เมื่อดิฉันตอบตกลงกับผู้ชายคนนึงว่าจะเป็นแม่พันธุ์ผลิตลูกให้กับเขา

จั่วหัวกระทู้เหมือนกับ..วัวแม่พันธ์ุยังไงชอบกล ก็ใช่แหละค่ะ
ดิฉันเคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่วัวตัวนึงเท่านั้นเองสำหรับผู้ชายคนที่ดิฉันจะกล่าวถึงต่อไปนี้


     ย้อนกลับไปเมื่อ4ปีที่แล้วช่วงเวลาเดียวกับปัจจุบันนี้ ดิฉันเพิ่งจะ20ต้นๆเพิ่งเรียนจบ
ยังไม่มีงานทำ บ้านจน มีน้องให้เลี้ยงอีก2หน่อ ที่กำลังกิน กำลังนอนและกำลังเกเรเป็นที่น่าหนักใจ
พ่อกับแม่ก็...ไม่เป็นหลักแหล่ง ตลอดชีวิตดิฉันเช่าบ้านเขาอยู่ตลอด
บางเดือนก็ไม่มีเงินจ่ายต้องขอผลัดเค้าไปเรื่อย ย้ายบ้านเรื่อย
ย้ายมาหมดเหนือใต้อีสานแต่พื้นเพเป็นคนกรุงเทพนี่แหละค่ะ

ดิฉันอาศัยเงินทุนเรียนมหาลัยซึ่งก็เกือบจะไม่ได้เรียนเหมือนกันเพราะพ่อแม่จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด
และมหาลัยที่ดิฉันเลือกอยู่ในกรุงเทพ ดิฉันต้องหนีออกจากบ้าน! ย้ำว่าหนีออกจากบ้านเพื่อมาเรียนที่มหาลัยนี้
โชคยังพอมีไปขอให้พ่อของแฟนเซ็นค้ำกู้เรียนให้ ดิฉันก็ทำงานไปเรียนไปแฟนให้มั่ง(แฟนเป็นทอมคบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม)
อยู่หอกับแฟนซึ่งไม่ต้องเสียอะไรเลย แฟนคนนี้ดีค่ะรักกันมาก วาดอนาคตไว้ว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน
เค้ามีบุญคุณกับดิฉันมากมายตลอดเวลา4ปีจนเรียนจบ แฟนทอมไปมีคนอื่นก็เลิกรากัน(ไหนว่ารักกันมาก??)
พอดีพ่อกับแม่ย้ายกลับมากรุงเทพอีกครั้งเพราะไปสร้างหนี้ไว้บานตะไทที่ต่างจังหวัด
จึงพากันอพยพมาเช่าบ้านในกรุงเทพ ดิฉันก็หารับจ็อบเป็นพริตตี้ MC
ทำงานที่มันได้เงินเดี๋ยวนั้นเลย เพราะเงินต้องใช้เป็นค่าเช่าบ้านค่าน้ำค่าไฟเลี้ยงพ่อกับแม่และค่าเทอมน้อง
ช่วงหลังเริ่มเก็บเงินได้นิดหน่อยก็เลยให้แม่กับพ่อเปิดร้านขายตามสั่ง


ดิฉันเลยไปหาสมัครงานได้งานมาที่นึง เงินเดือนเด็กจบใหม่ยังไม่ถึงหมื่นเลย T-T
สรุปทำโอก็แล้วเงินไม่พอค่าเทอมน้อง เพราะร้านตามสั่งของแม่ก็ได้กำไรพอแค่ค่ากับข้าวในแต่ละวัน
ดิฉันก็ยังต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน น้ำไฟ ค่าไปเรียนของน้อง
ตกกลางคืนเลยไปทำเชียเบียร์ ชีวิตมันเลือกไม่ได้นะคะ เหนื่อยมากค่ะชีวิตช่วงนั้น
เลิกงาน5โมงเย็นทุ่มครึ่งต้องไปแสตนบายรอที่ร้านเหล้าเลิกเที่ยงคืนตื่น6โมงเช้า

     ชีวิตดิฉันไม่เคยมีเพื่อนที่เรียกว่าเพื่อนแท้ ไม่มีใครเป็นที่ปรึกษานอกจากครอบครัว
ซึ่งพ่อกับแม่ก็พยายามบอกตลอดว่าเรามีเท่าไหนก็ใช้เท่านั้น
แต่ดิฉันทะเยอทะยานกว่านั้นน้องๆดิฉันต้องเรียนจบเหมือนลูกชาวบ้านเค้า
ถึงพ่อแม่จะจนจะเป็นยังไงแต่ลูกทั้ง3คนต้องจบปริญญาตรีให้ได้! นี่คือความมุ่งมั่นในชีวิตเพียงหนึ่งเดียวตอนนั้น

ดิฉันยอมทนให้คนอื่นดูถูกดูแคลนต่างๆนาๆ
รวมถึงเพื่อนหลายคนที่บังเอิญมาเจอดิฉันที่ร้านเหล้าที่ดิฉันทำงานอยู่ทุกคนก็งงว่าทำไมจบปริญญาตรี
ต้องมาทำเชียร์เบียร์ดิฉันก็บอกเขาไปตามตรง ดิฉันจนเงินเดือนไม่พอเลี้ยงที่บ้าน

บางคนก็ถามทำนองว่าจบจริงเหรอ? ถ้าจบคงไม่ตกต่ำขนาดนี้.. มั้ง??

ดิฉันก็แกล้งขำไปกับคำพูดนั้น แต่กลับไปนอนร้องไห้ที่บ้านคิดน้อยใจว่าทำไมชีวิตเราถึงเป็นแบบนี้ "ทำไมพ่อแม่ถึงจน?"
ทำไมถึงทำมาหากินอย่างพ่อแม่ชาวบ้านเค้าไม่ได้ ทำอะไรก็เจ๊ง ทำอะไรก็พัง
ทำไมดิฉันต้องลำบากขนาดนี้ ซึ่งจริงๆมัน..เป็นปมในชีวิตของดิฉันที่ดิฉันกดมันเอาไว้ไม่พยายามนึกถึง
เมื่อดิฉันได้สติก็จะรีบไปกอดพ่อแม่ทันที บอกท่านเสมอว่าจะทำให้ท่านสุขสบาย
จะมีบ้านมีรถพาท่านไปเที่ยว ไปทานข้าวตามร้านดีๆให้ได้


     ผ่านมาไม่นานดิฉันเปลี่ยนร้านที่จะไปลงเชียร์เบียร์ก็ได้พบกับเจ้าของร้านขอใช้นามสมมติว่า พี่เค
พี่เคเป็นหนุ่มเจ้าชู้ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หน้าตาดีสำหรับหนุ่มอายุ30ต้นๆ ได้ข่าวแว่วๆว่าเพิ่งเลิกกับแฟน
ดิฉันก็ไม่ได้ติดอกติดใจอะไรแก และยังไม่นึกถึงความรัก
ในสมองดิฉันมีแต่งานกับเงิน! ความสนิทสนมมันก็เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ทำงาน
     มีอยู่วันนึงฝนตกหนักมาก ลูกค้าไม่มีเลยเพราะร้านนี้เค้าเป็นแบบลานโล่งแจ้งไม่มีหลังคา
ก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรหรือลืมไปว่าประเทศไทยมีหน้าฝน?
ด้วยความเซ็งที่มาทำงานเสียเที่ยวรู้งี้ไปรับจ็อบพิเศษที่อื่นดีกว่าแถมอดทิปอีกวันนี้ หน้าดิฉันจึงบูดเป็นตรูดลิง
พี่เคจึงถามดิฉันว่าทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น ดิฉันก็บอกแกไปตามตรงว่าดิฉันไม่ได้ทิปคืนนี้
ดิฉันต้องกดATMเพื่อนั่งแท็กซี่กลับบ้านมันขาดทุน

แกก็ขำ แกถามว่าบ้านอยู่ที่ไหน ไกลมากเหรอ
ดิฉันส่ายหัว ค่ารถแท็กซี่ไม่เกิน50บาทแต่ดิฉันไม่ต้องการกดเงินออกมาก่อนเวลา
แกก็ขำอีก แกบอก 50บาทไม่มีติดตัวเลยเหรอ?
ดิฉันก็ส่ายหัวเพราะดิฉันจะมาเอาค่ารถกลับบ้านจากทิปเมื่อมาทำงานทุกวัน
แกเลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งพอเลิกงาน
ดิฉันรีบปฏิเสธทันที พี่เคเลยยื่นเงินให้ดิฉัน 100 บาทดิฉันก็ปฏิเสธแม้จะอยากได้ก็เถอะค่ะ
เมื่อทำให้ดิฉันรับเงินไม่ได้แกก็เลยบอกให้ดิฉันไปกดเบียร์มาให้ แกก็นั่งรอพอดิฉันเอามาแกก็ยื่นเงินให้แกบอกว่าทิป


หลังจากวันนั้นแกก็มักจะมาวอแวกับดิฉันตลอด
สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนแกจัดทริปสำหรับทีมงานของที่ร้านในวันหยุดเทศกาลจะไปทะเลกัน
ดิฉันซึ่งเป็นสาวเชียเบียร์ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยขอตัว
แต่พี่เคก็บังคับให้ดิฉันไป หลังๆแกเริ่มรู้ว่าถ้าจะให้ดิฉันทำอะไรใช้เงินจ้างดิฉันจะว่าง่ายขึ้น(หน้าเงินค่ะ)
แกบอกว่าแกจ้างดิฉันไปเชียร์เบียร์วันละ1500บาท สองวันก็3000ดิฉันตาวาว ฟังๆดูเหมือนขายตัวใช่มั้ย?


วันแรกที่ไปถึงทุกคนก็สนุกสนานกันดี
ตามประสาคนทำงานกลางคืนที่ไม่ค่อยได้เที่ยวแบบนี้บ่อย
วันหยุดก็ไม่เหมือนชาวบ้านเค้า แถมนอนกลางวันตื่นกลางคืนจะเอาเวลาไหนมาเที่ยวแบบนี้เนาะ
ดิฉันกลมกลืนกับพนักงานร้านนี้ทุกคนทั้งหญิงและชาย
รวมถึงแม่ครัวพ่อครัวและป้าล้างจาน ดิฉันคุยเล่นกับทุกคนได้หมด
ดิฉันก็สนุกนะที่ได้มาแบบนี้ เลยขออนุญาติตัวเองทิ้งภาระบนบ่าสักวันสองวัน ลืมเรื่องหนักๆที่ทำอยู่ ขอสนุกแบบคนอื่นบ้าง


ดิฉันเริ่มสังเกตพี่เคเจ๊ะแจ๊ะกับดิฉันมากเหลือเกิน
ดิฉันเดินไปไหนแกเดินตามเทคแคร์ตลอดหาอะไรให้กิน ชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับตัวดิฉัน

ดิฉันก็เล่าให้แกฟังหมด ทั้งเรื่องแฟนเรื่องครอบครัว
แกตกใจนิดหน่อยที่ดิฉันจบปริญญาตรีแต่มาทำงานเชียร์เบียร์
แกบอกดิฉันมีเรื่องให้แกทึ่งได้เรื่อยๆจริงๆ พอจบทริปนั้นเริ่มมีคนสังเกตว่า
ดิฉันกับพี่เคสนิทกันและจับกลุ่มนินทาว่า ดิฉันหวังเกาะพี่เค
ดิฉันจึงพยายามวางตัวห่างจากพี่เค เลิกงานรีบกลับบ้านทันทีไม่ค่อยเล่นหรือคุยกับพี่เคเหมือนเมื่อก่อน



ตอนนั้นดิฉันก็ไม่รู้หรอกว่าทำแบบนี้เพราะกลัวโดนนินทาหรือกลัวใจตัวเองมากกว่ากัน
ดิฉันมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ เวลาทั้งหมดดิฉันทุ่มให้กับการทำงานหาเงิน
ไม่อยากคิดเรื่องหัวใจเลยแล้วแถมพี่เคก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่ธรรมดา
ดิฉันไม่รู้ว่าถ้าหากได้คบกันดิฉันจะต้องเจอกับอะไร
ด้วยช่วงอายุที่ห่างกันและดิฉันเคยมีแฟนมาเพียงคนเดียวและเป็นเพศเดียวกันดิฉันคิดว่าคงรับมือไม่ไหว

จนผ่านมาอีก1เดือนดิฉันก็แจ๊คพ็อตแตก เมื่อพี่เคเปิดฉากจู่โจมดิฉันในคืนที่ฝนตกเป็นบ้าเป็นหลัง

อ๊ะ,,,อ๊ะ,,,คิดอาราย แกไม่ได้มาปล่ำดิฉันหรอกนะ ฮ่าาๆๆๆ
แกชวนฉันออกไปกินข้าวข้างนอก....? ดิฉันงงเพราะมันเป็นเวลางานของดิฉัน
แกบอกว่าแกขอจ้างให้ดิฉันออกจากงานด้วยเงินจำนวนหลายหมื่นบาท

ดิฉันตกใจและเริ่มโกรธ รู้สึกเหมือนโดนดูถูก
ดิฉันต่อว่าแกอย่างรุนแรงโชคดีที่รอบๆไม่มีพนักงานยืนอยู่ใกล้ๆไม่งั้นคงบันเทิงล่ะ

ดิฉันเดินหนีแกไปนั่งสงบสติอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้เป็นเขื่อนแตก
งงตัวเองว่าโกรธอะไรขนาดนั้น ได้เงินมันก็ดีป่ะวะ?
เอ้ะรึยังไง คือจริงๆนะตอนนั้นงงตัวเองมาก ถามตัวเองว่าร้องไห้ทำไม?โกรธที่โดนดูถูก


เค้าใช้เงินซื้อเราออกจากการทำงานเชียร์เบียร์เหมือนซื้อตัวโสเภนีออกจากซ่อง??





พักแป้บนึง เมื่อยมือง่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่