มรสุมชีวิต จากพนง.ประจำเดือนละ 7500 บ. ล่มสลายเพราะธุรกิจเครือข่าย สู้ฝ่าฟัน จนมาเป็นแม่ค้ารายได้เดือนละแสน

สวัสดีค่ะ  ฉันอยากแชร์ประสบการณ์ชีวิตจริงที่ได้ผ่านอุปสรรคชีวิตต่างๆ มากมาย
จากพนักงานประจำเงินเดือนๆละ 7500 บ. หลวมตัวเข้าไปสู่วงการธุรกิจเครือข่าย (
หรือลูกโซ่) ที่หลายคนเข้าใจ จนต้องเกือบหมดตัว
แต่พยายามต่อสู้ จนทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จมีจากการเป็นแม่ค้า จนมีรายได้
เดือนแสน จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองได้

     ขอมอบให้กับทุกคนที่กำลังคิดว่าตัวเองลำบาก ตัวเองไม่มีเวลา ตัวเองท้อแท้นะคะ
หวังว่ามันคงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อย
มันอาจะเป็นบทความที่ไม่สวยงาม ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยเก่งเรียง
ความ แต่ทุกอย่างออกมาจากใจ และเรื่องจริงทุกบรรทัดไม่ได้ปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ

     ตอนนี้ฉันอายุ 32 ปี  ฉันมีน้อง 2 คน น้องสาวเป็นใบ้ และน้องชายอีก 1 คน  เติบ
โตมากับแม่ที่เลี้ยงดูอย่างปากกัดตีนถีบมาตลอด
เพราะพ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่ฉัน ป.1 พ่อเป็นคนเจ้าชู้มาก ไม่เคยส่งเสียเลย  แม่เลี้ยง
ฉันกับน้อง และส่งเสียฉันจนจบ
ป.ตรี (สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์)  ด้วยการทำงานโรงงานเพียงเงินเดือนไม่กี่
พันบาท ฉันไม่อยากเชื่อว่าแม่
ฉันจะเลี้ยงลูก 3 คน มาได้ดีขนาดนี้  แต่ฉันก็ไม่ได้เสียใจ ในชีวิตแบบนี้ แม่จะมี
มอเตอร์ไซด์คันนึงเวลาเราไปไหนก็
จะไปด้วยกัน 4 คนแม่ลูก อัดกันไป ฉันมีความสุขดี  ฉันมีเพื่อนที่ดี และฉันพยายาม
ช่วยแม่ทุกอย่าง เท่าที่ช่วยได้
เช่นทำงานพิเศษตอนเรียน (จ-ศ) และ กู้ยืมเรียน  พอฉันเรียนจบฉันได้งานทำ ณ บ.Q
กับเงินเดือนปริญญาตรี 7500 บ.
ตำแหน่งฝ่ายบุคคล ที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย ชีวิตของครอบครัวฉันก็ดำเนิน
ไปอย่างปกติเหมือนคนอื่นๆ
มีมากบ้างน้อยบ้างตามกำลัง

ปี 2550
       แต่แล้วความสุขเล็กๆ ของครอบครัวฉันก็ถูกฟ้ากลั่นแกล้ง อยู่ดีๆ แม่ฉันป่วย
แล้วเกิดช๊อคและหมดสติ หยุดหายใจไป 15 นาที หมอปั๊มหัวใจ พอฟื้นมาก็จำใครไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
หมอบอกว่าแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด
และมีภาวะสมองฝ่อ ตอนนั้นฉันและน้องๆ เสียใจมากๆ เหมือนเสาหลักของครอบ
ครัวหายไป ฉันจะเลี้ยงน้องยังไง
ฉันจะเดินต่อไปยังไง ฉันจะใช้ชีวิตยังไง ทุกอย่างมันตันไปหมด ฉันแล้วสินะที่
ต้องทำหน้าที่แทนแม่ แต่ก็ยังโชคดี
ที่ตอนนั้นพอมีเงินเดือน เงินเดือนตอนนั้น 10000 บาท แต่ภาระหน้าที่มันใหญ่หลวง
ยิ่งนัก ค่าใช้จ่ายในบ้าน น้อง
ชายกำลังเรียนจบปวส. ค่าใช้จ่ายอาหารแม่ ค่าแพมเพิสแม่ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง บัตรกด
เงินสดทุกใบ ถูกนำออกมาใช้
หมุนเงิน ยอมกู้หนี้ยืมสินดอกร้อยละ 5 7 10 20 เอาหมด หมุนค่าใช้จ่ายที่มากกว่า
รายได้ให้ผ่านพ้นไปทุกๆ เดือน
มันถือว่ามันหนักหน่วงมากสำหรับชีวิตผู้หญิงอายุ 25 อย่างฉัน แต่ในความโชคร้าย
ก็ยังมีความโชคดีอยู่ ฉันมี
น้องสาวที่เป็นใบ้ ที่คอยดูแลแม่ที่ป่วยให้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเวลาไปหางานทำแลก
เงินมาได้ ชีวิตฉันต้องดำเนิน
ไปแบบนี้เรื่อยๆ แต่ฉันก็ไม่ท้อกับภาระหน้าที่ๆ ได้รับมานี้ ฉันพยายามทำหน้าที่
ทุกอย่างแทนแม่ เหมือนที่แม่ทำกับ
ฉันและน้องๆ ไม่ให้ทุกคนต้องลำบาก ฉันเข้าใจเลยว่า คำว่า "แม่ " คืออะไร

ปี 2552
          ฉันได้รับเงินก้อนหนึ่งจากประกันสังคมของแม่ ก็พอใช้หนี้ที่ก่อขึ้นเพื่อการ
ดำรงชีวิตของครอบครัวไปได้ส่วนหนึ่ง ฉันดึงออกมาส่วนหนึ่งเพื่อที่จะให้ฉันคิดทำอะไรเพิ่มให้ได้เงินมามากขึ้น
ฉันจึงตัดสินใจไปลงทุนในธุรกิจเครือข่ายตัวหนึ่ง 4500 บ. ในตอนนั้นฉันทุ่มเทและตั้งใจมากและผลลัพธ์ที่ออกมา
นั้นมันก็ดีมาก เอาของไปขาย
ได้กำไร ได้คอมมิสชั่นต่อเดือนๆละเกือบ 10000 บาท ฉันทุ่มเท ฉันต้องเหนื่อยทำ
งานพิเศษนี้ไปพร้อมๆกับงานประจำ นอนตี 1-2 ตื่น 6 โมง เช้าไปทำงาน เวลางานก็แอบขายของ+หาคนมาทำ
ธุรกิจบ้าง (ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย หากเจ้าของบ.เค้ารู้)
ต้องขอโทษไว้ณที่นี้ด้วยนะคะ   แต่ฉันคิดว่ามันคือทางหนึ่ง ที่น่าจะทำให้ชีวิตคอรบครัวของฉันดีขึ้นกว่าเดิม

เดือน ก.พ. ปี 2553
            ฉันตัดสินลาออกจากงานประจำ (ฝ่ายบุคคล บ. Q ) กับเงินเดือน 11500 บาท
กับอายุงาน 5 ปี  เพราะฉันได้คิดแล้วว่า หากมาทำธุรกิจเครือข่ายตัวนี้ มันคงจะได้มากขึ้นหลายเท่า ครอบครัวฉัน
ต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ฉันต้องมีความสุขมากๆ แน่ๆ
ฉันจึงตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด ฉันได้เงินจากธุรกิจนี้มากขึ้นๆ แต่มันก็ไม่ได้สวย
งามอย่างที่ฉันคิดไว้  เพราะทุกๆบาทที่ฉันได้มา
มันต้องเสียไปกับการทำทีมให้  มันโตขึ้นใหญ่ขึ้น แต่มันก็แลกกับอิสระทางเวลาที่
ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน ณ ตอนนั้นฉันก็ถือว่าฉันประสบความสำเร็จ ฉันเคยได้รับรายได้สูงสุดเดือนละ
50000 บาท อัพไลน์ของฉันเค้าจึงให้ฉันออกรถ
เพื่อสร้างรายได้ให้ฉันมากขึ้น และสร้างภาพว่าธุรกิจที่ฉันทำนั้นใครๆ ก็สามารถทำ
ได้ ฉันจึงต้องตามน้ำคิดแบบนั้น ตอนนั้นมันเหมือนถูกมนต์สะกด
ฉันทำไปได้ยังไง แต่มันก็เหมือนมาถึงขั้นนี้แล้ว มันหยุดไม่ได้แล้ว หยุดคืออดตาย  
ฉันกู้เงิน 40000 บาท จากแม่ของลูกทีมของฉัน (ฟังดูมันแปลกๆมะ) เพื่อจะดันให้ตัวเองมีรถ
ให้ได้ ฉันก็ออกรถมาสด้า 2 ป้ายแดง โดยที่อัพไลน์ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย      

     และแล้วค่ารถงวดแรกก็มาถึง ณ ตอนนั้น
8600 บาท  แต่คอมมิสชั่นในเดือนนั้น 8000 บาท
เอาละสิ เอาที่ไหน จากแหล่งที่จะสามารถสร้างเงินได้  กลับกลายมาเป็นหนี้สินก้อน
ใหม่ซะแล้วฉันต้องเริ่มยืมเงินอีกครั้งกับเพื่อนของฉัน และแล้วภาวะหมุนเงินก็กลับมาอีกครั้ง
มันเริ่มจะไม่สวยงามอย่างที่เราคิดแล้วสิ
ฉันเริ่มท้อหลายครั้งๆๆ แต่ฉันจะทำยังไง ทำอะไร น้องกับแม่ฉันจะอยู่ยังไง มันทำ
ให้ฉันต้องดิ้นรนต่อไป แบบมีบ้าง ไม่มีบ้าง แต่ธุรกิจนี้มันทำให้ฉันต้องสร้างภาพว่าฉันมี ฉันทำได้ หน้าชื่น
ออกตรม มันเป็นแบบนี้นี่เอง  การใช้ชีวิตนี่มันไม่ง่ายเลยนะ บ้างวันแทบไม่ได้เห็นหน้า   แม่กับน้องเลย ออกจาก
บ้านเช้า กลับมาบ้าน ตี 4 ตี 5 ก็นอนกันหมดแล้ว นี่ฉันไม่มีเวลาให้ครอบครัวฉันเลยเหรอเนี่ย ฉันทำไปทำไม ฉันร้องไห้เกือบทุกวัน

ปี 2554
       ฉันอดทนทำทุกอย่าง พยายามให้มันได้เงินมาให้มาที่สุด แต่ยิ่งทำเท่าไหร่ ทำไม
มันยิ่งเป็นหนี้ๆ และเป็นหนี้  หนี้ทุกทาง เงินกินข้าวบ้างวันก็ไม่มี เงินซื้อข้าวจากแบงค์ ก็เริ่มกลายเป็นเศษเหรียญ
1 5 10 บาท  ไม่มีจนขนาดที่จะต้องเอานาฬิกา เอาโน๊ตบุคไปจำนำให้มีเงินมาหมุน ใช้รายวัน หลักร้อย หลักพันก็เอา เคยแม้แต่นับเหรียญสลึงไปแลกเงินในเซเว่น ได้ 25 บ. เพื่อเอามาซื้อข้าว  ฉันร้องไห้เกือบทุกวัน ฉันเคยคิดจะเอาเบื่อหนู ใส่ข้าวให้แม่กับน้องกิน เพื่อจะได้จบปัญหาเหล่านี้ไปซะ  แต่มันก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยร้องไห้

เดือน ส.ค.
   และแล้วฉันก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วดินพอกหางหมู หนี้สินเกือบ 3 แสนบาท มัน
มาจากไหน ค่ารถล่ะ ค่าบ้าน ค่าข้าวแม่กับน้องล่ะ ฉันหยุดไปทำธุรกิจนี้ เริ่มเก็บตัว ไม่รับโทรศัพท์ใคร เริ่มหา
งานทำหางานจากเนต มีบริษัทเรียกสัมภาษณ์บ้าง ปฏิเสธบ้าง

    แต่ในระหว่างนั้นก็มีผู้ชายคนนึงเค้ามาในชีวิตของฉัน (ก็คือ แฟน คนปัจจุบันนี้)  ซึ่งก่อนหน้านี้เราคุยกันเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันมาสักระยะแล้ว
เค้าไม่ใช่คนร่ำรวย เค้าเด็กกว่าฉันอายุเราห่างกัน 5 ปี และเค้าก็เจ็บมาจากธุรกิจเดียวกับที่ฉันเพิ่งจะ
ออกมา ในตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะคบเราจริงไหม คบเราเพื่ออะไร  คบกัน
แล้วจะไปรอดไหม แต่ฉันก็ตัดสินใจเริ่มคบกัน ซึ่งเค้าไม่รังเกียจครอบครัวและ
ภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวของฉัน  เค้าเข้ามาช่วยเท่าที่เค้าช่วยได้ รับฟังและคอยปลอบ
ใจเวลาที่ฉันท้อแท้และร้องไห้

     และเราก็กำลังเริ่มฝ่าฟันชีวิตด้วยกัน เค้าเริ่มมองหาธุรกิจที่จะทำให้เรามีรายได้ให้เร็วที่สุด  
มีเงินกินข้าวกันบ้าง ไม่มีบ้าง ข้าวแกงหนึ่งถุงหน้าปากซอย เราก็กินด้วยกันทั้งบ้าน
มีอะไรก็๋แบ่งกัน เค้าพยามยามหายืมเงินเพื่อมาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านของฉัน เช่นค่ารถ
ค่าบ้าน  เค้าเป้นคนดี ไม่เจ้าชู้ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่ติดเพื่อน ไม่ติดเกม รัก
ครอบครัว ซึ่งฉันไม่คิดว่าจะมีผู้ชายดีๆ แบบนี้หลงเหลืออยู่

เดือนต.ค.
   ฉันผ่านการคัดเลือกจากบ. S ในตำแหน่ง ผช.ผจก.ฝ่ายบุคคล  ต้องบอกว่าฉันโชค
ดีและดีใจมากๆ กับตำแหน่งงานนี้ ต้องบอกว่าฉันโชคดีเพราะว่า ฉันได้
ประสบการณ์จากบ.เก่าๆ มาเยอะมาก การเริ่มต้นใหม่ กับเงินเดือน 23000 บาท ฉัน
ดีใจมากๆ แม่กับน้องฉันมีข้าวกินแล้ว  แต่บริษัทนี้ก็ไกลจากบ้าน 30 กม. ไปกลับก็
60 กม.  แต่ก็ไม่เป็นไรเรามีรถนิ เรามาทำงานได้ ดีกว่าไม่มีงานทำ

   แต่แล้วมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อบริษัทคนไทย เชื้อสายจีนมีนาย 5 คน แต่ละ
คนไม่เหมือนกัน การปกครองที่น่าเบื่อ งานไม่เป็นระบบระเบียบ ตามใจนาย ฝ่าย
บุคคลที่ใหม่ยกชุด ไม่มีใครสอนงานฉัน ฉันต้องเรียนรู้งานเองจากเอกสารเก่าๆ ที่หา
แทบไม่เจอ ตำแหน่งสูงขึ้นภาระหน้าที่มากขึ้น แต่ความกดดันมาจากทุกทาง ไม่ว่า
จะเป็นนายเอาแต่ใจ ไม่มีระบบแต่จะทำให้มีระบบ ลูกน้องที่ใหม่เหมือนกัน อายุ
ใกล้ๆกัน จึงไม่เชื่อถือกัน พนักงานพม่าที่มีปัญหาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาษาและ
เอกสารต่างด้าว ระบบแย่ๆ ทำให้ฉันเครียดหนักมากปวดหัว ร้องไห้ทุกวัน ดูเหมือน
ฉันเป็นคนไม่เอาไหนเลยนะ แต่มันกดดันสุดๆจริงๆ ทำไมฟ้าต้องแกล่งฉันขนาดนี้
ด้วย นี่มันคืออีกบททดสอบของฉันใช่ไหมฟ้า ??? ฉันพยายามทำหน้าที่ของฉันอย่าง
เต็มที่ เต็มความสามารถตามเงินเดือนที่ฉันได้รับ  ทำงานไม่มีโอที กลับบ้านดึก

เดือน ม.ค. 2555
     ฉันอดทนทำงานที่บริษัท S  ได้ 3 เดือน จนถึงเดือน  13 ม.ค 2555 ฉันจึงเขียนใบ
ลาออก ฉันคิดว่าฉันคิดดีแล้ว และทำดีที่สุดแล้ว ฉันคงไม่เหมาะกับการทำงาน
ระบบแบบนี้

     ฉันยอมเลือกที่จะกลับมาทำงานที่บริษัท Q ที่ฉันเคยลาออกมา เพราะมีคนลาออก
ตำแหน่งว่าง และโดยความเมตตาจากท่านประธาน ที่เห็นในความสามารถของฉัน
และประวัติดีๆ ที่ฉันเคยทำไว้เมื่อครั้งก่อน 18 ม.ค. 2555 กับการเริ่มต้นครั้งใหม่
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่