เจอหอพักเอาเปรียบในกรุงเทพครั้งแรก

สวัสดีค่ะ เราเพิ่งจะย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพครั้งแรกซึ่งก่อนหน้านี้เราอยู่ต่างจังหวัดซึ่งก็เคยมีประสบการณ์อยู่หอพักตอนเรียนมหาลัยมาบ้างค่ะ ขอเข้าประเด็นเลยนะคะ เราไปอยู่กรุงเทพแล้วเห็นว่าหอพักเนี่ยมันแพงมาก ถึงแม้ว่าจะมีส่วนกลางมีเจ้าหน้าที่รปภ แต่เราคงสู้ราคาไม่ไหวเพราะเงินเดือนเราน้อยค่ะ เลยมาเลือกอยู่หอพักที่เจ้าของหอเค้ามีบ้านอยู่ข้างๆหอเลย ตอนแรกติดต่อทางไลน์เพราะเรายังไม่มีเวลาไปดูหอเองแต่จากในรูป google map ค่อนข้างดูดีเลยค่ะ เราเลยตัดสินใจไปดูก็เห็นว่ามีที่จอดรถมอไซค์ แล้วก็รถยนต์ (เรามีรถยนต์ 1 คัน) เราเลยถามราคา ซึ่งราคาอยู่ที่ 3,9xx ห่างจากที่ทำงาน 10 นาที เราเลยคิดว่าเออเราไม่เอารถยนต์ไปใช้แล้วกันเพราะว่าอยู่ใกล้ที่ทำงานเอามาก็จอดทิ้งไว้ เลยเลือกว่าเงินมัดจำไปเลยซึ่งลุงเจ้าของหอเขาก็ดูใจดีค่ะ พอเราจะเข้าหอวันแรก ซึ่งเรารถยนต์ไปขนของเข้าหอ ลุงก็เดินมาบอกเราว่าจอดตรงนี้ไม่ได้ (เป็นหน้าบันไดทางเข้า) เพราะมีเจ้าของที่จอดประจำ เราก็มาดูหลายรอบ แต่ที่จอดรถค่อนข้างเยอะ เราเลยงงว่าทำไมต้องมีจอดประจำ ซึ่งตอนเราวางเงินมัดจำลุงก็ไม่มีรายละเอียดบอกอะไรมาก บอกแค่ค่าน้ำหน่วยละ 20 และค่าไฟหน่วยละ 8 (ปล.เรามองว่าไม่เสียค่าเดินทางเยอะ เลยยอมจ่าย) เราเลยไม่ได้อะไร ก็คิดว่าคงล็อคที่ไว้กันแย่งกันจอดไปเลย ทีนี้เรื่องมันเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราย้ายของเสร็จวันแรกเราตัดสินใจกลับไปพักที่บ้านก่อนเพราะเรามีนัดกับที่บ้าน ลุงโทรมาหาเราว่าขอเปิดห้องเข้าไปเช็ควาล์วน้ำนะ ซึ่งเราไม่สบายใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะลุงเค้าก็พูดดักไว้หมดว่าเขามีกล้องวงจร แถมเขาก็เป็นเจ้าของหออีก นู้นนี่นั่น เราเลยจำใจให้เขาเข้าไป พอเรากลับมาเราต้องไปบันทึกสแกนนิ้วเข้าหอพัก ซึ่งหลายวันมากกว่าจะได้ทำ เพราะลุงทำไม่เป็นเลยต้องรอลูกชายเขามาทำให้ (ลูกชายเขาอยู่หอตลอดแต่มักจะตื่นสาย ตกเย็นก็ไปออกกำลังกายเลยไม่ว่างให้เรา) ในวันนั้นลุงเขาก็นำสัญญามาให้ค่ะ เราอ่านสัญญาเราก็ตกใจเพราะค่าห้องต้องจ่ายค่าส่วนกลางอีก 300บ./เดือน และยังมีค่าจอดรถยนต์ 500 บ./เดือน รถมอไซค์ 300 บ./เดือน โดยไม่ได้แจ้งในสัญญาแต่บอกเราปากเปล่า ซึ่งเราเข้าใจในเรื่องค่าจอดรถนะคะ เพราะในกรุงเทพด้วย แต่ค่าส่วนกลางคือ 300 ไม่มีลิฟต์ มีแต่เครื่องซักผ้า 2 เครื่องจากทั้งตึก (มีประมาณ 18 ห้อง) และตู้กดน้ำ 1 ตู้ โต๊ะสำหรับวางอาหารที่พี่ไรด์เดอร์มาส่งไม่มี ทุกครั้งจะต้องวางพื้นตรงบันไดทางเข้าหอตลอดเว้นแต่จะลงไปรอรับ ลุงกับลูกเขาก็ดูไม่มีท่าทีจะดูแลคนในหอ แถมมาว่าคนที่ทำงานก่อสร้างว่ารองเท้าเขาทำพื้นสกปรก?! ซึ่งเราไปอยู่ได้ 2-3 เดือนแล้วค่ะ สัญญาแค่ 6 เดือน เราอาจจะคิดไปเองว่าเขาเอาเปรียบ แต่เราว่าถ้าเขาดูแลลูกบ้านดีกว่านี้เราจะโอเคสำหรับราคานี้มากค่ะ แต่แฟนเราไปหาเราหลายรอบเพื่อที่จะขอสแกนนิ้วเข้าหอเผื่อเขามารอที่ห้องบ้าง ลุงก็พลัดตลอดโดยให้เหตุผลว่าต้องรอลูกชายมาทำให้ ซึ่งเราติดต่อไปเช้าบ่ายก็แจ้งเราว่าลูกชายยังไม่ตื่น ตกเย็นลูกชายไปออกกำลังกายจนแฟนเราบอกว่าหอนี้แย่ไป ซึ่งเราก็เห็นด้วย ถึงแม้จะสะอาดหอไม่ได้เก่าแต่คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากจริงๆค่ะ อย่างไม่กี่วันที่แล้วเราลืมกุญแจห้องเราแจ้งไปตอนเที่ยงลุงก็คิดค่าเปิดห้องเรา 100 บาทโดยที่แค่วางกุญแจไว้ให้เราตรงตู้กดน้ำแค่นั้นเลยค่ะ

เรามาเขียนกระทู้นี้ไว้สำหรับประกอบการตัดสินใจในการเลือกหาหอพักสำหรับคนที่เริ่มทำงานในกรุงเทพ ถ้ามีงบเยอะอยู่คอนโดก็จะดีหน่อยค่าหอแพง แต่ค่าไฟ-น้ำรัฐ แต่สำหรับคนที่เป็นแบบเราเลี่ยงหอพักที่ค่อนข้างเอาแน่เอานอนแบบนี้ไม่ได้ไว้ก็ดีค่ะ เราคงจำลุงกับหอนี้ไปอีกนานมาก เราอยู่ต่างจังหวัดมาก็มีเจอหอแพงๆเคี่ยวๆแบบนี้เยอะนะคะ แต่คงไม่เหลี่ยมขนาดที่ว่าเราว่าไม่ให้พิมพ์ไลน์ ให้โทรอย่างเดียว เพราะต่อให้เราพิมพ์ไปลุงก็จะโทรมา หรือไม่ก็มารอเจอเรา เพื่อไม่ให้มีหลักฐานการคุยในแชทเลยค่ะ และสำคัญคือเราระวังเรื่องสัญญามามากๆ ขนาดแจ้งลุงไปแล้วในวันแรกว่าเรามีรถยนต์ ลุงก็ไม่ได้แจ้งเราว่าเสียค่าจอด (อาจจะเพราะวันแรก) แต่พอเราจะนำรถไปจอดอีก ลุงให้เราเสียคืนละ 100 บาทด้วย ทั้งๆที่เราก็อยู่ในหอนั้น หลังจากนั้นลุฃถึงให้ลูกชายโทรมาบอกเราว่ามีค่าจอดรถรายเดือนในภายหลัง สรุปรอบคอบให้ตายสุดท้ายก็เสียเหลี่ยมจริงๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่