ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเป็นคนชอบฟังเพลงมากๆ และชอบไปคอนเสิร์ตด้วยค่ะ เสพดนตรีทุกแขนง ความฝันอย่างหนึ่งในชีวิต
คืออยากจะดูวงที่ชอบ และไปเทศกาลดนตรีดังๆระดับโลก แล้วปีนี้ก็ได้มีโอกาสไปลุยเดี่ยวเทศกาล Rock Werchter ของเบลเยียม
เมื่อวันที่ 3-6 กรกฎาคมมาค่ะ ซึ่งเป็นเทศกาลร็อคที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยียม คนไทยอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงเท่า Rock am Ring,
Sonisphere, Wacken open air หรือเทศกาลอื่นๆในทวีปยุโรป แต่งานนี้ขอบอกว่าศิลปินดีๆ เพียบบบบบบ ค่ะ
และวงที่ทำให้เราตัดสินใจว่าหัวเด็ดตีนขาดข้าจะต้องไปดูให้ได้คือ MGMT และกว่าที่เราจะได้บัตรมานั้นก็ลำบากพอสมควร
เนื่องจากบัตร Sold out เร็วมาก แต่คนที่ยุโรปนี่ต้องบอกเลยว่าการซื้อตั๋วเทศกาลดังมาชิงขายต่อนี่พอๆกะบ้านเรา
ไอที่ขายหมดเร็วๆบางทีก็ซื้อมาขายต่อในราคา 2-3 เท่าตัวเลยค่ะ เคยเห็นราคาน่าขนลุกสุดคือ 700 กว่ายูโรในเว็บ viagogo
ส่วนเรานั้นซื้อมาได้ในราคา 2 เท่า

ไม่รู้จะพูดยังไงดี ถือว่าซื้อโอกาสแล้วพอคำนวณวงที่ชอบที่จะได้ดูเราว่ามันก็คุ้ม
ใจจริงก็ไม่อยากอุดหนุนตั๋วผีเลยแต่มันจำเป็น เราลงทุนนัดเจอนั่งรถไฟไป 2 ชม. เพื่อเอาบัตร และนั่งกลับอีก 2 ชม.
แต่บัตรที่ได้มาใช่ว่าจะไม่เสี่ยงนะคะ เพราะเป็นเพียงตั๋วกระดาษที่ปริ้นออกมาหลังจากผู้ซื้อคนแรกชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแล้วนั่นเอง
ตอนเช็คกับทีมงานทางแฟนเพจก็กลัวๆ เค้าบอกว่า e-ticket นั้นปริ้นได้หลายครั้ง ถ้ามีคนปริ้นตั๋วที่มีบาร์โค้ดเดียวกับเรามาก่อน
คนที่มาทีหลังก็จะเข้าไม่ได้เพราะรหัสซ้ำค่ะ งานนี้เลยต้องวัดใจหน้างานล้วนๆ โชคดีที่ได้คนขายซื่อสัตย์ไม่โกง
เพราะเราเห็นคนโพสในเว็บขายบัตรต่อเยอะมากว่าโดนโกง ใครที่คิดจะไปปีหน้าก็ซื้อบัตรล่วงหน้าเร็วๆละกันนะคะจะได้ไม่ต้องมาเสี่ยงแบบเรา
พอได้บัตรมาเรียบร้อย เราก็แพคกระเป๋าเลยค่ะ อุปกรณ์ดำรงชีพครบ เพราะต้องไปตั้งแคมป์คนเดียวตั้ง 3 คืน แบกเต้นท์ไปด้วย ฮ่าๆๆๆ วันงานเรานั่งรถไฟไป งานอยู่ที่เมือง Werchter ชื่องานเลยเป็นชื่อนี้ 5555 อ้อ มีตั๋วรถไฟฟรีให้ด้วยนะคะ ปริ้นเอาจากหน้าเว็บ แถมมี shuttle bus ไปรับส่งที่งานด้วยค่ะ พอไปถึงก็เดินอีกไกลมากกว่าจะไปถึงจุดตั้งแคมป์ พอไปถึงจุดตั้งแคมป์เราจะได้สายรัดข้อมือสำหรับเข้าแคมป์แต่ละโซนมา ไว้สำหรับเช็คตอนกลับจากงานเพื่อกันคนจากแคมป์อื่น เราพักอยู่ในโซน The Hive ค่ะ พอเราเลือกทำเลแล้วยังมองหาอยู่เลยว่างานอยู่ตรงไหน แน่นอนค่ะ มันยังเดินไปอีกไกล เข่าแทบทรุดเลยตอนนั้น พอไปเห็นหน้างานอยากจะทรุดมุดลงดินไปเลยค่ะ แม่เจ้า คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก
ที่ถ่ายมานี่ยังไม่ได้ครึ่งคนที่รออยู่ตรงนั้นเต็มๆเลย แดดจ้า ร้อนมาก คนก็เล่นสาดน้ำจากขวดกันอยู่ตรงนั้น เฮกันเป็นแถบๆ รอจนวงแรกเริ่มเล่นไปแล้ว ยืนให้แดดเผาผิวอยู่เป็นชั่วโมง อดดูไปหลายวงเลยค่ะเสียดายสุดๆ
ตอนผ่านที่ตรวจตั๋วนี่ใจเราตุ้มๆต่อมๆมากกกกก พอแสกนบัตรเข้าได้เท่านั้นแหละ แทบจะร้องเพลง We are the champion เลย ไม่รู้จะเวอร์อะไรนักหนา แต่ประเด็นคือกลัวแป้วกลัวเสียตังฟรีกลัวโดนหลอกแบกของมาตั้งไกลต้องนั่งรถกลับบ้าน 5555 พอแสกนแล้วเราจะได้สายรัดข้อมือมา แบ่งเป็นสีๆ Combi ticket เข้าได้ 4 วันอย่างเราและของแต่ละวันอย่าง Day ticket ค่ะ ที่สายรัดข้อมือจะมีชิพอยู่ด้วย ไว้สำหรับแสกนเข้างานแทนบัตรวันต่อไปค่ะ
ในงานนี่ร้อนมาก สาวๆเดินใส่บิกินีกันเป็นแถบ เราก็จะโดนมองเยอะหน่อยนึง(ไม่ใช่เพราะใส่บิกินีนะ 55) เนื่องจากในงานมันไม่มีคนหน้าเอเชียเลยค่ะพี่น้อง เราเพิ่งเจอคนหน้าเอเชียเมื่อวันท้ายๆค่ะ นับหัวได้เลย แถมไปคนเดียวอีก แต่เราก็ไม่ค่อยสนใจ ให้มองไป ถ้าหล่อค่อยยิ้มกลับ 55555
แชร์ประสบการณ์ลุยเดี่ยว เที่ยวเทศกาลดนตรี Rock Werchter ที่ Belgium ค่ะ
คืออยากจะดูวงที่ชอบ และไปเทศกาลดนตรีดังๆระดับโลก แล้วปีนี้ก็ได้มีโอกาสไปลุยเดี่ยวเทศกาล Rock Werchter ของเบลเยียม
เมื่อวันที่ 3-6 กรกฎาคมมาค่ะ ซึ่งเป็นเทศกาลร็อคที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยียม คนไทยอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงเท่า Rock am Ring,
Sonisphere, Wacken open air หรือเทศกาลอื่นๆในทวีปยุโรป แต่งานนี้ขอบอกว่าศิลปินดีๆ เพียบบบบบบ ค่ะ
และวงที่ทำให้เราตัดสินใจว่าหัวเด็ดตีนขาดข้าจะต้องไปดูให้ได้คือ MGMT และกว่าที่เราจะได้บัตรมานั้นก็ลำบากพอสมควร
เนื่องจากบัตร Sold out เร็วมาก แต่คนที่ยุโรปนี่ต้องบอกเลยว่าการซื้อตั๋วเทศกาลดังมาชิงขายต่อนี่พอๆกะบ้านเรา
ไอที่ขายหมดเร็วๆบางทีก็ซื้อมาขายต่อในราคา 2-3 เท่าตัวเลยค่ะ เคยเห็นราคาน่าขนลุกสุดคือ 700 กว่ายูโรในเว็บ viagogo
ส่วนเรานั้นซื้อมาได้ในราคา 2 เท่า
ใจจริงก็ไม่อยากอุดหนุนตั๋วผีเลยแต่มันจำเป็น เราลงทุนนัดเจอนั่งรถไฟไป 2 ชม. เพื่อเอาบัตร และนั่งกลับอีก 2 ชม.
แต่บัตรที่ได้มาใช่ว่าจะไม่เสี่ยงนะคะ เพราะเป็นเพียงตั๋วกระดาษที่ปริ้นออกมาหลังจากผู้ซื้อคนแรกชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแล้วนั่นเอง
ตอนเช็คกับทีมงานทางแฟนเพจก็กลัวๆ เค้าบอกว่า e-ticket นั้นปริ้นได้หลายครั้ง ถ้ามีคนปริ้นตั๋วที่มีบาร์โค้ดเดียวกับเรามาก่อน
คนที่มาทีหลังก็จะเข้าไม่ได้เพราะรหัสซ้ำค่ะ งานนี้เลยต้องวัดใจหน้างานล้วนๆ โชคดีที่ได้คนขายซื่อสัตย์ไม่โกง
เพราะเราเห็นคนโพสในเว็บขายบัตรต่อเยอะมากว่าโดนโกง ใครที่คิดจะไปปีหน้าก็ซื้อบัตรล่วงหน้าเร็วๆละกันนะคะจะได้ไม่ต้องมาเสี่ยงแบบเรา
พอได้บัตรมาเรียบร้อย เราก็แพคกระเป๋าเลยค่ะ อุปกรณ์ดำรงชีพครบ เพราะต้องไปตั้งแคมป์คนเดียวตั้ง 3 คืน แบกเต้นท์ไปด้วย ฮ่าๆๆๆ วันงานเรานั่งรถไฟไป งานอยู่ที่เมือง Werchter ชื่องานเลยเป็นชื่อนี้ 5555 อ้อ มีตั๋วรถไฟฟรีให้ด้วยนะคะ ปริ้นเอาจากหน้าเว็บ แถมมี shuttle bus ไปรับส่งที่งานด้วยค่ะ พอไปถึงก็เดินอีกไกลมากกว่าจะไปถึงจุดตั้งแคมป์ พอไปถึงจุดตั้งแคมป์เราจะได้สายรัดข้อมือสำหรับเข้าแคมป์แต่ละโซนมา ไว้สำหรับเช็คตอนกลับจากงานเพื่อกันคนจากแคมป์อื่น เราพักอยู่ในโซน The Hive ค่ะ พอเราเลือกทำเลแล้วยังมองหาอยู่เลยว่างานอยู่ตรงไหน แน่นอนค่ะ มันยังเดินไปอีกไกล เข่าแทบทรุดเลยตอนนั้น พอไปเห็นหน้างานอยากจะทรุดมุดลงดินไปเลยค่ะ แม่เจ้า คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก
ที่ถ่ายมานี่ยังไม่ได้ครึ่งคนที่รออยู่ตรงนั้นเต็มๆเลย แดดจ้า ร้อนมาก คนก็เล่นสาดน้ำจากขวดกันอยู่ตรงนั้น เฮกันเป็นแถบๆ รอจนวงแรกเริ่มเล่นไปแล้ว ยืนให้แดดเผาผิวอยู่เป็นชั่วโมง อดดูไปหลายวงเลยค่ะเสียดายสุดๆ
ตอนผ่านที่ตรวจตั๋วนี่ใจเราตุ้มๆต่อมๆมากกกกก พอแสกนบัตรเข้าได้เท่านั้นแหละ แทบจะร้องเพลง We are the champion เลย ไม่รู้จะเวอร์อะไรนักหนา แต่ประเด็นคือกลัวแป้วกลัวเสียตังฟรีกลัวโดนหลอกแบกของมาตั้งไกลต้องนั่งรถกลับบ้าน 5555 พอแสกนแล้วเราจะได้สายรัดข้อมือมา แบ่งเป็นสีๆ Combi ticket เข้าได้ 4 วันอย่างเราและของแต่ละวันอย่าง Day ticket ค่ะ ที่สายรัดข้อมือจะมีชิพอยู่ด้วย ไว้สำหรับแสกนเข้างานแทนบัตรวันต่อไปค่ะ
ในงานนี่ร้อนมาก สาวๆเดินใส่บิกินีกันเป็นแถบ เราก็จะโดนมองเยอะหน่อยนึง(ไม่ใช่เพราะใส่บิกินีนะ 55) เนื่องจากในงานมันไม่มีคนหน้าเอเชียเลยค่ะพี่น้อง เราเพิ่งเจอคนหน้าเอเชียเมื่อวันท้ายๆค่ะ นับหัวได้เลย แถมไปคนเดียวอีก แต่เราก็ไม่ค่อยสนใจ ให้มองไป ถ้าหล่อค่อยยิ้มกลับ 55555