สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 180
อ่านแล้วเห็นภาพช่วงชีวิตจากย่ำแย่(เพราะความรัก)
ไปสู่การมองหาสิ่งใหม่ๆเพื่อฉุดตัวเองขึ้น(เงิน)
แต่แล้วกลับดิ่งลงไปหนักกว่าเดิมอีก(ลุ่มหลงไปกับเงินทอง มองคนที่ฐานะ ขาดแคลนความรัก รักคนที่เปลือกนอก)
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าจขกท.เห็นแก่ตัวขึ้นเรื่อยๆ หลอกใช้หัวใจคนอื่นเพื่อสิ่งที่ตัวเองหวังได้ง่ายๆ
(ไล่มาตั้งแต่ไปอยู่มาเลน่ะนะ แต่จริงๆแล้วถ้าโจไม่รวย คุณก็คงไม่ยึดติดกะเขามากขนาดนี้หรอก)
(คือทำงานประเภทนี้ก็เข้าใจในส่วนหนึ่งว่ามันต้องใช้มารยาสาไถอะไรเทือกนี้บ้าง แต่นี่นอกเวลาทำงาน
คุณก็ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อปอกลอกคุณแทนและหนุ่มๆคนอื่น คุณกระหายเงินเกินไปรึเปล่า?)
มันห้ามความรู้สึกลบๆที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านเรื่องราวชีวิตของคุณไม่ได้อ่ะ
หวังว่าในอนาคตคุณคงไม่ไปหลอกใช้ใครอีกนะ สงสารเขา รีบๆเลิกกับแทนเถอะนะ ให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า
ได้มีชีวิตที่ดีกว่าอยู่กับผู้หญิงอย่างคุณ จริงๆคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่อาชีพ ฐานะ หน้าตาหรอก
อยู่ที่ความคิดทัศนคติต่างหาก ซึ่งของคุณน่ะมันน่ากลัว..
ไปสู่การมองหาสิ่งใหม่ๆเพื่อฉุดตัวเองขึ้น(เงิน)
แต่แล้วกลับดิ่งลงไปหนักกว่าเดิมอีก(ลุ่มหลงไปกับเงินทอง มองคนที่ฐานะ ขาดแคลนความรัก รักคนที่เปลือกนอก)
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าจขกท.เห็นแก่ตัวขึ้นเรื่อยๆ หลอกใช้หัวใจคนอื่นเพื่อสิ่งที่ตัวเองหวังได้ง่ายๆ
(ไล่มาตั้งแต่ไปอยู่มาเลน่ะนะ แต่จริงๆแล้วถ้าโจไม่รวย คุณก็คงไม่ยึดติดกะเขามากขนาดนี้หรอก)
(คือทำงานประเภทนี้ก็เข้าใจในส่วนหนึ่งว่ามันต้องใช้มารยาสาไถอะไรเทือกนี้บ้าง แต่นี่นอกเวลาทำงาน
คุณก็ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อปอกลอกคุณแทนและหนุ่มๆคนอื่น คุณกระหายเงินเกินไปรึเปล่า?)
มันห้ามความรู้สึกลบๆที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านเรื่องราวชีวิตของคุณไม่ได้อ่ะ
หวังว่าในอนาคตคุณคงไม่ไปหลอกใช้ใครอีกนะ สงสารเขา รีบๆเลิกกับแทนเถอะนะ ให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า
ได้มีชีวิตที่ดีกว่าอยู่กับผู้หญิงอย่างคุณ จริงๆคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่อาชีพ ฐานะ หน้าตาหรอก
อยู่ที่ความคิดทัศนคติต่างหาก ซึ่งของคุณน่ะมันน่ากลัว..
ความคิดเห็นที่ 207
ผมคือคนที่ทำงานกับ คห.ที่ 200 เราทำงานด้วยกันมาสองปีกว่าแล้ว ติดคุกมาเลด้วยกัน 3 วัน ทุกวันนี้ก็ยังทำงานอยู่ด้วยกัน
ผมยืนยันความเห็นของเค้า ผมไม่ใช่นักร้อง ผมเป็นมือกีต้าร์ ผมไปสิงคโปร์มา 4 ครั้งแล้ว ครั้งละ 6 เดือน มีเวิร์คเพอมิตถูกกฏหมายทุกครั้ง ผมเห็นมาหมดทุกอย่าง ตรงนี้จะโฟกัสแค่เรื่องที่ จขกท สื่อออกมา คือเรื่องหญิงไทยที่ทำงานสิงคโปร์ กับผู้ชายสิงคโปร์
ผมมั่นใจว่าประสบการณ์ของผมเยอะกว่า จขกท แน่นอน(แต่ก็มีคนมีประสบการณ์เยอะกว่าผมแน่นอนเหมือนกัน) และผมคุ้นกับบรรยากาศร้านในสิงคโปร์ที่ จขกท เล่ามา มันคือร้าน club embassy ห้องน้ำอยู่ข้างนอก มีโมเดลเกาหลี ไต้หวัน และ ไทย(อาจไม่ใช่ก็ได้ แต่บรรยากาศคุ้นมาก)ผมพูดได้เพราะร้านปิดไปแล้ว เพิ่งปิดไม่นาน
เรื่องที่ จขกท เล่ามา อาจจะแปลกใหม่กับหลายๆคน แต่กับผมและคนที่มาทำงานสิงคโปร์กับมาเล มันคือเรื่องธรรมดามากๆ
ผมเห็นมาเยอะ ทั้งน้อง ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ผม จนรู้สเตปของผู้หญิงไทยและชายสิงคโปร์
ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เหมารวมทุกคน แต่มันคือส่วนใหญ่ หญิงไทยที่ทำงานเป็นได้มาลัยเยอะๆ โดยไม่ต้องเปลืองตัวก็มีอีกเยอะ ชายสิงคโปร์ที่ดีจริงๆ รักจริงหวังคบกันจนแก่เฒ่าก็มีอีกเยอะ
สเตปหญิงไทย
1. มาทำงานครั้งแรก เด๋อๆด๋าๆ ถ้าสวยพอ วันแรกก็ได้มาลัยลอยมาเพียบ ถ้าสวยไม่พอก็กินแห้วไปหลายวัน กว่าจะหาทางออกได้
2. คนที่สวยพอจะเริ่มมีชายสิงคโปร์ถาโถมเค้าใส่แจกมาลัยเยอะมากจนเพื่อนเขม่น ถ้าคนสวยไม่พอจะเริ่มเอาตัวเข้าแลก และเริ่มได้มาลัยมากขึ้น
3. เริ่มหลงเชื่อชายสิงคโปร์ที่ทุ่มทุนสร้าง อย่างว่าเงินมันเยอะยังไงก็ต้องหวั่นไหว ถ้ามีแฟนมาก่อน จะเริ่มห่างแฟนและเลิกกันไปในที่สุด และเป็นสีชมพู วาดฝันถึงเรื่องแต่งงาน ครอบครัวจะสบาย แต่ก็มีบางคนที่แข็งแกร่งพอที่จะไม่หวั่นไหว ผมไม่เหมารวมนะ แต่มันคือส่วนใหญ่
4. คบกับชายสิงคโปร์จนเรียกว่าแฟน และแฟนสิงคโปร์จะมาซัพพอร์ต พาไปบ้านและขอแต่งงาน มาเฝ้าเกือบทุกวัน ไม่ใช่อะไร กลัวคนอื่นมาจีบ
5. ได้กันกับชายสิงคโปร์ หลังจากนั้นบางคนจะโดนห่างเหิน บางคนคบต่อปกติ
6. กลับไทย และชายสิงคโปร์จะตามมาหาที่ไทย
7. กลับไปทำงานสิงคโปร์ต่อ และแฟน จะตามซัพพอร์ตเหมือน เดิม สำหรับคนที่โดนทิ้งจะเริ่มร้ายขึ้น
7.1 คนที่เริ่มร้ายขึ้น มารยาเยอะขึ้นจะคบกับทุกคนที่มีกำลังจ่ายให้ และเริ่มหลอกกินไปเรื่อยกับทุกคน จนกว่าจะเจอคนที่ใช่จริง อาจเป็นได้ ทั้งชายไทยและสิงคโปร์
7.2 คนที่คบต่อ จะถูกขอให้เลิกทำงาน เพราะมันบอกจะเลี้ยงเอง นี่คือการกั๊กไม่ให้ไปเจอคนอื่น
8. แต่งงานและไปๆมาๆระหว่างไทยกับบ้านแฟนที่สิงคโปร์ ซึ่งแฟนจะให้อยู่บ้านเฉยๆ อยากไปไหนมันจะพาไปเอง
9. มีลูกกัน บางคนให้คลอดที่สิงคโปร์ บางคนไล่กลับไปคลอดไทยเพราะกฏหมายสิงคโปร์ยุบยั้บ
9.1 ถึงตอนนี้ ถ้าเจอชายสิงคโปร์ที่ดีจริง เค้าจะคบกันต่อไปอีกนาน
9.2 ชายสิงคโปร์บางคนจะเริ่มห่างเหิน ออกไปเที่ยวทุกวันเหมือนตอนที่ไปจีบคนแรก นั่นคือเริ่มจีบคนใหม่แล้ว แต่ก็ไม่เลิกกับคนเก่าแน่นอนนั่นคือหญิงไทยเหมือนเดิม
10. อยู่บ้ายเฉยเริ่มเบื่อ แฟนก็ไม่ค่อยสนใจ เริ่มขอแฟนกลับมาทำงาน
11. เลิกกัน และกลับมาเพื่อหลอกเงินสิงคโปร์อีกครั้ง
สเตปชายสิงคโปร์ อาจจะสั้นๆ บางข้อก็อาจเหมือนกัน
1. มาเที่ยวร้าน
2. เจอหญิงที่ถูกใจ
3. แจกมาลัยแบบทุ่มทุนสร้าง
4. i love you so much
5. ชวนและเซ้าซี้ที่จะพาไปหา papa mama ช่วงนี้จะสุภาพบุรุษมากๆ
6. พาไปช็อปปิ้ง ไปเที่ยว ต่างๆนาๆ (หญิงไทยประสบการณ์น้อย จะเริ่มเสียตัวช่วงนี้ คนประสบการณ์เยอะ จะไม่ยอมไปคนเดียว จะหิ้วเพื่อนไปด้วยตลอด เพื่อนก็ได้อนิสงค์กินฟรีเที่ยวฟรีไปด้วย)
7. ขอแต่งงาน สาวที่เล่นตัวและมีประสบการณ์พอ จะเริ่มกอบโกยช่วงนี้ เพื่อดึงไว้กินได้เรื่อยๆ
8. ผู้หญิงกลับไทย จะตามไปเที่ยวหา หลายคนจะได้มีอะไรกันช่วงนี้
9. หญิงไทยกลับไปทำงานสิงคโปร์ จะมารับมาส่ง และไปเฝ้าเกือบทุกวัน
10. ขอให้เลิกทำงาน และขอให้ไปอยู่ด้วยกัน
11. คนที่ทำทั้ง 10 ข้อข้างบนไม่สำเร็จก็จะวนลูปไปที่ข้อ 1
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมเห็นจากประสบการณ์การเล่นดนตรีที่สิงคโปร์
สังคมสิงคโปร์ไม่ได้สวยงามไปทั้งหมดอย่างที่หลายๆคนคิด ทุกที่มันมีมุมมืดของมัน
ผมแค่ได้เห็นมุมมืดๆของประเทศนี้มากกว่าใครหลายๆคน คนที่มีประสบการณ์มากกว่าผมก็ยังมีอีกเยอะ บางคนไปทำงาน เป็นสิบครั้งแล้ว บ้างคนได้เวิร์ค 2 ปีก็มี
เสน่ห์ของการมาทำงานประเทศนี้คือ รายได้ที่มหาศาลและหาแทบไม่ได้ที่ไทย ขนาดขี้หมูขี้หมาก็ 4-5 หมื่น ถ้าได้ร้านดีๆ อย่างร้านที่ผมกล่าวไว้ด้านบน ผมเป็นนักดนตรี ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีใครมาจีบ มาติด ยังได้หลักแสนขึ้นไป ผมยังคิดผมจะเล่นดนตรีที่ไทยยังไงให้ได้เงินเดือนเป็นแสน พวกโมเดลเกาหลีร้านนี้ ได้กันเกือบล้านบาท ต่อเดือน สาวไทยฮอตๆหน่อยก็ได้กันหลายแสน มันจึงไม่แปลกอะไรเลยที่คนที่ไม่เข้มแข็งพอจะหลงระเริงไปกับรายได้ ทั้งหญิงทั้งชาย
ผมขอเตือนเหมือน คห. 200 คือ ชายไทยที่แฟนมาบอกว่าจะไปทำงานสิงคโปร์ เป็น โมเดล นักร้อง พีอาร์ โคโยตี้ ถ้าไปเป็นจ๊อบแค่ 10-15 วันไม่เป็นไร ถ้าบอกว่าไปฮอลิเดย์เดือนนึงขึ้นไปหรือไปเวิร์ค 6 เดือน ถ้าคุณให้ไป คุณก็เตรียมตัวโดนทิ้ง และหาแฟนใหม่ได้เลย 95% เป็นเช่นนั้น
ปล. ผมอาจจะมีความเห็นที่ผิดหรือดูมีอคติไปบ้าง ต้องขออภัย แย้งและติติงกันได้
ปล. แก้ไข เพิ่มข้อมูล
ผมยืนยันความเห็นของเค้า ผมไม่ใช่นักร้อง ผมเป็นมือกีต้าร์ ผมไปสิงคโปร์มา 4 ครั้งแล้ว ครั้งละ 6 เดือน มีเวิร์คเพอมิตถูกกฏหมายทุกครั้ง ผมเห็นมาหมดทุกอย่าง ตรงนี้จะโฟกัสแค่เรื่องที่ จขกท สื่อออกมา คือเรื่องหญิงไทยที่ทำงานสิงคโปร์ กับผู้ชายสิงคโปร์
ผมมั่นใจว่าประสบการณ์ของผมเยอะกว่า จขกท แน่นอน(แต่ก็มีคนมีประสบการณ์เยอะกว่าผมแน่นอนเหมือนกัน) และผมคุ้นกับบรรยากาศร้านในสิงคโปร์ที่ จขกท เล่ามา มันคือร้าน club embassy ห้องน้ำอยู่ข้างนอก มีโมเดลเกาหลี ไต้หวัน และ ไทย(อาจไม่ใช่ก็ได้ แต่บรรยากาศคุ้นมาก)ผมพูดได้เพราะร้านปิดไปแล้ว เพิ่งปิดไม่นาน
เรื่องที่ จขกท เล่ามา อาจจะแปลกใหม่กับหลายๆคน แต่กับผมและคนที่มาทำงานสิงคโปร์กับมาเล มันคือเรื่องธรรมดามากๆ
ผมเห็นมาเยอะ ทั้งน้อง ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ผม จนรู้สเตปของผู้หญิงไทยและชายสิงคโปร์
ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เหมารวมทุกคน แต่มันคือส่วนใหญ่ หญิงไทยที่ทำงานเป็นได้มาลัยเยอะๆ โดยไม่ต้องเปลืองตัวก็มีอีกเยอะ ชายสิงคโปร์ที่ดีจริงๆ รักจริงหวังคบกันจนแก่เฒ่าก็มีอีกเยอะ
สเตปหญิงไทย
1. มาทำงานครั้งแรก เด๋อๆด๋าๆ ถ้าสวยพอ วันแรกก็ได้มาลัยลอยมาเพียบ ถ้าสวยไม่พอก็กินแห้วไปหลายวัน กว่าจะหาทางออกได้
2. คนที่สวยพอจะเริ่มมีชายสิงคโปร์ถาโถมเค้าใส่แจกมาลัยเยอะมากจนเพื่อนเขม่น ถ้าคนสวยไม่พอจะเริ่มเอาตัวเข้าแลก และเริ่มได้มาลัยมากขึ้น
3. เริ่มหลงเชื่อชายสิงคโปร์ที่ทุ่มทุนสร้าง อย่างว่าเงินมันเยอะยังไงก็ต้องหวั่นไหว ถ้ามีแฟนมาก่อน จะเริ่มห่างแฟนและเลิกกันไปในที่สุด และเป็นสีชมพู วาดฝันถึงเรื่องแต่งงาน ครอบครัวจะสบาย แต่ก็มีบางคนที่แข็งแกร่งพอที่จะไม่หวั่นไหว ผมไม่เหมารวมนะ แต่มันคือส่วนใหญ่
4. คบกับชายสิงคโปร์จนเรียกว่าแฟน และแฟนสิงคโปร์จะมาซัพพอร์ต พาไปบ้านและขอแต่งงาน มาเฝ้าเกือบทุกวัน ไม่ใช่อะไร กลัวคนอื่นมาจีบ
5. ได้กันกับชายสิงคโปร์ หลังจากนั้นบางคนจะโดนห่างเหิน บางคนคบต่อปกติ
6. กลับไทย และชายสิงคโปร์จะตามมาหาที่ไทย
7. กลับไปทำงานสิงคโปร์ต่อ และแฟน จะตามซัพพอร์ตเหมือน เดิม สำหรับคนที่โดนทิ้งจะเริ่มร้ายขึ้น
7.1 คนที่เริ่มร้ายขึ้น มารยาเยอะขึ้นจะคบกับทุกคนที่มีกำลังจ่ายให้ และเริ่มหลอกกินไปเรื่อยกับทุกคน จนกว่าจะเจอคนที่ใช่จริง อาจเป็นได้ ทั้งชายไทยและสิงคโปร์
7.2 คนที่คบต่อ จะถูกขอให้เลิกทำงาน เพราะมันบอกจะเลี้ยงเอง นี่คือการกั๊กไม่ให้ไปเจอคนอื่น
8. แต่งงานและไปๆมาๆระหว่างไทยกับบ้านแฟนที่สิงคโปร์ ซึ่งแฟนจะให้อยู่บ้านเฉยๆ อยากไปไหนมันจะพาไปเอง
9. มีลูกกัน บางคนให้คลอดที่สิงคโปร์ บางคนไล่กลับไปคลอดไทยเพราะกฏหมายสิงคโปร์ยุบยั้บ
9.1 ถึงตอนนี้ ถ้าเจอชายสิงคโปร์ที่ดีจริง เค้าจะคบกันต่อไปอีกนาน
9.2 ชายสิงคโปร์บางคนจะเริ่มห่างเหิน ออกไปเที่ยวทุกวันเหมือนตอนที่ไปจีบคนแรก นั่นคือเริ่มจีบคนใหม่แล้ว แต่ก็ไม่เลิกกับคนเก่าแน่นอนนั่นคือหญิงไทยเหมือนเดิม
10. อยู่บ้ายเฉยเริ่มเบื่อ แฟนก็ไม่ค่อยสนใจ เริ่มขอแฟนกลับมาทำงาน
11. เลิกกัน และกลับมาเพื่อหลอกเงินสิงคโปร์อีกครั้ง
สเตปชายสิงคโปร์ อาจจะสั้นๆ บางข้อก็อาจเหมือนกัน
1. มาเที่ยวร้าน
2. เจอหญิงที่ถูกใจ
3. แจกมาลัยแบบทุ่มทุนสร้าง
4. i love you so much
5. ชวนและเซ้าซี้ที่จะพาไปหา papa mama ช่วงนี้จะสุภาพบุรุษมากๆ
6. พาไปช็อปปิ้ง ไปเที่ยว ต่างๆนาๆ (หญิงไทยประสบการณ์น้อย จะเริ่มเสียตัวช่วงนี้ คนประสบการณ์เยอะ จะไม่ยอมไปคนเดียว จะหิ้วเพื่อนไปด้วยตลอด เพื่อนก็ได้อนิสงค์กินฟรีเที่ยวฟรีไปด้วย)
7. ขอแต่งงาน สาวที่เล่นตัวและมีประสบการณ์พอ จะเริ่มกอบโกยช่วงนี้ เพื่อดึงไว้กินได้เรื่อยๆ
8. ผู้หญิงกลับไทย จะตามไปเที่ยวหา หลายคนจะได้มีอะไรกันช่วงนี้
9. หญิงไทยกลับไปทำงานสิงคโปร์ จะมารับมาส่ง และไปเฝ้าเกือบทุกวัน
10. ขอให้เลิกทำงาน และขอให้ไปอยู่ด้วยกัน
11. คนที่ทำทั้ง 10 ข้อข้างบนไม่สำเร็จก็จะวนลูปไปที่ข้อ 1
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมเห็นจากประสบการณ์การเล่นดนตรีที่สิงคโปร์
สังคมสิงคโปร์ไม่ได้สวยงามไปทั้งหมดอย่างที่หลายๆคนคิด ทุกที่มันมีมุมมืดของมัน
ผมแค่ได้เห็นมุมมืดๆของประเทศนี้มากกว่าใครหลายๆคน คนที่มีประสบการณ์มากกว่าผมก็ยังมีอีกเยอะ บางคนไปทำงาน เป็นสิบครั้งแล้ว บ้างคนได้เวิร์ค 2 ปีก็มี
เสน่ห์ของการมาทำงานประเทศนี้คือ รายได้ที่มหาศาลและหาแทบไม่ได้ที่ไทย ขนาดขี้หมูขี้หมาก็ 4-5 หมื่น ถ้าได้ร้านดีๆ อย่างร้านที่ผมกล่าวไว้ด้านบน ผมเป็นนักดนตรี ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีใครมาจีบ มาติด ยังได้หลักแสนขึ้นไป ผมยังคิดผมจะเล่นดนตรีที่ไทยยังไงให้ได้เงินเดือนเป็นแสน พวกโมเดลเกาหลีร้านนี้ ได้กันเกือบล้านบาท ต่อเดือน สาวไทยฮอตๆหน่อยก็ได้กันหลายแสน มันจึงไม่แปลกอะไรเลยที่คนที่ไม่เข้มแข็งพอจะหลงระเริงไปกับรายได้ ทั้งหญิงทั้งชาย
ผมขอเตือนเหมือน คห. 200 คือ ชายไทยที่แฟนมาบอกว่าจะไปทำงานสิงคโปร์ เป็น โมเดล นักร้อง พีอาร์ โคโยตี้ ถ้าไปเป็นจ๊อบแค่ 10-15 วันไม่เป็นไร ถ้าบอกว่าไปฮอลิเดย์เดือนนึงขึ้นไปหรือไปเวิร์ค 6 เดือน ถ้าคุณให้ไป คุณก็เตรียมตัวโดนทิ้ง และหาแฟนใหม่ได้เลย 95% เป็นเช่นนั้น
ปล. ผมอาจจะมีความเห็นที่ผิดหรือดูมีอคติไปบ้าง ต้องขออภัย แย้งและติติงกันได้
ปล. แก้ไข เพิ่มข้อมูล
ความคิดเห็นที่ 179
ด้วยความเคารพ นะครับ
ผมแนะนำว่า ควรหันกลับมาอยู๋กับที่บ้านในไทยหาอะไรเล็กๆน้อยทำดีกว่า
เพราะดูลัษณะแล้ว จขกท กำลังถลำลึกลงไปเรื่อยๆ
เมืองไทยนี่ดีสุดแล้ว ถึงแม้จะไม่มีจะกิน แต่มีที่อยู่ มีพ่อแม่ ญาติๆ
มีความอบอุ่น
ตอนนี้ จขกท กำลัง อยู่ในช่วง promotion กับ อาชีพนี้
ด้วยความเคารพจริงๆ
ผมแนะนำว่า ควรหันกลับมาอยู๋กับที่บ้านในไทยหาอะไรเล็กๆน้อยทำดีกว่า
เพราะดูลัษณะแล้ว จขกท กำลังถลำลึกลงไปเรื่อยๆ
เมืองไทยนี่ดีสุดแล้ว ถึงแม้จะไม่มีจะกิน แต่มีที่อยู่ มีพ่อแม่ ญาติๆ
มีความอบอุ่น
ตอนนี้ จขกท กำลัง อยู่ในช่วง promotion กับ อาชีพนี้
ด้วยความเคารพจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 199
ผมอยากจะแชร์เรื่องราวของผมให้คุณลี่ฟังบ้างนะครับ
เรื่องของผมก็คล้ายๆ กับเรื่องของคุณลี่เลย
มีครั้งนึงผมเคยชอบผญ.ทำงานร้านเหล้าคนนึง เธอชื่อ เอ (นามสมมติ)
เอไม่ได้สวยเด่นกว่าใคร แต่เธอเป็นคนที่ยิ้มหวานมาก ผมก็ไปนั่งร้านนั้นอยู่เกือบทุกคืน
จนเพื่อนผมสงสัยว่าทำไมผมหายไปไหนถึงไม่ยอมไปกินเหล้ากับเพื่อน
มันเลยตามผมมาร้านที่ผมชอบไปหาเออยู่ทุกคืน
พอเพื่อนผมเห็นเอ ทุกคนเตือนผมเป็นเสียงเดียวกันว่า.....
"คุยได้ แต่เมิงอย่ารักนะ เด็กพวกนี้รอบจัดกว่าเมิงเยอะ เมิงไม่มีทางไล่ทันหรอก"
แล้วผมก็เริ่มสนิทกับเอมากขึ้นเรื่อยๆ จนชวนกันไปทานข้าวหลังร้านปิด และไปรับไปส่งเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป
วันหยุดผมก็พาไปกินข้าว ดูหนัง ช๊อปปิ้ง
เออยากได้อะไรผมซื้อให้หมด โดยที่นางยังไม่ทันได้ปริปากขอเลย
แค่เอดูกระเป๋าหรืออะไรที่อยากได้หลายรอบ ผมก็ซื้อให้ทันทีเลย
ผมคิดในใจมาตลอดว่า "เด็กที่ทำงานร้านเหล้าไม่ได้แย่อย่างที่เพื่อนผมเตือนไปซะทุกคนหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีคนดีเหลืออยู่บ้าง"
ผมฟังในสิ่งที่เพื่อนผมเตือนนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มรักเอตั้งแต่เมื่อไหร่
ทุกอย่างก็ไปได้สวยในประมาณ 6 เดือนแรก กระหนุงกระหนิงกันตามประสาคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
อยู่มาวันนึงผมต้องเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน ทำให้เวลาทำงานผมเปลี่ยน
จากเดิมที่เคยเจอกันเกือบทุกวัน เลยต้องโทรคุยกันแทน
แต่ผมก็ไม่ลืมวันหยุดของเอ วันไหนที่เอได้หยุดผมก็พาเอไปเที่ยวทุกครั้ง อยากได้อะไรก็ซื้อให้หมดทุกอย่างเหมือนเดิม
แม้ว่าผมจะไม่ว่างหรือติดธุระอะไรสำคัญแค่ไหน ผมก็ทิ้งหมดแล้วพาเอไปพักผ่อน
จนเอบอกว่า "ที่รักทำงานก่อนก็ได้นะ คราวหน้าค่อยพาเอไปเที่ยว เดี๋ยวที่รักจะเสียงาน"
แต่ผมตอบว่า งานผมมีเยอะผมทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ผมมีเอคนเดียวผมต้องดูแลเอให้ดีที่สุด
ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ มันปกติจนผมไม่รู้ตัวเลยว่า
ระหว่างที่ผมไม่ได้เจอเอทุกวันมันทำให้ผมไม่สามารถเชื่อใจเธอได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่เอก็ยังคงทำกับผมอยู่เหมือนเดิม ยิ้มหวาน หัวเราะ สดใส เหมือนอย่างเมื่อก่อน
สิ่งที่เอเปลี่ยนไปคือ เธอเริ่มติดมือถือมากขึ้น และทุกครั้งที่เธอวางมือถือ เธอจะวางคว่ำหน้าลง
แต่ผมก็ยังคงเชื่อใจเออยู่อีกนานมาก โดยคิดไม่ถึงว่าผมกำลังโดนเธอหลอกอยู่
จนวันนึงผมทนกับความสงสัยของตัวเองไม่ได้ ผมแย่งมือถือของเอมาดูขณะที่เอกำลังเล่นไลน์อยู่
(ปกติผมขับรถเอจะไม่เล่นมือถือ เธอจะกินขนม ดูร้านขายของข้างทาง หรือไม่ก็คุยเป็นเพื่อนผม แต่เธอไม่เคยเล่นมือถือตอนอยู่ในรถกับผมเลย)
ผมเลยได้รู้ความจริงว่า ขณะที่เอกำลังเรียกผมว่า "ที่รัก" เธอก็ใช้คำนี้เรียกผู้ชายคนอื่นอีก 3 คนด้วยคำๆ เดียวกัน (รวมผมเป็นคนที่ 4)
ผมเลยตัดสินใจโทรหาผู้ชายอีก 3 คนที่เหลือด้วยความสงสัยว่า เค้าไม่รู้รึยังไงว่าเอมีแฟนแล้ว
เนื่องจากผมเคยซื้อแหวนคู่มาใส่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยกัน
แต่ผลคือผู้ชายทั้งหมดทุกคน(รวมผมด้วย) ต่างฝ่ายก็ต่างไม่รู้ว่าเอกำลังคุยกับหลายๆ คน
และเชื่อว่าเอาต้องคุยมากกว่า 4 คนแน่นอน แค่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมามัดตัวเท่านั้นเอง
และหนึ่งในนั้นมีพี่ซึ่งเป็นนายตำรวจยศสูงคนนึงที่ฟิวขาดไม่พอใจกับการกระทำของเอมาก มากถึงขั้นหวังจะเอาชีวิตเลย
พอมีโอกาสได้มานั่งคุยกันเลยรู้ว่า แต่ละคนเสียเงินให้เอไปหลายแสนบาทกันทุกคน รวมทั้งผมด้วย
ผมรักผู้หญิงคนนี้เพราะรอยยิ้มของเธอ และด้วยความที่เธอเป็นคนเอาใจเก่ง รู้ว่าอยู่กับใครแล้วจะต้องทำตัวยังไงถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
ผลสุดท้ายทุกคนเลยเลิกกับเอหมด จนตอนนี้ผมได้เพื่อนใหม่จากเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้มาเที่ยวด้วยกัน
ผมไม่ได้ตัดสินว่าคุณลี่เป็นคนดีหรือไม่ดีนะครับ
แต่ผมแค่อยากจะแชร์เรื่องราวของผม ซึ่งมันค่อนข้างคล้ายกับเรื่องของคุณลี่
โดยมองมุมมองของของผู้ชายที่รักผู้หญิงซักคนนึงหมดทั้งใจ
แล้วโดนหลอกกลับมาว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนนะครับ
วันนี้มีคนในนี้ที่ยังหวังดีกับคุณลี่เข้ามาเตือนคุณแล้ว
ผมได้แต่หวังว่าคุณลี่คงจะไม่เอาตัวเองถลำลึกไปมากกว่านี้
เหมือนที่คห.179 ได้เตือนคุณเอาไว้นะครับ
ด้วยความเคารพครับคุณลี่
เรื่องของผมก็คล้ายๆ กับเรื่องของคุณลี่เลย
มีครั้งนึงผมเคยชอบผญ.ทำงานร้านเหล้าคนนึง เธอชื่อ เอ (นามสมมติ)
เอไม่ได้สวยเด่นกว่าใคร แต่เธอเป็นคนที่ยิ้มหวานมาก ผมก็ไปนั่งร้านนั้นอยู่เกือบทุกคืน
จนเพื่อนผมสงสัยว่าทำไมผมหายไปไหนถึงไม่ยอมไปกินเหล้ากับเพื่อน
มันเลยตามผมมาร้านที่ผมชอบไปหาเออยู่ทุกคืน
พอเพื่อนผมเห็นเอ ทุกคนเตือนผมเป็นเสียงเดียวกันว่า.....
"คุยได้ แต่เมิงอย่ารักนะ เด็กพวกนี้รอบจัดกว่าเมิงเยอะ เมิงไม่มีทางไล่ทันหรอก"
แล้วผมก็เริ่มสนิทกับเอมากขึ้นเรื่อยๆ จนชวนกันไปทานข้าวหลังร้านปิด และไปรับไปส่งเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป
วันหยุดผมก็พาไปกินข้าว ดูหนัง ช๊อปปิ้ง
เออยากได้อะไรผมซื้อให้หมด โดยที่นางยังไม่ทันได้ปริปากขอเลย
แค่เอดูกระเป๋าหรืออะไรที่อยากได้หลายรอบ ผมก็ซื้อให้ทันทีเลย
ผมคิดในใจมาตลอดว่า "เด็กที่ทำงานร้านเหล้าไม่ได้แย่อย่างที่เพื่อนผมเตือนไปซะทุกคนหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีคนดีเหลืออยู่บ้าง"
ผมฟังในสิ่งที่เพื่อนผมเตือนนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มรักเอตั้งแต่เมื่อไหร่
ทุกอย่างก็ไปได้สวยในประมาณ 6 เดือนแรก กระหนุงกระหนิงกันตามประสาคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
อยู่มาวันนึงผมต้องเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน ทำให้เวลาทำงานผมเปลี่ยน
จากเดิมที่เคยเจอกันเกือบทุกวัน เลยต้องโทรคุยกันแทน
แต่ผมก็ไม่ลืมวันหยุดของเอ วันไหนที่เอได้หยุดผมก็พาเอไปเที่ยวทุกครั้ง อยากได้อะไรก็ซื้อให้หมดทุกอย่างเหมือนเดิม
แม้ว่าผมจะไม่ว่างหรือติดธุระอะไรสำคัญแค่ไหน ผมก็ทิ้งหมดแล้วพาเอไปพักผ่อน
จนเอบอกว่า "ที่รักทำงานก่อนก็ได้นะ คราวหน้าค่อยพาเอไปเที่ยว เดี๋ยวที่รักจะเสียงาน"
แต่ผมตอบว่า งานผมมีเยอะผมทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ผมมีเอคนเดียวผมต้องดูแลเอให้ดีที่สุด
ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ มันปกติจนผมไม่รู้ตัวเลยว่า
ระหว่างที่ผมไม่ได้เจอเอทุกวันมันทำให้ผมไม่สามารถเชื่อใจเธอได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่เอก็ยังคงทำกับผมอยู่เหมือนเดิม ยิ้มหวาน หัวเราะ สดใส เหมือนอย่างเมื่อก่อน
สิ่งที่เอเปลี่ยนไปคือ เธอเริ่มติดมือถือมากขึ้น และทุกครั้งที่เธอวางมือถือ เธอจะวางคว่ำหน้าลง
แต่ผมก็ยังคงเชื่อใจเออยู่อีกนานมาก โดยคิดไม่ถึงว่าผมกำลังโดนเธอหลอกอยู่
จนวันนึงผมทนกับความสงสัยของตัวเองไม่ได้ ผมแย่งมือถือของเอมาดูขณะที่เอกำลังเล่นไลน์อยู่
(ปกติผมขับรถเอจะไม่เล่นมือถือ เธอจะกินขนม ดูร้านขายของข้างทาง หรือไม่ก็คุยเป็นเพื่อนผม แต่เธอไม่เคยเล่นมือถือตอนอยู่ในรถกับผมเลย)
ผมเลยได้รู้ความจริงว่า ขณะที่เอกำลังเรียกผมว่า "ที่รัก" เธอก็ใช้คำนี้เรียกผู้ชายคนอื่นอีก 3 คนด้วยคำๆ เดียวกัน (รวมผมเป็นคนที่ 4)
ผมเลยตัดสินใจโทรหาผู้ชายอีก 3 คนที่เหลือด้วยความสงสัยว่า เค้าไม่รู้รึยังไงว่าเอมีแฟนแล้ว
เนื่องจากผมเคยซื้อแหวนคู่มาใส่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยกัน
แต่ผลคือผู้ชายทั้งหมดทุกคน(รวมผมด้วย) ต่างฝ่ายก็ต่างไม่รู้ว่าเอกำลังคุยกับหลายๆ คน
และเชื่อว่าเอาต้องคุยมากกว่า 4 คนแน่นอน แค่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมามัดตัวเท่านั้นเอง
และหนึ่งในนั้นมีพี่ซึ่งเป็นนายตำรวจยศสูงคนนึงที่ฟิวขาดไม่พอใจกับการกระทำของเอมาก มากถึงขั้นหวังจะเอาชีวิตเลย
พอมีโอกาสได้มานั่งคุยกันเลยรู้ว่า แต่ละคนเสียเงินให้เอไปหลายแสนบาทกันทุกคน รวมทั้งผมด้วย
ผมรักผู้หญิงคนนี้เพราะรอยยิ้มของเธอ และด้วยความที่เธอเป็นคนเอาใจเก่ง รู้ว่าอยู่กับใครแล้วจะต้องทำตัวยังไงถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
ผลสุดท้ายทุกคนเลยเลิกกับเอหมด จนตอนนี้ผมได้เพื่อนใหม่จากเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้มาเที่ยวด้วยกัน
ผมไม่ได้ตัดสินว่าคุณลี่เป็นคนดีหรือไม่ดีนะครับ
แต่ผมแค่อยากจะแชร์เรื่องราวของผม ซึ่งมันค่อนข้างคล้ายกับเรื่องของคุณลี่
โดยมองมุมมองของของผู้ชายที่รักผู้หญิงซักคนนึงหมดทั้งใจ
แล้วโดนหลอกกลับมาว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนนะครับ
วันนี้มีคนในนี้ที่ยังหวังดีกับคุณลี่เข้ามาเตือนคุณแล้ว
ผมได้แต่หวังว่าคุณลี่คงจะไม่เอาตัวเองถลำลึกไปมากกว่านี้
เหมือนที่คห.179 ได้เตือนคุณเอาไว้นะครับ
ด้วยความเคารพครับคุณลี่
ความคิดเห็นที่ 206
น้องกำลังหลงงานกลางคืน หลงเงินนะ งานกลางคืนมันสบาย ได้เงินมาง่าย แต่มันก็หมดได้ง่ายๆเหมือนกัน
แรกเริ่มที่น้องตัดสินใจทำงานกลางคืนเพราะอกหัก หวังที่จะลืมแฟนเก่า แต่โชคดีได้เจอโจ อะไรๆมันเลยง่ายกว่าที่คิด
ในฐานะที่เคยพบเจออะไรประเภทนี่มาเยอะ จะขอเล่าให้ฟัง
มีเด็กสาวที่เคยรู้จักคนนึง หน้าตาน่ารัก น้องเค้าเข้ามาทำงานกลางคืนครั้งแรกเพราะลำบาก บ้านไม่รวย เคยทำงานโรงงานผลิตน้ำยาปรับผ้านุ่ม ค่าแรงวันละสองร้อยห้าสิบ บางวันทำโอก็ได้เพิ่ม น้องบอกว่านั่งแพคถุงจนมือลอก มือพัง นั่งรถผ่านร้านที่เป็นเลาจ์เห็นเค้าติดป้ายรับสมัคร เลยลองมาดู พอมาทำก็ติดใจ งานง่ายๆ กินเหล้า สนุกกับแขก แปปเดียววันนึงได้เป็นพัน เดือนนึงได้หลายหมื่น ถ้ามีลูกค้ามาติด ก็ได้ของ ได้ไปช็อปปิ้ง ได้ไปกินข้าว ถ้าลูกค้าชอบมากก็มีจอง (ลูกค้าจะโทรมาจองกับร้าน ว่าคืนนี้จะเข้าร้าน ล็อกเด็กคนนี้ไว้ให้ด้วย) มีลูกค้าซื้อดื่ม (ลูกค้าจ่ายค่าดื่มทั้งคืน สามารถพาเด็กออกจากร้านไปไหนก็ได้แล้วแต่ตกลงกับเด็ก) จากเด็กสาวนิสัยดี ใสๆคนนึง ที่คิดจะทำไม่จริงจัง กลับถล่ำลึก ลุมหลงไปกับงานที่สบาย เงินที่ได้มาง่ายๆ ของกำนัลต่างๆ กลับกลายเป็นเด็กใจแตก เที่ยวหนักจนไม่มาทำงาน ติดผู้ชาย สุดท้ายก็เล่นยา น่าเสียดายจริงๆ
จริงอยู่ มีผู้หญิงไม่น้อยที่ทำงานกลางคืน แล้วโชคดีเจอลูกค้าดี ลูกค้ารัก ตกลงใจเป็นแฟน คบหากันจริงๆ เลี้ยงดูจนไม่ต้องทำงาน แต่อย่าลืมว่า มันก็มีไม่น้อย ที่หลงอยู่ในวังวงนี้ ทำงาน หลอกลูกค้า ได้เงินมา กิน เที่ยว หนักหน่อยก็เล่นยา ติดผู้ชาย แล้วไอ้ผู้ชายที่ติด ส่วนมากก็ไม่ทำการทำงานด้วยสิ อาศัยใช้เงินกับผู้หญิง เงินที่ผู้หญิงไปหลอก ไปใช้มารยากับแขกมา พอได้มาก็เอามาเลี้ยงดูผู้ชายอีกทีนึง เป็นอย่างนี้ก็มาก
ดูจากที่น้องบอกว่า ไม่อยากทำงานกลางวัน เพราะป.ตรี สตาร์ทก็แค่หมื่นสอง ตรงนี้แหละ ที่คิดว่าน้องเริ่มรักที่จะสบายโดยไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้าแล้ว พี่อยากจะแนะนำ ถ้าน้องอยากจะทำงานกลางคืนจริงๆ น้องทำที่ไทยก็ได้ ไม่ต้องไปถึงสิงคโปร์ถึงมาเลย์หรอก เอาดีๆ บางครั้งทำที่ไทยได้เงินพอๆกับที่นั่นแหละ ไม่ลำบาก ไม่ต้องเสี่ยงจะโดย ตม.จับ พี่อยากแนะนำให้น้องทำงานตอนกลางวัน ตามวุฒิที่อุตส่าห๋ร่ำเรียนจนจบ แล้ว พฤ-ศ-ส. ก็ให้ไปทำนั่งดริ๊งส์ พาร์ทไทม์ แบบนี้น่าจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ถ้าเลิกที่จะทำงานกลางคืน เราก็ยังมีงานกลางวันรองรับ หรือเวลาไปสมัครงานกลางวันที่ใหม่ๆจะได้พอมีประสบการณ์การทำงานมาบ้าง
แรกๆน้องบอกว่าไม่ชอบศัลยกรรม แต่ตอนนี้น้องไปทำคาง ทำหน้ามาแล้ว พี่ว่าอีกสักพัก น้องได้เงินมา น้องคงต้องไปทำอย่างอื่นอีกแน่ๆ คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ มันป็นธรรมดาของงานกลางคืนที่ต้องพรีเซนต์หน้าตา ทรวดทรงเป็นอย่างแรก
พี่เคยเจออะไรแบบนี้มาเยอะ ประสบการณ์สิงคโปร์ก็เคยเจอ แต่มันประมาณ 7-8ปีมาแล้ว ตอนนั้นพี่ว่าเด็กน่าจะได้เยอะกว่านี้ แล้วไม่ต้องแย่งชิงกันมากมาย จะลำบากแค่เวลาเจอตำรวจก็แต่นั้น ตอนนั้นมีร้านที่โกลเด้นไมล์ Thai Disco ไม่รู้ตอนนี้ยังอยู่มั๊ย ช่วงนั้นมีแค่เด็กไทยที่ไปนั่งดริ๊งส์ ไปครั้งแรกฟรีตั๋วเครื่องบินไปกลับ ไปแทค15วัน พักบนโกลเด้นไมล์นั่นแหละ แต่ห้องใหญ่มาก เป็นคอนโดมีห้องนอนเล็กอีก3-4ห้อง นอนห้องละ4คน ห้องใหญ่ก็นอนเยอะหน่อย มีข้าวฟรีให้1มื้อ หลังเลิกงาน เสียค่าหัวให้โม 3000 สมัยนู้นแขกยังไม่รู้มาก เด็กก็ยังไม่เยอะ แทคนึงได้กลับมาเกือบแสน ของฝากเต็มกระเป๋า
พี่รู้จักเด็กนั่งดริ๊งส์เยอะ ได้ดีก็มี เสียก็เยอะ เสียเพราะยา เพราะผู้ชายก็ไม่น้อย บางคนผ่านไป 5-6ปี พี่ยังเห็นทำงานกลางคืนอยู่เลย เด็กรุ่นใหม่ก็มีมาตลอด ถ้าไม่คิดหาอะไรทำรองรับไว้ แล้วถ้าไม่โชคดีเจอลูกค้าเลี้ยงดู อายุมากขึ้นมันจะหากินลำบากนะ
ขอให้น้องโชคดีนะ
แรกเริ่มที่น้องตัดสินใจทำงานกลางคืนเพราะอกหัก หวังที่จะลืมแฟนเก่า แต่โชคดีได้เจอโจ อะไรๆมันเลยง่ายกว่าที่คิด
ในฐานะที่เคยพบเจออะไรประเภทนี่มาเยอะ จะขอเล่าให้ฟัง
มีเด็กสาวที่เคยรู้จักคนนึง หน้าตาน่ารัก น้องเค้าเข้ามาทำงานกลางคืนครั้งแรกเพราะลำบาก บ้านไม่รวย เคยทำงานโรงงานผลิตน้ำยาปรับผ้านุ่ม ค่าแรงวันละสองร้อยห้าสิบ บางวันทำโอก็ได้เพิ่ม น้องบอกว่านั่งแพคถุงจนมือลอก มือพัง นั่งรถผ่านร้านที่เป็นเลาจ์เห็นเค้าติดป้ายรับสมัคร เลยลองมาดู พอมาทำก็ติดใจ งานง่ายๆ กินเหล้า สนุกกับแขก แปปเดียววันนึงได้เป็นพัน เดือนนึงได้หลายหมื่น ถ้ามีลูกค้ามาติด ก็ได้ของ ได้ไปช็อปปิ้ง ได้ไปกินข้าว ถ้าลูกค้าชอบมากก็มีจอง (ลูกค้าจะโทรมาจองกับร้าน ว่าคืนนี้จะเข้าร้าน ล็อกเด็กคนนี้ไว้ให้ด้วย) มีลูกค้าซื้อดื่ม (ลูกค้าจ่ายค่าดื่มทั้งคืน สามารถพาเด็กออกจากร้านไปไหนก็ได้แล้วแต่ตกลงกับเด็ก) จากเด็กสาวนิสัยดี ใสๆคนนึง ที่คิดจะทำไม่จริงจัง กลับถล่ำลึก ลุมหลงไปกับงานที่สบาย เงินที่ได้มาง่ายๆ ของกำนัลต่างๆ กลับกลายเป็นเด็กใจแตก เที่ยวหนักจนไม่มาทำงาน ติดผู้ชาย สุดท้ายก็เล่นยา น่าเสียดายจริงๆ
จริงอยู่ มีผู้หญิงไม่น้อยที่ทำงานกลางคืน แล้วโชคดีเจอลูกค้าดี ลูกค้ารัก ตกลงใจเป็นแฟน คบหากันจริงๆ เลี้ยงดูจนไม่ต้องทำงาน แต่อย่าลืมว่า มันก็มีไม่น้อย ที่หลงอยู่ในวังวงนี้ ทำงาน หลอกลูกค้า ได้เงินมา กิน เที่ยว หนักหน่อยก็เล่นยา ติดผู้ชาย แล้วไอ้ผู้ชายที่ติด ส่วนมากก็ไม่ทำการทำงานด้วยสิ อาศัยใช้เงินกับผู้หญิง เงินที่ผู้หญิงไปหลอก ไปใช้มารยากับแขกมา พอได้มาก็เอามาเลี้ยงดูผู้ชายอีกทีนึง เป็นอย่างนี้ก็มาก
ดูจากที่น้องบอกว่า ไม่อยากทำงานกลางวัน เพราะป.ตรี สตาร์ทก็แค่หมื่นสอง ตรงนี้แหละ ที่คิดว่าน้องเริ่มรักที่จะสบายโดยไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้าแล้ว พี่อยากจะแนะนำ ถ้าน้องอยากจะทำงานกลางคืนจริงๆ น้องทำที่ไทยก็ได้ ไม่ต้องไปถึงสิงคโปร์ถึงมาเลย์หรอก เอาดีๆ บางครั้งทำที่ไทยได้เงินพอๆกับที่นั่นแหละ ไม่ลำบาก ไม่ต้องเสี่ยงจะโดย ตม.จับ พี่อยากแนะนำให้น้องทำงานตอนกลางวัน ตามวุฒิที่อุตส่าห๋ร่ำเรียนจนจบ แล้ว พฤ-ศ-ส. ก็ให้ไปทำนั่งดริ๊งส์ พาร์ทไทม์ แบบนี้น่าจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ถ้าเลิกที่จะทำงานกลางคืน เราก็ยังมีงานกลางวันรองรับ หรือเวลาไปสมัครงานกลางวันที่ใหม่ๆจะได้พอมีประสบการณ์การทำงานมาบ้าง
แรกๆน้องบอกว่าไม่ชอบศัลยกรรม แต่ตอนนี้น้องไปทำคาง ทำหน้ามาแล้ว พี่ว่าอีกสักพัก น้องได้เงินมา น้องคงต้องไปทำอย่างอื่นอีกแน่ๆ คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ มันป็นธรรมดาของงานกลางคืนที่ต้องพรีเซนต์หน้าตา ทรวดทรงเป็นอย่างแรก
พี่เคยเจออะไรแบบนี้มาเยอะ ประสบการณ์สิงคโปร์ก็เคยเจอ แต่มันประมาณ 7-8ปีมาแล้ว ตอนนั้นพี่ว่าเด็กน่าจะได้เยอะกว่านี้ แล้วไม่ต้องแย่งชิงกันมากมาย จะลำบากแค่เวลาเจอตำรวจก็แต่นั้น ตอนนั้นมีร้านที่โกลเด้นไมล์ Thai Disco ไม่รู้ตอนนี้ยังอยู่มั๊ย ช่วงนั้นมีแค่เด็กไทยที่ไปนั่งดริ๊งส์ ไปครั้งแรกฟรีตั๋วเครื่องบินไปกลับ ไปแทค15วัน พักบนโกลเด้นไมล์นั่นแหละ แต่ห้องใหญ่มาก เป็นคอนโดมีห้องนอนเล็กอีก3-4ห้อง นอนห้องละ4คน ห้องใหญ่ก็นอนเยอะหน่อย มีข้าวฟรีให้1มื้อ หลังเลิกงาน เสียค่าหัวให้โม 3000 สมัยนู้นแขกยังไม่รู้มาก เด็กก็ยังไม่เยอะ แทคนึงได้กลับมาเกือบแสน ของฝากเต็มกระเป๋า
พี่รู้จักเด็กนั่งดริ๊งส์เยอะ ได้ดีก็มี เสียก็เยอะ เสียเพราะยา เพราะผู้ชายก็ไม่น้อย บางคนผ่านไป 5-6ปี พี่ยังเห็นทำงานกลางคืนอยู่เลย เด็กรุ่นใหม่ก็มีมาตลอด ถ้าไม่คิดหาอะไรทำรองรับไว้ แล้วถ้าไม่โชคดีเจอลูกค้าเลี้ยงดู อายุมากขึ้นมันจะหากินลำบากนะ
ขอให้น้องโชคดีนะ
แสดงความคิดเห็น
หนีจากไทยไปทำงานกลางคืนที่ สิงคโปร์
ชื่อลี่นะคะ ก่อนหน้านี้เคยมีแฟนคนนึงคบกันมาตั้งแต่เรียนม.ปลาย จนมีเรื่องนึงทำให้เลิกกัน เพราะเค้าไปมีอะไรกับเพื่อนสนิทเรามา ตลอดตั้งแต่เราเรียนปี1โดยที่เราไม่รู้ เราเลยบอกเลิกกับเค้า ถามใครเจ็บ เราเจ็บ ใครร้องไห้ เราร้องไห้ แต่มันคือวิธีการที่ดีที่สุด ณเวลานั้น คือเลิกกัน หัวใจแตกสลาย มองไปทางไหนภาพเก่าๆก็ ย้อนคืนสู่สมอง สู่หัวใจ ยิ่งมองภาพเค้ายิ่งเข้ามา เรานอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ เพราะเราเคยคิดไว้ว่าเค้าคือ คนที่เราไว้ใจ +รัก และ อบอุ่น ปลอดภัย ที่สุดแต่เวลานี้มันไม่ใช่แล้ว แล้วฉันจะทำไงดี มองไปทางไหนมีแต่ภาพเค้า ดีนะที่เรายังไม่มีอะไรกับเค้าเพราะ สาเหตุนี้ เค้าถึงไปมีอะไรกับเพื่อนเรา แต่แค่นี้เราก็รับไม่ได้ละค่ะ เมื่อเราบอกเลิกกับเค้า ถามเค้าเสียใจไหม ตอบเลยไม่ค่ะ เค้าขึ้นสถานะ คบกัน อัพรูปลง ไอจี เฟสบุ้ค ซึ่งถ้าเป็นเราในตอนนั้น รับไม่ได้แน่นอน เสียใจมาก ทำงานไม่ได้ ฟังเพลง รักก็เศร้า กินข้าวก็ร้องไห้ อาบน้ำกลางน้ำตา จนกระทั่งมีเพื่อนเราคนนึงค่ะ แนะนำให้เราไป ต่างประเทศ เราก็งง จะไปเพื่อ?? เงินก็ไม่มี นี่ก็ใชืเงินเก็บไปมากแล้ว แล้วจะไปประเทศอะไร วีซ่าจะผ่านหรอ พาสปอร์ต ก็ ไม่มี เพื่อนเราบอก ไปทำงาน เราถามงานอะไร นางบอก นักร้อง สิงคโปร์ไง มีใบเวิคให้ เวิค 3เดือนกับ 6เดือน เราก็งง มันคืออะไร เพื่อนอธิบายให้ฟังว่า ให้ ทำ พาสปอร์ตให้ เสร็จ แล้วส่งคลิปเสียง ให้บอส บอสคือเจ้าของร้าน แล้วถ้าผ่านเค้าส่งใบเวิค แต่ต้องรอ2 อาทิตย์ แต่แนะนำส่งคลิปเสียงมาก่อน เราก็เลย ส่งไป แล้วรอฟังว่าผ่านไหม พร้อมกับรูป อีกวันนึงเพื่อนบอกผ่าน ให้ทำพาส เราไปทำ และรอใบเวิค และเราก็ถามเพื่อน แล้วภาษาละ เพื่อนบอกที่นั้นใช้ จีนกลาง กับ ภาษาอังกฤษ เราอยากจะบ้าตายค่ะ ภาษาอังกฤษ แย่มาก ตอนเรียนตกตลอด พูดยังไม่รู้เรื่องเลย เพื่อน บอก ไม่มีปัญหา คุย กัน ผ่านกูเกิ้ลแอพแปล ภาษา ได้ค่ะ เพื่อนบอกระหว่างนี้ทำสวยไปเถอะ เราเลยถามเพื่อน ทำงานยังไง เพื่อนบอก ทาเกต 4×××ดอลลาร์ สิงคโปร์ เงินเดือน 1×××ดอลลาร์ สิงคโปร์+คอมมิชชันอีก รวมแล้วมากอยู่ แต่เราก็สงสัยไอทาเกตมันคือ??? เพื่อนบอกมันคือฟาวเวอร์ สายสะพาย จะมีตั้งแต่ 50 $ -5000$ ซึ่ง 1เดือน ต้องทำให้ครบ ตามทาเกตและถ้า ไม่ครบ จะโดนหักเงิน และจะทำยังไงถึงได้ละ ก็ต้องวิ่ง เข้าลูกค้า ดูแล เล่นเกมส์ พอเราร้องเพลง ลูกค้าจะซื้อ ฟาวเวอร์ให้ เราก็เออไป ระหว่างที่เรารอใบเวิค อยู่ที่ไทยเราเศร้ามาก เสียใจ แต่ ก็ เหมือนจุดจุดนึงที่คิดได้ ว่าฉันจะเดินหน้าต่อไป เลยเริ่มดูแลตัวเอง แม่และครอบครัวก็ไม่ได้ว่านะคะ กับการไป ครั้งนี้ และเมื่อวันเดินทางมาถึง เราตื่นเต้นมาก พอไปถึงสนามบิน สิงคโปร์ มีคนมารับ พา ไป บ้าน ที่พัก โหย ลำบากมากค่ะ ณเวลานั้น ที่มองลงไป ห้อง เล็กมาก อัดเตียงสองชั้นไว้ 4 เตียง เหลือแต่ ที่เดินเข้าเตียง แถม สกปรก มาก เตียงเหม็น ผ้าปูที่นอนเลอะประจำเดือน และมี ผญ คนนึงบอกว่า น้ำลองน้ำจากก๊อกกินเลยนะคะ สิงคโปร์ น้ำประปาดื่มได้ เราก็ถึงเวลานั้น หิวมาก เลยต้องกิน อาหารก็แพงมาก แต่เค้าบอก ที่นี่กินข้าวด้วยกัน ซื้อกับข้าวมาทำกัน แล้วหารกัน และห้องน้ำ มี 2 ห้อง ใช้ได้ 1 ห้อง กับ ผู้หญิงไทย 30 คน ใน คอนโด ที่ กินข้าวแทบไม่มี เรา นึกถึงบ้านทันทีเลยค่ะ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ค้องทน และ เค้าถามว่าเราจะเริ่มงาน วันนี้ไหม เราเลยตอบว่า เริ่มเลยค่ะ ไม่อยาก อยู่คนเดียว ไม่อยากรับรู้อะไรหรือ คิดอะไร เกี่ยวกับเค้าอีก เราเลยรีบ อาบน้ำ แต่งตัว เพื่อจะรอรถมารับ เวลา 20.30 และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ค่ะ กับการที่จะได้เจอกับเค้า คนที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันเป็นอย่างมาก