องค์การอนามัยโลกเตือนว่ากำลังมีการซื้อขายเลือดผู้รอดชีวิตจากอีโบลาในตลาดมืดแอฟริกาตะวันตก โดยหวังว่าจะรักษาอาการติดเชื้ออีโบลาได้ แต่การกระทำดังกล่าวกลายเป็นการทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นๆ โดยเฉพาะ HIV
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยรายงานที่พบว่าในหลายประเทศแอฟริกาตะวันตกที่มีการระบาดของอีโบลา ไม่ว่าจะเป็นกินี ไลบีเรีย หรือเซียร์ราลีโอน กำลังมีการซื้อขายเลือดผู้รอดชีวิตจากอีโบลาในตลาดมืดกันอย่างกว้างขวาง เพื่อนำไปฉีดให้แก่ผู้ป่วยที่กำลังติดเชื้อ เนื่องจากเชื่อกันว่าเลือดของผู้ที่หายจากอีโบลา มีแอนติบอดี หรือภูมิต้านทานที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้
วิธีการที่ว่านี้ไม่ได้ทำในแอฟริกาเป็นที่แรก แต่เคยใช้ในการรักษาชาวอเมริกันหลายคนที่ถูกส่งตัวกลับไปรักษาในบ้านเกิดหลังจากติดเชื้อ โดยผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับการรักษาหลายวิธีควบคู่กัน ทั้งการรับยาต้านไวรัสที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง และการรับเลือดจากนายแพทย์เคนท์ แบรนท์ลีย์ ชาวอเมริกันผู้รอดชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาในไลบีเรีย
อย่างไรก็ตาม WHO ยืนยันว่าการรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่มีผลวิจัยที่ยืนยันชัดเจนว่าใช้ได้ผลหรือไม่ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ขั้นตอนการรับเลือดจากผู้รอดชีวิตไปสู่ผู้ที่กำลังติดเชื้ออีโบลาในสหรัฐฯ เกิดขึ้นภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์และพยาบาล ตรงกันข้ามกับการค้าเลือดในตลาดมืด ที่ทั้งผู้ขายและผู้รับเลือดมักไม่ได้เจาะเลือดอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน เช่นการไม่เปลี่ยนเข็ม หรือเจาะเลือดภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดพอ ทำให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อเสี่ยงต่อการติดโรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้รับเลือด ซึ่งจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ เนื่องจากเลือดในตลาดมืดไม่ได้ผ่านการคัดกรองโรคเหมือนเลือดที่ใช้ในโรงพยาบาล
WHO ยังกล่าวอีกด้วยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำเป็นต้องเร่งปราบปรามการค้าเลือดเถื่อนนี้อย่างเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อสุขอนามัยของผู้ป่วยและผู้ขายเลือดแล้ว ยังกลายเป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษา ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ยอมเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง ซึ่งจะยิ่งทำให้การระบาดของโรคเลวร้ายลงอีก
สถานการณ์การระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 2,400 ราย โดยนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวว่าหากไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของโรคได้ในตอนนี้ ก็อาจมีคนอีกนับแสนที่จะติดโรค และทำให้เศรษฐกิจของแอฟริกาตะวันตกล่มสลายลงได้
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าเชื้ออีโบลาอาจกลายพันธุ์ได้ โดยพัฒนาจากการแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากคนหรือสัตว์ที่ป่วยโดยตรง มาเป็นการติดต่อผ่านทางอากาศ ซึ่งจะทำให้การระบาดรวดเร็วและป้องกันยากขึ้นหลายสิบเท่า
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/118107.html
WHO เผยตลาดมืดแอฟริกันค้าเลือดผู้รอดชีวิตอีโบลา
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยรายงานที่พบว่าในหลายประเทศแอฟริกาตะวันตกที่มีการระบาดของอีโบลา ไม่ว่าจะเป็นกินี ไลบีเรีย หรือเซียร์ราลีโอน กำลังมีการซื้อขายเลือดผู้รอดชีวิตจากอีโบลาในตลาดมืดกันอย่างกว้างขวาง เพื่อนำไปฉีดให้แก่ผู้ป่วยที่กำลังติดเชื้อ เนื่องจากเชื่อกันว่าเลือดของผู้ที่หายจากอีโบลา มีแอนติบอดี หรือภูมิต้านทานที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้
วิธีการที่ว่านี้ไม่ได้ทำในแอฟริกาเป็นที่แรก แต่เคยใช้ในการรักษาชาวอเมริกันหลายคนที่ถูกส่งตัวกลับไปรักษาในบ้านเกิดหลังจากติดเชื้อ โดยผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับการรักษาหลายวิธีควบคู่กัน ทั้งการรับยาต้านไวรัสที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง และการรับเลือดจากนายแพทย์เคนท์ แบรนท์ลีย์ ชาวอเมริกันผู้รอดชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาในไลบีเรีย
อย่างไรก็ตาม WHO ยืนยันว่าการรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่มีผลวิจัยที่ยืนยันชัดเจนว่าใช้ได้ผลหรือไม่ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ขั้นตอนการรับเลือดจากผู้รอดชีวิตไปสู่ผู้ที่กำลังติดเชื้ออีโบลาในสหรัฐฯ เกิดขึ้นภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์และพยาบาล ตรงกันข้ามกับการค้าเลือดในตลาดมืด ที่ทั้งผู้ขายและผู้รับเลือดมักไม่ได้เจาะเลือดอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน เช่นการไม่เปลี่ยนเข็ม หรือเจาะเลือดภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดพอ ทำให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อเสี่ยงต่อการติดโรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้รับเลือด ซึ่งจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ เนื่องจากเลือดในตลาดมืดไม่ได้ผ่านการคัดกรองโรคเหมือนเลือดที่ใช้ในโรงพยาบาล
WHO ยังกล่าวอีกด้วยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำเป็นต้องเร่งปราบปรามการค้าเลือดเถื่อนนี้อย่างเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อสุขอนามัยของผู้ป่วยและผู้ขายเลือดแล้ว ยังกลายเป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษา ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ยอมเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง ซึ่งจะยิ่งทำให้การระบาดของโรคเลวร้ายลงอีก
สถานการณ์การระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 2,400 ราย โดยนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวว่าหากไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของโรคได้ในตอนนี้ ก็อาจมีคนอีกนับแสนที่จะติดโรค และทำให้เศรษฐกิจของแอฟริกาตะวันตกล่มสลายลงได้
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าเชื้ออีโบลาอาจกลายพันธุ์ได้ โดยพัฒนาจากการแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากคนหรือสัตว์ที่ป่วยโดยตรง มาเป็นการติดต่อผ่านทางอากาศ ซึ่งจะทำให้การระบาดรวดเร็วและป้องกันยากขึ้นหลายสิบเท่า
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/118107.html