อย่าเลยอย่าได้อยากมาเป็นเมียคนต่างชาติเพื่อที่จะปรับชีวิตให้หรูขึ้น
หลายคนอาจมองว่าการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมันหวู่หว้าหรูหร่า!! ความเป้นจริงแล้วมันก้อไม่แตกต่างจากการใช้ชีวิตอยุ่เมืองไทยสักเท่าไหร่เลย มีค่าที่ต้องจ่ายมากมายเช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าประกันชีวิตทั้งสิ่งของรถยนต์ ถ้ามีบ้านก้อค่าหนี้ ถ้าไม่มีก้อค่าเช่า ถ้ารถไม่มีก้อค่ารถ ค่าน้ำมันค่าเดินทางค่ากินค่าอยู่ สรุปแล้ว ฟังดูคล้ายๆๆไหม??
ถ้ามีคนมาบอกถึงความเป็นอยู่ที่น่าทึ่งพิศวงของการอยู่ต่างแดนของเค้าพึงรู้ไว้ว่าเค้าคงไม่ได้ออกไปข้างนอกคล่ะกับบ้านเมืองอย่างแท้จริง เพียงแต่เดาๆๆเอาหรือไม่ก้อพยายามตบตาตนเองเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับสิ่งที่ได้ยินมามันคนล่ะเรื่อง เช่น มีคนอาศัยอยู่ท้องถนนในเมืองใหญ่ๆๆๆในประเทศออสเตรเลียเยอะมาก ที่รู้เพราะเคยไปชื้อขนมปังที่ร้านเบเกอรี่ อยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งน่ะ - ที่นี้ร้านเบเกอรี่ก็เหมือนร้านอาหารตามสั่งแถวบ้านเราที่ขายขนมปังเค้กพายแซนวิสสาระพัดยกเว้นอาหารตามสั่งและก้วยเตี๋ยวบ้านเรา ที่มีพวกนี้เพราะมีคนนิยมชื้อกันและเป็นอาหารที่เค้ากินกัน ไม่ได้เป็นอะไรที่เริดหรู่เหมือนเมืองไทยสักหน่อย- ไปชื้อขนมปังร้านนี้ชึ่งเป้นเวลาใกล้ปิดแล้ว ได้ยินคนที่เป้นเจ้าของร้านชึ่งถือไม้ถูพื้นเพื่อที่จะเช็ดพื้นเพื่อจะปิดร้านตะโกนบอกพนักงานว่า " Get fresher bread on your right! เอาขนมปังที่อบใหม่ด้านขวาน่ะ ( ประมาณนี้แหล่ะ) " คนที่ขายก้อทำตาม ไอ้เราขี้สงสัยเพราะไอ้ที่ยื่นให้นั้นต้องตัดเป็นแผ่นแล้วยังไม่ใส่ถุงเลย เลยถาม ได้ความว่าขนมปังที่ใส่ถุงนั้นมันเก่าแล้วจะมีคนที่อยู่แถวนี้มาเอาเป็นอาหารของเค้า ไอ้เราก้อมองดูรอบๆๆ คือที่ยื่นอยู่เป็นจุดศูนย์การค้าไม่มีที่พักหรือบ้านพักไหนเลย
เมื่อสอบถามไปๆๆมาๆๆได้เรื่องว่า มีคนที่ไม่มีบ้านอยู่อาศัยนี้คือไม่มีอะไรเลย ในปี 2004ใน Melbourne จำนวนของผู้ที่อาศัยข้างถนนคือ 4000 จากจำนวนประชากร สามล้านกว่าๆนี้แค่เมลเบิรน์น่ะ มีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่ช่วยกันสร้างที่พักชั่วคราวให้ บางคนพ่อแม่ขี้ยาข่มขืนลูกเลยต้องหนี้ออกจากบ้าน แก้งค้ายาแจกจ่ายยาให้เด็กวัยรุ่นพอติดยาเข้าก็ข่มขืนใช้เป็นโสเภณีเพื่อเก็บเรี่ยไพ บางแก้งฝึกให้เด็กเป็นขี้ขโมยเพื่อนำเงินมาประทังใช้ยาชีวิตตนเองและนำมาชื้อยาค้าเถื่อนเป็นกำไร เด็กบางคนต้องหนีหัวซุกหัวซุนหาที่อยู่
ที่น่าเศร้าคือฝาหรั่งบางคนที่ไปเที่ยวเมืองไทยพอมีเงินเก็บเล็กน้อยเนื่องจากค่าเงินไทยมันถูก เลยทำให้ฝาหรั่งมั่งค่าบางคนเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นเศรษฐีเมื่อแลกเงินจากเงินประเทศเค้าห้าร้อยดอลล์กลายเป็นเงินหมื่นที่สามารถทำอะไรก้อได้ภายในไม่กี่อาทิตย์ก้อกลับบ้านมีสภาพความเป็นอยู่ที่เรียกว่าเดิมๆ จ่ายค่านั้นนี้บางคนต้องรวมจ่ายค่าบัตรเครดิตที่ใช้ในตอนไปเที่ยวเมืองไทย ถ้าจะเปรียบประเทศดั่งเดิมเค้าในการใช้เงินห้าร้อยดอลล์ไปฮอลิเดย์คงใช้ได้แค่ไม่กี่วันอาหารต้องกินแบบยอมๆไม่สามารถไปร้านอาหารจ่ายสุรุ่ยสุร่ายเหมือนตอนที่อยู่เมืองไทยไม่
สิ่งที่เขียนไปไม่ได้หลบหลู่ดูหมิ่นชาวต่างชาติเพียงแต่อยากเตือนสาวไทยใจกล้าที่มองไม่เห็นปลายเท้าของหนุ่มไทยที่จินตนาการว่าการมาต่างประเทศคือสวรรค์จริงๆแล้ว จริงๆๆๆแล้วอยากขอเตือนเพราะคือคื้อคือ เป็นการหนีเสือปะจรเข้แท้ๆๆ
การแต่งงานคือการใช้ชีวิตร่วมกันใช่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ไม่ พอร่วมตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันคือต้องช่วยกันสร้างช่วยกันทำช่วยกันออมถึงจะมีอย่างที่ทั้งคู่วาดหวังไว้ ก็เหมือนกับทุกคนต้องทำงาน งานหนักงานเบางานขี้หมูขี้หมาคือเป็นการใช้แรงเราแลกเงินเพื่อประทังชีวิตไปวันๆๆ ไม่มีใครดีเด่นไปกว่าใครในโลกนี้ คือคนเหมือนกันกินขี้ตดหายใจเหมือนกัน. สำหรับคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์นั้นถ้าขาดแรงงานขี้หมูขี้หมา งานก็หาใช่เดินได้ ทุกคนพึ่งซึ่งกันและกันไม่มีใครเด่นกว่าใคร prince กะ princess ถ้าไม่มีคนยกย่องก้อจะเป็น prince and princess ไม่ได้ก้อเป้นได้แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เดินดินกินขี้หายใจตดเหมือนกับคนอื่นๆๆ
อยากให้สาวไทยใช้วิจารณญานในการเลือกชีวิตคู่หาใช่ความเข้าใจผิดไม่ ขอบคุณมากค่ะที่อ่าน
อย่าเลยอย่าได้มาเป็นเมียต่างชาติเพื่อที่จะปรับชีวิตให้หรูขึ้น!!!!
อย่าเลยอย่าได้อยากมาเป็นเมียคนต่างชาติเพื่อที่จะปรับชีวิตให้หรูขึ้น
หลายคนอาจมองว่าการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมันหวู่หว้าหรูหร่า!! ความเป้นจริงแล้วมันก้อไม่แตกต่างจากการใช้ชีวิตอยุ่เมืองไทยสักเท่าไหร่เลย มีค่าที่ต้องจ่ายมากมายเช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าประกันชีวิตทั้งสิ่งของรถยนต์ ถ้ามีบ้านก้อค่าหนี้ ถ้าไม่มีก้อค่าเช่า ถ้ารถไม่มีก้อค่ารถ ค่าน้ำมันค่าเดินทางค่ากินค่าอยู่ สรุปแล้ว ฟังดูคล้ายๆๆไหม??
ถ้ามีคนมาบอกถึงความเป็นอยู่ที่น่าทึ่งพิศวงของการอยู่ต่างแดนของเค้าพึงรู้ไว้ว่าเค้าคงไม่ได้ออกไปข้างนอกคล่ะกับบ้านเมืองอย่างแท้จริง เพียงแต่เดาๆๆเอาหรือไม่ก้อพยายามตบตาตนเองเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับสิ่งที่ได้ยินมามันคนล่ะเรื่อง เช่น มีคนอาศัยอยู่ท้องถนนในเมืองใหญ่ๆๆๆในประเทศออสเตรเลียเยอะมาก ที่รู้เพราะเคยไปชื้อขนมปังที่ร้านเบเกอรี่ อยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งน่ะ - ที่นี้ร้านเบเกอรี่ก็เหมือนร้านอาหารตามสั่งแถวบ้านเราที่ขายขนมปังเค้กพายแซนวิสสาระพัดยกเว้นอาหารตามสั่งและก้วยเตี๋ยวบ้านเรา ที่มีพวกนี้เพราะมีคนนิยมชื้อกันและเป็นอาหารที่เค้ากินกัน ไม่ได้เป็นอะไรที่เริดหรู่เหมือนเมืองไทยสักหน่อย- ไปชื้อขนมปังร้านนี้ชึ่งเป้นเวลาใกล้ปิดแล้ว ได้ยินคนที่เป้นเจ้าของร้านชึ่งถือไม้ถูพื้นเพื่อที่จะเช็ดพื้นเพื่อจะปิดร้านตะโกนบอกพนักงานว่า " Get fresher bread on your right! เอาขนมปังที่อบใหม่ด้านขวาน่ะ ( ประมาณนี้แหล่ะ) " คนที่ขายก้อทำตาม ไอ้เราขี้สงสัยเพราะไอ้ที่ยื่นให้นั้นต้องตัดเป็นแผ่นแล้วยังไม่ใส่ถุงเลย เลยถาม ได้ความว่าขนมปังที่ใส่ถุงนั้นมันเก่าแล้วจะมีคนที่อยู่แถวนี้มาเอาเป็นอาหารของเค้า ไอ้เราก้อมองดูรอบๆๆ คือที่ยื่นอยู่เป็นจุดศูนย์การค้าไม่มีที่พักหรือบ้านพักไหนเลย
เมื่อสอบถามไปๆๆมาๆๆได้เรื่องว่า มีคนที่ไม่มีบ้านอยู่อาศัยนี้คือไม่มีอะไรเลย ในปี 2004ใน Melbourne จำนวนของผู้ที่อาศัยข้างถนนคือ 4000 จากจำนวนประชากร สามล้านกว่าๆนี้แค่เมลเบิรน์น่ะ มีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่ช่วยกันสร้างที่พักชั่วคราวให้ บางคนพ่อแม่ขี้ยาข่มขืนลูกเลยต้องหนี้ออกจากบ้าน แก้งค้ายาแจกจ่ายยาให้เด็กวัยรุ่นพอติดยาเข้าก็ข่มขืนใช้เป็นโสเภณีเพื่อเก็บเรี่ยไพ บางแก้งฝึกให้เด็กเป็นขี้ขโมยเพื่อนำเงินมาประทังใช้ยาชีวิตตนเองและนำมาชื้อยาค้าเถื่อนเป็นกำไร เด็กบางคนต้องหนีหัวซุกหัวซุนหาที่อยู่
ที่น่าเศร้าคือฝาหรั่งบางคนที่ไปเที่ยวเมืองไทยพอมีเงินเก็บเล็กน้อยเนื่องจากค่าเงินไทยมันถูก เลยทำให้ฝาหรั่งมั่งค่าบางคนเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นเศรษฐีเมื่อแลกเงินจากเงินประเทศเค้าห้าร้อยดอลล์กลายเป็นเงินหมื่นที่สามารถทำอะไรก้อได้ภายในไม่กี่อาทิตย์ก้อกลับบ้านมีสภาพความเป็นอยู่ที่เรียกว่าเดิมๆ จ่ายค่านั้นนี้บางคนต้องรวมจ่ายค่าบัตรเครดิตที่ใช้ในตอนไปเที่ยวเมืองไทย ถ้าจะเปรียบประเทศดั่งเดิมเค้าในการใช้เงินห้าร้อยดอลล์ไปฮอลิเดย์คงใช้ได้แค่ไม่กี่วันอาหารต้องกินแบบยอมๆไม่สามารถไปร้านอาหารจ่ายสุรุ่ยสุร่ายเหมือนตอนที่อยู่เมืองไทยไม่
สิ่งที่เขียนไปไม่ได้หลบหลู่ดูหมิ่นชาวต่างชาติเพียงแต่อยากเตือนสาวไทยใจกล้าที่มองไม่เห็นปลายเท้าของหนุ่มไทยที่จินตนาการว่าการมาต่างประเทศคือสวรรค์จริงๆแล้ว จริงๆๆๆแล้วอยากขอเตือนเพราะคือคื้อคือ เป็นการหนีเสือปะจรเข้แท้ๆๆ
การแต่งงานคือการใช้ชีวิตร่วมกันใช่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ไม่ พอร่วมตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันคือต้องช่วยกันสร้างช่วยกันทำช่วยกันออมถึงจะมีอย่างที่ทั้งคู่วาดหวังไว้ ก็เหมือนกับทุกคนต้องทำงาน งานหนักงานเบางานขี้หมูขี้หมาคือเป็นการใช้แรงเราแลกเงินเพื่อประทังชีวิตไปวันๆๆ ไม่มีใครดีเด่นไปกว่าใครในโลกนี้ คือคนเหมือนกันกินขี้ตดหายใจเหมือนกัน. สำหรับคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์นั้นถ้าขาดแรงงานขี้หมูขี้หมา งานก็หาใช่เดินได้ ทุกคนพึ่งซึ่งกันและกันไม่มีใครเด่นกว่าใคร prince กะ princess ถ้าไม่มีคนยกย่องก้อจะเป็น prince and princess ไม่ได้ก้อเป้นได้แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เดินดินกินขี้หายใจตดเหมือนกับคนอื่นๆๆ
อยากให้สาวไทยใช้วิจารณญานในการเลือกชีวิตคู่หาใช่ความเข้าใจผิดไม่ ขอบคุณมากค่ะที่อ่าน