วัย23ปี กับการเป็นผู้ปกครองเด็กอายุ17 ควรทำไงดี

สวัสดีค่ะ เกรินข้อมูลเบื้องต้นก่อนนะคะ เพื่อให้รู้ลักษณะพฤติกรรมและประสบการณ์ของตัวดิฉัน
ดิฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ คุณแม่เป็นแม่เลี้ยงเดียวจึงไม่มีเวลาให้ ส่วนคุณพ่อขอไม่พูดถึง เหตุจากการที่คุณแม่ต้องทำงานหนัก
คุณแม่จึงให้คุณป้าเป็นคนเลี้ยง (อยู่ด้วยกัน 3 คน) การเลี้ยงของท่านจะเน้นไปที่การพูด(เคยโดยตีแค่ 3 ครั้งในชีวิต)
ท่านมักจะพูดๆ สอนตลอดเวลา จนคนรอบตัวรู้สึกว่าท่านสอนแบบพร่ําเพรื่อ แต่ตัวดิฉันไม่ได้รู้สึกรำคาญเวลาที่ท่านพูดเลย
ตอนมัธยมดิฉันพักอยู่หอพักหญิง จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพคนเดียว คุณแม่อยู่ต่างประเทศตั้งแต่ดิฉันม.1
ส่วนคุณป้าไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยเพราะท่านต้องดูแลคุณตาที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์และคุณยาย
(เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไว้ใจว่าสามารถดูแลและรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว)

ต้องบอกลักษณะนิสัยก่อนว่าดิฉันแทบจะไม่เคยทำให้ครอบครัวผิดหวัง ดิฉันไม่เคยพูดคำหยาบ ไม่ชักสีหน้าเมื่อผู้ใหญ่สั่งสอน ไม่เคยทำกริยาไม่ดี ไม่เคยแม้แต่จะคิดเรื่องไม่ดี เมื่อทำผิดจะตระหนักในความผิดของตนตลอด การพูดคุยในครอบครัวเป็นการใช้เหตุผลตลอด ดิฉันจึงเป็นคนที่ทุกคนไว้ใจ มองเป็นผู้ใหญ่ และเชื่อการตัดสินใจของดิฉันตลอด (ญาติๆที่มีศักย์เป็นป้า/น้าก็เกรงใจดิฉันทุกคน)

เมื่อดิฉันมาเข้ามหาวิทยาลัย ดิฉันก็ได้รับข่าวคราวจากที่บ้านว่า ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันคนหนึ่งที่สนิทกันมากตั้งแต่เด็ก(อายุห่างกัน 6 ปี)
"นัด" เริ่มมีพฤติกรรมเหลวไหลตั้งแต่เข้าม.1 จนกระทั้งม.2เทอม2 คุณน้าของดิฉันก็ให้น้องออกจากรร. คุณน้าไม่ได้ให้เหตุผลว่าให้ออกเพราะอะไร
แต่คุณป้าก็บอกการคาดเดาของท่านว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด เมื่อน้องออกจากรร.แล้วน้องก็มาอยู่บ้านเฉยๆ แต่พฤติกรรมก็ไม่ดีขึ้น และพฤติกรรมคล้ายจะติดน้ำกระท่อม จากการปรึกษากันในกลุ่มญาติๆ ตกลงกันว่าให้น้องไปอยู่กับคุณน้าท่านหนึ่งที่กรุงเทพ

คุณน้าให้น้องทำงานเป็นพนักงานเก็บเงินร้านเกมเพลย์ แต่น้องก็ไม่ทำ สุดท้ายน้องก็นอนอยู่กับบ้านเฉยๆ บวกกับช่วงทำท่วมใหญ่ที่ผ่านไป ทำให้การเงินมีปัญหา คุณน้าไม่สามารถเลี้ยงดูน้องนัดไหว

ในจังหวะเดียวกันนั้น ดิฉันกำลังเรียนอยู่ปี4เทอมสุดท้าย ดิฉันเองก็มีพิเศษอยู่ที่สามารถหาเงินได้เดือนละหลายหมื่น(เลิกขอเงินคุณแม่ตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา) คุณป้าจึงมาปรึกษากับดิฉันว่าให้ดิฉันรับน้องมาเลี้ยงได้ไหม เพราะถ้าน้องกลับไป น้องจะต้องกลับไปติดยาเต็มตัวแน่นอน เมื่อพิจารณาแล้วดิฉันก็ตกลงที่จะรับน้องมาอยู่ด้วย โดยให้เริ่มต้นให้น้องทำงานที่ 7/11 ที่หน้าปากซอยที่บ้าน การทำงานที่นี้ น้องเลือกที่จะทำงานกะกลางคืน และนอนกลางวัน
ครั้งแรกที่ดิฉันรู้สึกแปลกใจเลยคือ น้องเลิกงาน 8 โมงเช้า แต่ทำไมกลับบ้านมาตอนบ่าย ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าต้องพักผ่อนและเข้างานอีกตอน3ทุ่ม ก็ได้ความว่ามีเพื่อนที่ทำงานที่7/11 นี้ละ บ้านอยู่ในซอยเดียวกัน ชักชวนกันไปที่บ้าน น้องก็เลยไป ดิฉันจึงตำหนิไปว่าถ้าจะไปไหนก็ต้องบอกก่อน แล้วให้รักษาเวลาด้วย  นี้คือครั้งแรกที่น้องทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกัน แต่แล้วพฤติกรรมเช่นนี้ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ในแง่อื่นๆที่ได้พูดคุยกันกลับพบว่าดีขึ้น เช่น สอบถามเรื่องการเรียน ในขึ้นแรกน้องในสนใจเลย เมื่อผ่านไปซักพักก็กลับมาสนใจจะเรียนให้จบม.3

ลืมบอกไปว่าการไปอยู่บ้านเพื่อนคนนี้น้องไม่ได้ไปอยู่เฉยๆ มีการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ด้วย บ้านหลังนี้เสมือนแหล่งรวมเด็กในชุมชนนี้ แม้กระทั้งตอนนี้ดิฉันยังไม่รู้เลยว่าเด็กคนไหนคือเจ้าบ้าน แต่ด้วยความที่น้องทำงานกะกลางคืนน้องจึงไม่มีเวลามากินดื่มกับกลุ่มนี้เท่าไหร่นัก(กลุ่มนี้ใช้ชีวิตกลางคืน นอนตี5) ด้านการเงิน ดิฉันจะเก็บเงินเก็บให้น้อง โดยให้น้องนำเงินมาให้และเอาไปใส่ธนาคารให้ เดือนละ1000 นอกจากนั้นดิฉันเก็บเงินจากน้องเดือนละ3000บาท เป็นค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ต และค่ากับข้าว เพื่อให้ได้เรียนรู้ว่าการอยู่ร่วมกันก็ต้องแชร์กัน โดยดิฉันเป็นคนจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ต และซื้อกับข้าวเข้าบ้านเองทั้งหมด แต่เราไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนะคะ ต่างคนหิวก็ทำกินกันเอง ด้วยเหตุว่าดิฉันคิดว่าน้องเหงา จึงเอาโน็ตบุคของตนเองให้น้องไป ให้น้องได้มีFB มีคุยแชทกับสาวๆบ้าง

ปัญหาหนักครั้งแรกเริ่มจาก5เดือนที่แล้ว ดิฉันมีนัดไปเที่ยวพัทยา 3 วัน 2 คืนกับกลุ่มที่ทำงาน ดิฉันล็อกห้องนอนส่วนตัว ย้ำกับน้องว่าห้ามให้ใครเข้าบ้าน(ปกติก็ไม่ให้เพื่อนๆน้องมาที่บ้าน ดิฉันไม่ชอบกลุ่มเด็กเสเพล) ตอนกลับมาดิฉันก็เห็นว่าน้องนอนอยู่ที่นอนตัวเอง(หน้าน้องนอนดิฉัน)อย่างปกติ เมื่อดิฉันเปิดประตูห้องนอนก้เริ่มแปลกใจ พบว่าข้าวของอยู่ในที่ ที่ไม่ควรจะอยู่ ยิ่งเปิดคอม ก็ยิ่งพบสิ่งผิดปกติ ID ต่างๆ เป็นไอดีคนอื่น ตรวจสอบในประวัติการใช้โครมก็พบว่ามีคนใช้คอมพิวเตอร์และเพิ่งเลิกใช้ไปเมื่อเช้านี้เอง ดิฉันตรงไปถามน้องว่าพาใครมาบ้านไหม น้องตอบด้วยเสียงงัวเงียว่าไม่ ดิฉันกลับไปตรวจอีกรอบ พบว่าน้องจากคอมดิฉัน คอมขอแฟนที่เอามาฝากไว้ก็มีคนใช้งานเหมือนกัน จึงตรวจดูจากอีเมลล์ ไปค้นในFB ก็พบว่าคนนี้คือเพื่อนน้อง ดิฉันจึงบอกว่า ไปสน.กัน มีคนบุกบ้านเราแล้ว น้องจึงยอมรับว่างัดห้องดิฉันให้เพื่อนเข้ามาเล่นคอม 2 คน โดยน้องไปทำงานแล้วทิ้งเพื่อนไว้ในบ้าน (โอ้ววว ใจเด็ดจริงพ่อคุณ ไม่คิดว่าเพื่อนจะขโมยของเลยเหรอ) สุดท้ายเรื่องไปจบที่สน. ดิฉันอยากจะไปเพื่อบันทึกความ แต่ตำรวจไม่รับ เพราะไม่เกิดเหตุเสียหาย และอีกอย่าง คนในบ้านก็เปิดให้คนนอกเข้ามาเอง ไม่ใช่คนนอกงัดแงะ จากเหตุการนี้ดิฉันทำโทษน้องด้วยการบังคับว่าห้ามออกจากบ้านก่อน 6 โมงเย็น แต่ก็ดูเหมือนไม่สำนึกผิดอะไรเลย เวลาที่ดิฉันพูดจาสั่งสอน ก็พูดคำว่า ฮายยยย (เสียงคนใต้) เป็นการแสดงว่าไม่อยากฟัง ดิฉันก็ได้แต่ใจเย็น

จนกระทั้งน้องทำงานที่7/11ครบ 6 เดือน ดิฉันจึงให้ออกและย้ายไปทำที่ mk แทน เพราะอยากให้เวลามาให้อยู่กลางวันแทน เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ น้องเข้างานเวลา 8 9 หรือ12  แล้วแต่วัน เลิกงานก็จะ 1 ทุ่ม 2ทุ่ม หรือ4ทุ่ม ตามชั่วโมงนั้นเอง เมื่อน้องงานดิฉันกลับพบว่าปัญหาในความสัมพันธ์กลับมากขึ้น น้องยิ่งกลับไม่เป็นเวลาบางวันสังสรรค์กับเพื่อนที่ทำงาน บางวันก็กับเพื่อนในซอย ดิฉันก็พูดก็เตือนไปเรื่อย ดีขึ้นบ้างแล้วก็กลับเป็นแบบเดิมอีก

ปัญหาใหญ่ครั้งที่2เริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว วันนั้นดิฉันมาทำงานโดยไม่ได้เอากุญแจบ้านมา แฟนของดิฉันมาที่บ้านดิฉันในช่วงเช้า(ดิฉันไปทำงานแล้ว)เพื่อดูแมวที่บ้านที่ไม่สบาย แฟนก็บอกกันน้องที่นอนอยู่(ทำงานตอนเที่ยง)ว่าดิฉันไม่ได้เอากุญแจไปนำ ไม่ต้องล็อคประตู เพราะกลับมากินข้าวตอนเที่ยง น้องก็เออออ บวกกับบอกเขาว่าไม่สบาย จะไปหาหมอ ติดต่อกันไปติดต่อกันมา ดิฉันก็บอกน้องว่าให้ไปหาหมอที่ไหน ยังไงให้เรียบร้อย จนกระทั้งถึงตอนเที่ยงดิฉันกลับบ้านไป ก็พบว่าบ้านล็อค(ประตูไม้ล็อคแต่ประตูเหล็กไม่ได้ล็อค) ดิฉันโมโหอย่างมาก(อุส่าซื้อส้มตำไข่เค้มกะว่าจะมากินให้อร่อย ดูหนังนิดหน่อยแล้วกลับไปทำงานต่อ) ที่เข้าบ้านไม่ได้ พยายามงัดห้องเองก็ไม่ได้ โทรไปหาน้อง น้องก็เหมือนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำผิดอะไร ความผิดก็คือไม่สนใจใส่ใจสิ่งรอบข้าง ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับผลของการกระทำของตนเอง แถมยังไปดูหนังอีก(คนไม่สบายไม่กลับบ้านมาพัก แต่ไปเที่ยว) วันนั้นก็เลยต้องงัดบ้าน ลูกบิดก็เสียไปเลย เย็นวันนั้นน้องโดนดิฉันตำหนิเรื่องผลของการกระทำของตนเอง ก็ดูเหมือนจะฟังดี จนกระทั้ง 4 ทุ่มน้องบอกว่าขอไปหาอะไรร้อนๆกินหน่อย ดิฉันก็บอกว่ารีบไปรีบมานะ น้องก็เออออ บังเอิญอีก ดิฉันนอนไปแล้วตื่นมาตี3 พบว่ายังไม่กลับบ้าน โทรไปเบอร์มันก็ไม่ติด โทรศัพพัง ติดต่อไปยังเบอร์สาวๆ ที่เคยให้ดิฉันไว้ พบว่าเล่นเน็ตอยู่ร้านแถวพระขโนง(พ่องงง ร้านหน้าปากซอยก็มี แถมเน็ตที่บ้านยังแรงโพดๆ ยังจะไปถึงโน้น) ดิฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นการโกหกเพราะน้องออกจากบ้านด้วยชุดหล่อเต็มยศ แต่ก็อยากจะเชื่อ เมื่อกลับมาก็โดนดิฉันตำหนิอีก เหมือนจะเถียงดิฉัน (เพราะไม่สำนึกในความผิดตน) น้องก็อ้างว่าอยู่กับเพื่อนบ้างไม่ได้เหรอ ออกไปข้างนอกบ้างไม่ได้เหรอ สุดท้ายดิฉันโผล่งไปว่าจริงๆแล้วไม่ต้องการอะไรเลย แค่ให้นึกถึงใจคนที่รออยู่ที่บ้านบ้าง นึกถึงใจคนที่เป็นห่วงบ้าง ทั้งน้องและทั้งดิฉันก็ร้องไห้ แต่หลังจากวันนั้น น้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืนทุกวัน(ดิฉันกำหนด) และถ้าจะออกไปไหนต้องบอกก่อนทุกครั้ง

เป็นเด็กดีได้อยู่1 เดือนก็เกิดเหตุ ดิฉันต้องกลับมาบ้านยายเพื่อทำบุญเดือน 10 (เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา)

ดิฉันเดินทางตอนเย็นวันเสาร์ มาถึงบ้านยายวันอาทิตย์ตอนเช้า ดิฉันไม่ได้โทรไปติดต่อน้องเลย เพราะได้บอกไว้ก่อนมาแล้ว จนกระทั้งคืนวันอาทิตย์น้องโทรมาถามว่าดิฉันอยู่ไหน (พ่องงงง อีกรอบ นี้แกจำไม่ได้เหรอว่าฉันบอกว่าฉันจะไปไหน) น้องบอกว่าเมื่อวานก็ไม่เห็นล็อกประตูไว้นึกว่าอยู่ในห้อง ตอนเช้ารอจนเช้าก็ไม่มา ดิฉันก็เลยบอกว่ามาบ้านยาย จำไม่ได้เหรอบอกไปแล้ว น้องก็เออออ
บ่ายๆของวันจันทร์ แฟนดิฉันโทรมา(ดิฉันฝากกุญแจไว้ที่เขาให้เขาไปให้น้ำให้อาหารแมว คราวที่แล้วไปพัทยา แมวอด) เขาบอกว่ามาถึงหน้าบ้าน บ้านไม่ล็อคประตู แถมห้องนอนดีฉันน้องชายก็งัด เป็นเต็มที่(งัดอีกแล้ว) ดิฉันก็บอกว่าไม่ต้องปิดห้องนอนหรอกน้องอาจจะงัดเพราะแมวร้องอยากเข้าห้อง คิดว่าดิฉันอยู่ในห้องแล้วไม่ยอมเปิดประตูให้พวกมันเข้าไป แต่ให้เขาล็อคประตูบ้านด้วย
เวลาประมาณ21.30 น. ดิฉันโทรไปหานัด พร้อมคำถามว่างัดห้องดิฉันทำไม น้องบอกว่าแมวมันข่วนๆประตูทั้งคืนนอนไม่หลับ เลยงัดเปิดให้มันเข้าออกห้องได้ ดิฉันถามต่อว่าทำไมไม่ล็อคบ้าน น้องบอกว่าลืม ดิฉันจึงบอกว่าให้รีบกลับไปบ้าน ไปดูบ้านให้เรียบร้อย น้องก็เออออ
เวลาประมาณ4.00 น. มีเบอร์ปริศนาโทรมาหาดิฉัน ดิฉันรับสาย นัดพูดว่า ลืมกุญแจไว้ในบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ ขอเบอร์แฟนดิฉันเพื่อจะไปเอากุญแจ ดิฉันตำหนิว่าทำไมตอน3ทุ่มบอกให้เข้าบ้านไม่เข้า (เงียบ) ดิฉันก็ให้เบอร์แฟนดิฉันไป พร้อมบอกว่าให้โทรไปตอน8.00 น.นะ โทรไปตอนนี้เกรงใจเขา น้องก็เออออ
10นาทีผ่านไป แฟนดิฉันโทรมา บอกว่าน้องจะมาเอากุญแจ ดิฉันบอกว่าไม่ต้องให้มัน(ใช้คำว่ามัน) ให้มันรู้จักวิถีของสังคม ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะได้อะไรตอนนี้ก็ต้องได้ หัดเกรงใจคนอื่นบ้าน ถ้าตัวเองเข้าบ้านตอน3ทุ่มแล้วพบว่าลืมกุญแจ ตอน3ทุ่มให้แฟนดิฉันเอาไปให้ก็ยังได้ แต่นี้ตี4 ไม่ให้
20นาทีผ่านไป น้องโทรมาเครื่องแฟน แฟนประชุมสาย น้องบอกว่ามาถึง7/11(แถวหอแฟนแล้ว) ให้แฟนเอากุญแจไปให้ ดิฉันบอกว่าไม่ต้องให้ ให้รอ8โมง น้องก็ทำพูดนั้นนี้ว่าจะให้อยู่ยังไงพรุ่งนี้ทำงาน ดิฉันก็บอกว่าไป ถ้ารู้ว่าจะทำงานก็ต้องเตรียมตัวซิ น้องก็บอกว่าอุส่าขับรถมา ดิฉันก็บอกว่าไม่ให้ ยังไงก็ไม่ให้ รู้จักเกรงใจคนอื่นบ้าง น้องก้บอกว่า จะอะไรนักหนา แค่เดินลงเอากุญแจมาให้ ดิฉันก็บอกว่าไม่ได้ สุดท้าย น้องโผล่คำพูดที่ว่า "เติ้ลใหญ่มาจากไหนหนักหนา ใช่พ่อใช่แม่ มาบังคับโน้นบังคับนี้ ตั้งแต่ตอนทำงาน7/11แล้ว นอนกลางวันเติ้ลก็ทำเสียงดัง"แฟนก็โผล่งกลับไปว่าพูดอย่างนั้นได้ไง พูดไม่ได้นะ ไม่ดีเลย เราก็ตอบไปว่า ที่นอนกลางวันก็เปลี่ยนงานให้มานอนกลางคืนแล้วไง เวลาจะได้ตรงกัน แล้วที่ว่าบังคับอะ บังคับแค่เวลากลับบ้านให้มีวินัย อย่างอื่นพี่บังคับเธอเหรอ แล้วที่ว่าใหญ่มาจากไปนเนี้ย เป็นเจ้าบ้านใหญ่พอไหม น้องก็พูดประมาณว่า คอยแลตะๆ แล้วจะรู้ว่าเป็นไง แล้วตัดสายไป ดิฉันลุกออกจากเตียงเดิน2นาทีไปบ้านน้าสาวแม่ของนัด โทรหานัดและยื้นโทรศัพให้แม่พูดคุยกัน ดิฉันไม่รู้หรอกว่านัดพูดว่าอะไร แต่จับใจความได้คราวๆว่าจะเอาปืนมายิงดิฉัน จะเอามีดมาแทงดิฉัน คืนนั้นจบแค่นั้น


ปล.จบแค่นี้ก่อนนะ มะคืนนอนบนรถทัวร์นอนไม่เต็มที่ เด๊ยวมาเล่าต่อว่าเช้าวันถัดมาแฟนดิฉันไปเปิดประตูบ้านให้และพบอะไรบ้าง รวมถึงเมื่อดิฉันกลับมาถึงบ้านเมื่อเช้าพบสภาพบ้านเป็นยังไงบ้าง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่