จากกระทู้เดิมที่ ปรึกษากับเพื่อนๆ เรื่องการออกหุ้น PP ที่ไม่เป็นธรรม ในกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/32623559
ผมได้ รวบรวมส่งเป็นจม.เปิดผนึก ไปยัง ฝ่ายดูและ ธรรมาภิบาล ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว วันนี้ ตาม เนื้อหาในจม.ดังนี้
====================================================
จม.เปิดผนึกจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ห้องสินธร เว็บไซด์ Pantip.com เรื่อง การจัดสรรหุ้น PP ของบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน
วันที่ 30 กันยายน 2557
เรียนผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และ เจ้าหน้าที่ กำกับ และดูแล ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย
เรื่อง การควบคุมการออกหุ้น แบบ PP ของ บมจ.
เนื่องจาก ในปัจจุบัน จะพบว่า มีบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน จำนวนหลายบริษัท ที่ทำการ ออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ Private placement (PP) ในราคาต่ำกว่า ราคาตลาด กัน เป็น จำนวนมากหลายบริษัท
แต่เดิม การเพิ่มทุนแบบ PP มักจะใช้ จัดสรรให้กับผู้ร่วมทุนใหม่ ที่จะเข้ามา ร่วมธุรกิจกับบริษัท แล้ว เอื้อประโยชน์ ต่อธุรกิจของบริษัท ในอนาคต เช่นมี Technolgy หรือ Knowhow ที่เป็นประโยชน์กับ บริษัท ดังนั้น แม้ว่า จะขายในราคาต่ำกว่า ราคาตลาด อันส่งผล Dilution ต่อราคาหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมบ้าง ก็ยังถือว่า ยอมรับได้ และมีเหตุผล
แต่การเพิ่มทุน แบบ PP ของหลายบริษัท ใน SET ตอนนี้ เพิ่มให้กับ บุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ใดๆ ให้กับ บริษัท แม้ทางบริษัทเหล่านั้น จะชี้แจงว่า บุคคลที่ ทาง บริษัท ขาย PP ในราคาต่ำ นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท หรือ ผู้บริหาร แต่ว่า หลายคนก็ยังกังขา ว่า จริงๆแล้ว การขายแบบนี้ เจตนา ขายหุ้นราคาถูกให้กับ กลุ่มพวกพ้องของผู้บริหารบริษัท หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือไม่
ดังนั้น เพื่อธรรมาภิบาล ที่ดี และ เป็นการ ปกป้องนักลงทุนรายย่อย ไม่ให้ ทางผู้บริหาร หรือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เอาเปรียบรายย่อย โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP อย่างไม่เหมาะสม
จึงอยากให้ ทางตลาดหลักทรัพย์ พิจารณา หามาตรการควบคุม หรือ ปรับกฎเกณฑ์ ในการออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ที่เหมาะสม เช่น
1 ควรกำหนดให้ ผู้ที่ซื้อหุ้น แบบ PP มี Silent Period ในหุ้นจำนวน นั้น ในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือน เนื่องจาก ถ้าเป็นผู้ที่เข้าลงทุนกับบริษัทจริง ไม่ใช่ผู้เก็งกำไร กับส่วนต่างราคาหุ้น ก็ควรที่จะถือหุ้นนั้น ในระยะเวลายาวนานพอสมควร จึงจะเป็นประโยชน์กับ บริษัทอย่างแท้จริง
2 ในการออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ถ้า เป็นวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการ เงินมาใช้ในกิจการบริษัท เท่านั้น ก่อนที่ จะออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ให้กับ บุคคลอื่น ควรที่จะ เปิดโอกาส ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ทำการจองซื้อหุ้นดังกล่าว ในราคาเดียวกัน ตามสัดส่วนการถือครองหุ้น ถ้า มีหุ้นเหลือ จากผู้ถือหุ้นเดิม จองซื้อ จึงค่อยแบ่งจัดสรร ให้กับผู้ร่วมทุน แบบ PP ที่แจ้งความจำนง ไว้ตามสัดส่วนของหุ้ที่เหลือ ต่อไป
3 การออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ควรกำหนดเวลาจองซื้อ และชำระเงิน ที่แน่นอน และ ไม่ควรให้นานเกินจำเป็น เช่นกรณี การออกหุ้น เพิ่มทุน แบบ PP ของ บมจ. GEL จำนวน 1815 ล้านหุ้น หรือ จำนวนคิดเป็นเกือบ 50% ของหุ้นบริษัทที่เรียกชำระแล้ว ให้กับผู้จองซื้อ 5 ราย ในกรณี นี้ เปิดให้ ผู้จองซื้อ เลือก ตัดสินใจที่จะจองซื้อ หรือ ชำระค่าหุ้น ได้ยาวนานถึง 4 เดือน (ตั้งแต่ 13 พฤศภาคม ถึง 12 กันยายน) และ ยังให้โอกาส แบ่งทยอยซื้อจ่ายเงิน และ นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด เป็น ส่วนๆ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาส ให้ เป็นการเก็งกำไร (ซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP ราคาต่ำ )และ ปล่อยขายในตลาด ก่อนเอาเงินหมุนเวียน ออกมาชำระค่าหุ้น ใน ส่วนต่อไปได้ ซึ่งถ้า หุ้นในตลาดปรับราคาลง จนต่ำกว่า ราคา PP ก็เป็นไปได้ ที่ผู้จองซื้อ เหล่านี้ อาจจะปฏิเสธ ไม่จ่ายเงินค่าจองซื้อดังกล่าว ) ดังนั้นการขายหุ้น PP ลักษณะนี้ ไม่ควรที่จะเปิดช่องให้ มีระยะเวลาการจองซื้อ และตัดสินใจ ชำระเงินนานเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีใดๆต่อบริษัท
4 ในปัจจุบัน ยังมีการเพิ่มทุน ที่เข้าข่ายคล้ายกับ การ ขาย หุ้น PP แอบแฝง เช่นกรณี การออกหุ้นกู้ ของ บริษัท EIC ให้กับ AO Fund ซึ่ง เป็นการขายหุ้นกู้แปลงสภาพ จำนวน 400 ล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาย่อยๆ หลายๆสัญญา ในอัตราดอกเบี้ย ต่ำ แค่ 2% แต่ว่า ไม่ใช่เป็นการขายทีเดียว รับเงินครั้งเดียว แต่ว่า เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ซื้อ AO เลือกซื้อ หุ้นกู้แปลงสภาพ ดังกล่าว ได้เป็นครั้งคราวๆ ในระยะยาว ตามความต้องการ และ เลือกแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ ในราคา แค่ 85% ของราคาเฉลี่ย 3 วันใดๆ ในช่วง 45 วันก่อนวันจองซื้อ ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้จากพฤติกรรม ที่ผ่านมา ทาง AO Fund เลือกช่วงจังหวะเวลาที่หุ้นปรับตัวลง ทยอยซื้อหุ้นกู้เป็นจำนวน น้อยๆ และ ทำการขอแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญในเวลา หลังจากซื้อไม่กี่วันทันที โดยไม่ได้ต้องการ ที่จะได้รับดอกเบี้ยอัตราต่ำที่กำหนดไว้นั้นเลย แต่เป็นเสมือน การทยอยเปิดโอกาส ให้ เลือก ทยอยซื้อหุ้นราคาถูก 85% ของตลาด ตามจังหวะที่ต้องการ( และยังมีสิทธิ์เลือกช่วงราคาที่ต่ำสุด 3 วัน ติดต่อกัน ใน ระยะเวลา 45 วันที่กำหนดได้ อีกด้วย ) เป็นการเอาเปรียบ ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งทำให้เห็นว่าไม่เป็นธรรม ทาง ตลท. น่าจะมีมาตรการ ออกมาปราม และควบคุม ต่อไป
ผมเองในฐานะนักลงทุนรายย่อย รายหนึ่งที่ติดตาม และลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ขอรวบรวมเสียงสะท้อนจากนักลงทุนรายย่อย ห้อง สินธร พันทิปดอทคอม นำเสนอ ต่อ ผู้บริหาร และ ดูแลตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะได้พิจารณา และ หามาตรการที่เหมาะสม เข้ามาดูแล เรื่องดังกล่าว ต่อไป
ด้วยความนับถือ
นพ.XXXXXXXXX
ผู้อำนวยการ รพ.XXXXXXXXXX
Mobile 08XXXXXXXXXX
สมาชิก Website : Pantip.com Log In : -=Jfk=-
: Thaivi.org Log In : Dr.Jfk
ปล.อ่านความเห็นเพิ่มเติมของนักลงทุนรายย่อย อื่นที่ ออกความเห็นเรื่องนี้ ได้ที่กระทู้ห้อง สินธร พันทิปดอทคอมได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
http://pantip.com/topic/32623559
ปล.จม.ถึง ฝ่ายดูแล ธรรมภิบาล ตลาด ผมลงชื่อ และที่อยู่และเบอร์จริง ไปนะครับ
=== แจ้งความคืบหน้า เรื่อง ร้องเรียน และเสนอข้อแก้ ไขเรื่องการออกหุ้น PP แบบไม่เป็นธรรม ที่ส่งไปยัง SET ===
http://pantip.com/topic/32623559
ผมได้ รวบรวมส่งเป็นจม.เปิดผนึก ไปยัง ฝ่ายดูและ ธรรมาภิบาล ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว วันนี้ ตาม เนื้อหาในจม.ดังนี้
====================================================
จม.เปิดผนึกจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ห้องสินธร เว็บไซด์ Pantip.com เรื่อง การจัดสรรหุ้น PP ของบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน
วันที่ 30 กันยายน 2557
เรียนผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และ เจ้าหน้าที่ กำกับ และดูแล ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย
เรื่อง การควบคุมการออกหุ้น แบบ PP ของ บมจ.
เนื่องจาก ในปัจจุบัน จะพบว่า มีบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน จำนวนหลายบริษัท ที่ทำการ ออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ Private placement (PP) ในราคาต่ำกว่า ราคาตลาด กัน เป็น จำนวนมากหลายบริษัท
แต่เดิม การเพิ่มทุนแบบ PP มักจะใช้ จัดสรรให้กับผู้ร่วมทุนใหม่ ที่จะเข้ามา ร่วมธุรกิจกับบริษัท แล้ว เอื้อประโยชน์ ต่อธุรกิจของบริษัท ในอนาคต เช่นมี Technolgy หรือ Knowhow ที่เป็นประโยชน์กับ บริษัท ดังนั้น แม้ว่า จะขายในราคาต่ำกว่า ราคาตลาด อันส่งผล Dilution ต่อราคาหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมบ้าง ก็ยังถือว่า ยอมรับได้ และมีเหตุผล
แต่การเพิ่มทุน แบบ PP ของหลายบริษัท ใน SET ตอนนี้ เพิ่มให้กับ บุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ใดๆ ให้กับ บริษัท แม้ทางบริษัทเหล่านั้น จะชี้แจงว่า บุคคลที่ ทาง บริษัท ขาย PP ในราคาต่ำ นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท หรือ ผู้บริหาร แต่ว่า หลายคนก็ยังกังขา ว่า จริงๆแล้ว การขายแบบนี้ เจตนา ขายหุ้นราคาถูกให้กับ กลุ่มพวกพ้องของผู้บริหารบริษัท หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือไม่
ดังนั้น เพื่อธรรมาภิบาล ที่ดี และ เป็นการ ปกป้องนักลงทุนรายย่อย ไม่ให้ ทางผู้บริหาร หรือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เอาเปรียบรายย่อย โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP อย่างไม่เหมาะสม
จึงอยากให้ ทางตลาดหลักทรัพย์ พิจารณา หามาตรการควบคุม หรือ ปรับกฎเกณฑ์ ในการออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ที่เหมาะสม เช่น
1 ควรกำหนดให้ ผู้ที่ซื้อหุ้น แบบ PP มี Silent Period ในหุ้นจำนวน นั้น ในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือน เนื่องจาก ถ้าเป็นผู้ที่เข้าลงทุนกับบริษัทจริง ไม่ใช่ผู้เก็งกำไร กับส่วนต่างราคาหุ้น ก็ควรที่จะถือหุ้นนั้น ในระยะเวลายาวนานพอสมควร จึงจะเป็นประโยชน์กับ บริษัทอย่างแท้จริง
2 ในการออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ถ้า เป็นวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการ เงินมาใช้ในกิจการบริษัท เท่านั้น ก่อนที่ จะออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ให้กับ บุคคลอื่น ควรที่จะ เปิดโอกาส ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ทำการจองซื้อหุ้นดังกล่าว ในราคาเดียวกัน ตามสัดส่วนการถือครองหุ้น ถ้า มีหุ้นเหลือ จากผู้ถือหุ้นเดิม จองซื้อ จึงค่อยแบ่งจัดสรร ให้กับผู้ร่วมทุน แบบ PP ที่แจ้งความจำนง ไว้ตามสัดส่วนของหุ้ที่เหลือ ต่อไป
3 การออกหุ้นเพิ่มทุน แบบ PP ควรกำหนดเวลาจองซื้อ และชำระเงิน ที่แน่นอน และ ไม่ควรให้นานเกินจำเป็น เช่นกรณี การออกหุ้น เพิ่มทุน แบบ PP ของ บมจ. GEL จำนวน 1815 ล้านหุ้น หรือ จำนวนคิดเป็นเกือบ 50% ของหุ้นบริษัทที่เรียกชำระแล้ว ให้กับผู้จองซื้อ 5 ราย ในกรณี นี้ เปิดให้ ผู้จองซื้อ เลือก ตัดสินใจที่จะจองซื้อ หรือ ชำระค่าหุ้น ได้ยาวนานถึง 4 เดือน (ตั้งแต่ 13 พฤศภาคม ถึง 12 กันยายน) และ ยังให้โอกาส แบ่งทยอยซื้อจ่ายเงิน และ นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด เป็น ส่วนๆ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาส ให้ เป็นการเก็งกำไร (ซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP ราคาต่ำ )และ ปล่อยขายในตลาด ก่อนเอาเงินหมุนเวียน ออกมาชำระค่าหุ้น ใน ส่วนต่อไปได้ ซึ่งถ้า หุ้นในตลาดปรับราคาลง จนต่ำกว่า ราคา PP ก็เป็นไปได้ ที่ผู้จองซื้อ เหล่านี้ อาจจะปฏิเสธ ไม่จ่ายเงินค่าจองซื้อดังกล่าว ) ดังนั้นการขายหุ้น PP ลักษณะนี้ ไม่ควรที่จะเปิดช่องให้ มีระยะเวลาการจองซื้อ และตัดสินใจ ชำระเงินนานเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีใดๆต่อบริษัท
4 ในปัจจุบัน ยังมีการเพิ่มทุน ที่เข้าข่ายคล้ายกับ การ ขาย หุ้น PP แอบแฝง เช่นกรณี การออกหุ้นกู้ ของ บริษัท EIC ให้กับ AO Fund ซึ่ง เป็นการขายหุ้นกู้แปลงสภาพ จำนวน 400 ล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาย่อยๆ หลายๆสัญญา ในอัตราดอกเบี้ย ต่ำ แค่ 2% แต่ว่า ไม่ใช่เป็นการขายทีเดียว รับเงินครั้งเดียว แต่ว่า เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ซื้อ AO เลือกซื้อ หุ้นกู้แปลงสภาพ ดังกล่าว ได้เป็นครั้งคราวๆ ในระยะยาว ตามความต้องการ และ เลือกแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ ในราคา แค่ 85% ของราคาเฉลี่ย 3 วันใดๆ ในช่วง 45 วันก่อนวันจองซื้อ ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้จากพฤติกรรม ที่ผ่านมา ทาง AO Fund เลือกช่วงจังหวะเวลาที่หุ้นปรับตัวลง ทยอยซื้อหุ้นกู้เป็นจำนวน น้อยๆ และ ทำการขอแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญในเวลา หลังจากซื้อไม่กี่วันทันที โดยไม่ได้ต้องการ ที่จะได้รับดอกเบี้ยอัตราต่ำที่กำหนดไว้นั้นเลย แต่เป็นเสมือน การทยอยเปิดโอกาส ให้ เลือก ทยอยซื้อหุ้นราคาถูก 85% ของตลาด ตามจังหวะที่ต้องการ( และยังมีสิทธิ์เลือกช่วงราคาที่ต่ำสุด 3 วัน ติดต่อกัน ใน ระยะเวลา 45 วันที่กำหนดได้ อีกด้วย ) เป็นการเอาเปรียบ ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งทำให้เห็นว่าไม่เป็นธรรม ทาง ตลท. น่าจะมีมาตรการ ออกมาปราม และควบคุม ต่อไป
ผมเองในฐานะนักลงทุนรายย่อย รายหนึ่งที่ติดตาม และลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ขอรวบรวมเสียงสะท้อนจากนักลงทุนรายย่อย ห้อง สินธร พันทิปดอทคอม นำเสนอ ต่อ ผู้บริหาร และ ดูแลตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะได้พิจารณา และ หามาตรการที่เหมาะสม เข้ามาดูแล เรื่องดังกล่าว ต่อไป
ด้วยความนับถือ
นพ.XXXXXXXXX
ผู้อำนวยการ รพ.XXXXXXXXXX
Mobile 08XXXXXXXXXX
สมาชิก Website : Pantip.com Log In : -=Jfk=-
: Thaivi.org Log In : Dr.Jfk
ปล.อ่านความเห็นเพิ่มเติมของนักลงทุนรายย่อย อื่นที่ ออกความเห็นเรื่องนี้ ได้ที่กระทู้ห้อง สินธร พันทิปดอทคอมได้ตามลิ้งค์นี้ครับ http://pantip.com/topic/32623559
ปล.จม.ถึง ฝ่ายดูแล ธรรมภิบาล ตลาด ผมลงชื่อ และที่อยู่และเบอร์จริง ไปนะครับ