คอลัมน์ รู้แล้วบอกต่อ
แม้ "เงิน" ไม่ใช่พระเจ้าที่จะซื้อทุกสิ่งอย่างบนโลกได้ทั้งหมด แต่เงินก็เป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีพในโลกยุคใหม่ ที่เงินถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้าวของ ไม่ใช่ระบบบาร์เตอร์ หรือการแลกเปลี่ยนของต่อของแบบเมื่อสมัยก่อน
และด้วยการขาดแคลนเงินนี่แหละ ที่ทำให้เกิดแนวโน้มปัญหาที่เด็กญี่ปุ่นต้อง "ดร็อปเรียน" หรือ "เลิก" เรียนกันไปกลางคัน
โดยผลการศึกษาของกระทรวงการศึกษาธิการ (ศธ.) ญี่ปุ่น ที่สำรวจสถานศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของรัฐ เอกชน วิทยาลัย และอาชีวศึกษา จำนวน 1,163 แห่งทั่วประเทศ จากที่มีทั้งสิ้น 1,191 แห่ง พบว่า
ครอบครัวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเทอม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้แก่ลูกหลานที่เรียนระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และช่องว่างของรายได้ที่มีมากขึ้น
ผลสำรวจยังพบอีกว่า ในปีงบประมาณ 2556 มีเด็กชาวญี่ปุ่นต้องเลิกเรียนในระดับอุดมศึกษาไปเลยมากถึง 79,311 คน คิดเป็น 2.7% ของจำนวนนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั้งหมดของญี่ปุ่น ขณะที่จำนวนเด็กที่พักการเรียนไว้ชั่วคราวมี 67,654 คน คิดเป็น 2.4% ตัวเลขทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปีงบ 2550 ขณะที่ผลสำรวจยังพบอีกว่าในปี 2556 ยังมีนักศึกษาที่จ่ายค่าเทอมช้าถึงช้ามากกว่า 10,000 คน
การขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นเหตุผลสูงสุดของนักเรียนเหล่านี้ ที่ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยไป คิดเป็น 20.4% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน 6.4% เฉพาะในสถานศึกษาที่เป็นของเอกชน มีเด็กที่ลาออกไปด้วยเหตุผลทางการเงิน คิดเป็น 22.6%
ส่วนเด็กที่ต้องพักการเรียนไว้ชั่วคราว ในจำนวนนี้ 15.5% บอกขัดสนเรื่องเงิน ขณะที่สถานศึกษามากกว่า 70% บอกว่านักเรียนที่ต้องการให้ยกเว้นค่าเล่าเรียน หรือให้ผ่อนชำระเงินเป็นแบบแบ่งจ่าย มีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากเหตุผลเรื่องเงินทองแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทำให้เด็กเลิกเรียนในระดับอุดมศึกษา เช่น วิชาการของสถานศึกษาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมีเด็กที่เลิกเรียนด้วยเหตุผลนี้ราว 14.5%
และอีก 4.4% บอกไม่สามารถปรับตัวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้ ส่วน 15% พักการเรียนในประเทศชั่วคราวเพื่อไปศึกษาในต่างประเทศ
แนวโน้มปัญหานี้ทำให้ ศธ.ญี่ปุ่นมีแผนที่จะหามาตรการช่วยเหลือเยาวชนของตนเอง ให้เรียนจนจบการศึกษาขั้นสูง เช่น การให้ทุนการศึกษา การยืดหยุ่นในการใช้ทุนคืนให้มากขึ้น และการช่วยให้นักศึกษาที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ สามารถโอนหน่วยกิตไปยังสถานศึกษาในต่างประเทศได้ โดยการจัดทำระบบโอนหน่วยกิตระหว่างสถานศึกษาของญี่ปุ่นกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ
เด็กญี่ปุ่น"เลิก"เรียน เพราะไม่มี"เงิน"!?
แม้ "เงิน" ไม่ใช่พระเจ้าที่จะซื้อทุกสิ่งอย่างบนโลกได้ทั้งหมด แต่เงินก็เป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีพในโลกยุคใหม่ ที่เงินถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้าวของ ไม่ใช่ระบบบาร์เตอร์ หรือการแลกเปลี่ยนของต่อของแบบเมื่อสมัยก่อน
และด้วยการขาดแคลนเงินนี่แหละ ที่ทำให้เกิดแนวโน้มปัญหาที่เด็กญี่ปุ่นต้อง "ดร็อปเรียน" หรือ "เลิก" เรียนกันไปกลางคัน
โดยผลการศึกษาของกระทรวงการศึกษาธิการ (ศธ.) ญี่ปุ่น ที่สำรวจสถานศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของรัฐ เอกชน วิทยาลัย และอาชีวศึกษา จำนวน 1,163 แห่งทั่วประเทศ จากที่มีทั้งสิ้น 1,191 แห่ง พบว่า
ครอบครัวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเทอม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้แก่ลูกหลานที่เรียนระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และช่องว่างของรายได้ที่มีมากขึ้น
ผลสำรวจยังพบอีกว่า ในปีงบประมาณ 2556 มีเด็กชาวญี่ปุ่นต้องเลิกเรียนในระดับอุดมศึกษาไปเลยมากถึง 79,311 คน คิดเป็น 2.7% ของจำนวนนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั้งหมดของญี่ปุ่น ขณะที่จำนวนเด็กที่พักการเรียนไว้ชั่วคราวมี 67,654 คน คิดเป็น 2.4% ตัวเลขทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปีงบ 2550 ขณะที่ผลสำรวจยังพบอีกว่าในปี 2556 ยังมีนักศึกษาที่จ่ายค่าเทอมช้าถึงช้ามากกว่า 10,000 คน
การขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นเหตุผลสูงสุดของนักเรียนเหล่านี้ ที่ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยไป คิดเป็น 20.4% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน 6.4% เฉพาะในสถานศึกษาที่เป็นของเอกชน มีเด็กที่ลาออกไปด้วยเหตุผลทางการเงิน คิดเป็น 22.6%
ส่วนเด็กที่ต้องพักการเรียนไว้ชั่วคราว ในจำนวนนี้ 15.5% บอกขัดสนเรื่องเงิน ขณะที่สถานศึกษามากกว่า 70% บอกว่านักเรียนที่ต้องการให้ยกเว้นค่าเล่าเรียน หรือให้ผ่อนชำระเงินเป็นแบบแบ่งจ่าย มีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากเหตุผลเรื่องเงินทองแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทำให้เด็กเลิกเรียนในระดับอุดมศึกษา เช่น วิชาการของสถานศึกษาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมีเด็กที่เลิกเรียนด้วยเหตุผลนี้ราว 14.5%
และอีก 4.4% บอกไม่สามารถปรับตัวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้ ส่วน 15% พักการเรียนในประเทศชั่วคราวเพื่อไปศึกษาในต่างประเทศ
แนวโน้มปัญหานี้ทำให้ ศธ.ญี่ปุ่นมีแผนที่จะหามาตรการช่วยเหลือเยาวชนของตนเอง ให้เรียนจนจบการศึกษาขั้นสูง เช่น การให้ทุนการศึกษา การยืดหยุ่นในการใช้ทุนคืนให้มากขึ้น และการช่วยให้นักศึกษาที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ สามารถโอนหน่วยกิตไปยังสถานศึกษาในต่างประเทศได้ โดยการจัดทำระบบโอนหน่วยกิตระหว่างสถานศึกษาของญี่ปุ่นกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ