ระวัง!!! แบคทีเรียจากอาหารปรุงไม่สุกอาจทำให้ต้องตัดขา แขน หรือตายได้ (อยากเตือนทุกๆท่านให้รู้ก่อนจะสาย)

อยากขอเตือนเพื่อนๆที่ชอบทานหอย  อาหารทะเลสุกๆดิบๆ ให้ระวังตัวกันหน่อยนะคะ
**เนื่องจากอัพรูปไม่เป็นนะคะ พยายามลองแต่ทำไม่ได้อะคะ  กดดูภาพเอานะคะ



หลายๆคนคงอยากรู้อาการและสาเหตุว่าทำไมถึงมีอาการอย่างที่เห็นในภาพ และอยากบอกอยากเตือนให้ทุกคนระวังตัวด้วยคะ รู้และระวังตัวไว้ก่อนดีกว่าสายไปนะคะ เรื่องนี้เกิดกับคุณแม่ของเราเองและไม่อยากให้ใครต้องเป็นเหมือนคุณแม่จึงอยากบอกต่อคะ
ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆกันคือแม่ค้าขายปลาทับทิมโดนครีบแทงเสียชีวิต คาดว่าเป็นเชื้อตัวเดียวกันนะคะ

            เชื้อตัวนี้ชื่อ วิบริโอ้ พาราฮิโมโลติคัส(Vibrio parahaemolyticus)  อาศัยอยู่ในน้ำทะเล และน้ำจืดที่มีอุณหภูมิอุ่น(ประเทศเรา) ชอบอาศัยในสัตว์น้ำเช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก (โดยเฉพาะหอยเพราะหอยเป็นสัตว์กินซาก และไม่มีใครทานหอยแบบสุกๆ)  ถ้าหากทานอาหารที่มีเชื้อนี้เข้าไปก็จะเกิดอาการมีไข้ หนาวสั่น อาเจียน ท้องเสีย แล้วถ้าเข้ากระแสเลือดก้อยู่ที่อาการของแต่ละคนคะว่าจะเป็นอย่างไร แต่แผลจะคล้ายกัน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาน 4-96 ชั่วโมงในการออกอาการคะ (หากคนภูมิน้อย เช่นเป็นโรคเอดส์ โรคตับ จะเสี่ยงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคตับเสี่ยงกว่าคนปกติ 200 เท่า โอกาสเสียชีวิตก็มีสูง)หากใครเป็นเบาหวานโอกาสตัดขาสูงมากคะ

           เพราะแบคทีเรียชนิดนี้เป็นแบคที่เรียที่กินเนื้อคนคะ จะค่อยๆกัดกินลามไปเรื่อยๆ ทำให้เนื้อตาย (สีม่วงๆคือเนื้อของเราตายแล้ว ไม่มีความรู้สึกแล้วนะคะ)


                   หากเก็บอาหารในตู้เย็นที่รักษาอุณหภูมิได้ไม่ดีพอก็จะทำให้เชื้อขยายตัวอย่างรวดเร็ว ถ้านำไปปรุงอาหารในระดับอุณหภูมิที่ไม่เพียงพอก็ทำให้เชื้อแพร่กระจายเพิ่มขึ้น(โดยติดจากชิ้นหนึ่งไปสู่อีกชิ้น)

** คนปกติก็สามารถเป็นได้นะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเริ่มแรก คือมีไข้ อาเจียน ท้องเสียนี่แหละคะ แต่ถ้าหากร่างกายกำลังป่วย มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็มีสิทธ์เป็นได้เหมือนกันคะ (ง่ายๆเลยคือเชื้อนี้ทุกคนสามารถเจอได้ตลอดด้วยภูมิอากาศบ้านเรา  ไม่รู้วันไหนใครจะแจ็กพ็อตโดนแบบแม่เรา)

ต้องบอกก่อนเลยว่าแม่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วคือ ตับแข็ง ม้ามโต ทำให้ทำลายเกร็ดเลือดและเลือด ทำให้ในร่างการมีเกร็ดเลือดอย่างมากก้แค่เกือบๆ 20000 (คนปกติจะมี 120,000-150,000 ขึ้นไป) ซึ่งน้อยมากอยู่แล้ว หากเป็นแผลเลือดก็จะไม่ยอมหยุดไหล จึงห้ามมีแผลอย่างเด็ดขาด

แก้ไขข้อมูลคะ ** 18 กันยายน 2557 เกล็ดเลือด คนปกติ 150000 - 450000 นะคะ ลงผิดพลาดไปคะ ถ้าต่ะกว่า 150000 ถือว่าน้อยมากแล้วคะ


เหตุเกิดวันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2557 แม่ไปทานหอยแครงเข้า ซึ่งในตัวหอยแครงนั้นอาจมีเชื้อแบคทีเรียตัวนี้อยู่  เมื่อผ่านผนังลำไส้ทำให้เกิดการดูดซึมพิษและแบคทีเรียเนื่องจากในร่างกายตับไม่ดีทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จึงทำให้เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด

ในวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2557 หลังจากทาน 1 วันแม่มีไข้สูงหนาวสั่น (เนื่องจากแม่มีโรคเกี่ยวกับเลือด หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เป็นไข้ในบางครั้งจึงไม่มีใครคาดว่าจะเป็นอะไร คาดเพียงพักผ่อนน้อย) และมีไข้ในวันต่อๆมา

ในวันอังคารที่ 9 กันยายน 2557  มีอาการเจ็บปวดเท้า เท้าบวมเล็กน้อย ที่บ้านเข้าใจว่าเป็น โรคเก๊า เพราะอาการคล้ายๆกัน

ในวันพุธที่ 10 กันยายน 2557  เท้ามีอาการบวมแดงเล็กน้อย มีอาการปวดมากจึงไปโรงพยาบาล ระหว่างนั้นเท้าเป็นสีแดงและม่วงคล้ำ  ค่อยลามขึ้นเรื่อยๆ(ขณะรอตรวจที่โรงพยาบาล) จึงต้องเข้าแอทมิทกับทางโรงพยาบาล  ในช่วงกลางคืนมีอาการหายใจไม่ค่อยออก ใจสั่น (เกิดจากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดวิ่งผ่านหัวใจ  ทำให้หัวใจโตจนลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท และการเต้นของหัวใจ 1 ห้องเต้นได้ไม่สมบูรณ์)




    ในวันพฤหัสที่ 11 กันยายน 2557  พบว่าที่เท้ามีตุ่มน้ำขึ้นมา หมอจึงจับย้ายเข้าตรวจสอบอาการที่ CCU




    ในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2557  ตุ่มใสค่อยๆใหญ่ขึ้น และขยายกว้างขึ้น ส่วนสีม่วงก็คล้ำขึ้นมากและยังลามไปเรื่อยๆ


    

    
ในวันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2557  ในที่สุดหมอจึงตัดสินใจผ่าเอาเนื้อที่ตายออก เนื่องจากมันลามไปเรื่อยๆ จึงเป็นเหตุที่ต้องใช้เลือดและเกร็ดเลือดเยอะ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดคือ เลือดออกมากเลือดจะไม่เพียงพอ (และในเวลานั้น เกร็ดเลือดแม่ที่เหลือแค่ 10000-20000  ลดลงเหลือเพียง 5000 เท่านั้น จึงเสี่ยงมากหากมีเลือดไม่เพียงพอหลังผ่าตัด)  ถ้าไม่รีบทำการผ่าตัด เชื้อจะลามไปเรื่อยๆก็อาจจะต้องตัดขา
    
    โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ร้าย เพราะหมอเก่งมากผ่าตัดได้ดีเลือดไม่ไหลเยอะเท่าที่คาด และโชคดีที่เชื้อลงไปไม่ลึกมาก (เพราะหมอตัดสินใจรีบผ่าทำให้แบคทีเรียกินไม่ลึกมาก)




    วันนี้วันพุธที่ 17 กันยายน 2557 ขณะนี้ผ่าตัดเสร็จด้วยดี แต่ยังต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องปลอดเชื้อ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อซ้ำอีกครั้งจากเชื้อตัวเก่า และคนภายนอกที่เข้าเยี่ยม จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และต้องทำการผ่าตัดซ้ำอีกเพื่อเอาเนื้อตายออก และอาจต้องผ่าอีกหลายครั้ง ทั้งเพื่อตัดเนื้อตายออกและตกแต่งแผล และสำคัญที่สุดคือต้องนำเนื้อส่วนอื่นมาปิดไว้ เพราะที่ผ่าลงไปหลังเท้ามีเพียงเส้นประสาทและเส้นเลือดหากใช้ชีวิตแบบปกติเกิดบาดแผลอาจทำให้เสี่ยงเป็นแผลเลือดอาจไหลไม่หยุดในอนาคตคะ
    นี่คือเหตุการณ์คร่าวๆที่อธิบายให้ทราบเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนชอบทานอาหารทะเล หรืออาหารทั่วไปแบบไม่เคยรู้ไม่เคยระวังตัวคะ
    ทางเลี่ยงที่ดีที่สุดคือเลิกทานหอย และปลาหมึก (เพราะในการประกอบอาหารมักลวกเฉยๆ กึ่งสุกกึ่งดิบ เชื้อมันไม่ตายคะ) ส่วนสัตว์ทะเลอย่างอื่นควรทานหลังปรุงสุกเกิน 15 นาทีขึ้นไปคะ



*****สำคัญที่สุด ขอขอบคุณญาติพี่น้องทุกคนที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ช่วยเหลือเกื้อกูล รักและดูแลแม่เสมอมา
ขอขอบคุณเลือดทุกหยดที่ทุกคนได้ไปบริจาคให้สภากาชาติคะ ไม่เพียงแค่แม่ที่ได้รับ แต่มีคนมากมายที่ลำบากต้องการเลือด ได้คุณช่วยชีวิตเขาไว้ถือเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่คุณทำให้ด้วยใจที่มีเมตตา ขอให้ชีวิตของทุกท่านเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง  
ขอขอบคุณจากใจจริงๆนะคะที่ช่วยเหลือคุณแม่ในครั้งนี้

หากมีอะไรต้องการทราบ ติดต่อได้ที่ Facebook : jin hhz คะ
หากผู้รู้เห็นว่าผิดพลาดทางข้อมูล ต้องขออภัยด้วย ข้อมูลได้จากการซักถามและพบเจอมาล้วนๆคะ
กระทู้นี้อาจช่วยเหลือบางคน ช่วยเตือนก่อนที่จะสายได้คะ เลยอยากบอกต่อคะ เพราะตัวเราเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย หวังว่าจะช่วยเหลือคนอื่นๆได้ด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่