ขอบคุณทุกคนมากนะคะ เปิดมานี่แทบตกในได้เป็นกระทู้แนะนำด้วย พี่สาวนี่กรี๊ดไปละ ไม่รู้สลบไปรึยัง555(แอบแซวกันเอง)
อันนี้ตอนเก่าๆนะคะมีหลายคนบอกว่าอ่านตามไม่ทันมาแล้วค่ะแปะให้แล้วค่ะ ต้องขอโทษจริงๆไอ้เราก็ไม่เก่งคอม ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ^-^
http://pantip.com/topic/32569079 ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/32572030 ตอนที่ 2โฮมสเตย์เซรามิค
http://pantip.com/topic/32576969 ตอน ตีสนิท
http://pantip.com/topic/32580455 ตอนที่ 3 สอนทำดิน
http://pantip.com/topic/32584924 ตอนที่ 4
โดนถามมาหลายคนเลยว่าที่พักเป็นแบบไหน อยู่ชนบทซะขนาดนั้น ที่สตูดิโอจะมีสองชั้นชั้นบนเป็นห้องพัก มีหลายห้องทั้งห้องของผู้ช่วยและห้องของแขก ห้องละคนค่ะ ส่วนด้านล่างจป้นสจูดิโอเหมือนที่รีวิวไปแล้ว

นี่ค่ะเปิดประตูมาก็จะเจอกับห้องนี้ก่อนเลย ด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนส่วนด้านขวาจะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ ตรงไปสุดตรงตู้เย็นจะเป็น ห้องครัวแบบเล็กกะทัดรัดมาก

เปิดประตูมาด้านซ้ายก็จะเป็นห้องนอน มีเตียงให้ด้วยแต่ว่าเราไม่ได้นอนเตียงนะ พับเก็บเลย เรากลัวใต้เตียง555555 กลัวมากแต่ก็ดันไปอยู่คนเดียว
[img]http://f.ptcdย.info/500/023/000/1410875279-IMG9651JPG-o.jpg[/img]
ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนหนาวเพราะงานนี้เค้าเตรียมผ้าห่มไว้อย่างดีเลย

นี่ค่ะห้องอาบน้ำ มีอ่างอาบน้ำด้วย ช่วยได้เยอะเลยเวลาหนาวๆก็นอนแช่น้ำอุ่นสะตัวเปื่อยเลย

ด้านขวาจะเจออ่างล้างหน้า ค่ะเมื่อหันหน้าเข้าอ่างล้างหน้า ด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านขวาเป้นห้องอาบน้ำค่ะ

ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น ขนาดว่าอยู่ชนบทชักโครกก็ยังสะดวกสบาย

ตรงเข้าไปก็จะมีครัว มีเตา ให้ค่ะ แต่เตาร้อนช้านิดนึงเราเลยถามหาไมโครเวฟซึ่งเซนเซก็ได้ไปซื้อมาใหม่ให้เราเลยแหละ
วันนี้ก้เหมือนปกติทุกวันเราตื่นมาก็มานั่งทำงานเราเลยเพราะว่าไม่มีอะไรให้ช่วย ช่วงพักกลางวันก็ขึ้นไปกินข้าว เวลากินข้าวเที่ยงนี่เหงามากเลยเพราะว่าต่างคนต่างก็จะกินที่ห้องของตัวเอง เพราะคนที่นี่เค้าให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ถ้าเซนเซอยู่ทุกคนก็จะต่างคนต่างกินข้าว นอกจากบางครั้งเช่นเราทำอาหารกลางวัน หรือวันพิเศษก็จะมาทานข้าวร่วมกัน
พอถึงเวลาน้ำชาทุกคนก็มาคุยเรื่องอะไรกันสักเรื่องเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่เนียนๆไป พะยักหน้าตามยิ้มๆไป ถึงเวลาเลิกงานเราก็บอกขอบคุณทุกคน (คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดี เรื่องขอบคุณที่เหนื่อยวันนี้ ขอบคุณสำหรับมื้ออาหาร จะมีคำพูดซึ่งเราก็ฟังๆจำมาพูดตาม) และเราก็ขึ้นห้อง เตรียมทำข้าวเย็นกิน สักพักก็มีเสียงมาเคาะประตู เป็นเซนเซมาตามบอกว่าเมื่อตอนพักดื่มชาเรานัดกันว่าวันนี้จะออกไปข้างนอก ตอนนี้ทุกคนรออยู่ข้างล่าง ไอ้เราก็ ไอ้ที่พะยักหน้านั่นอ่ะน่ะ รีบแต่งตัวและวิ่งเลยค่ะงานนี้ ลงไปก็เจอทุกคนยืนรอกันมีเซนเซและผู้ช่วยอีกสองคนคือคาโอริ และคุนิ

ละเราก็มาโผล่กันที่ร้านนี้ เหตุผลที่มาร้านนี้ก็เพราะว่าร้านนี้สั่งจานมาจากสตูดิโอค่ะ และพึ่งเปิดวันนี้เป็นวันที่สองเอง ร้านนี้จะขายพวกแกงกะหรี่สไตล์เนปาล เพราะเจ้าของร้านและภรรยาไปเที่ยวเนปาลและได้แรงบันดาลใจเลยมาเปิดเป็นร้านนี้ค่ะ แต่แอบเห็นของตกแต่งในร้านเป็นของไทยด้วยเหมือนกัน

ทุกคนดูตื่นเต้นกับการทำอาหาร

จ้องกันไม่หยุดเลย 555+

มาละค่ะอาหารของเรา เป็นเนื้อหมูแกงอะไรสักอย่างเรียกไม่ถูก อาศัยกินอย่างเดียว555+

สั่งมาอย่างละ2จาน เรากับคาโอริก็กินแบ่งกันเพราะจะได้แบ่งกันชิมเมนูอื่นบ้าง

นี่ค่ะเจ้าของผลงานการออกแบบถ่ายคู่กับงานสะหน่อย

อันนี้แก้วอะไรไม่รู้น่าจะของเนปาลเห้นสวยดีเลยถ่ายเอาไว้
หลังจากนั้นเซนเซก็บอกว่าจะพาไปดูมินิคอนเสริตเป้นเพื่อนๆเซนเซแสดงที่นาโกย่า ขับรถไปไกลพอสมควรค่ะ

นี่ค่ะบรรยากาศในร้าน ดูก็น่าจะรู้แล้วว่าเพื่อนๆรุ่นไหน

สองคนนี้ดื่มได้แต่น้ำผลไม้ค่ะเพราะต้องขับรถกลับให้ ส่วนเราละก็ซัดเบียร์ไปเลยชิวๆ

คุณพี่ท่านนี้นี่เท่ห์มากๆ ทำเมนูด้วย คุมเสียงด้วย

วงแรกเริ่มเล่นละค่ะ วงนี้สุดๆมากโชว์พลังเสียงร้องเพลงต่างประเทศ

คนนี้เท่ห์มากเลยขอแชะสะหนึ่งรูป ใส่เสื้อผ้าได้โดนใจเรามาก

วงที่สองนี่เราก็ชอบ อารมคาราบาวบ้านเราเลย เรานี่อยากจะลุกมาโชว์สเตปเท้าไฟแต่คุณพี่ๆในร้านนั่งโยกกันเบาๆ เราเลยเกรงใจ5555555555+
หลังจากดูมินิคอนเสริตเสร็จก็กลับสตูดิโอกัน งานนี้สบายเราเลย เซนเซเลี้ยงหมด อิ่มจังตังอยู่ครบ!!!!!
เด่วเรามาต่อนะค่ะ
กลับมาต่อกันนะค่ะ บางวันเราจะตื่นมาเช้ามากๆปกติเวลาที่ญี่ปุ่นก็เร็วกว่าไทย2ชั่วโมง วันนี้เราตื่นมาตี5 ไม่รู้จะทำอะไรเลยว่าจะออกไปวิ่งออกกำลังกายหน่อย แต่วิ่งไปได้นิดเดียวเหนื่อยแทนเลยกลายเป็นเดินเล่นไป

ป้ายอะไรไม่รู้น่ารักดีเลยถ่ายมา

อันนี้เป็นบริเวณแถวๆนั้น เมืองนี้เป็นเมืองที่สงบมาก ส่วนมากก็มีแต่คนแก่ๆอยู่กัน เพราะคนหนุ่มสาวย้ายไปทำงานในเมืองกันหมด

เจออะไรเราถ่ายหมด

อันนี้เป็นทางไปป่าค่ะ

ผนังเก่าๆดูสวยดี


ภาพกว้างๆบ้างค่ะ เห็นมั๊ยค่ะเมืองนี้เงียบสงบจริงๆ ถ้าใครติดเพื่อนละก็เหงาแน่ๆเลย เราเองยังแอบเหงาบ้างเป็นบางครั้งเลย

ที่เห็นไม่ชัดเพราะอากาศหนาวมาก

ระหว่างทางที่เดินไปเราเจอคุณป้าท่านนึงชวนคุย คุยไปคุยมาจะชวนดื่มชาแต่คิดตังเรา หรือเราแปลผิดก็ไม่รู้5555+มั่วๆไป

นั่งฟังเสียงน้ำทำตัวติสนิดนึง

ต้นหญ้าก็จะถ่าย

ตรงนี้เราชอบมาก มีสิงห์อยู่หน้าบ้านด้วย น่าจะเป็นบ้านที่ทำเซรามิคเหมือนกัน

มีควันปุดๆด้วย

ด้านนี้เป็นป่า แต่ไม่แน่ใจว่าให้เดินเข้าไปได้รึปล่าว กลับมาถามคาโอริ คาโอริบอกน่ากลัวมีหมี มีกระทิงพร้อมทำท่าขู่ด้วย จริงๆน่าจะแอบแกล้งเรา

แวะไว้พระกันหน่อย เงียบสงบมากๆ ไม่มีคนเลย

บริเวณรอบๆวัด

อันนี้น่ารักดีเลยถ่ายมาด้วย
พอกลับมาที่สตูดิโอทุกคนดูเหมือนจะยุ่งๆกันเพราะว่าเตรียมแพคของให้เซนเซไปออกงาน ต้องขอบอกว่าเดือนแรกนั้นเซนเซมีงานออกบูทสองสามงาน บางครั้งก็จะฝากเราไว้กับผู้ช่วย ซึ่งก็ทำให้เราสนิทกับผู้ช่วยมากกว่า อาจเป้นเพราะอายุใกล้เคียงกัน ยิ่งคุนินี่อายุเท่ากันเบยด้วย

ทุกคนช่วยกันเตรียมของใหญ่เลย พอเตรียมของเสร็จเราทุกคนจะมายืนหน้าประตูยืนส่งเซนเซ โบกมือบ้ายบายกัน
พอเซนเซไม่อยู่มักจะมีคนมาเรียนแบบวันเดียวกันเยอะไม่รู้ทำไม บางครั้งผู้ช่วยเหลือคนเดียว(หนึ่งอาทิตย์จะมีวันหยุด1วันปละวันพุธจะหยุดทุกคน) เราก้อาสาช่วยด้วย ความจริงไม่ต้องช่วยเลย แต่เราอยากได้ภาษาญี่ปุ่นเราเลยมาช่วย เรียกได้ว่าช่วยป่วนมากกว่า มีแขกมาหลากหลายรูปแบบ เช่นกลุ่มนี้ เราค่อนข้างประทับใจ จะเป็นกลุ่มเพื่อนซี้ที่จะนัดกัน1วันในทุกๆเดือนเพื่อที่จำทำกิจกรรมด้วยกัน ก่อนหน้านี้ก็มีเรียนทำอาหารบ้าง ทำเวิคชอบนู้นนี่นั่น แต่ที่มาสตูดิโอนี้ก็หลายปีแล้ว

เพราะว่ามากันเยอะเราเลยถูกไล่ที่555+ เลยมาเป็นคนช่วยเตรียมของแทน เพราะว่าทุกคนมาที่นี่บ่อยแล้วบางคนไม่รีรอก็จะมานั่งปั้นเจ้าเครื่องนี้กันเลย

มีการแซวกันไป แซวงานเพื่อนบ้าง น่ารักมากๆเลย

บางคนเบื่อเครื่องหมุนก็มาทำจานตรงนี้

คุณลุงท่านนี้ค่ะดูเหมือนว่าจะแซบสุกเพราะว่านั่งตั้งนานไม่ทำ จนสุดท้ายใช้ให้เรา บอกกับเราว่าเธอทำได้มั๊ยถ้าเธอไม่ทำวันนี้ฉันก็ไม่ทำงาน สรุปคือโดนคุณลุงแกล้งค่ะ เพราะแอบเห็นแกหัวเราะ เราจึงต้องไปทำแผ่นๆมาให้แก คุณลุงก็ชวนคุยนู้นนี่ น่าจะเป็นคนที่เคยไปต่างประเทศมาเพราะว่าคุณลุงท่านพูดภาษาอังกฤษได้

อันนี้เมื่อทำเสร็จทุกคนก็จะมาเลือกสีเคลือบกัน

คุณพี่คนนี้ก็น่ารักมากเช่นกัน แกทำงานเป็นวิศวกรแต่ชอบทำเซรามิคมากมาที่นี่ติดต่อกัน5-6ปีแล้วมั้ง จำไม่ค่อยได้แต่รู้ว่านานมากจะมาอาทิตย์ละวัน ที่เห็นถ่ายรูปคู่กับคาโอริเพราะว่าคาโอริจะต้องกลับไปช่วยงานพ่อแม่ที่โตเกียวแล้ว ใกล้วันที่จะต้องไปแล้ว คุณพี่แกเลยเอาของขวัญมาให้
[CR] ประสบการณ์เรียนปั้นเซรามิคที่ญี่ปุ่นตอนที่ 5
อันนี้ตอนเก่าๆนะคะมีหลายคนบอกว่าอ่านตามไม่ทันมาแล้วค่ะแปะให้แล้วค่ะ ต้องขอโทษจริงๆไอ้เราก็ไม่เก่งคอม ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ^-^
http://pantip.com/topic/32569079 ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/32572030 ตอนที่ 2โฮมสเตย์เซรามิค
http://pantip.com/topic/32576969 ตอน ตีสนิท
http://pantip.com/topic/32580455 ตอนที่ 3 สอนทำดิน
http://pantip.com/topic/32584924 ตอนที่ 4
โดนถามมาหลายคนเลยว่าที่พักเป็นแบบไหน อยู่ชนบทซะขนาดนั้น ที่สตูดิโอจะมีสองชั้นชั้นบนเป็นห้องพัก มีหลายห้องทั้งห้องของผู้ช่วยและห้องของแขก ห้องละคนค่ะ ส่วนด้านล่างจป้นสจูดิโอเหมือนที่รีวิวไปแล้ว
นี่ค่ะเปิดประตูมาก็จะเจอกับห้องนี้ก่อนเลย ด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนส่วนด้านขวาจะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ ตรงไปสุดตรงตู้เย็นจะเป็น ห้องครัวแบบเล็กกะทัดรัดมาก
เปิดประตูมาด้านซ้ายก็จะเป็นห้องนอน มีเตียงให้ด้วยแต่ว่าเราไม่ได้นอนเตียงนะ พับเก็บเลย เรากลัวใต้เตียง555555 กลัวมากแต่ก็ดันไปอยู่คนเดียว
[img]http://f.ptcdย.info/500/023/000/1410875279-IMG9651JPG-o.jpg[/img]
ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนหนาวเพราะงานนี้เค้าเตรียมผ้าห่มไว้อย่างดีเลย
นี่ค่ะห้องอาบน้ำ มีอ่างอาบน้ำด้วย ช่วยได้เยอะเลยเวลาหนาวๆก็นอนแช่น้ำอุ่นสะตัวเปื่อยเลย
ด้านขวาจะเจออ่างล้างหน้า ค่ะเมื่อหันหน้าเข้าอ่างล้างหน้า ด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านขวาเป้นห้องอาบน้ำค่ะ
ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น ขนาดว่าอยู่ชนบทชักโครกก็ยังสะดวกสบาย
ตรงเข้าไปก็จะมีครัว มีเตา ให้ค่ะ แต่เตาร้อนช้านิดนึงเราเลยถามหาไมโครเวฟซึ่งเซนเซก็ได้ไปซื้อมาใหม่ให้เราเลยแหละ
วันนี้ก้เหมือนปกติทุกวันเราตื่นมาก็มานั่งทำงานเราเลยเพราะว่าไม่มีอะไรให้ช่วย ช่วงพักกลางวันก็ขึ้นไปกินข้าว เวลากินข้าวเที่ยงนี่เหงามากเลยเพราะว่าต่างคนต่างก็จะกินที่ห้องของตัวเอง เพราะคนที่นี่เค้าให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ถ้าเซนเซอยู่ทุกคนก็จะต่างคนต่างกินข้าว นอกจากบางครั้งเช่นเราทำอาหารกลางวัน หรือวันพิเศษก็จะมาทานข้าวร่วมกัน
พอถึงเวลาน้ำชาทุกคนก็มาคุยเรื่องอะไรกันสักเรื่องเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่เนียนๆไป พะยักหน้าตามยิ้มๆไป ถึงเวลาเลิกงานเราก็บอกขอบคุณทุกคน (คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดี เรื่องขอบคุณที่เหนื่อยวันนี้ ขอบคุณสำหรับมื้ออาหาร จะมีคำพูดซึ่งเราก็ฟังๆจำมาพูดตาม) และเราก็ขึ้นห้อง เตรียมทำข้าวเย็นกิน สักพักก็มีเสียงมาเคาะประตู เป็นเซนเซมาตามบอกว่าเมื่อตอนพักดื่มชาเรานัดกันว่าวันนี้จะออกไปข้างนอก ตอนนี้ทุกคนรออยู่ข้างล่าง ไอ้เราก็ ไอ้ที่พะยักหน้านั่นอ่ะน่ะ รีบแต่งตัวและวิ่งเลยค่ะงานนี้ ลงไปก็เจอทุกคนยืนรอกันมีเซนเซและผู้ช่วยอีกสองคนคือคาโอริ และคุนิ
ละเราก็มาโผล่กันที่ร้านนี้ เหตุผลที่มาร้านนี้ก็เพราะว่าร้านนี้สั่งจานมาจากสตูดิโอค่ะ และพึ่งเปิดวันนี้เป็นวันที่สองเอง ร้านนี้จะขายพวกแกงกะหรี่สไตล์เนปาล เพราะเจ้าของร้านและภรรยาไปเที่ยวเนปาลและได้แรงบันดาลใจเลยมาเปิดเป็นร้านนี้ค่ะ แต่แอบเห็นของตกแต่งในร้านเป็นของไทยด้วยเหมือนกัน
ทุกคนดูตื่นเต้นกับการทำอาหาร
จ้องกันไม่หยุดเลย 555+
มาละค่ะอาหารของเรา เป็นเนื้อหมูแกงอะไรสักอย่างเรียกไม่ถูก อาศัยกินอย่างเดียว555+
สั่งมาอย่างละ2จาน เรากับคาโอริก็กินแบ่งกันเพราะจะได้แบ่งกันชิมเมนูอื่นบ้าง
นี่ค่ะเจ้าของผลงานการออกแบบถ่ายคู่กับงานสะหน่อย
อันนี้แก้วอะไรไม่รู้น่าจะของเนปาลเห้นสวยดีเลยถ่ายเอาไว้
หลังจากนั้นเซนเซก็บอกว่าจะพาไปดูมินิคอนเสริตเป้นเพื่อนๆเซนเซแสดงที่นาโกย่า ขับรถไปไกลพอสมควรค่ะ
นี่ค่ะบรรยากาศในร้าน ดูก็น่าจะรู้แล้วว่าเพื่อนๆรุ่นไหน
สองคนนี้ดื่มได้แต่น้ำผลไม้ค่ะเพราะต้องขับรถกลับให้ ส่วนเราละก็ซัดเบียร์ไปเลยชิวๆ
คุณพี่ท่านนี้นี่เท่ห์มากๆ ทำเมนูด้วย คุมเสียงด้วย
วงแรกเริ่มเล่นละค่ะ วงนี้สุดๆมากโชว์พลังเสียงร้องเพลงต่างประเทศ
คนนี้เท่ห์มากเลยขอแชะสะหนึ่งรูป ใส่เสื้อผ้าได้โดนใจเรามาก
วงที่สองนี่เราก็ชอบ อารมคาราบาวบ้านเราเลย เรานี่อยากจะลุกมาโชว์สเตปเท้าไฟแต่คุณพี่ๆในร้านนั่งโยกกันเบาๆ เราเลยเกรงใจ5555555555+
หลังจากดูมินิคอนเสริตเสร็จก็กลับสตูดิโอกัน งานนี้สบายเราเลย เซนเซเลี้ยงหมด อิ่มจังตังอยู่ครบ!!!!!
เด่วเรามาต่อนะค่ะ
กลับมาต่อกันนะค่ะ บางวันเราจะตื่นมาเช้ามากๆปกติเวลาที่ญี่ปุ่นก็เร็วกว่าไทย2ชั่วโมง วันนี้เราตื่นมาตี5 ไม่รู้จะทำอะไรเลยว่าจะออกไปวิ่งออกกำลังกายหน่อย แต่วิ่งไปได้นิดเดียวเหนื่อยแทนเลยกลายเป็นเดินเล่นไป
ป้ายอะไรไม่รู้น่ารักดีเลยถ่ายมา
อันนี้เป็นบริเวณแถวๆนั้น เมืองนี้เป็นเมืองที่สงบมาก ส่วนมากก็มีแต่คนแก่ๆอยู่กัน เพราะคนหนุ่มสาวย้ายไปทำงานในเมืองกันหมด
เจออะไรเราถ่ายหมด
อันนี้เป็นทางไปป่าค่ะ
ผนังเก่าๆดูสวยดี
ภาพกว้างๆบ้างค่ะ เห็นมั๊ยค่ะเมืองนี้เงียบสงบจริงๆ ถ้าใครติดเพื่อนละก็เหงาแน่ๆเลย เราเองยังแอบเหงาบ้างเป็นบางครั้งเลย
ที่เห็นไม่ชัดเพราะอากาศหนาวมาก
ระหว่างทางที่เดินไปเราเจอคุณป้าท่านนึงชวนคุย คุยไปคุยมาจะชวนดื่มชาแต่คิดตังเรา หรือเราแปลผิดก็ไม่รู้5555+มั่วๆไป
นั่งฟังเสียงน้ำทำตัวติสนิดนึง
ต้นหญ้าก็จะถ่าย
ตรงนี้เราชอบมาก มีสิงห์อยู่หน้าบ้านด้วย น่าจะเป็นบ้านที่ทำเซรามิคเหมือนกัน
มีควันปุดๆด้วย
ด้านนี้เป็นป่า แต่ไม่แน่ใจว่าให้เดินเข้าไปได้รึปล่าว กลับมาถามคาโอริ คาโอริบอกน่ากลัวมีหมี มีกระทิงพร้อมทำท่าขู่ด้วย จริงๆน่าจะแอบแกล้งเรา
แวะไว้พระกันหน่อย เงียบสงบมากๆ ไม่มีคนเลย
บริเวณรอบๆวัด
อันนี้น่ารักดีเลยถ่ายมาด้วย
พอกลับมาที่สตูดิโอทุกคนดูเหมือนจะยุ่งๆกันเพราะว่าเตรียมแพคของให้เซนเซไปออกงาน ต้องขอบอกว่าเดือนแรกนั้นเซนเซมีงานออกบูทสองสามงาน บางครั้งก็จะฝากเราไว้กับผู้ช่วย ซึ่งก็ทำให้เราสนิทกับผู้ช่วยมากกว่า อาจเป้นเพราะอายุใกล้เคียงกัน ยิ่งคุนินี่อายุเท่ากันเบยด้วย
ทุกคนช่วยกันเตรียมของใหญ่เลย พอเตรียมของเสร็จเราทุกคนจะมายืนหน้าประตูยืนส่งเซนเซ โบกมือบ้ายบายกัน
พอเซนเซไม่อยู่มักจะมีคนมาเรียนแบบวันเดียวกันเยอะไม่รู้ทำไม บางครั้งผู้ช่วยเหลือคนเดียว(หนึ่งอาทิตย์จะมีวันหยุด1วันปละวันพุธจะหยุดทุกคน) เราก้อาสาช่วยด้วย ความจริงไม่ต้องช่วยเลย แต่เราอยากได้ภาษาญี่ปุ่นเราเลยมาช่วย เรียกได้ว่าช่วยป่วนมากกว่า มีแขกมาหลากหลายรูปแบบ เช่นกลุ่มนี้ เราค่อนข้างประทับใจ จะเป็นกลุ่มเพื่อนซี้ที่จะนัดกัน1วันในทุกๆเดือนเพื่อที่จำทำกิจกรรมด้วยกัน ก่อนหน้านี้ก็มีเรียนทำอาหารบ้าง ทำเวิคชอบนู้นนี่นั่น แต่ที่มาสตูดิโอนี้ก็หลายปีแล้ว
เพราะว่ามากันเยอะเราเลยถูกไล่ที่555+ เลยมาเป็นคนช่วยเตรียมของแทน เพราะว่าทุกคนมาที่นี่บ่อยแล้วบางคนไม่รีรอก็จะมานั่งปั้นเจ้าเครื่องนี้กันเลย
มีการแซวกันไป แซวงานเพื่อนบ้าง น่ารักมากๆเลย
บางคนเบื่อเครื่องหมุนก็มาทำจานตรงนี้
คุณลุงท่านนี้ค่ะดูเหมือนว่าจะแซบสุกเพราะว่านั่งตั้งนานไม่ทำ จนสุดท้ายใช้ให้เรา บอกกับเราว่าเธอทำได้มั๊ยถ้าเธอไม่ทำวันนี้ฉันก็ไม่ทำงาน สรุปคือโดนคุณลุงแกล้งค่ะ เพราะแอบเห็นแกหัวเราะ เราจึงต้องไปทำแผ่นๆมาให้แก คุณลุงก็ชวนคุยนู้นนี่ น่าจะเป็นคนที่เคยไปต่างประเทศมาเพราะว่าคุณลุงท่านพูดภาษาอังกฤษได้
อันนี้เมื่อทำเสร็จทุกคนก็จะมาเลือกสีเคลือบกัน
คุณพี่คนนี้ก็น่ารักมากเช่นกัน แกทำงานเป็นวิศวกรแต่ชอบทำเซรามิคมากมาที่นี่ติดต่อกัน5-6ปีแล้วมั้ง จำไม่ค่อยได้แต่รู้ว่านานมากจะมาอาทิตย์ละวัน ที่เห็นถ่ายรูปคู่กับคาโอริเพราะว่าคาโอริจะต้องกลับไปช่วยงานพ่อแม่ที่โตเกียวแล้ว ใกล้วันที่จะต้องไปแล้ว คุณพี่แกเลยเอาของขวัญมาให้