เล่ม 1 เล่ม 2
เล่ม 3 บทที่
1 2 3 4 5 6
ใครที่พอรู้ญี่ปุ่น น่าจะรู้แล้วแหละว่าบทนี้คือยังไง
บทนี้ความจูนิเบียวทะลุขีด แปลแบบงงๆ ไปเยอะเหมือนกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 7 เดสุเดบิรุ
ですでびる
ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ทำการซ้อมกันตามปกติเลยแม้แต่ครั้งเดียว ––––––– จนมาวันที่ 8 กันยายน
ซึ่งเป็นวันก่อนเริ่มงานวัฒนธรรม
หลังจบหยุดฤดูร้อน ก็เปิดเรียนมาได้สัปดาห์นึงแล้ว แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนว่าเวลามันผ่านเพิ่มไปอีกสัปดาห์นึงแล้วเลย
งานอีเว้นท์ใหญ่ที่เรียกว่างานวัฒนธรรมได้ใกล้เข้ามาแล้ว ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศของตัวงานอยู่ทุกวี่วัน
และงานอีเว้นท์ที่ว่านี้ ก็จะเป็นกิจกรรมอย่างสุดท้ายของชมรมการละครอันเป็นเอกเทศด้วย
การซ้อมละครก็ไม่ได้มีซ้อมกันเลยซักนิดจริงๆ แต่ก็ยังต้องมารวมตัวกันทุกวันด้วยเหตุผลบางอย่าง
และในวันนี้ หลังจากเสร็จกิจกรรมชมรมนั้น ผมก็กำลังอยู่ระหว่างทางกลับจากโรงเรียนด้วยกันกับริกกะ
“วันนี้เองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลย ทั้งอัลก้าซังแล้วก็เซียสต้าซังนี่แข็งแกร่งจริงๆ เลยล่ะ!” [Note: シエスタさん Siesta-san เป็นชื่อที่ริกกะเรียกคุมิน เพราะ Siesta แปลว่างีบหลับ]

ริกกะพูดออกมาอย่างสนุกสนาน
การที่ได้เห็นเธอเป็นแบบนั้นนี่เป็นอะไรที่ล้ำค่าสำหรับผมเลยล่ะ
พึ่งจะรู้ตัวเองนี่แหละว่าการได้เห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของริกกะนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากที่สุดเลยจริงๆ
คงต้องบอกว่าดีจริงๆ ที่ได้มาเข้าร่วมทำกิจกรรมกับชมรมการละครอันเป็นเอกเทศน่ะนะ
พอมาลองนึกย้อนดูนิดหน่อยแล้ว ––––––– ถึงกิจกรรมของชมรมการละครอันเป็นเอกเทศที่ไม่มีแม้แต่การซ้อมละครกันเหมือนชมรมตามปกติกันซักนิดเดียวนั้น
หลังจากวันที่ได้รู้ว่าจะไม่มีการทำการซ้อมกันเหมือนทั่วๆ ไปนั้น ––––––– หรือก็คือวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน
เพราะเป็นวันหยุด ก็เลยไม่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมชมรมกันที่โรงเรียนได้ ก็เลยโดนเรียกให้ไปรวมตัวกัน โดยสถานที่ที่ไปกันก็คือ ร้านคาราโอเกะ
แล้วก็ทำการแข่งร้องคาราโอเกะกันในหมู่สมาชิกทุกคน
รุ่นพี่อามานิจิ ได้กล่าวเป็นเชิงเหตุผลเอาไว้ว่า “ก่อนอื่นก็ต้องฝึกการออกเสียงกัน แต่ถ้าฝึกออกเสียงกันตามแบบปกติมันก็ไม่น่าจะสนุกซักเท่าไร เพราะงั้นก็ต้องคาราโอเกะนี่ล่ะ นอกจากนั้น ก็ไม่มีสถานที่ไหนที่จะทำให้ได้เห็น tokushu seiheki ในตัวบุคคลได้ดีเท่าที่คาราโอเกะแล้วล่ะนะ!” [Note: 特殊性癖 tokushu seiheki ตามที่เคยอธิบายไว้ในบทที่ 3 ที่ว่าคล้ายๆ พวก –phobia, -philia หรือมีนิสัยอะไรประหลาดๆ ครับ ตัวอย่างตัวละคร ก็ Amatsuka Mao จาก GJ-bu]
ก็นะ
มันก็เป็นไปตามความตั้งใจของรุ่นพี่เลย เพราะ tokushu seiheki(?) ของสมาชิกทุกคนนั้นก็ได้ถูกเปิดเผยออกมากันจริงๆ
อย่างริกกะเองก็แน่นอนว่าชอบเลือกร้องเพลงที่มันมีคำสนทนาแทรกอยู่ในตัวเพลง แถมร้องไป ทำท่าทำทางไปอยู่คนเดียวอีกด้วย (ซึ่งก็เป็นที่ต้องตาและน่าพึงพอใจสำหรับสมาชิกชมรมการละครอันเป็นเอกเทศดีเลยล่ะ) หรืออย่างรุ่นพี่อามานิจิเองที่ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหนๆ เป็นต้องกลายร่างเป็นมนุษย์โยกหัวไปซะทุกครั้งเลย [Note: ヘッドバンキング head banging พวกชอบโยกหัวเวลาฟังดนตรีร๊อค อยากให้ดูคลิป เพราะจริงจังโคตรๆ !!]
พออยู่ต่อหน้า 2 คนนั่นแล้วทำเอาทั้งผมและชิชิมิยะดูหมองไปเลย ไม่เกี่ยวกับเพราะรู้สึกอายจนไม่กล้าแสดงออกมาหรืออะไรเลยด้วย
รุ่นพี่คุมินเองหลังจากที่ร้องไปได้หลายเพลงแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเพราะถึงเวลาหรือยังไง แต่จู่ๆ เธอก็ผล็อยหลับไปเลย
นอนหลับในที่แบบนั้นได้นี่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
อาจเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของ tokushu seiheki ที่ถูกเผยออกมากันนี่เลยล่ะ
แล้ววันถัดมาหลังจากนั้น ––––––– ช่วงเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 5 ถึงวันที่ 7 กันยายน เราก็มารวมตัวกันที่ห้องผู้อำนวยการเพื่อทำชุดสำหรับใส่แสดง
รุ่นพี่อามานิจิได้กล่าวไว้ว่า “หลังจากที่ได้รับบทบาทไปคนละบทแล้ว ก็ได้เวลาที่จะต้องมาทำชุดสำหรับใส่แสดงกันแล้วล่ะนะ! คนที่ทำชุดออกมาได้อลังการสมกับชื่อชมรมการละครอันเป็นเอกเทศที่สุด จะเป็นผู้ชนะไปนะ!”
ถ้ามองในมุมนั้นมันก็รู้สึกมีเหตุผลอยู่เหมือนกันแฮะ
เพราะเดิมทีที่คนเดียวรับแสดง 2 บทบาทน่ะ เพื่อที่จะทำการแสดงได้ ชุดที่ใช้แสดงก็คงทำได้เต็มที่แค่การหาของประดับเล็กๆ น้อยๆ มาติดเข้ากับชุดนักเรียนเท่านั้นแหละ (แถมที่ว่าจะทำแบบ Guerilla ด้วยยิ่งวุ่นวายใหญ่) [Note: เข้าใจว่าหมายถึงเวลาเปลี่ยนไปแสดงอีกบทนึง จะได้เปลี่ยนองค์ประกอบชุดง่ายๆ ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งชุด จะได้แยกตัวละครออก เช่น ใส่หมวก กับถอดหมวก]
แต่ถ้าเป็นแต่ละคนแสดงแค่คนละ 1 บทบาท ก็จะสามารถใส่ชุดที่ดูดีเหมาะสมกับบทบาทไปเลย ทำให้คนดูแยกออกได้ชัดเจนว่าใครเล่นเป็นตัวละครตัวไหน
เพราะแบบนั้น ก็เลยกลายเป็นว่าสมาชิกทุกคนต่างก็มาช่วยกันทำชุดสำหรับแสดงขึ้นมากันเอง
ในช่วง 3 วันนั้น การได้ทำชุดแสดงไปด้วย พูดคุยกันไปด้วยอย่างออกรสไปด้วยนี่ ทำให้ตัวผมเองก็รู้สึกสนุกมากๆ เหมือนกัน
ผมนั้นก็ช่วยทั้งที่ฝีมือเย็บปักถักร้อยก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่พอมาร่วมกับความสามารถในการตัดเย็บเสื้อผ้าที่ไม่ธรรมดาของริกกะ และความอัจฉริยภาพในด้านนี้ที่ชิชิมิยะแสดงออกมาได้อย่างไม่แพ้กัน พอมารวมกับเซ้นส์เรื่องสีสันสุดอลังการ(ในความหมายในทางไม่ดีนิดหน่อย)แล้ว ก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำออกมานั้นดูดีใช้ได้เลยทีเดียว
ส่วนรุ่นพี่คุมินนั้น ––––––– มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่เธอตั้งใจตัดเย็บชุดอย่างจริงจังโดยไม่มีไปงีบหลับอะไรเลย แถมยังดูเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างผิดคาดเลยด้วย ผมก็เลยลองถามดู แล้วเธอก็ตอบกลับมาอย่างภาคภูมิใจว่า “เพราะมีทำปลอกหมอนอยู่แล้วด้วยน่ะ ก็เลยเย็บปักถักร้อยเป็นไงล่ะ”

ดูเหมือนว่าเหล่าสาวๆ ที่เย็บปักถักร้อยเป็นจะยังไม่สูญสิ้นไปสินะเนี่ย
เวลา 3 วันอาจจะดูน้อยไปนิด แต่ในที่สุดเราก็ทำชุดสำหรับใส่แสดงที่เหมาะสมกับบทบาทของแต่ละคน (ต้องบอกว่าเหมาะสมกับลักษณะนิสัยของแต่ละคนน่าจะถูกมากกว่า) เสร็จเรียบร้อย แล้วในวันนี้ วันที่ 8 กันยายน ก็เลยมีเล่นเกมแข่งกันที่ห้องของผู้อำนวยการ
รุ่นพี่อามานิจิได้กล่าวไว้ประมาณว่า “ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวายกันอยู่แบบนี้ แล้วเรากลับมาเล่นเกมกันแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาเลยนะ รู้สึกเหมือนกับตอนที่เล่นสนุกอย่างเต็มที่ในวันก่อนสอบแบบนั้นเลยล่ะ ดังนั้น มาเล่นสนุกกันให้เต็มที่ไปเลยกันเถอะ!”
ว่าแล้วก็เริ่มการเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน ––––––– และก็แน่นอนว่าไม่มีใครสู้ริกกะได้เลย
ไร้คู่ต่อกรเลยจริงๆ
เราเลือกเล่นเกมที่สามารถเล่นได้ 5 คนพร้อมกัน ซึ่งก็คือ Bomberman 3 (ซึ่งเป็นของส่วนตัวของผู้อำนวยการทั้งหมด) แต่ขนาดว่าให้เจอกัน 1 ต่อ 4 ก็ยังโดนริกกะไล่ต้อนซะราบคาบเลยอยู่ดี
แน่นอนว่าคนที่ดูจะสนุกที่สุดก็คือริกกะนี่แหละ
ก็นะ พอลองนึกย้อนกลับไปดูก็เลยพอจะเข้าใจได้ที่ริกกะดูมีความสุขขนาดนี้
ผมเองก็รู้สึกสนุกเหมือนกัน
(Chuunibyou LN Vol 3) บทที่ 7 เดสุเดบิรุ
เล่ม 3 บทที่ 1 2 3 4 5 6
ใครที่พอรู้ญี่ปุ่น น่าจะรู้แล้วแหละว่าบทนี้คือยังไง
บทนี้ความจูนิเบียวทะลุขีด แปลแบบงงๆ ไปเยอะเหมือนกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้