ผมกับภรรยาทำงานที่เดียวกันครับจนได้เป็นแฟนและแต่งงานกันในปี พ.ศ. 2551 ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2553 ผมก็ออกลายคือการที่ยวเตร่กินเหล้ากับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ทำงานจนบางครั้งผมไม่ได้กลับบ้านทำให้เราทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง แต่ผมก็ง้อจนเธอหายโกรธทุกครั้งซึ่งผมจะหยุดเที่ยวและทำตัวดีสักพักก็จะเริ่มเที่ยวอีกจนผมไปแอบเลี้ยงผู้หญิงไว้และเธอจับได้เธอเสียใจมากผมจึงเลิกการมีผู้หญิงอื่นอย่างเด็ดขาดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วเราก็กลับมาเข้าใจกันและมีความสุขเหมือนเดิม
ระยะนี้ชีวิตคู่ของเราราบรื่นและมีหมาลูกสาวที่รักอีก 1 ตัวครับ รายได้ผมทั้งหมดก็ให้ภรรยาดูแล ส่วนใหญ่แล้วผมจะกลับถึงบ้านก่อนเสมอส่วนภรรยาผมเธอจะกลับบ้านค่อนข้างดึกเพราะเธอเป็นคนขยันทำงานอยู่ที่ออฟฟิตถึง 2-3 ทุ่มเกือบทุกวัน จนในที่สุดเธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ผจก.ในแผนกที่เธอทำอยู่จนมีรายได้เกินแสนซึ่งมากกว่าผมกว่าเท่าตัว เราจึงซื้อบ้านเดี่ยวหลังใหม่ทำให้ชีวิตเราจากนี้มีความสุขมาก ๆ ผมเลิกเที่ยวเตร่ เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่เพราะผมคิดว่าจะทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขที่สุด ส่วนภรรยาผมก็ยังทำงานกลับบ้านสองสามทุ่มเหมือนเดิมอีกทั้งเสาร์-อาทิตย์ก็ยังออกไปข้างนอกไม่เคยอยู่บ้าน แต่ผมเข้าใจเธอครับว่าเธอทำงานหนักจึงอยากออกไปผ่อนคลายในวันหยุดกับกิจกรรมการเสริมสวยและช็อปปิ้งจึงไม่เคยคิดสงสัยอะไรแม้แต่น้อย
แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว เวลาผมหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาดูจะสังเกตุได้ว่าเธอมีท่าทางลุกลี้ลุกลนมีพิรุธเหมือนมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้แตะต้องโทรศัพท์ของเธอ ผมก็ทำเป็นเฉย ๆ ไม่ได้สนใจทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วสงสัยมากและครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี จากการหาข้อมูลทำให้ผมรู้ว่าโทรศัพท์ยี่ห้อที่เธอใช้อยู่สามารถเรียกดูข้อมูลการโทรและจับจีพีเอสได้จากการลงทะเบียนผมจึงแอบเข้าไปตั้งค่าโทรศัพท์มือถือของเธอและดึงข้อมูลการโทรฯ มาดูถึงกับอึ้งชาไปหมดทั้งตัวเพราะเบอร์ที่โทรบ่อยที่สุดคือเบอร์ของลูกน้องเธอคนนึงที่มาซื้อบ้านในหมู่บ้านเดียวกับบ้านเก่าของเรา ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวและไว้ใจจะทำกับเราได้ขนาดนี้
ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกครับเพราะรู้สึกเสียใจแต่รู้ว่าจะต้องใจเย็นเพราะมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ผมจึงคิดอยากรู้ว่าพวกเค้าคุยอะไรกันบ้างจึงแอบติดตั้งโปรแกรมบันทึกเสียงการโทรและส่งขึ้นไปเก็บบนดร็อปบ็อกซ์โดยอัตโนมัติ หลังจากใช้วิธีนี้ผมถึงกับกระจ่างว่าเค้าทั้งสองคนมีอะไรกันมานานแล้วมากกว่าสองปี โทรคุยกันตลอดเวลาที่ว่างโดยเฉพาะขณะขับรถตอนเช้าและค่ำ (ผมกับแฟนใช้รถคนละคัน) เค้าสองคนมีความสุขในการคบกันมากคุยกันทุกเรื่องมากกว่าที่ภรรยาคุยกับผมมากมาย ฟังแล้วเจ็บปวดที่สุดครับโดยเฉพาะที่เค้าคุยกันเรื่องที่มีอะไรกัน
ถึงตอนนี้ผมน้ำตาไหลเพราะปกติภรรยาผมเป็นคนดีมากผมไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นผมเสียใจที่สุดในชีวิตครับ ผมแอบฟังอยู่เป็นอาทิตย์จนทนไม่ไหวผมบุกไปที่ห้องทำงานของภรรยาในตอนเช้าวันนึงที่ออฟฟิตเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าผมรู้เรื่องนี้แล้วเธอก็ยอมรับโดยจนด้วยหลักฐานที่ผมรู้ทุกถ้อยคำเวลาเค้าคุยกัน เธออึ้งและตลึงที่ผมจับได้และบอกว่าจะเลิกกับผู้ชายคนนั้นทันที เธอบอกว่าเธอเลือกผม เธอบอกว่ายังไงเธอก็ไม่เลือกผู้ชายคนนั้น แต่ผมยังโกรธมากผมเลยบอกว่าจะเลิกกับเธอ เธอก็ร้องไห้และขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เธอโทรไปปรึกษาแม่เธอว่าผมจะไม่อยู่แล้วจนแม่เธอต้องมาพูดขอร้องให้ผมอยู่และให้อภัยภรรยา ผมรักภรรยาครับในที่สุดผมก็ให้อภัยเธอและโทรไปขอร้องกับผู้ชายคนนั้นว่า "พี่ขอเมียพี่คืนเถอะนะ พี่รักเมียพี่มาก" ผู้ชายคนนั้นก็ขอโทษผมและรับปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก กลับบ้านเร็วขึ้น วันหยุดก็ไม่ออกไปไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งที่เจอหน้าผู้ชายคนนั้นในที่ทำงานประจวบเหมาะกับปัญหาที่ผมจะถูกโยกย้ายงานผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อขายของทางอินเตอร์เน็ทอยู่ที่บ้านมาได้ประมาณสามเดือนซึ่งผมคิดว่าน่าจะสามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้จนผมรู้สึกได้ว่าเธอกลับมาเป็นภรรยาคนเดิมที่ผมไว้ใจอีกครั้ง
ภรรยาผมก็ทำตัวดีไม่มีพิรุธใด ๆ จนสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผมดันไปแอบฟังการใช้โทรศัพท์ของเธออีกด้วยความหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ผมผิดหวังอีก แต่ผมต้องเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อได้ยินเค้ากลับมาคุยกันอีก เป็นห่วงเป็นใยห่วงหาอาทรณ์กันอีก ผมบอกเธอว่าผมรู้แต่ครั้งนี้เธอเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เพียงเท่านี้ผมก็รู้แล้วครับว่าผมพ่ายแพ้และควรเป็นคนไป เพราะผมไม่อยากให้ภรรยาเป็นคนไม่ดี เมื่อผมไปแล้วเค้าสองคนก็มีโอกาสที่จะได้คบกันอย่างเปิดเผย ผมกลับมาอ่อนแออีกครั้ง กลั้นน้ำตาไม่อยู่และผมคิดเพียงว่ามันคงเป็นบาปกรรมที่ผมเคยเป็นคนเจ้าชู้และทำให้ภรรยาผมเสียใจมาก่อน
ภรรยาผมเป็นคนดีกตัญญูรู้คุณ เข้าวัดทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาสครับ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความบกพร่องของตัวผมเองครับ?
ภรรยาไปมีคนใหม่ ผมควรหลีกทางให้หรือเปล่า?
ระยะนี้ชีวิตคู่ของเราราบรื่นและมีหมาลูกสาวที่รักอีก 1 ตัวครับ รายได้ผมทั้งหมดก็ให้ภรรยาดูแล ส่วนใหญ่แล้วผมจะกลับถึงบ้านก่อนเสมอส่วนภรรยาผมเธอจะกลับบ้านค่อนข้างดึกเพราะเธอเป็นคนขยันทำงานอยู่ที่ออฟฟิตถึง 2-3 ทุ่มเกือบทุกวัน จนในที่สุดเธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ผจก.ในแผนกที่เธอทำอยู่จนมีรายได้เกินแสนซึ่งมากกว่าผมกว่าเท่าตัว เราจึงซื้อบ้านเดี่ยวหลังใหม่ทำให้ชีวิตเราจากนี้มีความสุขมาก ๆ ผมเลิกเที่ยวเตร่ เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่เพราะผมคิดว่าจะทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขที่สุด ส่วนภรรยาผมก็ยังทำงานกลับบ้านสองสามทุ่มเหมือนเดิมอีกทั้งเสาร์-อาทิตย์ก็ยังออกไปข้างนอกไม่เคยอยู่บ้าน แต่ผมเข้าใจเธอครับว่าเธอทำงานหนักจึงอยากออกไปผ่อนคลายในวันหยุดกับกิจกรรมการเสริมสวยและช็อปปิ้งจึงไม่เคยคิดสงสัยอะไรแม้แต่น้อย
แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว เวลาผมหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาดูจะสังเกตุได้ว่าเธอมีท่าทางลุกลี้ลุกลนมีพิรุธเหมือนมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้แตะต้องโทรศัพท์ของเธอ ผมก็ทำเป็นเฉย ๆ ไม่ได้สนใจทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วสงสัยมากและครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี จากการหาข้อมูลทำให้ผมรู้ว่าโทรศัพท์ยี่ห้อที่เธอใช้อยู่สามารถเรียกดูข้อมูลการโทรและจับจีพีเอสได้จากการลงทะเบียนผมจึงแอบเข้าไปตั้งค่าโทรศัพท์มือถือของเธอและดึงข้อมูลการโทรฯ มาดูถึงกับอึ้งชาไปหมดทั้งตัวเพราะเบอร์ที่โทรบ่อยที่สุดคือเบอร์ของลูกน้องเธอคนนึงที่มาซื้อบ้านในหมู่บ้านเดียวกับบ้านเก่าของเรา ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวและไว้ใจจะทำกับเราได้ขนาดนี้
ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกครับเพราะรู้สึกเสียใจแต่รู้ว่าจะต้องใจเย็นเพราะมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ผมจึงคิดอยากรู้ว่าพวกเค้าคุยอะไรกันบ้างจึงแอบติดตั้งโปรแกรมบันทึกเสียงการโทรและส่งขึ้นไปเก็บบนดร็อปบ็อกซ์โดยอัตโนมัติ หลังจากใช้วิธีนี้ผมถึงกับกระจ่างว่าเค้าทั้งสองคนมีอะไรกันมานานแล้วมากกว่าสองปี โทรคุยกันตลอดเวลาที่ว่างโดยเฉพาะขณะขับรถตอนเช้าและค่ำ (ผมกับแฟนใช้รถคนละคัน) เค้าสองคนมีความสุขในการคบกันมากคุยกันทุกเรื่องมากกว่าที่ภรรยาคุยกับผมมากมาย ฟังแล้วเจ็บปวดที่สุดครับโดยเฉพาะที่เค้าคุยกันเรื่องที่มีอะไรกัน
ถึงตอนนี้ผมน้ำตาไหลเพราะปกติภรรยาผมเป็นคนดีมากผมไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นผมเสียใจที่สุดในชีวิตครับ ผมแอบฟังอยู่เป็นอาทิตย์จนทนไม่ไหวผมบุกไปที่ห้องทำงานของภรรยาในตอนเช้าวันนึงที่ออฟฟิตเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าผมรู้เรื่องนี้แล้วเธอก็ยอมรับโดยจนด้วยหลักฐานที่ผมรู้ทุกถ้อยคำเวลาเค้าคุยกัน เธออึ้งและตลึงที่ผมจับได้และบอกว่าจะเลิกกับผู้ชายคนนั้นทันที เธอบอกว่าเธอเลือกผม เธอบอกว่ายังไงเธอก็ไม่เลือกผู้ชายคนนั้น แต่ผมยังโกรธมากผมเลยบอกว่าจะเลิกกับเธอ เธอก็ร้องไห้และขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เธอโทรไปปรึกษาแม่เธอว่าผมจะไม่อยู่แล้วจนแม่เธอต้องมาพูดขอร้องให้ผมอยู่และให้อภัยภรรยา ผมรักภรรยาครับในที่สุดผมก็ให้อภัยเธอและโทรไปขอร้องกับผู้ชายคนนั้นว่า "พี่ขอเมียพี่คืนเถอะนะ พี่รักเมียพี่มาก" ผู้ชายคนนั้นก็ขอโทษผมและรับปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก กลับบ้านเร็วขึ้น วันหยุดก็ไม่ออกไปไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งที่เจอหน้าผู้ชายคนนั้นในที่ทำงานประจวบเหมาะกับปัญหาที่ผมจะถูกโยกย้ายงานผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อขายของทางอินเตอร์เน็ทอยู่ที่บ้านมาได้ประมาณสามเดือนซึ่งผมคิดว่าน่าจะสามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้จนผมรู้สึกได้ว่าเธอกลับมาเป็นภรรยาคนเดิมที่ผมไว้ใจอีกครั้ง
ภรรยาผมก็ทำตัวดีไม่มีพิรุธใด ๆ จนสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผมดันไปแอบฟังการใช้โทรศัพท์ของเธออีกด้วยความหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ผมผิดหวังอีก แต่ผมต้องเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อได้ยินเค้ากลับมาคุยกันอีก เป็นห่วงเป็นใยห่วงหาอาทรณ์กันอีก ผมบอกเธอว่าผมรู้แต่ครั้งนี้เธอเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เพียงเท่านี้ผมก็รู้แล้วครับว่าผมพ่ายแพ้และควรเป็นคนไป เพราะผมไม่อยากให้ภรรยาเป็นคนไม่ดี เมื่อผมไปแล้วเค้าสองคนก็มีโอกาสที่จะได้คบกันอย่างเปิดเผย ผมกลับมาอ่อนแออีกครั้ง กลั้นน้ำตาไม่อยู่และผมคิดเพียงว่ามันคงเป็นบาปกรรมที่ผมเคยเป็นคนเจ้าชู้และทำให้ภรรยาผมเสียใจมาก่อน
ภรรยาผมเป็นคนดีกตัญญูรู้คุณ เข้าวัดทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาสครับ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความบกพร่องของตัวผมเองครับ?