ห้องเช่าที่ว่านี้ก็เป็นห้องแบบใต้อาคารที่เค้ามีไว้ให้เช่าเพื่อทำการค้าค่ะ มีหน้าร้านและเค้ากั้นห้องเป็นห้องนอนไว้แล้ว
โดนเอาเปรียบตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่ค่ะ ไม่ได้ยอมเค้าตั้งแต่แรกนะคะ และมีการแจ้งทันทีให้เค้าทราบว่าเราเจอปัญหาอะไรบ้างหลังจ่ายค่ามัดจำ
ก๊อกน้ำเป็นสนิม ฝักบัวเป็นสนิม ท่อน้ำตัน ชักโครกกดไม่ค่อยลง อาบน้ำต้องทำใจ น้ำท่วมเท้าตลอดค่ะ
สรุปคือไม่มาเปลี่ยนหรือทำอะไรให้ ทั้งที่รับปากก่อนมัดจำและเข้าอยู่ จนเราเริ่มจะเปิดร้าน ก็ต้องให้ช่างมาทำเอง ตัดรำคาญค่ะ
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว จู่ๆ พื้นในห้องที่ให้เช่าก็ปะทุแล้วแตกค่ะ เป็นเกือบทั้งห้องค่ะ
ทางผู้ให้เช่าจึงขอให้ย้ายของเพื่อจะได้ปูกระเบื้องใหม่ ให้ย้ายของที่เราทำมาหากินไปไว้ในห้องนอนค่ะ และให้เราขึ้นไปอยู่บนหอพักเค้าชั่วคราว
ซึ่งค่าน้ำ ค่าไฟ เราต้องเป็นคนออกค่ะ และค่าห้องเค้าบอกให้เราจ่ายวันละ 500 บาท เราถามว่าทำไมเราต้องจ่ายเพราะพื้นแตกนี่ไม่ใช่ความผิดเรา
เราต้องได้อยู่ฟรี แต่ค่าน้ำ ค่าไฟ เราถือว่าเราใช้ เราไม่ได้มีปัญหาค่ะ
ใช้เวลาในการย้ายของ 1 วัน คือวันเสาร์ที่ 27 ก.ย. 57
ช่างเริ่มทำงานวันที่ 28 ก.ย. 57 - 30 ก.ย. 57
และรอปูนแห้งเข้าที่ 1 วัน คือ 1 ต.ค. 57
เราย้ายของออกมาจัดเพื่อจะเปิดร้านใช้เวลา 1 วันเต็ม คือ 2 ต.ค. 57
ซึ่งรวมแล้ว 6 วัน ที่เราไม่ได้มีรายได้เลย
*** เราเป็นร้านถ่ายเอกสารค่ะ จึงไม่สามารถย้ายเครื่องไปทำมาหากินที่อื่นได้
และอีกอย่างคือ เค้าบอกเราว่าจะใช้เวลาดำเนินการเพียง 2 วัน แต่ก็ล่วงเลยจนเป็น 6 วันค่ะ***
แล้วบิลค่าเช่าก็มาค่ะ เค้าเก็บเราเต็ม 20,000 บาท + ค่าน้ำ + ค่าไฟ ค่ะ
เราจึงเดินไปสอบถามเรื่องค่าเช่าค่ะว่า เค้าสมควรลดค่าเช่าให้เราตามวันที่หยุด
ซึ่งเราก็คำนวน
20,000 / 30 = 667 บาท ต่อวัน เดือน ก.ย. 4 วัน = 667*4 = 2,668 บาท
20,000 / 31 = 646 บาท ต่อวัน เดือน ต.ค. 2 วัน = 646*2 = 1,292 บาท
รวมแล้ว 3,960 บาทค่ะ
นั่นคือสิ่งที่เราควรจะได้รับการลดหย่อนค่ะ ตามความคิดของเรา เพราะการที่พื้นแตก ไม่ใช่ความผิดเรา
มันเกิดจากช่างคนที่ทำตอนสร้างตึกปูไว้ไม่ดี ตึกนี้มีอายุเพียง 5 ปี เองค่ะ แต่พื้นแตกและหลุดร่อนแล้วเราว่ามันก็คงไม่ได้มาตรฐานจริงๆค่ะ
เราชี้แจงไปตามเหตุผลที่เราสมควรได้รับกับคนดูแลตึกค่ะ เค้าเพียงแต่บอกเราว่า ก็ให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนฟรีๆแล้วไง
เราก็เลยย้อนคำถามไปว่า "ถ้าพื้นไม่แตก เราจะต้องขึ้นไปอยู่ข้างบนไหม & เราจะต้องปิดร้านเสียรายได้ไหม"
เค้าก็บอกว่าเค้าเป็นแค่คนดูแล เค้าตัดสินใจอะไรไม่ได้ เค้าจะไปถามเจ้านายให้ค่ะ
ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มีคำตอบกลับมา เราจึงเดินไปถามอีกทีคือวันนี้ (7ต.ค.57) เพราะว่ากฎของตึกนี้คือห้ามจ่ายเกินวันที่ 7 ค่ะ
เค้าบอกว่าเจ้านายยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่ชดเชยอะไรใดๆให้เราทั้งสิ้น และเราต้องจ่ายเต็มจำนวน
เราจึงขอคุยกับเจ้าของตึกเองค่ะ เค้าจึงบอกให้เราไปคุยใหม่พรุ่งนี้ และเงินที่จะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท เค้าจะเป็นคนออกให้เอง
เราอยากรู้ว่าถ้าเราได้คุยกับเจ้าของตึกแล้วเค้าไม่ลดค่าเช่าให้เราจริงๆ เราสมควรจะทำอย่างไรดีคะ
1. จ่ายตามที่บิลมาเก็บ
2. ย้ายของออก
3. อื่นๆแล้วแต่จะแนะนำค่ะ
** ขออภัยถ้าแท็กไม่ถูกห้องค่ะ **
เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
เราเพิ่งอยู่มาได้ 4 เดือนค่ะ ถ้าเราออกก่อนเราจะไม่ได้มัดจำ 40,000 คืนค่ะ
เราจึงค่อนข้างคิดมากว่าจำอย่างไรดีค่ะ
เช่าห้องเพื่อทำการค้า แต่โดนเอาเปรียบทุกอย่าง ทำอย่างไรดี
โดนเอาเปรียบตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่ค่ะ ไม่ได้ยอมเค้าตั้งแต่แรกนะคะ และมีการแจ้งทันทีให้เค้าทราบว่าเราเจอปัญหาอะไรบ้างหลังจ่ายค่ามัดจำ
ก๊อกน้ำเป็นสนิม ฝักบัวเป็นสนิม ท่อน้ำตัน ชักโครกกดไม่ค่อยลง อาบน้ำต้องทำใจ น้ำท่วมเท้าตลอดค่ะ
สรุปคือไม่มาเปลี่ยนหรือทำอะไรให้ ทั้งที่รับปากก่อนมัดจำและเข้าอยู่ จนเราเริ่มจะเปิดร้าน ก็ต้องให้ช่างมาทำเอง ตัดรำคาญค่ะ
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว จู่ๆ พื้นในห้องที่ให้เช่าก็ปะทุแล้วแตกค่ะ เป็นเกือบทั้งห้องค่ะ
ทางผู้ให้เช่าจึงขอให้ย้ายของเพื่อจะได้ปูกระเบื้องใหม่ ให้ย้ายของที่เราทำมาหากินไปไว้ในห้องนอนค่ะ และให้เราขึ้นไปอยู่บนหอพักเค้าชั่วคราว
ซึ่งค่าน้ำ ค่าไฟ เราต้องเป็นคนออกค่ะ และค่าห้องเค้าบอกให้เราจ่ายวันละ 500 บาท เราถามว่าทำไมเราต้องจ่ายเพราะพื้นแตกนี่ไม่ใช่ความผิดเรา
เราต้องได้อยู่ฟรี แต่ค่าน้ำ ค่าไฟ เราถือว่าเราใช้ เราไม่ได้มีปัญหาค่ะ
ใช้เวลาในการย้ายของ 1 วัน คือวันเสาร์ที่ 27 ก.ย. 57
ช่างเริ่มทำงานวันที่ 28 ก.ย. 57 - 30 ก.ย. 57
และรอปูนแห้งเข้าที่ 1 วัน คือ 1 ต.ค. 57
เราย้ายของออกมาจัดเพื่อจะเปิดร้านใช้เวลา 1 วันเต็ม คือ 2 ต.ค. 57
ซึ่งรวมแล้ว 6 วัน ที่เราไม่ได้มีรายได้เลย
*** เราเป็นร้านถ่ายเอกสารค่ะ จึงไม่สามารถย้ายเครื่องไปทำมาหากินที่อื่นได้
และอีกอย่างคือ เค้าบอกเราว่าจะใช้เวลาดำเนินการเพียง 2 วัน แต่ก็ล่วงเลยจนเป็น 6 วันค่ะ***
แล้วบิลค่าเช่าก็มาค่ะ เค้าเก็บเราเต็ม 20,000 บาท + ค่าน้ำ + ค่าไฟ ค่ะ
เราจึงเดินไปสอบถามเรื่องค่าเช่าค่ะว่า เค้าสมควรลดค่าเช่าให้เราตามวันที่หยุด
ซึ่งเราก็คำนวน
20,000 / 30 = 667 บาท ต่อวัน เดือน ก.ย. 4 วัน = 667*4 = 2,668 บาท
20,000 / 31 = 646 บาท ต่อวัน เดือน ต.ค. 2 วัน = 646*2 = 1,292 บาท
รวมแล้ว 3,960 บาทค่ะ
นั่นคือสิ่งที่เราควรจะได้รับการลดหย่อนค่ะ ตามความคิดของเรา เพราะการที่พื้นแตก ไม่ใช่ความผิดเรา
มันเกิดจากช่างคนที่ทำตอนสร้างตึกปูไว้ไม่ดี ตึกนี้มีอายุเพียง 5 ปี เองค่ะ แต่พื้นแตกและหลุดร่อนแล้วเราว่ามันก็คงไม่ได้มาตรฐานจริงๆค่ะ
เราชี้แจงไปตามเหตุผลที่เราสมควรได้รับกับคนดูแลตึกค่ะ เค้าเพียงแต่บอกเราว่า ก็ให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนฟรีๆแล้วไง
เราก็เลยย้อนคำถามไปว่า "ถ้าพื้นไม่แตก เราจะต้องขึ้นไปอยู่ข้างบนไหม & เราจะต้องปิดร้านเสียรายได้ไหม"
เค้าก็บอกว่าเค้าเป็นแค่คนดูแล เค้าตัดสินใจอะไรไม่ได้ เค้าจะไปถามเจ้านายให้ค่ะ
ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มีคำตอบกลับมา เราจึงเดินไปถามอีกทีคือวันนี้ (7ต.ค.57) เพราะว่ากฎของตึกนี้คือห้ามจ่ายเกินวันที่ 7 ค่ะ
เค้าบอกว่าเจ้านายยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่ชดเชยอะไรใดๆให้เราทั้งสิ้น และเราต้องจ่ายเต็มจำนวน
เราจึงขอคุยกับเจ้าของตึกเองค่ะ เค้าจึงบอกให้เราไปคุยใหม่พรุ่งนี้ และเงินที่จะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท เค้าจะเป็นคนออกให้เอง
เราอยากรู้ว่าถ้าเราได้คุยกับเจ้าของตึกแล้วเค้าไม่ลดค่าเช่าให้เราจริงๆ เราสมควรจะทำอย่างไรดีคะ
1. จ่ายตามที่บิลมาเก็บ
2. ย้ายของออก
3. อื่นๆแล้วแต่จะแนะนำค่ะ
** ขออภัยถ้าแท็กไม่ถูกห้องค่ะ **
เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
เราเพิ่งอยู่มาได้ 4 เดือนค่ะ ถ้าเราออกก่อนเราจะไม่ได้มัดจำ 40,000 คืนค่ะ
เราจึงค่อนข้างคิดมากว่าจำอย่างไรดีค่ะ