ยังคงถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ สำหรับเรือธงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตรุ่นต่างๆ เพราะถึงแม้ว่า iPhone 6 จะเปิดตัวมาแล้ว แต่กระแสก็ดูเหมือนไม่ฮือฮาเท่าหลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้ อาจด้วยมีข้อมูลหลุดมามากด้วยประการหนึ่ง ทำให้ iPhone 6 ดูซบเซาลงไปเล็กน้อย
สำหรับค่าย samsung แม้ยังไม่มีสมาร์ทโฟนออกมาตีคู่ แต่ก็ได้งัดอาวุธอย่างแท็บเล็ตตัวฉกาจ ที่พัฒนามาจากเรือธงของสมาร์ทโฟน อย่าง S5 กันมาให้คอหนัง คอเกม ได้เนื้อเต้นกันล่ะงานนี้

Samsung Galaxy Tab S เป็นแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุง ซึ่งมีความแตกต่างจากแท็บเล็ตรุ่นก่อนหน้าที่ทางซัมซุงเคยผลิตออกมา และพูดได้เลยว่าแตกต่างจากแท็บเล็ต Android ทุกตัวในท้องตลาดที่เคยมีมาก่อน เพราะเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกในโลกที่ใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED โดยมันถูกปล่อยออกมา 2 รุ่นคือ Tab S 10.5 และ Tab S 8.4 ผมคาดว่าทางซัมซุงน่าจะคาดหวังใช้แท็บเล็ตรุ่นนี้แย่งตำแหน่งแท็บเล็ตอันดับหนึ่ง iPad Air ของ Apple ซึ่งครองตำแหน่งมายาวนาน และหลังจากที่ผมได้ลองใช้งานเจ้า Samsung Galaxy Tab S 10.5 มาสักระยะแล้ว ผมคิดว่า "มันเป็นไปได้"
Galaxy Tab S พัฒนาขึ้นมาจากแพลตฟอร์ม (ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์) ของสมาร์ทโฟนเรือธงประจำปี 2014 อย่าง Galaxy S5 ดังนั้นมันจึงเหมือนกันมากในหลายแง่มุม

ในแง่ของฮาร์ดแวร์ของ Samsung Galaxy Tab S นั้นแทบจะยก Galaxy S5 มาเกือบทั้งหมด เพียงแต่มีการพัฒนาบางอย่าง อย่างเช่น CPU ก็ใช้เป็น Exynos Octa 5420 [quad-core Cortex-A15 CPU + quad-core Cortex-A7 CPU] ตบด้วยRAM 3GB และเสริมทัพด้วยระบบปฏบัติ Android เวอร์ชั่น 4.4 ล่าสุด ที่รวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเป็นไหนๆ จะซูมขยาย ย่อ สไลด์ ไวในระดับนึงนะ

นอกจากนี้ยังมีระบบฟังก์ชั่นการใช้งาน คุณภาพเยี่ยม อย่างระบบสัมผัส Multi-Touch ที่เปิดใช้ 2 แอพพลิเคชั่นในเวลาเดียวกันได้ มีระบบเซ็นเซอร์ สแกนลายนิ้วมือได้ มีพอร์ท IR สำหรับใช้แทนรีโมต ไปจนถึงระบบเซนเซอร์หมุนภาพ (Gyroscope)และ ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer)
ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 7,900mAh สมกับเป็นแท็บเล็ตที่เกิดมาเพื่อคอหนัง คอเกมส์เสียจริงๆ สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด 12 ชั่วโมง ฟังเพลงต่อเนื่อง 139 ชั่วโมง ข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว สแตนด์บายได้สูงสุด ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชั่วโมง(3G)
นอกจากนี้ เจ้า Galaxy Tab S ยังรองรับการใช้งาน 3G และใช้ซิมแบบไมโครซิมการ์ด [2G GSM, 3G WCDMA, 4G LTE FDD] และมี
BLUETOOTH : Bluetooth 4.0
USB : Micro USB v2.0
WI-FI : Wi-Fi 802.11 /b/g/n/2.4 GHz เชื่อมต่อไร้สายระหว่างอุปกรณ์โดยตรง (Wi-Fi Direct)
Infrared : IrDA
เชื่อมต่อแบบ MHL (Mobile High-Definition Link)
GPS : Assisted GPS
รูปลักษณ์และดีไซน์
Galaxy Tab S ออกแบบมาเน้นความบาง โดยบางเพียง 6.6 มิลลิเมตร และเบา เพียง 467 กรัม ออกมาสู้กับ Xperia Tablet Z และ iPad Air ได้อย่างเต็มที่

สำหรับรูปลักษณ์ดีไซน์ของ บรรดาสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นของ Samsung นั้น หลายคนจะรู้สึกว่าแทบทุกรุ่นนั้นจะคล้ายกัน ไม่ว่าจะด้วยตำแหน่งของปุ่มเปิดปิด ปุ่ม Home Touchpad และช่องเสียบต่างๆ หรือพูดง่ายๆ เลยว่าแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน จะต่างกันก็ตรงที่ขนาด จอแสดงผล และวัสดุฝาหลังก็เท่านั้น
แต่ทว่า ของ Samsung Tab S นั้นมีดีไซน์หลายๆอย่างที่เปลี่ยนไป แม้ปุ่มด้านหน้ายังใช้ปุ่ม physical สามปุ่มตามมาตรฐานซัมซุง แต่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ปุ่ม Recent Apps แทนปุ่ม Menu แล้วและปุ่มโฮมสามารถใช้เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้แบบเดียวกับ S5
สิ่งที่แตกต่างออกไปหน่อยคงเป็นขอบเครื่องที่หันมาใช้สีทอง มีลำโพงฝังอยู่ที่ขอบด้านซ้ายและขวาของเครื่อง พอร์ตต่างๆ ของตัวเครื่องเทไปอยู่ด้านขวาทั้งหมด (ช่องเสียบซิม, Micro USB, Micro SD) ส่วนปุ่มควบคุมมาตรฐาน (power/volume) อยู่ฝั่งด้านบนของเครื่อง ดีไซน์ทุกอย่างลงตัว ดูสวยหรู ไม่สะเปะสะปะ

ส่วนจอแสดงผลนี่ก็เจ๋งมากๆ สำหรับ Tab S เพราะอย่างที่บอกคือ นี่เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกในโลกที่ใช้ เทคโนโลยีสุดเจ๋ง อย่าง Super AMOLED แสดงผลได้มากถึง16 ล้านสี ความละเอียดหน้าจอแบบ 2560 x 1600 px (287ppi) จอกว้างจุใจ 10.5 นิ้ว เล่นเกม ดูหนัง อ่านหนังสือ ได้อย่างไม่สะดุด
หน่วยความจำและการรองรับไฟล์
Samsung Galaxy Tab S มีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในขนาดใหญ่มากๆ ถึง 16GB และรองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุด 128 GB เลขทีเดียว เก็บหนังโปรด โหลดเกมได้อย่างจุใจ แทบไม่อั้น
ส่วนการรองรับไฟล์นั้น จะรองรับไฟล์ได้ทั้ง AMR, AWB, AAC, MP3, M4A, 3GA, WAV, WMA, MIDI, MXMF, OGG, IMY, FLAC
- รูปแบบไฟล์วีดีโอ : MPEG-4, 3GP, AVI, PEG-4, 3GP, WMV, FLV, 3G2, M4V, AVI, MKV
- รองรับวีดีโอจาก YouTube™
กล้องและฟังก์ชั่นกล้องที่น่าทึ่ง

ในส่วนกล้องถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ อาจเป็นอะไรที่หลายๆ คน คาดหวัง สำหรับSamsung Tab S นี่ก็ไม่แพ้ตัวอื่น ด้วยความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2.1 MP ซูมดิจิตอล 4 เท่า มีแฟลช LED มี Auto Focus และมีฟังก์ชั่นกล้องแจ่มๆ อย่างเช่น โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama) โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR) โหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมดปรับหน้าขาวใสบริ๊งอัตโนมัติ และอีกหลายโหมดที่น่าสนใจ

ถ่ายภาพออกมา สีสดโดนใจ ยิ่งถ้าคนชอบถ่ายใบหน้าตัวเอง หรือถ่ายเซลฟี่ ยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะโหมดฟังก์ชั่นหน้าขาวใส นี่ช่วยให้สวยสดใสได้เยอะเลยล่ะ

นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว (Video Recording) ด้วยความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล แจ่มไม่เบาเลยครับท่าน
การทดสอบคะแนน
การทดสอบคะแนนเป็นอะไรที่หลายคนคงจับตา และผลการทดสอบคะแนนของ Samsung Galaxy Tab S 10.5 โดยแอพ Antutu Benchmark ปรากฏว่าเจ้าเครื่องนี้ ก็ได้คะแนนอยู่ที่ 27025 อยู่ในอันดับ 9 รองจากพวกสมาร์โฟนเรือธงทั้งหลาย อยู่เล็กน้อย และในกลุ่มแท็บเล็ตนั้น จัดเป็นอันดับ 2 รองจาก Note3 แค่นั้นเอง
การทดสอบ GPS
เมื่อผมทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานด้าน GPS ในพื้นที่เปิดโล่ง ด้วยแอพพลิเคชั่น AndroiTS GPS Test จะเห็นว่าสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 21 ดวง ล็อคสัญญาณได้17 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณ อยู่ในช่วงประมาณ 12-19 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 7 เมตร

และเมื่อทดสอบอีกครั้งบนพื้นที่เปิดโล่งด้วยแอพพลิเคชั่น GPS Test ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 25 ดวง ล็อคสัญญาณได้โดยประมาณ 24 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณอยู่ในช่วงประมาณ 18-41 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 26 ฟุต อย่างไรก็ดี ผลการทดสอบการรับสัญญาณดาวเทียมในแต่ละช่วงเวลาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมขณะทดสอบ เช่นท้องฟ้าเปิดโล่งมากน้อยขนาดไหน หรือมีอาคารสถานที่มาบดบังสัญญาณมากน้อยเพียงใด
ความแม่นยำที่มากพอตัวของ Galaxy Tab S นี้ ทำให้สามารถใช้งานระบบ GPS และ A-GPS ร่วมกับ แอพพลิเคชั่น Google Maps และแอพพลิเคชั่นนำทางต่างๆ ได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง
จอใหญ่ คุณภาพเริศ จุใจ คอหนัง คอเกม

ที่จับตามองมากที่สุด สำหรับแท็บเล็ต เรือธงตัวใหม่ของ Samsung อย่าง Tab S 10.5 นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอแบบSuper AMOLED เป็นแน่
และสำหรับประเด็นเรื่องหน้าจอ Super AMOLED นี้เป็นสิ่งมีคนพูดกันมาโดยตลอด

จุดสำคัญสำหรับเข้า Super AMOLED ที่ไม่พูดไม่ได้เลยสำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้ ก็คือความสามารถในการทำ Contrast Ratio สูงถึง 100,000:1 และผนวกคู่มาด้วยเทคโนโลยี Adaptive Display
หลายคนสงสัยว่า มันเป็นยังไง แล้วดีกว่าอย่างไร ผมจะเฉลยครับ...
สำหรับส่วนที่เป็น Contrast ratio นี้มันคือค่าความต่างกันของสีระหว่างอัตราส่วนของสีขาวที่สว่างที่สุด กับสีดำที่มืดที่สุด โดยปกติจอแบบ TFT ทั่วไปจะมีค่า Contrast ratio อยู่ที่ประมาณ 1000:1 ซึ่งต่างกันอย่างได้ชัด
เพราะค่าที่ประมาณ1000:1 นั้นทำให้แสดงสีดำได้ดำไม่สนิท คือมีแสงสีขาวสว่างอยู่ด้านหลังสีดำนั่นเอง แต่ในจอ Super AMOLED ที่มีค่าประมาณ 100,000 : 1 จะแสดงผลสีดำจะดำสนิทจริงๆ แบบมืดไปเลย
แล้วประโยชน์ของมัน เห็นได้ชัดเลยเวลาดูหนังครับ.. อย่างเวลาดูหนังฉากในอวกาศที่มืดสนิท แล้วมีดาวดวงเล็กๆระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ถ้าเกิดเราดูด้วยจอ TFT ทั่วไป ดาวจะกลืนไปกับพื้นดำ เห็นได้ไม่ชัด หรือแทบไม่เห็น เพราะความสามารถของจอนั้นไล่ระดับสีได้ไม่พอและเป็นพิกเซลที่เล็ก
แต่ถ้าเป็น Super AMOLED เราจะเห็นดาวระยิบระยับสวยชัดเจน และจักรวาลก็จะเป็นสีดำมืดสนิท ถูกแยกอย่างชัดเจน รับประกันว่าได้อารมณ์กว่าเยอะมากครับสำหรับคอหนัง
ไม่เพียงแค่นี้ครับ เพราะในการใช้งานกลางแจ้ง หน้าจอแบบ Super AMOLED มีอัตราการสะท้อนแสงต่ำกว่าจอ TFT ด้วยเช่นกัน อันนี้คือความต่าง
ต่อมา คือ เทคโนโลยี Adaptive display ที่ค่าย Samsung พัฒนาขึ้นมา เป็นเทคโนโลยีการวิเคราะห์สภาพแสงด้วยเซนเซอร์ จากนั้นจะเปลี่ยนสีของการแสดงผลให้ตรงกับค่าที่ควรจะเป็นที่ตาจะมองเห็น เพราะปกติแล้วเวลาหน้าจอโดนแสงมากระทบเราจะมองเห็นสีของหน้าจอเพี้ยนไปจากปกติ ดังนั้นเมื่อมีเทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วย ระบบสีที่เรามองเห็นก็จะตรงชัดเป๊ะ

รวมไปถึงการแสดงผลตัวอักษร ที่จะมีการปรับการแสดงผลให้อ่านง่ายแม้กลางแสงแดดจ้า ด้วยการเพิ่มความคมชัดของฟอนท์ตัวอักษรให้อัตโนมัติ และปรับสีขาวของพื้นหลังให้เหมาะกับสภาพแสงที่เรากำลังใช้งานอยู่ แม้จะอ่านในที่มืดก็ไม่ยังสบายตา เห็นไหมล่ะครับว่าเจ๋ง จุใจจริงๆ
Feature ที่น่าสนใจ
ด้วยการที่เจ้า Galaxy Tab S ตัวนี้ ถูกพัฒนามาจาก S5 เราจะได้เห็นฟีเจอร์เจ๋งๆใน S5 มาโลกแล่นอยู่บน Tab S แน่นอน และหลายต่อหลายตัวก็น่าสนใจเช่นกัน
1. Fingerprint Scanner
2. Multi-window
3. SideSync 3.0
ขอบคุณจาก : Asia Shop Mobile
[SR] รีวิว กาแล็คซี่ Tab S แท็บเล็ตจอใหญ่ จุใจคอหนัง คอเกมส์
สำหรับค่าย samsung แม้ยังไม่มีสมาร์ทโฟนออกมาตีคู่ แต่ก็ได้งัดอาวุธอย่างแท็บเล็ตตัวฉกาจ ที่พัฒนามาจากเรือธงของสมาร์ทโฟน อย่าง S5 กันมาให้คอหนัง คอเกม ได้เนื้อเต้นกันล่ะงานนี้
Samsung Galaxy Tab S เป็นแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุง ซึ่งมีความแตกต่างจากแท็บเล็ตรุ่นก่อนหน้าที่ทางซัมซุงเคยผลิตออกมา และพูดได้เลยว่าแตกต่างจากแท็บเล็ต Android ทุกตัวในท้องตลาดที่เคยมีมาก่อน เพราะเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกในโลกที่ใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED โดยมันถูกปล่อยออกมา 2 รุ่นคือ Tab S 10.5 และ Tab S 8.4 ผมคาดว่าทางซัมซุงน่าจะคาดหวังใช้แท็บเล็ตรุ่นนี้แย่งตำแหน่งแท็บเล็ตอันดับหนึ่ง iPad Air ของ Apple ซึ่งครองตำแหน่งมายาวนาน และหลังจากที่ผมได้ลองใช้งานเจ้า Samsung Galaxy Tab S 10.5 มาสักระยะแล้ว ผมคิดว่า "มันเป็นไปได้"
Galaxy Tab S พัฒนาขึ้นมาจากแพลตฟอร์ม (ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์) ของสมาร์ทโฟนเรือธงประจำปี 2014 อย่าง Galaxy S5 ดังนั้นมันจึงเหมือนกันมากในหลายแง่มุม
ในแง่ของฮาร์ดแวร์ของ Samsung Galaxy Tab S นั้นแทบจะยก Galaxy S5 มาเกือบทั้งหมด เพียงแต่มีการพัฒนาบางอย่าง อย่างเช่น CPU ก็ใช้เป็น Exynos Octa 5420 [quad-core Cortex-A15 CPU + quad-core Cortex-A7 CPU] ตบด้วยRAM 3GB และเสริมทัพด้วยระบบปฏบัติ Android เวอร์ชั่น 4.4 ล่าสุด ที่รวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเป็นไหนๆ จะซูมขยาย ย่อ สไลด์ ไวในระดับนึงนะ
นอกจากนี้ยังมีระบบฟังก์ชั่นการใช้งาน คุณภาพเยี่ยม อย่างระบบสัมผัส Multi-Touch ที่เปิดใช้ 2 แอพพลิเคชั่นในเวลาเดียวกันได้ มีระบบเซ็นเซอร์ สแกนลายนิ้วมือได้ มีพอร์ท IR สำหรับใช้แทนรีโมต ไปจนถึงระบบเซนเซอร์หมุนภาพ (Gyroscope)และ ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer)
ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 7,900mAh สมกับเป็นแท็บเล็ตที่เกิดมาเพื่อคอหนัง คอเกมส์เสียจริงๆ สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด 12 ชั่วโมง ฟังเพลงต่อเนื่อง 139 ชั่วโมง ข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว สแตนด์บายได้สูงสุด ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชั่วโมง(3G)
นอกจากนี้ เจ้า Galaxy Tab S ยังรองรับการใช้งาน 3G และใช้ซิมแบบไมโครซิมการ์ด [2G GSM, 3G WCDMA, 4G LTE FDD] และมี
BLUETOOTH : Bluetooth 4.0
USB : Micro USB v2.0
WI-FI : Wi-Fi 802.11 /b/g/n/2.4 GHz เชื่อมต่อไร้สายระหว่างอุปกรณ์โดยตรง (Wi-Fi Direct)
Infrared : IrDA
เชื่อมต่อแบบ MHL (Mobile High-Definition Link)
GPS : Assisted GPS
รูปลักษณ์และดีไซน์
Galaxy Tab S ออกแบบมาเน้นความบาง โดยบางเพียง 6.6 มิลลิเมตร และเบา เพียง 467 กรัม ออกมาสู้กับ Xperia Tablet Z และ iPad Air ได้อย่างเต็มที่
สำหรับรูปลักษณ์ดีไซน์ของ บรรดาสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นของ Samsung นั้น หลายคนจะรู้สึกว่าแทบทุกรุ่นนั้นจะคล้ายกัน ไม่ว่าจะด้วยตำแหน่งของปุ่มเปิดปิด ปุ่ม Home Touchpad และช่องเสียบต่างๆ หรือพูดง่ายๆ เลยว่าแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน จะต่างกันก็ตรงที่ขนาด จอแสดงผล และวัสดุฝาหลังก็เท่านั้น
แต่ทว่า ของ Samsung Tab S นั้นมีดีไซน์หลายๆอย่างที่เปลี่ยนไป แม้ปุ่มด้านหน้ายังใช้ปุ่ม physical สามปุ่มตามมาตรฐานซัมซุง แต่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ปุ่ม Recent Apps แทนปุ่ม Menu แล้วและปุ่มโฮมสามารถใช้เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้แบบเดียวกับ S5
สิ่งที่แตกต่างออกไปหน่อยคงเป็นขอบเครื่องที่หันมาใช้สีทอง มีลำโพงฝังอยู่ที่ขอบด้านซ้ายและขวาของเครื่อง พอร์ตต่างๆ ของตัวเครื่องเทไปอยู่ด้านขวาทั้งหมด (ช่องเสียบซิม, Micro USB, Micro SD) ส่วนปุ่มควบคุมมาตรฐาน (power/volume) อยู่ฝั่งด้านบนของเครื่อง ดีไซน์ทุกอย่างลงตัว ดูสวยหรู ไม่สะเปะสะปะ
ส่วนจอแสดงผลนี่ก็เจ๋งมากๆ สำหรับ Tab S เพราะอย่างที่บอกคือ นี่เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกในโลกที่ใช้ เทคโนโลยีสุดเจ๋ง อย่าง Super AMOLED แสดงผลได้มากถึง16 ล้านสี ความละเอียดหน้าจอแบบ 2560 x 1600 px (287ppi) จอกว้างจุใจ 10.5 นิ้ว เล่นเกม ดูหนัง อ่านหนังสือ ได้อย่างไม่สะดุด
หน่วยความจำและการรองรับไฟล์
Samsung Galaxy Tab S มีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในขนาดใหญ่มากๆ ถึง 16GB และรองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุด 128 GB เลขทีเดียว เก็บหนังโปรด โหลดเกมได้อย่างจุใจ แทบไม่อั้น
ส่วนการรองรับไฟล์นั้น จะรองรับไฟล์ได้ทั้ง AMR, AWB, AAC, MP3, M4A, 3GA, WAV, WMA, MIDI, MXMF, OGG, IMY, FLAC
- รูปแบบไฟล์วีดีโอ : MPEG-4, 3GP, AVI, PEG-4, 3GP, WMV, FLV, 3G2, M4V, AVI, MKV
- รองรับวีดีโอจาก YouTube™
กล้องและฟังก์ชั่นกล้องที่น่าทึ่ง
ในส่วนกล้องถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ อาจเป็นอะไรที่หลายๆ คน คาดหวัง สำหรับSamsung Tab S นี่ก็ไม่แพ้ตัวอื่น ด้วยความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2.1 MP ซูมดิจิตอล 4 เท่า มีแฟลช LED มี Auto Focus และมีฟังก์ชั่นกล้องแจ่มๆ อย่างเช่น โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama) โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR) โหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมดปรับหน้าขาวใสบริ๊งอัตโนมัติ และอีกหลายโหมดที่น่าสนใจ
ถ่ายภาพออกมา สีสดโดนใจ ยิ่งถ้าคนชอบถ่ายใบหน้าตัวเอง หรือถ่ายเซลฟี่ ยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะโหมดฟังก์ชั่นหน้าขาวใส นี่ช่วยให้สวยสดใสได้เยอะเลยล่ะ
นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว (Video Recording) ด้วยความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล แจ่มไม่เบาเลยครับท่าน
การทดสอบคะแนน
การทดสอบคะแนนเป็นอะไรที่หลายคนคงจับตา และผลการทดสอบคะแนนของ Samsung Galaxy Tab S 10.5 โดยแอพ Antutu Benchmark ปรากฏว่าเจ้าเครื่องนี้ ก็ได้คะแนนอยู่ที่ 27025 อยู่ในอันดับ 9 รองจากพวกสมาร์โฟนเรือธงทั้งหลาย อยู่เล็กน้อย และในกลุ่มแท็บเล็ตนั้น จัดเป็นอันดับ 2 รองจาก Note3 แค่นั้นเอง
การทดสอบ GPS
เมื่อผมทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานด้าน GPS ในพื้นที่เปิดโล่ง ด้วยแอพพลิเคชั่น AndroiTS GPS Test จะเห็นว่าสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 21 ดวง ล็อคสัญญาณได้17 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณ อยู่ในช่วงประมาณ 12-19 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 7 เมตร
และเมื่อทดสอบอีกครั้งบนพื้นที่เปิดโล่งด้วยแอพพลิเคชั่น GPS Test ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 25 ดวง ล็อคสัญญาณได้โดยประมาณ 24 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณอยู่ในช่วงประมาณ 18-41 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 26 ฟุต อย่างไรก็ดี ผลการทดสอบการรับสัญญาณดาวเทียมในแต่ละช่วงเวลาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมขณะทดสอบ เช่นท้องฟ้าเปิดโล่งมากน้อยขนาดไหน หรือมีอาคารสถานที่มาบดบังสัญญาณมากน้อยเพียงใด
ความแม่นยำที่มากพอตัวของ Galaxy Tab S นี้ ทำให้สามารถใช้งานระบบ GPS และ A-GPS ร่วมกับ แอพพลิเคชั่น Google Maps และแอพพลิเคชั่นนำทางต่างๆ ได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง
จอใหญ่ คุณภาพเริศ จุใจ คอหนัง คอเกม
ที่จับตามองมากที่สุด สำหรับแท็บเล็ต เรือธงตัวใหม่ของ Samsung อย่าง Tab S 10.5 นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอแบบSuper AMOLED เป็นแน่
และสำหรับประเด็นเรื่องหน้าจอ Super AMOLED นี้เป็นสิ่งมีคนพูดกันมาโดยตลอด
จุดสำคัญสำหรับเข้า Super AMOLED ที่ไม่พูดไม่ได้เลยสำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้ ก็คือความสามารถในการทำ Contrast Ratio สูงถึง 100,000:1 และผนวกคู่มาด้วยเทคโนโลยี Adaptive Display
หลายคนสงสัยว่า มันเป็นยังไง แล้วดีกว่าอย่างไร ผมจะเฉลยครับ...
สำหรับส่วนที่เป็น Contrast ratio นี้มันคือค่าความต่างกันของสีระหว่างอัตราส่วนของสีขาวที่สว่างที่สุด กับสีดำที่มืดที่สุด โดยปกติจอแบบ TFT ทั่วไปจะมีค่า Contrast ratio อยู่ที่ประมาณ 1000:1 ซึ่งต่างกันอย่างได้ชัด
เพราะค่าที่ประมาณ1000:1 นั้นทำให้แสดงสีดำได้ดำไม่สนิท คือมีแสงสีขาวสว่างอยู่ด้านหลังสีดำนั่นเอง แต่ในจอ Super AMOLED ที่มีค่าประมาณ 100,000 : 1 จะแสดงผลสีดำจะดำสนิทจริงๆ แบบมืดไปเลย
แล้วประโยชน์ของมัน เห็นได้ชัดเลยเวลาดูหนังครับ.. อย่างเวลาดูหนังฉากในอวกาศที่มืดสนิท แล้วมีดาวดวงเล็กๆระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ถ้าเกิดเราดูด้วยจอ TFT ทั่วไป ดาวจะกลืนไปกับพื้นดำ เห็นได้ไม่ชัด หรือแทบไม่เห็น เพราะความสามารถของจอนั้นไล่ระดับสีได้ไม่พอและเป็นพิกเซลที่เล็ก
แต่ถ้าเป็น Super AMOLED เราจะเห็นดาวระยิบระยับสวยชัดเจน และจักรวาลก็จะเป็นสีดำมืดสนิท ถูกแยกอย่างชัดเจน รับประกันว่าได้อารมณ์กว่าเยอะมากครับสำหรับคอหนัง
ไม่เพียงแค่นี้ครับ เพราะในการใช้งานกลางแจ้ง หน้าจอแบบ Super AMOLED มีอัตราการสะท้อนแสงต่ำกว่าจอ TFT ด้วยเช่นกัน อันนี้คือความต่าง
ต่อมา คือ เทคโนโลยี Adaptive display ที่ค่าย Samsung พัฒนาขึ้นมา เป็นเทคโนโลยีการวิเคราะห์สภาพแสงด้วยเซนเซอร์ จากนั้นจะเปลี่ยนสีของการแสดงผลให้ตรงกับค่าที่ควรจะเป็นที่ตาจะมองเห็น เพราะปกติแล้วเวลาหน้าจอโดนแสงมากระทบเราจะมองเห็นสีของหน้าจอเพี้ยนไปจากปกติ ดังนั้นเมื่อมีเทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วย ระบบสีที่เรามองเห็นก็จะตรงชัดเป๊ะ
รวมไปถึงการแสดงผลตัวอักษร ที่จะมีการปรับการแสดงผลให้อ่านง่ายแม้กลางแสงแดดจ้า ด้วยการเพิ่มความคมชัดของฟอนท์ตัวอักษรให้อัตโนมัติ และปรับสีขาวของพื้นหลังให้เหมาะกับสภาพแสงที่เรากำลังใช้งานอยู่ แม้จะอ่านในที่มืดก็ไม่ยังสบายตา เห็นไหมล่ะครับว่าเจ๋ง จุใจจริงๆ
Feature ที่น่าสนใจ
ด้วยการที่เจ้า Galaxy Tab S ตัวนี้ ถูกพัฒนามาจาก S5 เราจะได้เห็นฟีเจอร์เจ๋งๆใน S5 มาโลกแล่นอยู่บน Tab S แน่นอน และหลายต่อหลายตัวก็น่าสนใจเช่นกัน
1. Fingerprint Scanner
2. Multi-window
3. SideSync 3.0
ขอบคุณจาก : Asia Shop Mobile