สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาวพันทิปผู้รักการอ่านทุกคน นี่คือรีวิวครั้งแรกในชีวิตของผม กรุณาอ่านและแสดงความคิดเห็นอย่างเบามือกันหน่อยนะครับ อิอิ
วันนี้ผมเกิดอาการมือสั่น กระสันอยากรีวิว แท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมนั่นคือ “Samsung Galaxy Tab S” ผมออกเดินทางจากบ้านเพื่อไปซื้อแท็บเล็ตเครื่องแรกในชีวิต ออกตัวก่อนเลยครับว่าการรีวิวของผมในครั้งนี้ใช้ความรู้สึก 75% อีก 25% คือสาระที่ค้นคว้ามา แต่การทีผมจะตัดสินใจซื้ออะไรนั้น ผมมักจะใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล เหมือนจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ผมขออนุญาตแปะ สเป็กของแท็บเล็ตรุ่นนี้ก่อนนะครับ เผื่อใครยังไม่เคยเห็น แต่ผมมีขนาดที่อยู่ในใจแล้วแหละ อิอิ ซึ่งจริงๆ แล้ว Samsung Galaxy Tab S ออกมา 2 ขนาด คือขนาด 8.4 กับ 10.5 มีความต่างกันอยู่ไม่กี่จุด (ถ้าดูจากภาพนะ) 1.ขนาด 2.น้ำหนัก 3.ความจุของแบตเตอรี่ 4.ราคา (อันนี้แหละจุดหักเห เพราะมันต่างกัน 3,000 บาทถ้วน อิอิ)
ผมตรงดิ่งไปซื้อที่ Shop Samsung ในห้างดังแห่งหนึ่งย่านรังสิต ผมตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ “Samsung Galaxy Tab S 10.5” พนักงานประจำร้านบอกว่ารุ่นนี้มี 2 สีด้วยกันคือ คือ “ไทเทเนี่ยม บรอนซ์” และ “แดซลิ่ง ไวท์” ผมไม่ลังเลเลยที่จะเลือกสี แดซลิ่ง ไวท์ (ผมขอเรียกว่า “สีขาวขอบทอง” แล้วกันนะครับ) เพราะความรู้สึกส่วนตัวสีขาวขอบทองมันโดดเด่นกว่า หรูหรากว่า สีดำขอบทอง สนนราคาสบายกระเป๋าอยู่ที่ 19,900 บาท หึหึ หมดตัวสินะ หึหึ แต่เอาเถอะเครื่องแรกในชีวิต ใจต้องนิ่งและควักเงินออกจากกระเป๋าเบาๆ พร้อมทั้งบอกกับพนักงานว่า กรุณาหยิบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผมนะ ผมขอร้อง พล่ามซะนาน จะช้าอยู่ไย จัดไปเลยเต็มๆ
Samsung Galaxy Tab S 10.5 นิ้ว เป็นสมาร์ทแท็บเล็ตแฟล็กชิป รุ่นล่าสุดของค่ายนี้ (งงอะดิ้ แฟล็กชิป คืออะไร? คำตอบคือ...ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชื่อมันได้ใจอ่า) มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำสุดกู่แสงทิ่มตาด้วยหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียดสูงถึง 2560x1600 พิกเซล ภาพคมชัดเต็มสตรีมทุกเฉดสี สมจริงระดับพรีเมี่ยม ซัมซุงเค้าจัดเต็มจริงๆ แถมยังความบางที่สุดเท่าที่โลกจะพยายามทำให้มันบางได้ มีความหนาเพียง 6.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 467 กรัม เท่านั้นเอง (กรุณาอย่าเอาไปเทียบกับแผ่นซึมซับ บางยี่ห้อนะครับ ถึงจะบางเหมือนกันแต่การใช้งานต่างกันหลายจักรวาลมากนะครับ)
ด้านหน้าของแท็บเล็ตรุ่นนี้ ปุ่มบนหน้าจอด้านล่างของ Samsung ก็คล้ายกับตัวสมาร์ทโฟน ก็คือจะมีปุ่มเมนูและปุ่มย้อนกลับแบบปุ่มไฟ (Capacitive) และส่วนปุ่ม Home จะเป็นแบบปุ่มกดลงไป (Physical) แต่ที่เหนือกว่านั้นคือมันแฝงความล้ำลึกไว้ด้วยก็คือมันเป็น Finger Print Scanner ไว้ด้วย ส่วนด้านบนจะมีเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างและกล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล (ซึ่งถือว่าโอเคสำหรับผู้หญิงที่รักการถ่ายรูปด้วยตัวเอง แต่สำหรับผมจะบอกว่าอย่าได้เปลี่ยนเป็นโหมดกล้องหน้าเลยครับ จะตกใจหงายหลังเอาได้ 555+ ขอตัวไปร้องไห้แปป)
มาดูด้านข้างรอบๆ กันบ้างนะครับ เริ่มจากขอบทางขวาก็จะมีช่องใส่ซิมที่สามารถรองรับการใช้งาน 4G LTE ได้ พร้อมกับช่องใส่ Micro SD Card ที่รับได้สูงถึง 128GB แม่จ้าวววว เปิดคอมพ์โหลดบิทแล้วจับไฟล์หนังโยนมาใส่ในนี้ด่วนเลย และยังมีพอร์ท Micro USB และลำโพงฝั่งขวา จะบอกว่าเครื่องนี้จะมีลำโพงแบบ Dual Speaker (ลำโพงคู่นั่นเอง จะใช้ภาษาอังกฤษเพื่อความไฮโซไปไหนเนี่ย) ที่ขอบด้านซ้ายจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และ ลำโพงฝั่งซ้ายด้วยครับ (ดูปากน้องณัชชาอีกครั้งนะคะ “Dual Speaker”)
มาดูด้านบนกันบ้างครับ ด้านบนจะมี IR Blaster เอาไว้ใช้งานเป็นรีโมท อีกทั้งยังมี ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ ด้วยในส่วนนี้ ส่วนด้านล่างเหมือนจะไม่มีอะไรเลยนอกจากความเรียบง่ายขอบทองหรูหรา แต่...ช้าก่อนซาร่า อยากเพิ่งรีบขายของ ตอนนี้ ถ้าสังเกตดีๆ จะมีรู reset ไว้สำหรับกรณีเครื่องค้างอีกด้วย
สุดท้ายละด้านหลังเครื่องนี้ใช้วัสดุเป็น Faux Leather เหมือนของ Note3 แต่ถูกจับมาขยายขนาดให้กว้างมากขึ้น โดยส่วนตัว เจน สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ซึ่งพูดได้ว่ามันหรูหรา ไฮโซขึ้น ขนลุกเลยคะ ด้านบนจะมีกล้องหลังที่ให้ความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED ที่สว่างวาบแบบขาวนวล ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย (อันนี้ก็เว่อร์ไป๊) ยังมีอะไรอีกมั้ย? .... ยังมีสิ สำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้จะมีตัวปุ่มกลมๆ ซ้ายขวา แต่ไม่ได้เอาไว้กดเล่นนะครับ แต่ว่ามันเป็นแม่เหล็กแห่งโลกในอนาคตที่สามารถดูดเข้ากับเคส ได้อีกด้วย Ohhh !!
ทีนี้เรามาลุยกันต่อที่ฟังก์ชั่นด้านในของตัวนี้
- รองรับ 4G LTE โทรศัพท์ได้ (ถ้าใส่ซิม ^^ ใส่ได้ 1 ซิม นะจ๊ะ)
- CPU QuadCore 1.9 กิ๊ก + QuadCore Processor 1.3 กิ๊ก
- แรม 3 กิ๊ก
- ระบบปฏิบัติการ Android KitKat 4.4.2
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 10.5 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (Full HD 1920x1080 พิกเซล)
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
- หน่วยความจำในตัวเครื่องมีให้เลือก 16 กิ๊ก และ 32 กิ๊ก
- เพิ่มการ์ดได้สูงสุด 128 กิ๊ก
- แบตเตอรี่ความจุ 7,900 มิลิแอมป์
อย่างที่บอกครับรุ่นนี้มีดีที่จอแบบ Super AMOLED จะบอกว่าหลังจากที่ลองเล่นมาซักนิดนึงก่อนทำรีวิวตัวนี้ รู้สึกได้ถึงความสดของสี ความชัดและความจริงของภาพสูงมาก ผมตกตะลึงเหมือนโดนสกิลสตั้น ไป 3 วิ ตั้งแต่กดปุ่มพาวเวอร์และปรากฏหน้าสกรีนโผล่ขึ้นมา หึหึ โดนใจตรงที่ความละเอียดสูงกว่า Full HD นี่แหละ หึหึ ชัดระดับขนหน้าแข้งมดก็ยังเห็น หึหึ (อันนี้เป็นภาพที่ผมแคปจากหน้าจอมานะ)
มาพูดถึงกล้องกันบ้างดีฟ่า กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลัง 2.1 ล้านพิกเซล ไม่อยากอธิยายด้วยตัวหนังสือมาก อธิบายด้วยรูปแล้วกันนะครับ ซ้ายกล้องหลัง ขวากล้องหน้า
สำหรับฟีเจอร์ล้ำยุค อย่าง Ultra Power Saving Mode หรือ โหมดประหยัดไฟสูงสุด โคตรจะประหยัดพลังงาน พอเข้าไปที่ฟีเจอร์นี้ มันจะบอกเลยว่า แบตเหลือกี่ % และ อยู่ได้กี่วัน อย่างตอนที่ผมทำอยู่นี้แบตเหลือ 58% แจ้งว่าเวลาพร้อมใช้งานสูงสุดโดยประมาณ 14.9 วัน บร๊ะเจ้า!! เกือบ 15 วัน ครึ่งเดือน!! ทิ้งสายชาร์ตให้ปลวกแทะได้เลย และระบบปลดล็อกด้วยนิ้วมือ หรือ แม้แต่ Private Mode จากรุ่น Galaxy S5 เค้าใส่มาให้ครบ จะเรียกว่าเป็น Galaxy S5 แบบขยายใหญ่ก็ว่าได้ ทำให้ Tab S ตัวนี้ลูกเล่นจี๊ดจ๊าด จัดจ้าน แพรวพราว ฟรุ้งฟริ้ง ที่สุดในตลาดแท๊ปเล็ตอยู่ในขณะนี้
เหอๆ เหนื่อยเนอะ การรีวิวคนเดียวมันเหนื่อยแท้แลจับกังจริงๆ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกขนาด 10.5 มากกว่า 8.4 ที่มีขนาดเล็กกว่า และเบากว่า ว่ากันซื่อๆ เลยครับ ก็มันเป็นแท็บเล็ตนี่นา แท็บเล็ตคือแท็บเล็ตครับ และผมมีสมาร์ทโฟนแล้วหนึ่งตัว เพราะฉะนั้นให้เลือกแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่อยากเลือกครับ ผมเลือกที่มันทำให้ผมรู้สึกแตกต่างดีกว่า หมายถึงขนาดนะ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ จริงๆ นะ) ส่วนคนที่เลือก 8.4 ผมว่าก็ดีครับ เบากว่า พกพาง่ายกว่า ราคาเบากว่า แต่ไม่ใหญ่สะใจแค่นั้นเอง อิอิ ผมชอบเล่นเกมส์อะครับ เลยต้องจัดใหญ่จัดเต็ม (อีกหนึ่งข้อดีของการใช้ตัว 10.5 ก็คือ เวลาคุณสร้างแลนด์มาร์คในเกมเศรษฐี แล้วดันกดผิดเพราะหน้าจอที่เล็กเกินไป ปัญหานี้จะหมดไป จริงๆ ไม่เชื่อลองดู 5555+) ขอบคุณสำหรับการทนอ่านรีวิวครั้งแรกในชีวิตของผม ขาดตกบกพร่องประการใด ทุกประการ วอนขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
[CR] ยุคนี้..สมัยนี้..ต้องของพรีเมี่ยมเท่านั้น !! มาดูกันแท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมที่อยู่ในมือผมมันสั่น
วันนี้ผมเกิดอาการมือสั่น กระสันอยากรีวิว แท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมนั่นคือ “Samsung Galaxy Tab S” ผมออกเดินทางจากบ้านเพื่อไปซื้อแท็บเล็ตเครื่องแรกในชีวิต ออกตัวก่อนเลยครับว่าการรีวิวของผมในครั้งนี้ใช้ความรู้สึก 75% อีก 25% คือสาระที่ค้นคว้ามา แต่การทีผมจะตัดสินใจซื้ออะไรนั้น ผมมักจะใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล เหมือนจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ผมขออนุญาตแปะ สเป็กของแท็บเล็ตรุ่นนี้ก่อนนะครับ เผื่อใครยังไม่เคยเห็น แต่ผมมีขนาดที่อยู่ในใจแล้วแหละ อิอิ ซึ่งจริงๆ แล้ว Samsung Galaxy Tab S ออกมา 2 ขนาด คือขนาด 8.4 กับ 10.5 มีความต่างกันอยู่ไม่กี่จุด (ถ้าดูจากภาพนะ) 1.ขนาด 2.น้ำหนัก 3.ความจุของแบตเตอรี่ 4.ราคา (อันนี้แหละจุดหักเห เพราะมันต่างกัน 3,000 บาทถ้วน อิอิ)
ผมตรงดิ่งไปซื้อที่ Shop Samsung ในห้างดังแห่งหนึ่งย่านรังสิต ผมตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ “Samsung Galaxy Tab S 10.5” พนักงานประจำร้านบอกว่ารุ่นนี้มี 2 สีด้วยกันคือ คือ “ไทเทเนี่ยม บรอนซ์” และ “แดซลิ่ง ไวท์” ผมไม่ลังเลเลยที่จะเลือกสี แดซลิ่ง ไวท์ (ผมขอเรียกว่า “สีขาวขอบทอง” แล้วกันนะครับ) เพราะความรู้สึกส่วนตัวสีขาวขอบทองมันโดดเด่นกว่า หรูหรากว่า สีดำขอบทอง สนนราคาสบายกระเป๋าอยู่ที่ 19,900 บาท หึหึ หมดตัวสินะ หึหึ แต่เอาเถอะเครื่องแรกในชีวิต ใจต้องนิ่งและควักเงินออกจากกระเป๋าเบาๆ พร้อมทั้งบอกกับพนักงานว่า กรุณาหยิบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผมนะ ผมขอร้อง พล่ามซะนาน จะช้าอยู่ไย จัดไปเลยเต็มๆ
Samsung Galaxy Tab S 10.5 นิ้ว เป็นสมาร์ทแท็บเล็ตแฟล็กชิป รุ่นล่าสุดของค่ายนี้ (งงอะดิ้ แฟล็กชิป คืออะไร? คำตอบคือ...ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชื่อมันได้ใจอ่า) มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำสุดกู่แสงทิ่มตาด้วยหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียดสูงถึง 2560x1600 พิกเซล ภาพคมชัดเต็มสตรีมทุกเฉดสี สมจริงระดับพรีเมี่ยม ซัมซุงเค้าจัดเต็มจริงๆ แถมยังความบางที่สุดเท่าที่โลกจะพยายามทำให้มันบางได้ มีความหนาเพียง 6.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 467 กรัม เท่านั้นเอง (กรุณาอย่าเอาไปเทียบกับแผ่นซึมซับ บางยี่ห้อนะครับ ถึงจะบางเหมือนกันแต่การใช้งานต่างกันหลายจักรวาลมากนะครับ)
ด้านหน้าของแท็บเล็ตรุ่นนี้ ปุ่มบนหน้าจอด้านล่างของ Samsung ก็คล้ายกับตัวสมาร์ทโฟน ก็คือจะมีปุ่มเมนูและปุ่มย้อนกลับแบบปุ่มไฟ (Capacitive) และส่วนปุ่ม Home จะเป็นแบบปุ่มกดลงไป (Physical) แต่ที่เหนือกว่านั้นคือมันแฝงความล้ำลึกไว้ด้วยก็คือมันเป็น Finger Print Scanner ไว้ด้วย ส่วนด้านบนจะมีเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างและกล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล (ซึ่งถือว่าโอเคสำหรับผู้หญิงที่รักการถ่ายรูปด้วยตัวเอง แต่สำหรับผมจะบอกว่าอย่าได้เปลี่ยนเป็นโหมดกล้องหน้าเลยครับ จะตกใจหงายหลังเอาได้ 555+ ขอตัวไปร้องไห้แปป)
มาดูด้านข้างรอบๆ กันบ้างนะครับ เริ่มจากขอบทางขวาก็จะมีช่องใส่ซิมที่สามารถรองรับการใช้งาน 4G LTE ได้ พร้อมกับช่องใส่ Micro SD Card ที่รับได้สูงถึง 128GB แม่จ้าวววว เปิดคอมพ์โหลดบิทแล้วจับไฟล์หนังโยนมาใส่ในนี้ด่วนเลย และยังมีพอร์ท Micro USB และลำโพงฝั่งขวา จะบอกว่าเครื่องนี้จะมีลำโพงแบบ Dual Speaker (ลำโพงคู่นั่นเอง จะใช้ภาษาอังกฤษเพื่อความไฮโซไปไหนเนี่ย) ที่ขอบด้านซ้ายจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และ ลำโพงฝั่งซ้ายด้วยครับ (ดูปากน้องณัชชาอีกครั้งนะคะ “Dual Speaker”)
มาดูด้านบนกันบ้างครับ ด้านบนจะมี IR Blaster เอาไว้ใช้งานเป็นรีโมท อีกทั้งยังมี ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ ด้วยในส่วนนี้ ส่วนด้านล่างเหมือนจะไม่มีอะไรเลยนอกจากความเรียบง่ายขอบทองหรูหรา แต่...ช้าก่อนซาร่า อยากเพิ่งรีบขายของ ตอนนี้ ถ้าสังเกตดีๆ จะมีรู reset ไว้สำหรับกรณีเครื่องค้างอีกด้วย
สุดท้ายละด้านหลังเครื่องนี้ใช้วัสดุเป็น Faux Leather เหมือนของ Note3 แต่ถูกจับมาขยายขนาดให้กว้างมากขึ้น โดยส่วนตัว เจน สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ซึ่งพูดได้ว่ามันหรูหรา ไฮโซขึ้น ขนลุกเลยคะ ด้านบนจะมีกล้องหลังที่ให้ความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED ที่สว่างวาบแบบขาวนวล ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย (อันนี้ก็เว่อร์ไป๊) ยังมีอะไรอีกมั้ย? .... ยังมีสิ สำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้จะมีตัวปุ่มกลมๆ ซ้ายขวา แต่ไม่ได้เอาไว้กดเล่นนะครับ แต่ว่ามันเป็นแม่เหล็กแห่งโลกในอนาคตที่สามารถดูดเข้ากับเคส ได้อีกด้วย Ohhh !!
ทีนี้เรามาลุยกันต่อที่ฟังก์ชั่นด้านในของตัวนี้
- รองรับ 4G LTE โทรศัพท์ได้ (ถ้าใส่ซิม ^^ ใส่ได้ 1 ซิม นะจ๊ะ)
- CPU QuadCore 1.9 กิ๊ก + QuadCore Processor 1.3 กิ๊ก
- แรม 3 กิ๊ก
- ระบบปฏิบัติการ Android KitKat 4.4.2
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 10.5 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (Full HD 1920x1080 พิกเซล)
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
- หน่วยความจำในตัวเครื่องมีให้เลือก 16 กิ๊ก และ 32 กิ๊ก
- เพิ่มการ์ดได้สูงสุด 128 กิ๊ก
- แบตเตอรี่ความจุ 7,900 มิลิแอมป์
อย่างที่บอกครับรุ่นนี้มีดีที่จอแบบ Super AMOLED จะบอกว่าหลังจากที่ลองเล่นมาซักนิดนึงก่อนทำรีวิวตัวนี้ รู้สึกได้ถึงความสดของสี ความชัดและความจริงของภาพสูงมาก ผมตกตะลึงเหมือนโดนสกิลสตั้น ไป 3 วิ ตั้งแต่กดปุ่มพาวเวอร์และปรากฏหน้าสกรีนโผล่ขึ้นมา หึหึ โดนใจตรงที่ความละเอียดสูงกว่า Full HD นี่แหละ หึหึ ชัดระดับขนหน้าแข้งมดก็ยังเห็น หึหึ (อันนี้เป็นภาพที่ผมแคปจากหน้าจอมานะ)
มาพูดถึงกล้องกันบ้างดีฟ่า กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลัง 2.1 ล้านพิกเซล ไม่อยากอธิยายด้วยตัวหนังสือมาก อธิบายด้วยรูปแล้วกันนะครับ ซ้ายกล้องหลัง ขวากล้องหน้า
สำหรับฟีเจอร์ล้ำยุค อย่าง Ultra Power Saving Mode หรือ โหมดประหยัดไฟสูงสุด โคตรจะประหยัดพลังงาน พอเข้าไปที่ฟีเจอร์นี้ มันจะบอกเลยว่า แบตเหลือกี่ % และ อยู่ได้กี่วัน อย่างตอนที่ผมทำอยู่นี้แบตเหลือ 58% แจ้งว่าเวลาพร้อมใช้งานสูงสุดโดยประมาณ 14.9 วัน บร๊ะเจ้า!! เกือบ 15 วัน ครึ่งเดือน!! ทิ้งสายชาร์ตให้ปลวกแทะได้เลย และระบบปลดล็อกด้วยนิ้วมือ หรือ แม้แต่ Private Mode จากรุ่น Galaxy S5 เค้าใส่มาให้ครบ จะเรียกว่าเป็น Galaxy S5 แบบขยายใหญ่ก็ว่าได้ ทำให้ Tab S ตัวนี้ลูกเล่นจี๊ดจ๊าด จัดจ้าน แพรวพราว ฟรุ้งฟริ้ง ที่สุดในตลาดแท๊ปเล็ตอยู่ในขณะนี้
เหอๆ เหนื่อยเนอะ การรีวิวคนเดียวมันเหนื่อยแท้แลจับกังจริงๆ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกขนาด 10.5 มากกว่า 8.4 ที่มีขนาดเล็กกว่า และเบากว่า ว่ากันซื่อๆ เลยครับ ก็มันเป็นแท็บเล็ตนี่นา แท็บเล็ตคือแท็บเล็ตครับ และผมมีสมาร์ทโฟนแล้วหนึ่งตัว เพราะฉะนั้นให้เลือกแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่อยากเลือกครับ ผมเลือกที่มันทำให้ผมรู้สึกแตกต่างดีกว่า หมายถึงขนาดนะ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ จริงๆ นะ) ส่วนคนที่เลือก 8.4 ผมว่าก็ดีครับ เบากว่า พกพาง่ายกว่า ราคาเบากว่า แต่ไม่ใหญ่สะใจแค่นั้นเอง อิอิ ผมชอบเล่นเกมส์อะครับ เลยต้องจัดใหญ่จัดเต็ม (อีกหนึ่งข้อดีของการใช้ตัว 10.5 ก็คือ เวลาคุณสร้างแลนด์มาร์คในเกมเศรษฐี แล้วดันกดผิดเพราะหน้าจอที่เล็กเกินไป ปัญหานี้จะหมดไป จริงๆ ไม่เชื่อลองดู 5555+) ขอบคุณสำหรับการทนอ่านรีวิวครั้งแรกในชีวิตของผม ขาดตกบกพร่องประการใด ทุกประการ วอนขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ