ความเป็นมาของกฐิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภิกษุ ชาวเมืองปาไฐยรัฐ 30 รูป ได้เดินทางเพื่อมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี แต่ยังไม่ทันถึงเมืองสาวัตถี ก็ถึงวันเข้าพรรษาเสียก่อน พระสงฆ์ทั้ง 30 รูป จึงต้องจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง พอออกพรรษาแล้ว ภิกษุเหล่านั้นจึงได้ออกเดินทางมาเข้าเฝ้าพระศาสดาด้วยความยากลำบากเพราะฝน ยังตกชุกอยู่ เมื่อเดินทางถึงวัดพระเชตวัน พระพทธเจ้าได้ตรัสถามถึงความเป็นอยู่และการเดินทาง เมื่อทราบความลำบากนั้นจึงทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสสามารถ รับผ้ากฐินได้
และภิกษุผู้ได้กรานกฐินได้อานิสงส์ 5 ประการ ภายในเวลาอานิสงส์กฐิน (นับจากวันที่รับกฐินจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4) คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไปไหนไม่ต้องบอกลา
ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับสามผืน2
ฉันคณะโภชน์ได้ (ล้อมวงกันฉันภัตตาหารได้) 3
เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้โดยที่ยังมิได้วิกัปป์ และอธิษฐาน โดยไม่ต้องอาบัติ
จีวรลาภอันเกิดขึ้น จักได้แก่ภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว
แต่ก็มีวัดป่า บางวัดที่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ไม่เอาอานิสงส์นี้มาใช้ เพราะทุกข้อนั้นเป็นการฝ่าฝืนวินัยสงฆ์
ความหมายของกฐิน กฐิน เป็นศัพท์บาลี แปลตามศัพท์ว่าไม้สะดึง คือ "กรอบไม้" หรือ "ไม้แบบ" สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรในสมัยโบราณ ซึ่งผ้าที่เย็บสำเร็จจากกฐินหรือไม้สะดึงแบบนี้เรียกว่า ผ้ากฐิน (ผ้าเย็บจากไม้แบบ)
กฐิน อาจจำแนกตามความหมายเพื่อความเข้าใจง่ายได้ดังนี้ กฐิน มีความหมาย ๔ ประการ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(๑) กฐินที่เป็นชื่อของกรอบไม้
กรอบไม้แม่แบบสำหรับทำจีวร ซื่งอาจเรียกว่า สะดึง ก็ได้ เนื่องจากในครั้งพุทธกาลการทำจีวรให้มี
รูปลักษณะตามที่กำหนด กระทำได้โดยยาก จึงต้องทำกรอบไม้สำเร็จรูปไว้ เพื่อเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำเป็นผ้านุ่งหรือ ผ้าห่ม หรือผ้าห่มช้อนที่เรียกว่าจีวรเป็นส่วนรวม ผืนใดผืนหนึ่งก็ได้ ในภาษาไทยนิยมเรียก ผ้านุ่งว่าสบง ผ้าห่มว่า จีวร ผ้าห่มช้อนว่า สังฆาฏิ การทำผ้าโดยอาศัยแม่แบบเช่นนี้ คือทาบผ้าลงไปกับแม่แบบ และ ตัดเย็บ ย้อมทำให้เสร็จในวันนั้นด้วยความสามัคคีของสงฆ์ เป็นการร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจที่เกิดขึ้น เมื่อทำเสร็จ หรือพ้นกำหนดกาลแล้ว แม่แบบหรือกฐินนั้น ก็รื้อเก็บไว้ใช้ในการทำผ้าเช่นนั้นอีกในปีต่อๆ ไป
การรื้อแบบไว้ เรียกว่า เดาะ ฉะนั้นคำว่า กฐินเดาะ หรือเดาะกฐินจึงหมายถึงการรื้อไม้แม่แบบเก็บไว้ใช้
(๒) กฐินที่เป็นชื่อของผ้า
หมายถึงผ้าที่ถวายใช้เป็นกฐินภายในกำหนดกาล ๑ เดือน นับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๒ ผ้าที่จะถวายนั้นจะเป็นผ้าใหม่ หรือผ้าเทียมใหม่ เช่น ผ้าฟอกสะอาด หรือผ้าเก่า หรือผ้าบังสุกุล คือผ้าที่เขาทิ้งแล้ว และเป็นผ้าเปื้อนฝุ่นหรือผ้าตกตามร้านก็ได้ ผู้ถวายจะเป็นคฤหัสถ์ , ภิกษุหรือสามเณรก็ได้ ถวายแก่สงฆ์ แล้ว ก็เป็นอันใช้ได้
(๓) กฐินที่เป็นชื่อของบุญกิริยา
คือการทำบุญคือการถวายผ้ากฐินเป็นทานแก่พระสงฆ์ ผู้จำพรรษาอยู่ในวัดใดวันหนึ่งครบ ๓ เดือน เพื่อสงเคราะห์
ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ให้มีผ้านุ่ง หรือผ้าห่มใหม่ จะได้ใช้ผลัดเปลี่ยนของเก่า ที่จะขาดหรือชำรุด การทำบุญถวาย
ผ้ากฐิน หรือที่เรียกว่า ทอดกฐิน คือทอดหรือวางผ้าลงไปแล้ว กล่าวคำถวายในท่ามกลางสงฆ์ เรียกได้ว่าเป็นกาลทาน
คือการถวายทานที่ทำได้เฉพาะกาล ๑ เดือน ดังกล่าวในกฐินที่เป็นชื่อของผ้า ถ้าถวายก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้น
ไม่เป็นกฐิน ท่านจึงถือว่าหาโอกาสทำได้ยาก
(๔) กฐินที่เป็นชื่อของสังฆกรรม
คือ กิจกรรมของสงฆ์ก็จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ ในการมอบผ้ากฐิน ให้แก่ภิกษุ
รูปใดรูปหนึ่ง เมื่อทำจีวรสำเร็จแล้วด้วยความร่วมมือของภิกษุทั้งหลาย ก็จะได้เป็นโอกาสให้ได้ช่วยกันทำจีวรของภิกษุ
รูปอื่นขยายเวลาทำจีวรได้อีก ๔ เดือน ทั้งนี้เพราะในสมัยพุทธกาลการหาผ้า การทำจีวรทำได้โดยยาก ไม่ทรงอนุญาต
ให้เก็บสะสมผ้าไว้เกิน ๑. วัน แต่เมื่อได้ช่วยกันทำสังฆกรรมเรื่องกฐินแล้ว อนุญาตให้แสวงหาผ้า และเก็บผ้าไว้ทำเป็น
จีวรได้ จนตลอดฤดูหนาว คือจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔
ข้อความดังกล่าวมาแล้วข้างต้น จะเห็นว่าความหมายของคำว่ากฐิน มีความเกี่ยวข้องกันทั้ง ๔ ประการ เมื่อสงฆ์ทำ
สังฆกรรมเรื่องกฐินเสร็จแล้ว และประชุมกันอนุโมทนากฐิน คือแสดงความพอไจว่าได้กรานกฐินเสร็จแล้ว ก็เป็นอันเสร็จพิธี
กฐิน ในปัจจุบัน มีผู้ถวายผ้ามากขึ้น มีผู้สามารถตัดเย็บย้อมผ้าที่จะทำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้นการใช้ไม้แม่แบบ อย่างเก่าจึงเลิกไป เพียงถวายผ้าขาวให้ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จในวันนั้น หรือนำผ้าสำเร็จรูปมาถวายก็เรียกว่า "ถวายผ้ากฐิน" เช่นกัน
ความสำคัญพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่น
การถวายกฐินนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ซึ่งทำให้การถวายกฐินมีความความพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่นดังนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จำกัดประเภททาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้
จำกัดเวลา คือกฐินเป็นกาลทานอย่างหนึ่ง (ตามพระบรมพุทธานุญาต) ดังนั้นจึงจำกัดเวลาว่าต้องถวายภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันออกพรรษา เป็นต้นไป
จำกัดงาน คือ พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน
จำกัดไทยธรรม คือ ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่พระวินัยกำหนดไว้
จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้ที่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา
จำกัดคราว คือ วัด ๆ หนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
(ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง นับเป็นพระประสงค์โดยตรง)
การทอดกฐินในประเทศไทยมีหลายแบบ ในกระทู้นี้ขอคุยเพียงเรื่อง กฐินราษฏร์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของวัดป่ามาคุยกัน
กฐินราษฎร์ คือกฐินที่คนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาจัดถวายผ้ากฐิน และเครื่องกฐินไปถวายยังวัดราษฎร์ต่าง ๆ โดยนิยมเรียกกันว่า กฐินสามัคคี
ผู้เป็นประธานหรือเจ้าภาพในการทอดกฐินจะต้องไปติดต่อยังวัดนั้นๆ เพื่อขอเป็นเจ้าภาพ จะเป็นเจ้าภาพเดียวก็ได้ หรือ จะหาเจ้าภาพร่วมด้วยก็ได้ ถ้าหาเจ้าภาพร่วมก็เรียก กฐินสามัคคี
อย่างที่บอกข้างต้น กฐินแปลโดยศัพท์แปลได้หลายอย่าง แต่ถ้าพูดภาษาชาวบ้านเรื่องการทอดกฐิน ก็หมายถึง การนำผ้า (ที่ใช้เย็บเป็นจีวรหรือสบง) พร้อม เข็ม ด้าย สีย้อมผ้า รวมเรียก เครื่องกฐิน นอกเหนือจากนี้ไปจัดเป็นบริวารกฐินทั้งหมด เช่น ถ้วย ชาม กะละมัง หม้อ แก้ว ไม้กวาด ไม้ถูพื้น สบู่ ยาสีฟัน ยารักษาโรค ฯลฯ

ผ้าขาวซันฟลอไรซ์ เบอร์ 10000 เป็นที่นิยมนำมาทำผ้ากฐิน

สีย้อมผ้า

ด้ายและเข็มเย็บผ้า
แม้กระทั่งเรื่องเงิน ที่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นซองแจกไปตามสายบุญ โดยบางเจ้าภาพก็ไปหาต้นสาย นาย ก. นาย ข. นาย ค. รับไปคนละ ร้อยซอง ไปบอกบุญ ก่อนถึงวันงานก็ไปตามเก็บรวมกันไปน้อมถวายวันงานทอดกฐิน เงินที่ว่านี้ก็เป็นบริวารกฐินเช่นกัน
********** กรณีซองกฐินนี้ ตามวินัยสงฆ์ วัดห้ามทำเองนะครับ ต้องเป็นเจ้าภาพจัดทำเอง แจกเอง (แต่ปั๊มตราวัด) และก็ยังมีหลายวัดที่ปฏิบัติอยู่ ห้ามมีซองแจก ห้ามขึ้นป้ายบอกบุญ แล้วแต่ความฉลาดของเจ้าภาพจะไปจัดการเอง **********
มาดูทางวัดบ้าง ต้องเตรียมอะไร หลักๆคือ เตรียมสถานที่อาสนะสงฆ์เพื่อทำพิธีกรานผ้ากฐิน โดยมีสายสิญน์ขึงโยงจากพระประทานและเครื่องกฐิน ไปยังจุดต่างๆ ให้ผู้มาร่วมงานได้นั่งอนุโมทนา รวมถึงสถานที่จัดโรงทาน ส่วนใหญ่แล้วในสายบารมี (ลูกศิษย์ในแต่ละวัด) เมื่อทราบข่าวก็จะจองโรงทาน ให้กับผู้ที่มาร่วมงานได้กิน ดื่ม ฟรีตลอดงาน สุดท้ายที่ทางวัดต้องเตรียมคือ ที่จอดรถ รวมถึงวิธีขนส่งคนเข้าไปยังวัด หากสถานที่จอดอยู่ไกล
เมื่อถึงวันงานช่วงเช้า จะมีพิธีถวายอาหารพระ โดยข้าวปลาอาหารก็ได้จากโรงทานที่มาร่วมงาน
ระหว่างที่พระฉันอาหาร ผู้มาร่วมงานก็ทานอาหารและพักผ่อนรอเวลาพิธีกรานกฐิน
พิธีทางสงฆ์เพื่อกรานกฐิน

เจ้าภาพผ้ากฐิน กล่าวคำถวายผ้าให้แก่สงฆ์

คณะสงฆ์ ทำพิธีกรานกฐิน พระผู้ที่จะรับกฐินจะนั่งเป็นประธานตรงหน้ากองผ้ากฐิน ส่วนพระผู้กรานกฐิน จะนั่งอยู่รายรอบ จำนวน ๔ รูป เพื่อกล่าวคำกรานกฐิน พระที่จะรับกฐินต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้องค์คุณแห่งภิกษุควรรับผ้ากฐิน
ในคัมภีร์บริวารกล่าวว่า ภิกษุประกอบด้วย องค์ ๘ ประการ ควรกรานกฐิน องค์ ๘ นั้นคือ
๑. รู้จักบุพพกรณ์
๒. รู้จักถอนไตรจีวร
๓. รู้อธิษฐานไตรจีวร
๔. รู้จักกราน
๕. รู้จักมาติกา คือ หัวข้อแห่งการเดาะกฐิน
๖. รู้จักปลิโพธ กังวลเป็นเหตุยังไม่เดาะกฐิน
๗. รู้จักการเดาะกฐิน
๘. รู้อานิสงส์กฐินฯ
มัคทายกกล่าวคำถวายผ้ากฐิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้.........อิมัง ภันเต, สะปะริวารัง, กะฐินะจีวะระทุสสัง, สังฆัสสะ,
โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง, สะปะริวารัง, กะฐินะ-
ทุสสัง, ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหตวา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินัง,
อัตถะระตุ, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ,
คำแปล
.........ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้ากฐินจีวร
กับทั้งบริวารนี้ แก่พระสงฆ์ ของพระสงฆ์จงรับผ้ากฐิน กับทั้งบริวารนี้ ของ
ข้าพเจ้าทั้งหลาย รับแล้วจงกราบกฐิน ด้วยผ้านี้ เพื่อประโยชน์และความสุข
แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนาน เทอญ.
บทสวดกรานกฐิน ภาษามคธ ดูได้ที่นี่
http://in84000.blogspot.com/2011/10/blog-post_4495.html แปลเป็นไทย
http://www.dhammajak.net/suadmon1/195.html หลังจากสวดกรานกฐินครบ ๔ รูปแล้ว ต้องตั้งญัตติยุติกรรมวาจา
หลังจากจบขั้นตอนนี้แล้ว เจ้าภาพและผู้ศรัทธาที่มาร่วมงาน จึงนำบริวารกฐิน เข้าน้อมถวายแด่สงฆ์ คณะสงฆ์พร้อมใจอนุโมทนาเป็นอันเสร็จพิธี
เมื่อพิธีขั้นตอนต่างๆ เสร็จแล้ว พระผู้ชำนาญ (หลายรูป) ต้องช่วยกันนำผ้ากฐินไป กะ (วาดแบบ) ตัดเย็บ ย้อม ตากแห้ง เพื่อนำไปให้พระผู้ที่รับผ้ากฐินได้พินทุ พร้อมกันกับ พระทุกรูปที่อยู่ในเขตวัด เข้าร่วมพิธีอนุโมทนากฐินพร้อมกัน และต้องทำให้เสร็จก่อนรุ่งอรุณของอีกวันหนึ่ง
กาลพิธี ทอดกฐิน จึงจะสมบูรณ์ หากว่า ทำไม่ทันรุ่งเช้าของอีกวัน จะนับว่าเป็นกฐินเดาะ หมายถึง อานิสงส์แห่งกฐินของพระที่รับไม่สำเร็จ (แต่ศรัทธาญาติโยมที่น้อมถวายสำเร็จนะ)

พระผู้ชำนาญ กะ วัด ตัด ทำจีวร หรือ สบง อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่พระผู้รับกฐิตต้องการ

แบบวิธีวาดผ้า และ ตัดเย็บ ขึ้นเป็นจีวร

พระผู้ชำนาญเย็บด้วยจักรอุตสาหกรรม

ตัดเสร็จแล้วต้องย้อมผ้าให้ได้สีอย่างที่ต้องการ

ผืนนี้เป็นผ้านุ่ง เรียกว่า สบง
-------------------------
เครดิตภาพและบทความจากอินเตอร์เน็ต และ
http://student.nu.ac.th/katin/history.html
http://pantip.com/topic/31110063
ปล. บทความยังไม่สมบูรณ์นะ
ถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆเห็นไม๊ว่า ก ฐิ น ไม่ง่ายเลยที่จะทำได้สำเร็จ องค์ประกอบมีมากมาย หากแต่เราชาวพุทธ เปิดใจและ พร้อมใจ
บุญนั้นย่อมสำเร็จ เป็นอานิสงส์บุญตามติดเราไปชั่วกาลนาน
จขกท. ขอน้อมใจเผยแพร่เป็น
รักษ์กฐิน..........กว่าจะสำเร็จเป็นบุญ........
ความเป็นมาของกฐิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และภิกษุผู้ได้กรานกฐินได้อานิสงส์ 5 ประการ ภายในเวลาอานิสงส์กฐิน (นับจากวันที่รับกฐินจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4) คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ก็มีวัดป่า บางวัดที่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ไม่เอาอานิสงส์นี้มาใช้ เพราะทุกข้อนั้นเป็นการฝ่าฝืนวินัยสงฆ์
ความหมายของกฐิน กฐิน เป็นศัพท์บาลี แปลตามศัพท์ว่าไม้สะดึง คือ "กรอบไม้" หรือ "ไม้แบบ" สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรในสมัยโบราณ ซึ่งผ้าที่เย็บสำเร็จจากกฐินหรือไม้สะดึงแบบนี้เรียกว่า ผ้ากฐิน (ผ้าเย็บจากไม้แบบ)
กฐิน อาจจำแนกตามความหมายเพื่อความเข้าใจง่ายได้ดังนี้ กฐิน มีความหมาย ๔ ประการ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กฐิน ในปัจจุบัน มีผู้ถวายผ้ามากขึ้น มีผู้สามารถตัดเย็บย้อมผ้าที่จะทำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้นการใช้ไม้แม่แบบ อย่างเก่าจึงเลิกไป เพียงถวายผ้าขาวให้ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จในวันนั้น หรือนำผ้าสำเร็จรูปมาถวายก็เรียกว่า "ถวายผ้ากฐิน" เช่นกัน
ความสำคัญพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่น
การถวายกฐินนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ซึ่งทำให้การถวายกฐินมีความความพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่นดังนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การทอดกฐินในประเทศไทยมีหลายแบบ ในกระทู้นี้ขอคุยเพียงเรื่อง กฐินราษฏร์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของวัดป่ามาคุยกัน
กฐินราษฎร์ คือกฐินที่คนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาจัดถวายผ้ากฐิน และเครื่องกฐินไปถวายยังวัดราษฎร์ต่าง ๆ โดยนิยมเรียกกันว่า กฐินสามัคคี
ผู้เป็นประธานหรือเจ้าภาพในการทอดกฐินจะต้องไปติดต่อยังวัดนั้นๆ เพื่อขอเป็นเจ้าภาพ จะเป็นเจ้าภาพเดียวก็ได้ หรือ จะหาเจ้าภาพร่วมด้วยก็ได้ ถ้าหาเจ้าภาพร่วมก็เรียก กฐินสามัคคี
อย่างที่บอกข้างต้น กฐินแปลโดยศัพท์แปลได้หลายอย่าง แต่ถ้าพูดภาษาชาวบ้านเรื่องการทอดกฐิน ก็หมายถึง การนำผ้า (ที่ใช้เย็บเป็นจีวรหรือสบง) พร้อม เข็ม ด้าย สีย้อมผ้า รวมเรียก เครื่องกฐิน นอกเหนือจากนี้ไปจัดเป็นบริวารกฐินทั้งหมด เช่น ถ้วย ชาม กะละมัง หม้อ แก้ว ไม้กวาด ไม้ถูพื้น สบู่ ยาสีฟัน ยารักษาโรค ฯลฯ
ผ้าขาวซันฟลอไรซ์ เบอร์ 10000 เป็นที่นิยมนำมาทำผ้ากฐิน
สีย้อมผ้า
ด้ายและเข็มเย็บผ้า
แม้กระทั่งเรื่องเงิน ที่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นซองแจกไปตามสายบุญ โดยบางเจ้าภาพก็ไปหาต้นสาย นาย ก. นาย ข. นาย ค. รับไปคนละ ร้อยซอง ไปบอกบุญ ก่อนถึงวันงานก็ไปตามเก็บรวมกันไปน้อมถวายวันงานทอดกฐิน เงินที่ว่านี้ก็เป็นบริวารกฐินเช่นกัน
********** กรณีซองกฐินนี้ ตามวินัยสงฆ์ วัดห้ามทำเองนะครับ ต้องเป็นเจ้าภาพจัดทำเอง แจกเอง (แต่ปั๊มตราวัด) และก็ยังมีหลายวัดที่ปฏิบัติอยู่ ห้ามมีซองแจก ห้ามขึ้นป้ายบอกบุญ แล้วแต่ความฉลาดของเจ้าภาพจะไปจัดการเอง **********
มาดูทางวัดบ้าง ต้องเตรียมอะไร หลักๆคือ เตรียมสถานที่อาสนะสงฆ์เพื่อทำพิธีกรานผ้ากฐิน โดยมีสายสิญน์ขึงโยงจากพระประทานและเครื่องกฐิน ไปยังจุดต่างๆ ให้ผู้มาร่วมงานได้นั่งอนุโมทนา รวมถึงสถานที่จัดโรงทาน ส่วนใหญ่แล้วในสายบารมี (ลูกศิษย์ในแต่ละวัด) เมื่อทราบข่าวก็จะจองโรงทาน ให้กับผู้ที่มาร่วมงานได้กิน ดื่ม ฟรีตลอดงาน สุดท้ายที่ทางวัดต้องเตรียมคือ ที่จอดรถ รวมถึงวิธีขนส่งคนเข้าไปยังวัด หากสถานที่จอดอยู่ไกล
เมื่อถึงวันงานช่วงเช้า จะมีพิธีถวายอาหารพระ โดยข้าวปลาอาหารก็ได้จากโรงทานที่มาร่วมงาน
ระหว่างที่พระฉันอาหาร ผู้มาร่วมงานก็ทานอาหารและพักผ่อนรอเวลาพิธีกรานกฐิน
พิธีทางสงฆ์เพื่อกรานกฐิน
เจ้าภาพผ้ากฐิน กล่าวคำถวายผ้าให้แก่สงฆ์
คณะสงฆ์ ทำพิธีกรานกฐิน พระผู้ที่จะรับกฐินจะนั่งเป็นประธานตรงหน้ากองผ้ากฐิน ส่วนพระผู้กรานกฐิน จะนั่งอยู่รายรอบ จำนวน ๔ รูป เพื่อกล่าวคำกรานกฐิน พระที่จะรับกฐินต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มัคทายกกล่าวคำถวายผ้ากฐิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทสวดกรานกฐิน ภาษามคธ ดูได้ที่นี่ http://in84000.blogspot.com/2011/10/blog-post_4495.html แปลเป็นไทย http://www.dhammajak.net/suadmon1/195.html หลังจากสวดกรานกฐินครบ ๔ รูปแล้ว ต้องตั้งญัตติยุติกรรมวาจา
หลังจากจบขั้นตอนนี้แล้ว เจ้าภาพและผู้ศรัทธาที่มาร่วมงาน จึงนำบริวารกฐิน เข้าน้อมถวายแด่สงฆ์ คณะสงฆ์พร้อมใจอนุโมทนาเป็นอันเสร็จพิธี
เมื่อพิธีขั้นตอนต่างๆ เสร็จแล้ว พระผู้ชำนาญ (หลายรูป) ต้องช่วยกันนำผ้ากฐินไป กะ (วาดแบบ) ตัดเย็บ ย้อม ตากแห้ง เพื่อนำไปให้พระผู้ที่รับผ้ากฐินได้พินทุ พร้อมกันกับ พระทุกรูปที่อยู่ในเขตวัด เข้าร่วมพิธีอนุโมทนากฐินพร้อมกัน และต้องทำให้เสร็จก่อนรุ่งอรุณของอีกวันหนึ่ง
กาลพิธี ทอดกฐิน จึงจะสมบูรณ์ หากว่า ทำไม่ทันรุ่งเช้าของอีกวัน จะนับว่าเป็นกฐินเดาะ หมายถึง อานิสงส์แห่งกฐินของพระที่รับไม่สำเร็จ (แต่ศรัทธาญาติโยมที่น้อมถวายสำเร็จนะ)
พระผู้ชำนาญ กะ วัด ตัด ทำจีวร หรือ สบง อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่พระผู้รับกฐิตต้องการ
แบบวิธีวาดผ้า และ ตัดเย็บ ขึ้นเป็นจีวร
พระผู้ชำนาญเย็บด้วยจักรอุตสาหกรรม
ตัดเสร็จแล้วต้องย้อมผ้าให้ได้สีอย่างที่ต้องการ
ผืนนี้เป็นผ้านุ่ง เรียกว่า สบง
-------------------------
เครดิตภาพและบทความจากอินเตอร์เน็ต และ
http://student.nu.ac.th/katin/history.html
http://pantip.com/topic/31110063
ปล. บทความยังไม่สมบูรณ์นะ
ถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆเห็นไม๊ว่า ก ฐิ น ไม่ง่ายเลยที่จะทำได้สำเร็จ องค์ประกอบมีมากมาย หากแต่เราชาวพุทธ เปิดใจและ พร้อมใจ
บุญนั้นย่อมสำเร็จ เป็นอานิสงส์บุญตามติดเราไปชั่วกาลนาน
จขกท. ขอน้อมใจเผยแพร่เป็น