หลังจากผ่านด่านได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ หรือ FTC กรณี Facebook ซื้อกิจการ WhatsApp ที่มูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด การซื้อขายดังกล่าวก็ผ่านฉลุยไร้ปัญหาอีก เมื่อสหภาพยุโรปได้มีคำสั่งไฟเขียวการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วแบบปราศจากเงื่อนไข แม้จะมีเสียงทวงถามจากกลุ่มโอเปอเรอเตอร์มือถือในแถบประเทศยุโรปโต้แย้งว่า การเข้าซื้อกิจการมูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจทำให้เจ้าพ่อสังคมเครือข่ายออนไลน์ มีอำนาจในตลาดมากเกินกว่าจะรับได้ หนำซ้ำยังจะเป็นอันตรายต่อธุรกิจข้อความเสียงของพวกเขาด้วย
สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจต่อต้านการผูกขาด อธิบายประเด็นนี้ว่า Facebook Messenger และ WhatsApp ไม่ได้เป็นคู่แข่งที่มีความใกล้เคียงกัน ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว Facebook Messenger จะเป็นแอพพลิเคชั่นแบบ standalone แต่เนื่องจากจะต้องมีการใช้งานเจาะจงกับ Facebook ที่เป็นเครือข่ายสังคมร่วมด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่า ผู้ใช้ต่างก็มีการใช้งานทั้งสองแอพฯ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้ส่วนใหญ่แอพฯ ทั้งสองจะถูกใช้บนมือถือเครืองเดียวกันก็ตาม
คณะกรรมการยังได้กล่าวต่อว่า ทั้ง Facebook Messenger และ WhatsApp ต่างก็เป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และดีลซื้อขายดังกล่าวก็ไมได้ทำการให้แข่งขันในตลาดต้องชะงักลง แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกด้านการสื่อสารของผู้บริโภค ซึ่งเหมือนกับพวก Line, Viber, iMessage, Telegram, WeChat และ Google Hangouts
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่กระนั้นก็นับว่าเรื่องราวนี้ มีความน่าสนใจ เมื่อคณะกรรมาธิการฝั่งยุโรปไม่มีการแสดงท่าทีกังขาต่อการเห็นชอบดังกล่าว ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมาธิการ FTC ทางฝั่งสหรัฐฯ ที่มีการทำจดหมายเตือน Facebook และ WhatsApp ว่าพวกเขาจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ตามออกมา หลังพิจารณาอนุมัติดีลดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการอนุญาตของสหภาพยุโรป ส่งผลให้ขณะนี้ Facebook เป็นเจ้าของ WhatsApp ตามกฏหมายเรียบร้อยแล้ว
ที่มา TechSpot
Facebook ได้เป็นเจ้าของ WhatsApp เต็มตัวแล้ว หลังสหภาพยุโรปไฟเขียว
หลังจากผ่านด่านได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ หรือ FTC กรณี Facebook ซื้อกิจการ WhatsApp ที่มูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด การซื้อขายดังกล่าวก็ผ่านฉลุยไร้ปัญหาอีก เมื่อสหภาพยุโรปได้มีคำสั่งไฟเขียวการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วแบบปราศจากเงื่อนไข แม้จะมีเสียงทวงถามจากกลุ่มโอเปอเรอเตอร์มือถือในแถบประเทศยุโรปโต้แย้งว่า การเข้าซื้อกิจการมูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจทำให้เจ้าพ่อสังคมเครือข่ายออนไลน์ มีอำนาจในตลาดมากเกินกว่าจะรับได้ หนำซ้ำยังจะเป็นอันตรายต่อธุรกิจข้อความเสียงของพวกเขาด้วย
สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจต่อต้านการผูกขาด อธิบายประเด็นนี้ว่า Facebook Messenger และ WhatsApp ไม่ได้เป็นคู่แข่งที่มีความใกล้เคียงกัน ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว Facebook Messenger จะเป็นแอพพลิเคชั่นแบบ standalone แต่เนื่องจากจะต้องมีการใช้งานเจาะจงกับ Facebook ที่เป็นเครือข่ายสังคมร่วมด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่า ผู้ใช้ต่างก็มีการใช้งานทั้งสองแอพฯ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้ส่วนใหญ่แอพฯ ทั้งสองจะถูกใช้บนมือถือเครืองเดียวกันก็ตาม
คณะกรรมการยังได้กล่าวต่อว่า ทั้ง Facebook Messenger และ WhatsApp ต่างก็เป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และดีลซื้อขายดังกล่าวก็ไมได้ทำการให้แข่งขันในตลาดต้องชะงักลง แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกด้านการสื่อสารของผู้บริโภค ซึ่งเหมือนกับพวก Line, Viber, iMessage, Telegram, WeChat และ Google Hangouts
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่กระนั้นก็นับว่าเรื่องราวนี้ มีความน่าสนใจ เมื่อคณะกรรมาธิการฝั่งยุโรปไม่มีการแสดงท่าทีกังขาต่อการเห็นชอบดังกล่าว ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมาธิการ FTC ทางฝั่งสหรัฐฯ ที่มีการทำจดหมายเตือน Facebook และ WhatsApp ว่าพวกเขาจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ตามออกมา หลังพิจารณาอนุมัติดีลดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการอนุญาตของสหภาพยุโรป ส่งผลให้ขณะนี้ Facebook เป็นเจ้าของ WhatsApp ตามกฏหมายเรียบร้อยแล้ว
ที่มา TechSpot