็นป้าคงดูไปดมยาไปแน่ๆ
ตรงนี้มีไว้ให้นักช็อปค่ะ ทุกชิ้นที่สวยสมบูรณ์แบบจะมาวางขายแถวนี้ค่ะ ราคาผืนใหญ่ก็หลายร้อยเหรียญเลยค่ะ
ออกเดินทางอำลาเมืองทอผ้า เจอวิวนี้ลุงรีบจอดให้ป้าไปลั้ลลากับดอกไม้ป่า สวยมาก กว้างสวยน่าอยู่ดีจัง
ป้าล่ะอิจฉาคนที่มีบ้านตรงนั้นเนาะ บรรยากาศดีสุดๆ
ดอกไม้ป่าสีสวย ไม่เคยเห็นแถวยูท่าห์
สีม่วงบ้าง
ดูนาฬิกาบ่ายโมงครึ่ง ได้เวลาเตรียมตัวไปทำงาน เดี๋ยวป้ามาต่อตอนกลับจากทำงานนะคะ
***************************************************************
(มาต่อแล้วค่ะ เครื่องแบบไม่ต้องเปลี่ยน ลุยพิมพ์ต่อ)
ตณะทัวร์ป้าให้ความสำคัญเรื่องปากเรื่องท้องกันจริงจังมาก (ยกเว้นป้า) ก็กะว่าจะหยุดทานอาหารเที่ยงที่เมือง Baker เมืองที่มีโรงแรมผีสิงนั่นแหละค่ะ ก่อนเข้าเมืองลุงและลูกสาวก็หาข้อมูลว่าร้านไหนอร่อยแบบมีรีวิวดีๆ หาจนเจอเรียกว่ากว่าจะได้กินป้าเนี่ยแทบจะเป็นลม เลือกกันจริ๊ง อิอิ เสร็จก็เตรียมหาเสบียงเพิ่มและที่ไม่ลืมคือต้องเติมน้ำมัน งานนี้ป้าไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ลุงหูชาแน่ถ้าเกิดอีก อิอิ
ขับรถเข้าสู่ภูมิประเทศเดิมต่อเขตแดนระหว่างรัฐออริกอนและรัฐไอดาโอ ที่เป็นภูเขา อากาศร้อน ลุงซึ่งใส่เสื้อแบบไม่ได้เตรียมว่าจะเจอร้อน แถมหนังตึงหนังตาชักจะหย่อน ขับเข้าเส้นกลางถนนเสียงดังครืดๆ หลายครั้งเลยต้องหาที่จอด พอจอดปั๊บสิ่งแรกที่ลุงทำคือถอดเสื้อ เดินรับลมเอาน้ำรดตัวแบบภาษาใต้บ้านป้าเรียกว่ารดท่อน อิอิ เสียเวลานานค่ะ กว่าลุงจะหายง่วง
เป้าหมายที่จะไปกันต่อคือ Hell Canyon ชื่อน่ากลัวนะคะแหม เหวนรกอะไรทำนองนั้น ดูๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ แต่ถนนแคบมาก กลัวรถตกถนนเวลารถสวนมา ลุงไม่ได้บอกป้าว่าคือ Hell Canyon ที่ลุงคุยไว้ตอนแรก ป้าเลยไม่ได้ให้ความสำคัญ พอขับออกมาถนนใหญ่ป้าถามว่าอีกไกลมั้ยกว่าจะถึง Hell Canyon ลุงบอกว่าเราเพิ่งออกมาไงคุณ อ้าววววววว เอาอีกแล้ว เลยได้รูปแบบไม่ตั้งใจถ่ายค่ะ
บึ่งเข้าสู่รัฐไอดาโฮ ซึ่งถ้าขับกลับบ้านแบบม้วนเดียวจบก็ได้ แต่ป้าสงสารลุงเลยกะว่าจะโต๋เต๋แถวไอดาโอและค้างคืนซักคืน รัฐนี้กว้างโล่งแบบอะไรมันจะโล่งได้โล่งดีขนาดนั้น
ขับไปเจอป้ายเขียนว่า Sand Dune หรือเนินทราย ลุงบอกว่าเราต้องไปดูให้เห็นกับตาเพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีเลยขับรถหา คิดว่าใกล้ กว่าจะเจอล่อไปเป็นครึ่ง ชั่วโมง ไปถึงพระอาทิตย์ใกล้จะตกซะแล้ว อากาศขมุกขมัวสีเลยหม่นๆ
แอบหมุนคนเศร้า อิอิ
เนินทรายสวยแปลกตาดีค่ะ ลุงทำตัวเหมือนโดนไขลานอีกแล้ว เดินชึ้นไปบนเนิน ทั้งที่เค้าเขียนไว้ว่าไม่ให้ขึ้นกลัวเป็นรอยเท้า ลุงขำบอกว่า ลมพัด รอยเท้าก็หายแล้ว ดูซิมีรอยเท้าเยอะแยะ ป้าก็เคร่งกฏระเบียบค่ะ ก๊ากสสสส์ เอานิสัยครูมาใช้
ดูรูปแล้วสีไม่สวยเลยเปลี่ยนเป็นมือหมุน นางฟ้าทำงานได้สีสวยล่ะคราวนี้แต่ระยะแค่ 70
ได้ดูแซนดูนสมใจ คราวนี้ต้องมาคิดว่าคืนนี้จะนอนที่ไหนเพราะป้าทำเท่ห์แบบขอไม่จองที่พัก อิอิ พอเริ่มมืดชักใจไม่ดี ลุงเค้าหวังดีอยากให้ป้าได้ภาพแปลกๆ จากขาไปเลยออกนอกเส้นทาง ก็ได้ภาพแปลกแต่ใจชักกังวล อิอิ
ในที่สุดลุงก็จอดเพื่อกางแผนที่แบบเคร่งเครียด ป้าหันไปเจอผนังตึกนี้เลยหมุนมา
ก็วางแผนว่าจะขับไปเรื่อยๆ ตามชื่อเมืองต่างๆ แล้วดูว่าเมืองไหนมีโมเทลก็หยุด แต่เมืองไหนๆ ในแผนที่ชื่อโก้ๆ เอาเข้าจริง เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีโมเทล ยุ่งละซี ป้าเก็บบรรยากาศผ่านกระจกรถไปเรื่อยๆ หมุนไปก็ลุ้นไปชวนลุงคุยไป
แสงยามเย็นเหงาจังเลย...
ในที่สุดก็เจอเมืองที่มีที่พัก เป็นแอร์พอร์ตโมเทล ป้าคิดว่าไกลปืนเที่ยงขนาดนี้มีสนามบินด้วยเหรอเนี่ย ปรากฏว่าเป็นสนามบินเครื่องบินส่วนตัว สำหรับคนรวยๆ ที่จะมาพักเล่นสกีช่วงหน้าหนาว ช่วงที่ป้าไปไม่มีนักท่องเที่ยวห้องว่างเยอะเลยได้หลับสบาย ตื่นมาเปิดหน้าต่างๆ ออกไปดู เอ้า เพื่อนบ้านนอนในหลุมกันทั้ง ก๊ากสสส์ ถึงว่ากลางคืนเงียบสงัดดีแท้ๆ นี่ถ้าเห็นตอนกลางคืนป้าคงขอเปลี่ยนห้อง อิอิ
**************************************
เช้าวันใหม่อากาศสดใส วันนี้ได้กลับถึงบ้านแน่ๆ ก่อนออกจากเมืองนี้ก็ขับรถชมบรรยากาศรอบๆ ทำตัวเป็นคนรวยนิดหน่อยค่ะ อิอิ ป้าไม่ได้ถ่ายในเมือง ก็หมุนรอบเมืองมาบ้าง ป้าชอบบรรยากาศ
สีเขียวสวยสดใส บรรยากาศดีสมเป็นเมืองของเล่นคนรวย
ออกจากเมืองนี้ก็บึ่งกลับบ้าน เรียบร้อยปลอดภัยค่ะ ได้บทเรียนว่าถ้าลุงอิ่มจะง่วงเลยกลับมาจอดทานอาหารกลางวันที่ยูท่าห์ อิอิ
จบทริปนี้แล้วค่ะ กว่าจะจบได้ป้าหนอป้าใช้เวลานานจัง
ขอบคุณที่ไปเที่ยวกับป้านะคะ คราวนี้ป้าจะได้ลงรูปอื่นบ้าง