แผนที่ คาลมิเกีย
นับเนื่องเป็นเวลากว่าสองพันห้าร้อยปีแล้ว ที่พระสมณโคดม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทิ้งไว้เพียงพระธรรมอันยิ่งใหญ่มหาศาลเป็นอเนกอนันต์เพื่อเป็นเสมือนหนึ่ง นาวานำเหล่าพุทธศาสนิกชนให้ล่องผ่านปวงกิเลสเพื่อพ้นจากวัฎสงสงสาร
และแม้ว่าต้นกำเนิดแห่งศาสดาของพระพุทธศาสนาจะอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า “ชมพูทวีป” คือในแถบประเทศอินเดีย,เนปาล,ปากีสถาน,อัฟกานิสถาน,บังกลาเทศ และ ศรีลังกา แต่ไม่ใช่ทุกประเทศเหล่านี้ที่พุทธศาสนาจะเบ่งบาน แม้กระทั่ง "เนปาล" สถานที่ประสูติเจ้าชายสิทธัตถะ แห่งศากยวงศ์ มหาบุรุษผู้กลายมาเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหลังนั้น แม้จะมีประชากรผู้นับถือศาสนาพุทธอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ประชากรที่นับถือศาสนาฮินดูก็ยังมีอัตรามากกว่าอยู่ดี ถึงขนาดที่ว่า ก่อนปีพ.ศ. 2549 เนปาลเคยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติเสียด้วยซ้ำ
ศาสนาพุทธ กระจายและเผยแผ่ออกไปเบ่งบานบนดินแดนต่างๆ ของโลก และมีหลายประเทศที่บัญญัติให้กลายเป็นศาสนาประจำชาติ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่าง พม่า , กัมพูชา และไกลออกไปอีกนิดอย่าง ภูฏาน หรือประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งพุทธศาสนาอย่าง “ศรีลังกา”
ทว่าที่หลายคนยังไม่ทราบและเป็นที่น่าสนใจยิ่ง คือในทวีปยุโรป ท่ามกลางความศรัทธาในคริสต์ศาสนานิกายต่างๆ กลับมีดินแดนเล็กๆ แสนสงบ ที่ศาสนาพุทธได้เดินทางไปถึง และผลิบานจนกลายเป็นประเทศที่มีการบัญญัติให้ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจําชาติด้วยเช่นกัน และถือเป็นพุทธมณฑลหนึ่งเดียวในยุโรปอีกด้วย
ประเทศที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ ชื่ออาจจะฟังไม่คุ้นหูนัก...แต่เชื่อเถิดครับ ว่าข้อมูลน่าสนใจอย่างยิ่ง...
วัดทองคำอีลิสตา วัดสำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดวัดหนึ่งในเมืองอีลิสตา เมืองหลวงของคาลมิเกีย
สาธารณรัฐคาลมีเกีย (kalmykia) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสหพันธรัฐรัสเซีย บนพื้นที่ 76,100 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทย 7 เท่า ประชากรที่มีอยู่เบาบางเพียง 3 แสนคน เกินครึ่งสืบเชื้อสายจากชนเผ่ามองโกล คือราวๆ 53 % โดยพวกที่สืบเชื้อสายมองโกลนี้ ถือเป็นชาวคาลมิก ดังนั้นประชากรส่วนใหญ่จึงมีใบหน้าคล้ายชาวจีนทั้งที่อยู่ในยุโรป นอกจากนี้ยังเป็นชาว รัสเซียนราวๆ36 % นอกจากนั้นเป็นพวกเชเชน , คาซัค , ยูเครน , เติร์ก นอกจากนี้ที่แปลกคือ มีชาวเยอรมันด้วย โดยมีสัดส่วนอยู่ 0.6 % หรือประมาณ 1,700 คน
ในเชิงภูมิศาสตร์ คาลมีเกียมีทางออกสู่ทะเลแคสเปี้ยน และ มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย นอกจากนั้นก็ยังมีทะเลสาบอีกหลายแห่ง ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทุ่งกว้าง เหมาะแก่การเพาะปลูก ทำให้พื้นฐานอาชีพหลักของประชากรคือการทำเกษตร สำหรับทรัพยากรธรรมชาติ คาลมีเกียมีทั้งน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยทีเดียว
ส่วนสภาพภูมิอากาศของที่นี่ หน้าร้อนไม่ร้อนจัดนัก สูงสุดที่ประมาณ 24 องศาเซลเซียส ในขณะที่ในฤดูหนาวจะค่อนข้างหนาวมากประมาณ -5 องศาเซลเซียส มีหิมะเล็กน้อย
ในยุคคอมมิวนิสต์ คาลมิเกียก็ตกเป็นอาณานิคมของสหภาพโซเวียต จนเมื่อโซเวียตล่มสลาย และสหพันธรัฐรัสเซียแบ่งการปกครองออกเป็นสาธารณรัฐ คาลมิเกียจึงได้รับการสถาปนาเป็นสาธารณรัฐตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ในมิติแห่งความศรัทธา การหลั่งไหลของพุทธศาสนา เกิดขึ้นพร้อมกับการย้ายถิ่นของผู้คนตั้งแต่การอพยพของชนเผ่ามองโกล ในที่สุดคาลมีเกียก็ได้ประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติตั้งแต่สมัยที่กุบไลข่านเป็นผู้นำชนเผ่ามองโกล
การสืบทอดพระพุทธศาสนาของคาลมีเกีย ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่มีพุทธศาสนาอยู่ในวิถีชีวิต คือสืบทอดกันแบบรุ่นสู่รุ่น นับถือตามพ่อแม่และบรรพบุรุษ จนสุดท้ายก็กลมกลืนไปกับวิถีชีวิต พุทธแบบคาลมีเกียเป็นพุทธแบบมหายาน ดังนั้น นอกเหนือจากพระพุทธเจ้าอันเป็นที่สักการะสูงสุดแล้ว ชาวคาลมิเกียยังเทิดทูนองค์ดาไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบตอย่างมากเช่นเดียวกัน
และนอกจากการกลมกลืนในวิถีชีวิตที่มีศาสนาอยู่ในลมหายใจเข้าออกของคนคาลมิกแล้ว ความเข้มข้นในความศรัทธาของประชากรประเทศคาลมีเกีย ก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก หลังการเดินทางไปคาลมีเกียครั้งแรกขององค์ดาไลลามะ ในปี 1991 ที่สร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้ประชาชนคาลมิกเป็นอย่างมาก ท่านจึงตัดสินใจที่จะฟื้นฟูศาสนาในดินแดนแห่งนี้ โดยแต่งตั้งให้ "เทโล ทุลกู รินโปเช" (Telo Tulku Rinpoche) เป็น “ชาจินลามะ” (ShaJin Lama) หรือ “ผู้นำศาสนา” ในปี 1992 ด้วยวัยเพียง 20 ปีอีกด้วย
ทโล ทุลกู รินโปเช หรือ "ชาจินลามะ" ผู้นำสูงสุดด้านจิตวิญญาณของคาลมิเกีย ที่ได้รับมอบหมายจากองค์ดาไลลามะ ให้มาทำงานในคาลมิเกีย เพื่อฟื้นฟูและทำนุบำรุงพุทธศาสนา
ประเทศนี้ถูกขนานนามว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งหมากรุก" หรือหนักกว่านั้น ถึงขั้นที่มีคนเรียกว่า "นครเมกกะฮ์แห่งหมากรุกสากลเลยทีเดียว" เพราะ ฯพณฯ คีร์ซาน นอกจากจะดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศแล้ว ยังมีความสามารถด้านหมากรุกเป็นเลิศอย่างหาตัวจับยาก เขาเป็นแชมป์หมากรุกสากลตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนที่จะค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวในแวดวงธุรกิจจนกลายเป็นเศรษฐี ก่อนจะก้าวสู่การเมืองและได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 1993 หลังได้รับเลือกตั้ง เขาก็ดำเนินนโยบายโปรโมตให้คาลิเกียเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและดนตรี และที่สำคัญคือการกำหนดนโยบายเพื่อการส่งเสริมการเล่น "หมากรุกสากล"
เขาใช้เงินหลายล้านไปกับการโปรโมตหมากรุก พอๆกับการทำนุบำรุงศาสนา และคาลมิเกียก็น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีนโยบายการศึกษาภาคบังคับที่มีการกำหนดให้เด็ก ป.1 – ป.3 ต้องเรียนวิชาหมากรุก!
ในพื้นที่สาธารณะหลายแห่งของประเทศ ได้จัดสร้างเป็นสนามหมากรุกขนาดใหญ่ที่สวยงาม เพื่อบริการประชาชนที่ชอบมาเล่นและมาดูวิธีการเล่น
ความเก่งกาจของประธานาธิบดีคีร์ซาน ไม่ธรรมดา เพราะล่าสุดเมื่อปีค.ศ.2011 พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียผู้ล่วงลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ได้เคยเชื้อเชิญคีร์ซาน ไปประลองเชิงหมากรุกกันถึงกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย ขณะที่การต่อสู้ระหว่างกองทัพกัดดาฟีกับฝ่ายกบฎเป็นไปอย่างดุเดือด...โดยคีร์ซานได้รับคำเชิญและเดินทางไปพบในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งมิใช่นักการเมือง ทั้งคู่แข่งหมากรุกกัน และแน่นอนว่า ความพ่ายแพ้ตกเป็นของกัดดาฟี...
และด้วยความสามารถอย่างยอดเยี่ยมของผู้นำคาลมิเกียในเชิงหมากรุก จึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ที่ทุกวันนี้ ประธานาธิบดีคีร์ซาน จะควบตำแหน่งประธานสมาพันธ์หมากรุกสากล (FIDE) ที่มีประเทศสมาชิกมากถึง 159 ประเทศ
สาวคาลมิก
ที่มา : เรื่อง www.truelife.com/detail/2873724
en.wikipedia.org/wiki/Kalmyk_people
ภาพ www.kalmykia.eu/2011/results-of-the-contest-beauty-of-kalmykia-2011/
คาลมิเกีย พุทธศรัทธาหนึ่งเดียวในยุโรป
แผนที่ คาลมิเกีย
นับเนื่องเป็นเวลากว่าสองพันห้าร้อยปีแล้ว ที่พระสมณโคดม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทิ้งไว้เพียงพระธรรมอันยิ่งใหญ่มหาศาลเป็นอเนกอนันต์เพื่อเป็นเสมือนหนึ่ง นาวานำเหล่าพุทธศาสนิกชนให้ล่องผ่านปวงกิเลสเพื่อพ้นจากวัฎสงสงสาร
และแม้ว่าต้นกำเนิดแห่งศาสดาของพระพุทธศาสนาจะอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า “ชมพูทวีป” คือในแถบประเทศอินเดีย,เนปาล,ปากีสถาน,อัฟกานิสถาน,บังกลาเทศ และ ศรีลังกา แต่ไม่ใช่ทุกประเทศเหล่านี้ที่พุทธศาสนาจะเบ่งบาน แม้กระทั่ง "เนปาล" สถานที่ประสูติเจ้าชายสิทธัตถะ แห่งศากยวงศ์ มหาบุรุษผู้กลายมาเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหลังนั้น แม้จะมีประชากรผู้นับถือศาสนาพุทธอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ประชากรที่นับถือศาสนาฮินดูก็ยังมีอัตรามากกว่าอยู่ดี ถึงขนาดที่ว่า ก่อนปีพ.ศ. 2549 เนปาลเคยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติเสียด้วยซ้ำ
ศาสนาพุทธ กระจายและเผยแผ่ออกไปเบ่งบานบนดินแดนต่างๆ ของโลก และมีหลายประเทศที่บัญญัติให้กลายเป็นศาสนาประจำชาติ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่าง พม่า , กัมพูชา และไกลออกไปอีกนิดอย่าง ภูฏาน หรือประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งพุทธศาสนาอย่าง “ศรีลังกา”
ทว่าที่หลายคนยังไม่ทราบและเป็นที่น่าสนใจยิ่ง คือในทวีปยุโรป ท่ามกลางความศรัทธาในคริสต์ศาสนานิกายต่างๆ กลับมีดินแดนเล็กๆ แสนสงบ ที่ศาสนาพุทธได้เดินทางไปถึง และผลิบานจนกลายเป็นประเทศที่มีการบัญญัติให้ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจําชาติด้วยเช่นกัน และถือเป็นพุทธมณฑลหนึ่งเดียวในยุโรปอีกด้วย
ประเทศที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ ชื่ออาจจะฟังไม่คุ้นหูนัก...แต่เชื่อเถิดครับ ว่าข้อมูลน่าสนใจอย่างยิ่ง...
วัดทองคำอีลิสตา วัดสำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดวัดหนึ่งในเมืองอีลิสตา เมืองหลวงของคาลมิเกีย
สาธารณรัฐคาลมีเกีย (kalmykia) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสหพันธรัฐรัสเซีย บนพื้นที่ 76,100 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทย 7 เท่า ประชากรที่มีอยู่เบาบางเพียง 3 แสนคน เกินครึ่งสืบเชื้อสายจากชนเผ่ามองโกล คือราวๆ 53 % โดยพวกที่สืบเชื้อสายมองโกลนี้ ถือเป็นชาวคาลมิก ดังนั้นประชากรส่วนใหญ่จึงมีใบหน้าคล้ายชาวจีนทั้งที่อยู่ในยุโรป นอกจากนี้ยังเป็นชาว รัสเซียนราวๆ36 % นอกจากนั้นเป็นพวกเชเชน , คาซัค , ยูเครน , เติร์ก นอกจากนี้ที่แปลกคือ มีชาวเยอรมันด้วย โดยมีสัดส่วนอยู่ 0.6 % หรือประมาณ 1,700 คน
ในเชิงภูมิศาสตร์ คาลมีเกียมีทางออกสู่ทะเลแคสเปี้ยน และ มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย นอกจากนั้นก็ยังมีทะเลสาบอีกหลายแห่ง ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทุ่งกว้าง เหมาะแก่การเพาะปลูก ทำให้พื้นฐานอาชีพหลักของประชากรคือการทำเกษตร สำหรับทรัพยากรธรรมชาติ คาลมีเกียมีทั้งน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยทีเดียว
ส่วนสภาพภูมิอากาศของที่นี่ หน้าร้อนไม่ร้อนจัดนัก สูงสุดที่ประมาณ 24 องศาเซลเซียส ในขณะที่ในฤดูหนาวจะค่อนข้างหนาวมากประมาณ -5 องศาเซลเซียส มีหิมะเล็กน้อย
ในยุคคอมมิวนิสต์ คาลมิเกียก็ตกเป็นอาณานิคมของสหภาพโซเวียต จนเมื่อโซเวียตล่มสลาย และสหพันธรัฐรัสเซียแบ่งการปกครองออกเป็นสาธารณรัฐ คาลมิเกียจึงได้รับการสถาปนาเป็นสาธารณรัฐตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ในมิติแห่งความศรัทธา การหลั่งไหลของพุทธศาสนา เกิดขึ้นพร้อมกับการย้ายถิ่นของผู้คนตั้งแต่การอพยพของชนเผ่ามองโกล ในที่สุดคาลมีเกียก็ได้ประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติตั้งแต่สมัยที่กุบไลข่านเป็นผู้นำชนเผ่ามองโกล
การสืบทอดพระพุทธศาสนาของคาลมีเกีย ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่มีพุทธศาสนาอยู่ในวิถีชีวิต คือสืบทอดกันแบบรุ่นสู่รุ่น นับถือตามพ่อแม่และบรรพบุรุษ จนสุดท้ายก็กลมกลืนไปกับวิถีชีวิต พุทธแบบคาลมีเกียเป็นพุทธแบบมหายาน ดังนั้น นอกเหนือจากพระพุทธเจ้าอันเป็นที่สักการะสูงสุดแล้ว ชาวคาลมิเกียยังเทิดทูนองค์ดาไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบตอย่างมากเช่นเดียวกัน
และนอกจากการกลมกลืนในวิถีชีวิตที่มีศาสนาอยู่ในลมหายใจเข้าออกของคนคาลมิกแล้ว ความเข้มข้นในความศรัทธาของประชากรประเทศคาลมีเกีย ก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก หลังการเดินทางไปคาลมีเกียครั้งแรกขององค์ดาไลลามะ ในปี 1991 ที่สร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้ประชาชนคาลมิกเป็นอย่างมาก ท่านจึงตัดสินใจที่จะฟื้นฟูศาสนาในดินแดนแห่งนี้ โดยแต่งตั้งให้ "เทโล ทุลกู รินโปเช" (Telo Tulku Rinpoche) เป็น “ชาจินลามะ” (ShaJin Lama) หรือ “ผู้นำศาสนา” ในปี 1992 ด้วยวัยเพียง 20 ปีอีกด้วย
ทโล ทุลกู รินโปเช หรือ "ชาจินลามะ" ผู้นำสูงสุดด้านจิตวิญญาณของคาลมิเกีย ที่ได้รับมอบหมายจากองค์ดาไลลามะ ให้มาทำงานในคาลมิเกีย เพื่อฟื้นฟูและทำนุบำรุงพุทธศาสนา
ประเทศนี้ถูกขนานนามว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งหมากรุก" หรือหนักกว่านั้น ถึงขั้นที่มีคนเรียกว่า "นครเมกกะฮ์แห่งหมากรุกสากลเลยทีเดียว" เพราะ ฯพณฯ คีร์ซาน นอกจากจะดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศแล้ว ยังมีความสามารถด้านหมากรุกเป็นเลิศอย่างหาตัวจับยาก เขาเป็นแชมป์หมากรุกสากลตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนที่จะค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวในแวดวงธุรกิจจนกลายเป็นเศรษฐี ก่อนจะก้าวสู่การเมืองและได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 1993 หลังได้รับเลือกตั้ง เขาก็ดำเนินนโยบายโปรโมตให้คาลิเกียเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและดนตรี และที่สำคัญคือการกำหนดนโยบายเพื่อการส่งเสริมการเล่น "หมากรุกสากล"
เขาใช้เงินหลายล้านไปกับการโปรโมตหมากรุก พอๆกับการทำนุบำรุงศาสนา และคาลมิเกียก็น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีนโยบายการศึกษาภาคบังคับที่มีการกำหนดให้เด็ก ป.1 – ป.3 ต้องเรียนวิชาหมากรุก!
ในพื้นที่สาธารณะหลายแห่งของประเทศ ได้จัดสร้างเป็นสนามหมากรุกขนาดใหญ่ที่สวยงาม เพื่อบริการประชาชนที่ชอบมาเล่นและมาดูวิธีการเล่น
ความเก่งกาจของประธานาธิบดีคีร์ซาน ไม่ธรรมดา เพราะล่าสุดเมื่อปีค.ศ.2011 พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียผู้ล่วงลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ได้เคยเชื้อเชิญคีร์ซาน ไปประลองเชิงหมากรุกกันถึงกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย ขณะที่การต่อสู้ระหว่างกองทัพกัดดาฟีกับฝ่ายกบฎเป็นไปอย่างดุเดือด...โดยคีร์ซานได้รับคำเชิญและเดินทางไปพบในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งมิใช่นักการเมือง ทั้งคู่แข่งหมากรุกกัน และแน่นอนว่า ความพ่ายแพ้ตกเป็นของกัดดาฟี...
และด้วยความสามารถอย่างยอดเยี่ยมของผู้นำคาลมิเกียในเชิงหมากรุก จึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ที่ทุกวันนี้ ประธานาธิบดีคีร์ซาน จะควบตำแหน่งประธานสมาพันธ์หมากรุกสากล (FIDE) ที่มีประเทศสมาชิกมากถึง 159 ประเทศ
สาวคาลมิก
ที่มา : เรื่อง www.truelife.com/detail/2873724
en.wikipedia.org/wiki/Kalmyk_people
ภาพ www.kalmykia.eu/2011/results-of-the-contest-beauty-of-kalmykia-2011/