เอเจนซีส์ - WHO ประกาศในวันอังคาร(21)ว่า ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เซรุมที่สะกัดมาจากแอนติบอดี้ของเลือดจะสามารถใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อในไลบีเรียได้ถึงแม้จะมีเสียงความกังวลและไม่แน่ใจจากหลายฝ่าย และ WHOยังหวังว่าจะสามารถเริ่มต้นการทดลองวัคซีนอีโบลา 2 ขนานในแอฟริกาตะวันตกได้ในเดือนมกราคม 2015 ในขณะที่สถานการณ์เซียร์ราลีโอนยังคงวิกฤตหนัก อัตราการเสียชีวิตสูงกว่า 20 คนต่อวัน

(ล่างซ้าย)เคนต์ แบรตลีย์ ผู้ป่วยอีโบลารายแรกในสหรัฐฯที่รอดจากอีโบลา และได้บริจาคเลือดให้กับผู้ป่วยรายอื่น
แพทย์หญิงมาเรีย พอล เคียนี (Marie Paule Kieny) ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายระบบสุขภาพและการค้นคว้าประจำองค์การอนามัยโลก(WHO)
แถลงในกรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้(21) ตั้งความหวังว่าจะสามารถเริ่มต้นการทดสอบวัคซีนอีโบลา 2 ขนานในแอฟริกาตะวันตกภายในเดือนมกราคม 2015
และอาจจะสามารถใช้ “เซรุมเลือดผู้รอดชีวิตจากอีโบลา” เพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในไลบีเรีย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่เกิดวิกฤตระบาดครั้งใหญ่ ได้ภายใน 2 สัปดาห์
ข้างหน้า เพราะวิธีนี้ดูเหมือนมีความสำเร็จมากกว่าในการวิจัยการรักษาโรคอีโบลาอื่นๆ
ทั้งนี้บีบีซีรายงานว่า เคียนีแถลงว่าเซรุมเลือดนี้ถูกพัฒนาเพื่อใช้กับไลบีเรีย ซึ่งผลิตได้จากแอนติบอดี้ที่สะกัดจากเลือดของผู้ป่วยอีโบลาที่ได้รับการรักษาจนหาย
“มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์กับ WHOที่มีความสามารถเข้าถึงใน 3 ประเทศได้เริ่มกระบวนการสะกัดพลาสมาจากเลือดของผู้รอดชีวิตจากโรคอีโบลา
และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มผลิตเซรุมเลือดเพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ และเพื่อนของWHOนี้จะเร่งเข้าไปยังไลบีเรีย ซึ่งทางทางเราหวังว่าจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์
เพื่อเริ่มเตรียมพร้อมในการตั้งแคมป์เพื่อการรวบรวมเลือดอดีตผู้ป่วย ผลิตเซรุมจากเลือดที่ได้รับ และเริ่มต้นการรักษา”
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ยังไม่ชัดว่าในการผลิตล็อตแรกนั้น เซรุมเลือดจะถูกผลิตออกมาได้จำนวนเท่าใด และจะเพียงพอต่อความต้องการในไลบีเรียหรือไม่
ซึ่งเซรุมเลือดถูกพัฒนามาจากข้อสมมุติฐานที่ว่า หากผู้ป่วยสามารถรอดชีวิตจากโรคอีโบลา หมายความว่าร่างกายของเขาได้สร้างภูมิคุ้มกันเรียนรู้การรับมือ
เชื้อโรคร้าย และสามารถสร้างแอนติบอดี้ในเลือดเพื่อสู้กับอีโบลา โดยแพทย์จะนำตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยที่รอดชีวิต และเปลี่ยนให้เป็นเซรุมโดยการกำจัดเซลล์
เม็ดเลือดแดง แต่ยังคงเก็บแอนติบอดี้ที่สำคัญไว้ซึ่งจะถูกใช้เป็นตัวที่ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อ
นอกจากนี้โฆษกWHO ฟาเดลา ชาอิบ( Fadela Chaib )แถลงว่า ทางหน่วยงานคาดหวังว่า จะสามารถมีวัคซีนอีโบลาจำนวน 20,000 ชุด
ในเดือนมกราคมปีถัดไป และในอีกจำนวนเท่ากันในเดือนหลังจากนั้นเพื่อใช้ในการทดสอบกับผู้ป่วยติดเชื้อ
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของวัคซีนเองยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการระบาดของโรคร้ายได้ ในขณะนี้ยังสามารถทำได้เพียงแต่ปกป้องชีวิตผู้ปฎิบัติงานทางแพทย์เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนเจ้าหน้าที่การแพทย์ไม่ต่ำกว่า 200 คนต้องเสียชีวิตจากการติดเชื้อจากคนไข้
การทดสอบที่แท้จริงในแอฟริกาตะวันตกจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อวัคซีนเหล่านี้ถูกทดสอบแล้วว่ามีความปลอดภัยและสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อต้านอีโบลาได้ ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาการทดสอบทางคลีนิกกับกลุ่มอาสาสมัครในยุโรป แอฟริกา และสหรัฐฯ และผลการทดสอบด้านความปลอดภัยทางคลีนิกเบื้องต้นคาดว่าจะถูกเปิดเผยในเดือนธันวาคมนี้
และหนึ่งในวัคซีนที่เคียนากล่าวถึงคือ
Okairos AG ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIH กับบ.ยาสัญชาติอักฤษ แกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) ผลิตในกรุงโรม อิตาลี และในขณะนี้อยู่ในขั้นการทดสอบทางคลีนิกในอังกฤษและมาลี
และวัคซีนขนานที่สองที่เคียนีกล่าวถึงคือ
VSV-EBOV ซึ่งเป็นการพัฒนาจากกระทรวงสาธารณสุขแคนาดาและส่งต่อให้ US Walter Reed Army Institute of Research สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯในรัฐแมร์รีแลนด์ทำการทดสอบกับอาสาสมัคร และยังมีการทดสอบในช่วงสั้นๆในสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน กาบอง และเคนยา
นอกจากวัคซีนทั้ง 2ขนานที่องค์การอนามัยโลกกล่าวถึงแล้ว เมื่อวานนี้(21)เทกมิรา ฟาร์ซูติคอลส์ (Tekmira Pharmaceuticals ) บริษัทวิจัยยาสัญชาติแคนาดาได้ประกาศว่า
TKM-Ebola จะมีพอเพื่อรักษาผู้ป่วยอีโบลาได้ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ แต่ทว่ายังไม่ทราบจำนวนการผลิตในล็อตแรกที่แน่นอน และอีกทั้งไม่แน่ใจว่าTKM-Ebola นี้อยู่ในรูปการรักษาแบบยาหรือวัคซีน
และแมปป์ ไบโอฟาร์มาซูติตคอล (Mapp Biopharmaceutical) บ.วิจัยยาสัญชาติสหรัฐฯเจ้าของ Zmapp ที่สามารถรักษาผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาชาวอเมริกัน 2 คนแรกจนหายขาดได้ประกาศว่าทางบริษัทได้เริ่มต้นผลิตZmapp จำนวนล็อตใหญ่มากขึ้นเพื่อให้มีเพียงพอที่จะใช้ในการทดสอบความปลอดภัยทางคลีนิกได้
ทั้งนี้โรคอีโบลาที่ระบาดในแอฟริกาตะวันตกได้สังหารไปแล้ว 4,500 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนมากอยู่ในไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี ภายในเวลาแค่ 10 เดือนเท่านั้น โดยในวันอังคาร(21) รัฐบาลเซียร์ราลีโอนประกาศว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทางตะวันตกของประเทศมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และมีอัตราเสียชีวิตสูงถึงอย่างน้อย 20 คนต่อวัน
ในวันจันทร์(20) มีผู้ป่วยอีโบลาใหม่เพิ่มขึ้นในเซียร์ราลีโอนถึง 49 คน พบบริเวณรอบกรุงฟรีทาวน์ และภายในตัวกรุงฟรีทาวน์ ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดใน 2 เขตคือ ในเมืองทางตะวันตก(WAU) และเขตนอกเมืองทางตะวันตก(WAR)ถึง 851 คน
การเพิ่มจำนวนผู้ป่วยอีโบลาในทางภาคตะวันตกของประเทศเกิดจากการย้ายถิ่นของประชาชนจากใจกลางประเทศไปยังวอเตอร์ลู( Waterloo) ซึ่งเป็นปากทางไปสู่กรุงฟรีทาวน์ เมืองหลวงของประเทศ และในการรับมือกับจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลเซียร์ราลีโอนได้ทำการปิดล้อมวอเตอร์ลู เขตนอกเมืองตะวันตก
ในขณะเดียวกันในวันจันทร์(20) ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นในเขตเคเนมา(Kenema) และไคลาฮุน(Kailahun) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ และเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคอีโบลาในเซียร์ลาลีโอนเมื่อต้นปี ล่าสุดมีรายงานผู้ติดเชื้อในเขตตะวันออกราว 1,012 คน
ด้านคล็อด คามานดา (Claude Kamanda) สส.ในเขตตะวันตกของเซียร์ราลีโอนได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น โพลิติโค ว่า ได้รับรายงานการเสียชีวิตด้วยโรคอีโบลาไม่ต่ำกว่า 20 คนต่อวัน และทางเจ้าหน้าที่เซียร์ราลีโอนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการต้องเก็บศพผู้ติดเชื้อจากบ้านของพวกเขา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121623
WHO เตรียมใช้ "เซรุ่มเลือด" สู้อีโบลา ใน 2 สัปดาห์ / วัคซีน 2 ตัวพร้อมใช้ต้นปีหน้า
(ล่างซ้าย)เคนต์ แบรตลีย์ ผู้ป่วยอีโบลารายแรกในสหรัฐฯที่รอดจากอีโบลา และได้บริจาคเลือดให้กับผู้ป่วยรายอื่น
แพทย์หญิงมาเรีย พอล เคียนี (Marie Paule Kieny) ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายระบบสุขภาพและการค้นคว้าประจำองค์การอนามัยโลก(WHO)
แถลงในกรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้(21) ตั้งความหวังว่าจะสามารถเริ่มต้นการทดสอบวัคซีนอีโบลา 2 ขนานในแอฟริกาตะวันตกภายในเดือนมกราคม 2015
และอาจจะสามารถใช้ “เซรุมเลือดผู้รอดชีวิตจากอีโบลา” เพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในไลบีเรีย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่เกิดวิกฤตระบาดครั้งใหญ่ ได้ภายใน 2 สัปดาห์
ข้างหน้า เพราะวิธีนี้ดูเหมือนมีความสำเร็จมากกว่าในการวิจัยการรักษาโรคอีโบลาอื่นๆ
ทั้งนี้บีบีซีรายงานว่า เคียนีแถลงว่าเซรุมเลือดนี้ถูกพัฒนาเพื่อใช้กับไลบีเรีย ซึ่งผลิตได้จากแอนติบอดี้ที่สะกัดจากเลือดของผู้ป่วยอีโบลาที่ได้รับการรักษาจนหาย
“มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์กับ WHOที่มีความสามารถเข้าถึงใน 3 ประเทศได้เริ่มกระบวนการสะกัดพลาสมาจากเลือดของผู้รอดชีวิตจากโรคอีโบลา
และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มผลิตเซรุมเลือดเพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ และเพื่อนของWHOนี้จะเร่งเข้าไปยังไลบีเรีย ซึ่งทางทางเราหวังว่าจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์
เพื่อเริ่มเตรียมพร้อมในการตั้งแคมป์เพื่อการรวบรวมเลือดอดีตผู้ป่วย ผลิตเซรุมจากเลือดที่ได้รับ และเริ่มต้นการรักษา”
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ยังไม่ชัดว่าในการผลิตล็อตแรกนั้น เซรุมเลือดจะถูกผลิตออกมาได้จำนวนเท่าใด และจะเพียงพอต่อความต้องการในไลบีเรียหรือไม่
ซึ่งเซรุมเลือดถูกพัฒนามาจากข้อสมมุติฐานที่ว่า หากผู้ป่วยสามารถรอดชีวิตจากโรคอีโบลา หมายความว่าร่างกายของเขาได้สร้างภูมิคุ้มกันเรียนรู้การรับมือ
เชื้อโรคร้าย และสามารถสร้างแอนติบอดี้ในเลือดเพื่อสู้กับอีโบลา โดยแพทย์จะนำตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยที่รอดชีวิต และเปลี่ยนให้เป็นเซรุมโดยการกำจัดเซลล์
เม็ดเลือดแดง แต่ยังคงเก็บแอนติบอดี้ที่สำคัญไว้ซึ่งจะถูกใช้เป็นตัวที่ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อ
นอกจากนี้โฆษกWHO ฟาเดลา ชาอิบ( Fadela Chaib )แถลงว่า ทางหน่วยงานคาดหวังว่า จะสามารถมีวัคซีนอีโบลาจำนวน 20,000 ชุด
ในเดือนมกราคมปีถัดไป และในอีกจำนวนเท่ากันในเดือนหลังจากนั้นเพื่อใช้ในการทดสอบกับผู้ป่วยติดเชื้อ
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของวัคซีนเองยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการระบาดของโรคร้ายได้ ในขณะนี้ยังสามารถทำได้เพียงแต่ปกป้องชีวิตผู้ปฎิบัติงานทางแพทย์เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนเจ้าหน้าที่การแพทย์ไม่ต่ำกว่า 200 คนต้องเสียชีวิตจากการติดเชื้อจากคนไข้
การทดสอบที่แท้จริงในแอฟริกาตะวันตกจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อวัคซีนเหล่านี้ถูกทดสอบแล้วว่ามีความปลอดภัยและสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อต้านอีโบลาได้ ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาการทดสอบทางคลีนิกกับกลุ่มอาสาสมัครในยุโรป แอฟริกา และสหรัฐฯ และผลการทดสอบด้านความปลอดภัยทางคลีนิกเบื้องต้นคาดว่าจะถูกเปิดเผยในเดือนธันวาคมนี้
และหนึ่งในวัคซีนที่เคียนากล่าวถึงคือ Okairos AG ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIH กับบ.ยาสัญชาติอักฤษ แกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) ผลิตในกรุงโรม อิตาลี และในขณะนี้อยู่ในขั้นการทดสอบทางคลีนิกในอังกฤษและมาลี
และวัคซีนขนานที่สองที่เคียนีกล่าวถึงคือ VSV-EBOV ซึ่งเป็นการพัฒนาจากกระทรวงสาธารณสุขแคนาดาและส่งต่อให้ US Walter Reed Army Institute of Research สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯในรัฐแมร์รีแลนด์ทำการทดสอบกับอาสาสมัคร และยังมีการทดสอบในช่วงสั้นๆในสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน กาบอง และเคนยา
นอกจากวัคซีนทั้ง 2ขนานที่องค์การอนามัยโลกกล่าวถึงแล้ว เมื่อวานนี้(21)เทกมิรา ฟาร์ซูติคอลส์ (Tekmira Pharmaceuticals ) บริษัทวิจัยยาสัญชาติแคนาดาได้ประกาศว่า TKM-Ebola จะมีพอเพื่อรักษาผู้ป่วยอีโบลาได้ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ แต่ทว่ายังไม่ทราบจำนวนการผลิตในล็อตแรกที่แน่นอน และอีกทั้งไม่แน่ใจว่าTKM-Ebola นี้อยู่ในรูปการรักษาแบบยาหรือวัคซีน
และแมปป์ ไบโอฟาร์มาซูติตคอล (Mapp Biopharmaceutical) บ.วิจัยยาสัญชาติสหรัฐฯเจ้าของ Zmapp ที่สามารถรักษาผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาชาวอเมริกัน 2 คนแรกจนหายขาดได้ประกาศว่าทางบริษัทได้เริ่มต้นผลิตZmapp จำนวนล็อตใหญ่มากขึ้นเพื่อให้มีเพียงพอที่จะใช้ในการทดสอบความปลอดภัยทางคลีนิกได้
ทั้งนี้โรคอีโบลาที่ระบาดในแอฟริกาตะวันตกได้สังหารไปแล้ว 4,500 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนมากอยู่ในไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี ภายในเวลาแค่ 10 เดือนเท่านั้น โดยในวันอังคาร(21) รัฐบาลเซียร์ราลีโอนประกาศว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทางตะวันตกของประเทศมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และมีอัตราเสียชีวิตสูงถึงอย่างน้อย 20 คนต่อวัน
ในวันจันทร์(20) มีผู้ป่วยอีโบลาใหม่เพิ่มขึ้นในเซียร์ราลีโอนถึง 49 คน พบบริเวณรอบกรุงฟรีทาวน์ และภายในตัวกรุงฟรีทาวน์ ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดใน 2 เขตคือ ในเมืองทางตะวันตก(WAU) และเขตนอกเมืองทางตะวันตก(WAR)ถึง 851 คน
การเพิ่มจำนวนผู้ป่วยอีโบลาในทางภาคตะวันตกของประเทศเกิดจากการย้ายถิ่นของประชาชนจากใจกลางประเทศไปยังวอเตอร์ลู( Waterloo) ซึ่งเป็นปากทางไปสู่กรุงฟรีทาวน์ เมืองหลวงของประเทศ และในการรับมือกับจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลเซียร์ราลีโอนได้ทำการปิดล้อมวอเตอร์ลู เขตนอกเมืองตะวันตก
ในขณะเดียวกันในวันจันทร์(20) ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นในเขตเคเนมา(Kenema) และไคลาฮุน(Kailahun) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ และเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคอีโบลาในเซียร์ลาลีโอนเมื่อต้นปี ล่าสุดมีรายงานผู้ติดเชื้อในเขตตะวันออกราว 1,012 คน
ด้านคล็อด คามานดา (Claude Kamanda) สส.ในเขตตะวันตกของเซียร์ราลีโอนได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น โพลิติโค ว่า ได้รับรายงานการเสียชีวิตด้วยโรคอีโบลาไม่ต่ำกว่า 20 คนต่อวัน และทางเจ้าหน้าที่เซียร์ราลีโอนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการต้องเก็บศพผู้ติดเชื้อจากบ้านของพวกเขา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121623