คุณยายวัย 60 ปี พาลูกสาววัย 22 ปี ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม ใส่รถเข็นที่มุงหลังคา เข็นจากจังหวัดอุดรธานี เพื่อไปตามหาญาติที่กรุงเทพมหานคร แบบค่ำไหนนอนนั่น โดยนอนตามป้อมยามบ้าง ตามปั๊มน้ำมันบ้าง และดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเก็บของเก่าขาย นำเงินมาซื้ออาหารประทังชีวิต
จากการสอบถามคุณยายชื่อ นางพรพิมล ฤาโอภาส เล่าถึงสาเหตุที่ต้องนำลูกสาวใส่รถเข็น แล้วเข็นไปตามท้องถนนมุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ ว่า ตนเป็นชาวกรุงเทพฯ พบรักกับสามี เป็นคนเมืองอุดรธานี ซึ่งลงไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ ปี 2535 ตนได้คลอดลูกสาวแต่โชคร้ายลูกสาวพิการเป็นดาวน์ซินโดรม พอปี 2540 ได้พาครอบครัวย้ายกลับมาที่ จ.อุดรธานี และสร้างบ้านบนที่ดินของพ่อแม่สามี ต่อมาปี 2549 สามีได้เสียชีวิตด้วยโรคตับแข็ง หลังไม่มีสามีแล้ว ตนก็ได้พาลูกไปทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิต และมีเงินคนพิการช่วยเดือนละ 500 บาท เพราะลูกพิการและดื้อมากจึงถูกให้ออกจากงาน ต้องออกเร่ร่อนเก็บของเก่าจากกองขยะไปขายเรื่อยๆ จนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนและลูกได้กลับมาบ้าน แต่บ้านได้ถูกญาติของสามีรื้อทิ้งไปหมด ญาติสามีไม่ยอมให้อยู่ด้วย เพราะสามีเป็นแค่ลูกที่เก็บมาเลี้ยงเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิในมรดกของพ่อแม่ ตนจึงไปขอความช่วยเหลือจาก อบต.ให้ช่วยสร้างบ้านให้ด้วย แต่ อบต.บอกว่าตนไม่มีที่ดิน จึงสร้างบ้านให้ไม่ได้
นางพรพิมล เล่าต่อไปว่าเมื่อญาติสามีไม่ให้อยู่ด้วย หน่วยงานราชการก็ช่วยไม่ได้ จึงตัดสินใจนำเงินที่เก็บไว้ 2,400 บาท มาจ้างช่างต่อรถเข็นเพื่อตระเวนไปเก็บของเก่าขายเลี้ยงลูก โดยตั้งใจว่าจะขึ้นรถไฟฟรี และนำรถเข็นขึ้นรถไฟไปด้วย โดยเสียค่าละวาง แต่เจ้าหน้าที่รถไฟ บอกว่า รถเข็นของตนมีความยาวมากไป จึงไม่รับขึ้นรถไฟ ทำให้ตนตัดสินใจนำลูกใส่รถเข็นและเข็นไปตามท้องถนนตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน แบบค่ำไหนนอนนั่น เดินไปเรื่อยๆ ไปให้ถึงกรุงเทพวันไหนก็ช่าง ซึ่งตนมีญาติอยู่แถวปากเกร็ด จ.นนทบุรี อยู่ที่นั่นมีญาติพี่น้อง คงหาเงินง่าย คิดว่าคงจะไม่อดตายอย่างแน่นอน
#ข่าวข้นรับอรุณ (ภาพข่าวจาก : เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์)
หากซ้ำต้องขออภัยด้วยค่ะ ใครเจอคุณยายช่วยส่งยายแกด้วยนะค่ะ พอดีเห็นคนแชร์กันในเฟส สงสายคุณยาย หัวอกคนเป็นแม่
คุณยายวัย 60 ปี พาลูกสาววัย 22 ปี ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม
จากการสอบถามคุณยายชื่อ นางพรพิมล ฤาโอภาส เล่าถึงสาเหตุที่ต้องนำลูกสาวใส่รถเข็น แล้วเข็นไปตามท้องถนนมุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ ว่า ตนเป็นชาวกรุงเทพฯ พบรักกับสามี เป็นคนเมืองอุดรธานี ซึ่งลงไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ ปี 2535 ตนได้คลอดลูกสาวแต่โชคร้ายลูกสาวพิการเป็นดาวน์ซินโดรม พอปี 2540 ได้พาครอบครัวย้ายกลับมาที่ จ.อุดรธานี และสร้างบ้านบนที่ดินของพ่อแม่สามี ต่อมาปี 2549 สามีได้เสียชีวิตด้วยโรคตับแข็ง หลังไม่มีสามีแล้ว ตนก็ได้พาลูกไปทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิต และมีเงินคนพิการช่วยเดือนละ 500 บาท เพราะลูกพิการและดื้อมากจึงถูกให้ออกจากงาน ต้องออกเร่ร่อนเก็บของเก่าจากกองขยะไปขายเรื่อยๆ จนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนและลูกได้กลับมาบ้าน แต่บ้านได้ถูกญาติของสามีรื้อทิ้งไปหมด ญาติสามีไม่ยอมให้อยู่ด้วย เพราะสามีเป็นแค่ลูกที่เก็บมาเลี้ยงเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิในมรดกของพ่อแม่ ตนจึงไปขอความช่วยเหลือจาก อบต.ให้ช่วยสร้างบ้านให้ด้วย แต่ อบต.บอกว่าตนไม่มีที่ดิน จึงสร้างบ้านให้ไม่ได้
นางพรพิมล เล่าต่อไปว่าเมื่อญาติสามีไม่ให้อยู่ด้วย หน่วยงานราชการก็ช่วยไม่ได้ จึงตัดสินใจนำเงินที่เก็บไว้ 2,400 บาท มาจ้างช่างต่อรถเข็นเพื่อตระเวนไปเก็บของเก่าขายเลี้ยงลูก โดยตั้งใจว่าจะขึ้นรถไฟฟรี และนำรถเข็นขึ้นรถไฟไปด้วย โดยเสียค่าละวาง แต่เจ้าหน้าที่รถไฟ บอกว่า รถเข็นของตนมีความยาวมากไป จึงไม่รับขึ้นรถไฟ ทำให้ตนตัดสินใจนำลูกใส่รถเข็นและเข็นไปตามท้องถนนตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน แบบค่ำไหนนอนนั่น เดินไปเรื่อยๆ ไปให้ถึงกรุงเทพวันไหนก็ช่าง ซึ่งตนมีญาติอยู่แถวปากเกร็ด จ.นนทบุรี อยู่ที่นั่นมีญาติพี่น้อง คงหาเงินง่าย คิดว่าคงจะไม่อดตายอย่างแน่นอน
#ข่าวข้นรับอรุณ (ภาพข่าวจาก : เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์)
หากซ้ำต้องขออภัยด้วยค่ะ ใครเจอคุณยายช่วยส่งยายแกด้วยนะค่ะ พอดีเห็นคนแชร์กันในเฟส สงสายคุณยาย หัวอกคนเป็นแม่