เท่าที่นึกได้ตอนนี้นะครับ
2550
ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย
ด้วยการใช้ประกาศและคำสั่งของ คมช. ตัดสิทธิ์ทางการเมืองห้าปี 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
เป็นการใช้กฎหมายที่เกิดหลัง ไปเอาผิดการกระทำที่เกิดขึ้นก่อน
ถึงวันนี้ก็ตอบไม่ได้ อธิบายไม่เป็นว่า กฎหมายอันเป็นโทษนั้น มีผลย้อนหลังไปได้อย่างไร ใช้หลักอะไร
การมีสิทธิ์ทางการเมืองเป็นพิษเป็นภัยตรงไหน จึงต้องสั่งห้ามมีสิทธิ์ทางการเมือง
2551
ปีนี้ เป็นปีแห่งการเร่งรัดทำลายเลยล่ะครับ
กลางปี เราได้เห็นการใช้พจนานุกรมผลักนายกฯสมัคร สุนทรเวช ตกเก้าอี้ในเรื่องทำกับข้าวออกทีวีรับเงินค่าจ้าง
ขณะที่คนตัดสิน รับจ๊อบสอนในมหาวิทยาลัยเอกชน รับค่าจ้างเหมือนกัน แต่บอกว่าเป็นค่าวิชา ไม่ผิด
ค่อนปลายปี เราได้เห็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกสองปีทักษิณ
ข้อหาผิดมาตรา 100 กฎหมาย ป.ป.ช. ฐานทำสัญญากับกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินอันเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทักษิณกำกับดูแล
ถึงวันนี้ ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ทั้งทางกฎหมาย ทั้งทางเหตุผล ว่าทักษิณมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ อย่างไร
คำพิพากษาอ้างถึงแต่ พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534 แบบครอบจักรวาลว่านายกฯมีอำนาจดูแลหน่วยงานของรัฐทุกหน่วย
ปลายปี เราได้เห็นการยุบพรรคการเมืองสามพรรครวด ชนิดแถลงปิดคดีสายยุบบ่าย แบบอ่านคำตัดสินผิด ๆ ถูก ๆ
ด้วยเหตุผลว่า เพราะบ้านเมืองวุ่นวาย การยุบ จะทำให้บ้านเมืองสงบ
2553
เราได้เห็นการยกฟ้องยุบพรรค ปชป. ด้วยการอ้างเรื่อง 15 วัน
ทั้งที่กำหนดระยะเวลา 15 วันนั้น เป็นแค่บทเร่งรัด ไม่มีผลบังคับใด ๆ ทางกฎหมาย
แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็เอามาอ้างเป็นเหตุบังคับยกฟ้องได้หน้าตาเฉย
2555
เราได้เห็นการตัดสินว่า การที่ฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะกระทำไม่ได้
เพราะศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ก่อน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้สองปี พรรค ปชป. ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้ไปอย่างง่าย ๆ ไม่ผิดอะไร
2557
เราได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า กปปส. ชุมนุมอย่างสงบ ซึ่งก็สงบมาก เห็นตำตากันทั่วโลก
เราได้เห็นศาลแพ่ง ไม่สั่งยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน แต่สั่งห้ามรัฐบาล 9 ข้อ ชนิด พรก.แทบหมดความหมาย
เราได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่านายกฯผิดเพราะแทรกแซงการย้ายข้าราชการ ทำให้หลุดจากตำแหน่ง
พร้อมกับ รมต.ที่อยู่ในที่ประชุมอีก 9 คน ก็หลุดไปด้วย
ทั้งที่เป็นการใช้อำนาจย้ายตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534 แท้ ๆ ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้แท้ ๆ
(แปลกครับ พอเอาผิดทักษิณ ศาลบอกว่ามีอำนาจตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534
แต่พอจะเอาผิดยิ่งลักษณ์ ศาลกลับไม่สน พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534)
เราได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า การที่ ส.ส. และ ส.ว. สามร้อยกว่าคนที่ลงมติโหวตแก้รัฐธรรมนูญ
มีความผิดฐานได้อำนาจการปกครองโดยมิชอบตาม รธน.มาตรา 68
ทั้งที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
เราได้เห็นผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องเรื่องการเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ ทั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจ
และศาลรัฐธรรมนูญก็รับเรื่องพร้อมวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะ โดยไม่เอ่ยพาดพิง กปปส. แม้แต่คำเดียว
ต้นเดือนสิงหาคม 2557 เราได้เห็น ป.ป.ช. ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างปึงปังเปรี้ยงปร้างด้วยหลักฐานปวกเปียกป้อแป้
ปลายเดือนสิงหาคม 2557 เราได้เห็นศาลอาญาไม่รับฟ้องคดีฆ่าคนตาย
.....
เราได้เห็นอัยการถอนฟ้องแป๊ะลิ้มในคดีหมิ่นสถาบัน ด้วยข้ออ้างเพื่อความสงบในสังคม
เราได้เห็นอัยการสั่งไม่ฟ้องนายพลบนยอดเขา ด้วยเหตุผลไม่เจตนา
เราได้เห็นศาลจำคุกสามปีหญิงชาวโคราชว่าหมิ่นสถาบัน ทั้งที่เธอเจตนาชัดเจนว่าหมายถึงเปรม ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบัน
เราได้เห็นการไม่ให้แกนนำแดงประกันตัว ติดคุกอยู่เกือบปี และคนเสื้อแดงอีกหลายร้อยคนติดคุกอยู่นานกว่าจะได้รับการประกันตัว
แต่แกนนำพันธมิตร และคนพันธมิตร ได้รับการประกันตัว ไม่เฉียดคุกสักคน (มีบ้างในระยะหลังที่ศาลถอนประกัน แต่ก็แค่ไม่กี่วัน)
เอาเท่าที่นึกได้ตอนนี้ครับ
ไม่นับบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลาย ที่มีพฤติกรรมเลือกข้างชัดเจน
ทั้งหมดทั้งมวล จะเห็นว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไร้หลัก เป็นยุติธรรมอำพรางเพื่อเป้าหมายทางการเมืองทั้งนั้น
ผ่านมาถึงวันนี้ หากไม่แก้ไขให้ถูกจุด ยังใช้ขบวนการยุติธรรมอำพรางแบบนี้
ก็ยากครับที่บ้านเมืองจะปรองดอง
อีหลี คัก ๆ มีไผสิเถียงข้อยบ๊อ
เวลาผ่าน กาลเปลี่ยน ฝุ่นจาง ย้อนมองดูกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา มองด้วยเหตุผล ไม่ใช่แค่อารมณ์ความรู้สึก
2550
ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย
ด้วยการใช้ประกาศและคำสั่งของ คมช. ตัดสิทธิ์ทางการเมืองห้าปี 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
เป็นการใช้กฎหมายที่เกิดหลัง ไปเอาผิดการกระทำที่เกิดขึ้นก่อน
ถึงวันนี้ก็ตอบไม่ได้ อธิบายไม่เป็นว่า กฎหมายอันเป็นโทษนั้น มีผลย้อนหลังไปได้อย่างไร ใช้หลักอะไร
การมีสิทธิ์ทางการเมืองเป็นพิษเป็นภัยตรงไหน จึงต้องสั่งห้ามมีสิทธิ์ทางการเมือง
2551
ปีนี้ เป็นปีแห่งการเร่งรัดทำลายเลยล่ะครับ
กลางปี เราได้เห็นการใช้พจนานุกรมผลักนายกฯสมัคร สุนทรเวช ตกเก้าอี้ในเรื่องทำกับข้าวออกทีวีรับเงินค่าจ้าง
ขณะที่คนตัดสิน รับจ๊อบสอนในมหาวิทยาลัยเอกชน รับค่าจ้างเหมือนกัน แต่บอกว่าเป็นค่าวิชา ไม่ผิด
ค่อนปลายปี เราได้เห็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกสองปีทักษิณ
ข้อหาผิดมาตรา 100 กฎหมาย ป.ป.ช. ฐานทำสัญญากับกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินอันเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทักษิณกำกับดูแล
ถึงวันนี้ ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ทั้งทางกฎหมาย ทั้งทางเหตุผล ว่าทักษิณมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ อย่างไร
คำพิพากษาอ้างถึงแต่ พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534 แบบครอบจักรวาลว่านายกฯมีอำนาจดูแลหน่วยงานของรัฐทุกหน่วย
ปลายปี เราได้เห็นการยุบพรรคการเมืองสามพรรครวด ชนิดแถลงปิดคดีสายยุบบ่าย แบบอ่านคำตัดสินผิด ๆ ถูก ๆ
ด้วยเหตุผลว่า เพราะบ้านเมืองวุ่นวาย การยุบ จะทำให้บ้านเมืองสงบ
2553
เราได้เห็นการยกฟ้องยุบพรรค ปชป. ด้วยการอ้างเรื่อง 15 วัน
ทั้งที่กำหนดระยะเวลา 15 วันนั้น เป็นแค่บทเร่งรัด ไม่มีผลบังคับใด ๆ ทางกฎหมาย
แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็เอามาอ้างเป็นเหตุบังคับยกฟ้องได้หน้าตาเฉย
2555
เราได้เห็นการตัดสินว่า การที่ฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะกระทำไม่ได้
เพราะศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ก่อน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้สองปี พรรค ปชป. ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้ไปอย่างง่าย ๆ ไม่ผิดอะไร
2557
เราได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า กปปส. ชุมนุมอย่างสงบ ซึ่งก็สงบมาก เห็นตำตากันทั่วโลก
เราได้เห็นศาลแพ่ง ไม่สั่งยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน แต่สั่งห้ามรัฐบาล 9 ข้อ ชนิด พรก.แทบหมดความหมาย
เราได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่านายกฯผิดเพราะแทรกแซงการย้ายข้าราชการ ทำให้หลุดจากตำแหน่ง
พร้อมกับ รมต.ที่อยู่ในที่ประชุมอีก 9 คน ก็หลุดไปด้วย
ทั้งที่เป็นการใช้อำนาจย้ายตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534 แท้ ๆ ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้แท้ ๆ
(แปลกครับ พอเอาผิดทักษิณ ศาลบอกว่ามีอำนาจตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534
แต่พอจะเอาผิดยิ่งลักษณ์ ศาลกลับไม่สน พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน 2534)
เราได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า การที่ ส.ส. และ ส.ว. สามร้อยกว่าคนที่ลงมติโหวตแก้รัฐธรรมนูญ
มีความผิดฐานได้อำนาจการปกครองโดยมิชอบตาม รธน.มาตรา 68
ทั้งที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
เราได้เห็นผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องเรื่องการเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ ทั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจ
และศาลรัฐธรรมนูญก็รับเรื่องพร้อมวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะ โดยไม่เอ่ยพาดพิง กปปส. แม้แต่คำเดียว
ต้นเดือนสิงหาคม 2557 เราได้เห็น ป.ป.ช. ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างปึงปังเปรี้ยงปร้างด้วยหลักฐานปวกเปียกป้อแป้
ปลายเดือนสิงหาคม 2557 เราได้เห็นศาลอาญาไม่รับฟ้องคดีฆ่าคนตาย
.....
เราได้เห็นอัยการถอนฟ้องแป๊ะลิ้มในคดีหมิ่นสถาบัน ด้วยข้ออ้างเพื่อความสงบในสังคม
เราได้เห็นอัยการสั่งไม่ฟ้องนายพลบนยอดเขา ด้วยเหตุผลไม่เจตนา
เราได้เห็นศาลจำคุกสามปีหญิงชาวโคราชว่าหมิ่นสถาบัน ทั้งที่เธอเจตนาชัดเจนว่าหมายถึงเปรม ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบัน
เราได้เห็นการไม่ให้แกนนำแดงประกันตัว ติดคุกอยู่เกือบปี และคนเสื้อแดงอีกหลายร้อยคนติดคุกอยู่นานกว่าจะได้รับการประกันตัว
แต่แกนนำพันธมิตร และคนพันธมิตร ได้รับการประกันตัว ไม่เฉียดคุกสักคน (มีบ้างในระยะหลังที่ศาลถอนประกัน แต่ก็แค่ไม่กี่วัน)
เอาเท่าที่นึกได้ตอนนี้ครับ
ไม่นับบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลาย ที่มีพฤติกรรมเลือกข้างชัดเจน
ทั้งหมดทั้งมวล จะเห็นว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไร้หลัก เป็นยุติธรรมอำพรางเพื่อเป้าหมายทางการเมืองทั้งนั้น
ผ่านมาถึงวันนี้ หากไม่แก้ไขให้ถูกจุด ยังใช้ขบวนการยุติธรรมอำพรางแบบนี้
ก็ยากครับที่บ้านเมืองจะปรองดอง
อีหลี คัก ๆ มีไผสิเถียงข้อยบ๊อ