(24 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนสายมิตรภาพ เส้นทางช่วงอุดรธานี-ขอนแก่น ได้พบเห็นหญิงสูงวัยกำลังเข็นรถเข็นมุงหลังคาที่ลูกสาวป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม เดินเท้าอยู่ริมถนนทางหลวง สร้างความเวทนาสงสารแก่ผู้ที่เห็นเป็นอย่างมาก เมื่อสอบถามจึงทราบว่าทั้ง 2 กำลังเดินเท้าไปกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวพยายามเรียกและเข้าไปสอบถามเรื่องราวอยู่สักพัก กว่าหญิงสูงวัยจะยอมหยุดเดินและพูดคุยกับผู้สื่อข่าว จากการสอบสวนทราบว่า หญิงสูงวัยคนดังกล่าวคือ นางพรพิมล ฤาโอภาส อายุ 60 ปี ส่วนหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถเข็นโครงเหล็กมุงหลังคาคือ ลูกสาววัย 22 ปี ซึ่งเป็นโรคดาวน์ซินโดรม ทั้ง 2 ออกเดินเท้ามาจาก ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี หลังจากที่ญาติฝ่ายสามีไม่อนุญาตให้ร่วมอยู่อาศัยชายคาเดียวกัน
นางพรพิมล เปิดเผยว่า กำลังเดินทางเข็นลูกสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะตัวเองเป็นคนกรุงเทพฯ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน พบรักกับสามีที่เป็นคนอุดรธานี จึงได้โยกย้ายมาสร้างครอบครัวที่ที่ดินของพ่อแม่ของสามี จ.อุดรธานี และมีลูกสาวเป็นดาวน์ซินโดรม ต่อมาเมื่อปี 2549 สามีเสียชีวิตจากโรคตับแข็ง ตนก็กระเตงลูกสาวไปหาทำงานรับจ้างเพื่อประทังชีวิต แต่ก็ทำไม่ได้นานนัก มักจะถูกออกจากงาน เนื่องจากต้องพาลูกสาวติดตัวไปด้วยตลอด โชคดีที่ยังมีเบี้ยช่วยเหลือคนพิการ เดือนละ 500 บาท ตนจึงหาเก็บขยะเก็บของเก่านำไปขายแทน
นางพรพิมล เล่าอีกว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อยู่ๆ ญาติฝ่ายสามีก็รื้อบ้านและทรัพย์สินที่อยู่ออกหมด ไม่อนุญาตให้ร่วมชายคาเดียวกัน ตนจึงจำเป็นต้องเอาเก็บเงินที่มีไปจ้างช่างต่อรถเข็นโครงเหล็ก เพื่อนำลูกสาวเดินทางกลับกรุงเทพฯ เดิมจะโดยสารรถไฟฟรีเข้ากรุง แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำรถเข็นขึ้นไปด้วย จึงตัดสินใจนำลูกสาวใส่รถเข็นเดินเท้าไปตามถนนใหญ่ ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา มีเงินติดตัวเพียง 40 บาท ต้องหาเก็บขยะและของเก่าไปขายแลกเงินประทังชีวิตไปวันๆ ชีวิตค่ำไหนนอนนั่น
อย่างไรก็ตาม นางพรพิมล ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไม่ว่าจะถึงเมื่อไหร่ก็ตาม เพราะเชื่อว่าตัวเองกับลูกสาวต้องอยู่รอด เนื่องจากยังพอมีญาติและคนรู้จักพอที่จะช่วยเหลือและให้ที่พักอาศัยได้บ้าง
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจากรายการ เช้านี้ที่หมอชิต ทางช่อง 7 สี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นับถือหัวใจของคุณแม่ท่านนี้มากครับ มีลูกเป็นดาว์นฯ ก็ถือว่าต้องดูแลมากกว่าปรกติแล้ว ยังโดนญาติสามีใจดำไล่ออกจากบ้านอีก
ใครผ่านไปเจอ ช่วยๆสองแม่ลูกกันคนละไม้ละมือนะครับ จะพาไปส่ง ให้อาหาร ช่วยค่าใช้จ่าย หรือ มีงาน มีที่พักให้สองชีวิตนี้อยู่ต่อสู้ไปอีก ก็จะดีมากๆครับ ถือว่าช่วยคนได้กุศลกับตนเองครับ
คุณป้าหัวใจแกร่ง ไม่ทิ้งลูกดาว์นฯ ญาติสามีไล่ออกจากบ้านต้องเดินเท้าหลายร้อยกิโลเข้า กรุงเทพฯ...
ผู้สื่อข่าวพยายามเรียกและเข้าไปสอบถามเรื่องราวอยู่สักพัก กว่าหญิงสูงวัยจะยอมหยุดเดินและพูดคุยกับผู้สื่อข่าว จากการสอบสวนทราบว่า หญิงสูงวัยคนดังกล่าวคือ นางพรพิมล ฤาโอภาส อายุ 60 ปี ส่วนหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถเข็นโครงเหล็กมุงหลังคาคือ ลูกสาววัย 22 ปี ซึ่งเป็นโรคดาวน์ซินโดรม ทั้ง 2 ออกเดินเท้ามาจาก ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี หลังจากที่ญาติฝ่ายสามีไม่อนุญาตให้ร่วมอยู่อาศัยชายคาเดียวกัน
นางพรพิมล เปิดเผยว่า กำลังเดินทางเข็นลูกสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะตัวเองเป็นคนกรุงเทพฯ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน พบรักกับสามีที่เป็นคนอุดรธานี จึงได้โยกย้ายมาสร้างครอบครัวที่ที่ดินของพ่อแม่ของสามี จ.อุดรธานี และมีลูกสาวเป็นดาวน์ซินโดรม ต่อมาเมื่อปี 2549 สามีเสียชีวิตจากโรคตับแข็ง ตนก็กระเตงลูกสาวไปหาทำงานรับจ้างเพื่อประทังชีวิต แต่ก็ทำไม่ได้นานนัก มักจะถูกออกจากงาน เนื่องจากต้องพาลูกสาวติดตัวไปด้วยตลอด โชคดีที่ยังมีเบี้ยช่วยเหลือคนพิการ เดือนละ 500 บาท ตนจึงหาเก็บขยะเก็บของเก่านำไปขายแทน
นางพรพิมล เล่าอีกว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อยู่ๆ ญาติฝ่ายสามีก็รื้อบ้านและทรัพย์สินที่อยู่ออกหมด ไม่อนุญาตให้ร่วมชายคาเดียวกัน ตนจึงจำเป็นต้องเอาเก็บเงินที่มีไปจ้างช่างต่อรถเข็นโครงเหล็ก เพื่อนำลูกสาวเดินทางกลับกรุงเทพฯ เดิมจะโดยสารรถไฟฟรีเข้ากรุง แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำรถเข็นขึ้นไปด้วย จึงตัดสินใจนำลูกสาวใส่รถเข็นเดินเท้าไปตามถนนใหญ่ ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา มีเงินติดตัวเพียง 40 บาท ต้องหาเก็บขยะและของเก่าไปขายแลกเงินประทังชีวิตไปวันๆ ชีวิตค่ำไหนนอนนั่น
อย่างไรก็ตาม นางพรพิมล ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไม่ว่าจะถึงเมื่อไหร่ก็ตาม เพราะเชื่อว่าตัวเองกับลูกสาวต้องอยู่รอด เนื่องจากยังพอมีญาติและคนรู้จักพอที่จะช่วยเหลือและให้ที่พักอาศัยได้บ้าง
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจากรายการ เช้านี้ที่หมอชิต ทางช่อง 7 สี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นับถือหัวใจของคุณแม่ท่านนี้มากครับ มีลูกเป็นดาว์นฯ ก็ถือว่าต้องดูแลมากกว่าปรกติแล้ว ยังโดนญาติสามีใจดำไล่ออกจากบ้านอีก
ใครผ่านไปเจอ ช่วยๆสองแม่ลูกกันคนละไม้ละมือนะครับ จะพาไปส่ง ให้อาหาร ช่วยค่าใช้จ่าย หรือ มีงาน มีที่พักให้สองชีวิตนี้อยู่ต่อสู้ไปอีก ก็จะดีมากๆครับ ถือว่าช่วยคนได้กุศลกับตนเองครับ