กลับมาแล้วค่าหลังจากแอบอู้มา 2 วีคแน่ะ อิอิ ช่วงนี้ยังไม่ค่อยได้หยิบเล่มใหม่ออกมาอ่านเท่าไหร่เลย อ่านเก็บเล่มเก่าที่ค้างๆไว้อยู่ให้หมดก่อนค่ะ แล้วก็ยังไม่ได้ซื้ออะไรใหม่ด้วยสำหรับเดือนนี้ ต้องอ่านของที่มีอยู่ให้หมดเกินกว่าครึ่งก่อนค่ะ ถึงจะถอยเล่มใหม่ ก็เอาเป็นว่าวีคนี้เรามาชวนคุยหนุกๆก็แล้วกัน จริงๆก็แอบปรึกษาปัญหาด้วยละ
เราตั้งใจว่าจะอ่านงานคลาสสิคให้มากขึ้นค่ะ จะหยุดซื้อพวกนิยาย contemporary แบบที่อ่านเอาฟินเอาแซบแล้วละ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยให้อะไรกับชีวิตเท่าไหร่เลย ส่วนตัวรู้สึกว่าอ่านงานพวกนี้มากๆแล้วทำให้อ่านงานคลาสสิคยากขึ้นด้วย เหมือนกับเราจะเคยชินกับภาษาง่ายๆ มุมมองสำเร็จรูปที่ไม่ได้มีประเด็นให้ตองขบคิดมากเท่าไหร่นัก พอไปอ่านงานคลาสสิคอีกทีจะรู้สึกเหมือนมันยากขึ้นมากเลย ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนานขึ้น เพราะเริ่มเคยชินกับอะไรที่มันง่ายเกินไป วันนี้เลยอยากจะให้มาบอกเล่าถึงงานคลาสสิคที่ชื่นชอบกันค่ะ มารีวิวของที่เคยๆอ่านไปแล้วก็ได้ หรือจะมีเล่มไหนที่แนะนำก็ยินดีนะคะ เราอ่านได้ทั้งไทยและอังกฤษเลยค่ะ
หรือใครที่มีปัญหาในการเริ่มอ่านงานคลาสสิคก็ลองมาแชร์กันได้นะคะ เราเองก็เคยมีมาก่อนค่ะ ช่วงม.ปลายเราพยายามจะหัดอ่านนะ ทั้งของไทยและของต่างประเทศเลย (อ่านฉบับแปลก่อนนี่ละ) แต่ถ้าเป็นของต่างประเทศเราอ่านได้น้อยเล่มมาก ถ้าจำไม่ผิดเล่มแรกที่อ่านและชอบมากก็คือ Go Ask Alice ค่ะ ที่เอามาแปลไทยเป็นโอ้..อลิซ ออกแนวชีวิตเหลวแหลกของวัยรุ่นดีค่ะ สมัยนั้นชอบอะไรที่ตีแผ่มุมมืดของวัยรุ่น อ่านแล้วรู้สึกมันแซบและน่าติดตามดีค่ะ นอกนั้นที่พออ่านได้บ้างก็จะเป็น Little Women กับบันทึกของแอนน์แฟรงก์ค่ะ เล่มที่พยายามจะอ่านให้เข้าใจและสนุกก็คือ Moby Dick กับ Jonathan Livingston Seagull ค่ะ อ่านแล้วไม่รอดเลย รู้สึกมันอืดๆ ไม่สนุก ไม่น่าตื่นเต้น ส่วน Great Expectation นี่อ่านแล้วไม่เข้าใจเลยว่าพยายามจะบอกอะไรกับเรา พออ่านแล้วไม่รู้สึกสนุกและเฟล ก็เลยฝังใจไปว่างานคลาสสิคมันยากไป มันฉลาดเกินไปสำหรับสมองคนอย่างเรา ก็เลยไม่ค่อยแตะอีกเลยค่ะ เปลี่ยนแนวมาอ่านพวกประสบการณ์ท่องเที่ยวแทนแล้วก็พวกคินดะอิจิที่อ่านเอามันได้เรื่อยๆ งานคลาสสิคของไทยแบบพวกงานของนักเขียนซีไรท์เราก็อ่านได้ไม่เยอะนะคะ (อ่าน "อมตะ" แค่เล่มเดียวเอง) ขนาดภาษาแม่แล้วแท้ๆยังรู้สึกว่าอ่านแล้วยากไปเลยค่ะ เนื้อหามันหนักและรู้สึกมันเครียดๆอะค่ะ เหมือนเอาจริงๆเราชอบอ่านนิยายร่วมสมัยที่มันแซบๆ อ่านเอาฟินไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ทีเนี้ยแฟนเราที่อ่านหนังสือมานานกว่าเรา อ่านภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว เขาจะชอบบอกว่าให้อ่านงานดีๆมั่งเถอะ หยุดอ่านนิยายที่ไม่ค่อยให้อะไรกับชีวิตได้แล้ว เราก็สะอึกไปเหมือนกันนะ คือเราก็อยากอ่านงานดีๆนะ ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่อ่านแล้วมันเครียดมันเฟล มันน่าเบื่อ บางทีเลยทำให้กดดันตัวเองเหมือนกันว่าเราห่วยรึเปล่า อ่านแต่อะไรไร้สาระประโลมโลกไปวันๆ แต่งานที่มีสาระจริงๆกลับไม่คิดจะสนใจ เพราะเขาจะชอบกรอกหูว่าเนี่ย หนังสือที่ดีคือหนังสือที่อ่านแล้วเปลี่ยนความคิดและเปลี่ยนชีวิตเราได้ ส่วนพวกที่อ่านเอาสนุกเอาฟินมันก็แค่ความชั่วคราว ไม่ต่างกับดูละครทีวีหรอก เราก็ว่ามันจริงแหละ แต่ก็นะ เหมือนมันเสพติดความง่ายของนิยายร่วมสมัยไปแล้ว เวลาที่ดู booktuber เขารีวิวอะไรกันมันก็พาลให้อยากได้ตามไปหมด แล้วยิ่งอ่านงานแบบนี้มากเท่าไหร่เรารู้สึกเหมือนมันจะกัดกินความสามารถในการอ่านงานดีๆไปเรื่อยๆ ยิ่งอ่านงานง่ายๆมากขึ้น พอไปอ่านงานชั้นดีเลยกลายเป็นว่ามันยาก มันเครียด มันไม่เพลิดเพลินเท่าที่ควร
เราเคยดูคลิปที่ booktuber พวกที่อ่านงานคลาสสิคเยอะๆเขาแนะนำสำหรับคนที่เริ่มต้นนะ เขาบอกว่าถ้าลองอ่านแล้วไม่ชอบก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ชอบงานคลาสสิคทั้งหมด มันคือไม่ชอบงานเล่มนั้นๆมากกว่า แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองว่าจะต้องอ่านให้ได้ ถ้าลองอะไรแล้วไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ต้องไปดันทุรังจะเปลี่ยนให้กลายเป็นชอบหรอก มันไม่ผิดที่สุดท้ายแล้วจะอ่านงานคลาสสิคน้อยหรือแทบไม่อ่านเลย เพราะการอ่านคือความพอใจความเพลิดเพลิน เราควรจะอ่านให้มันสนุกเรามากกว่า หลายๆคนก็พูดประมาณนี้ทั้งนั้นเลย ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ควรจะเป็นแหละ ปัญหามันอยู่ที่เราเองมั้ง เหมือนกับว่าเราอยากจะอ่านได้แบบมีสาระ ไม่อยากให้แฟนเรามองว่าอ่านแต่ของไม่มีแก่นสาร จริงๆเขาก็เคยอ่านของพวกนั้นนะ พวก chick-lit เขาก็เคยอ่าน แต่เขาอ่านตอนเขา 12-13 ไง เพราะเขามาจากประเทศที่ใช้อังกฤษคล่อง ในขณะที่เราเพิ่งมาอ่านตอนมหาลัยเอง ช่วง 15-16 นี่เขาเริ่มอ่านแต่งานดีๆล้วนๆแล้ว พวกงานคลาสสิคอะไรที่มันสำหรับเยาวชนหน่อยก็ผ่านมือเขามาตั้งแต่เขายังเด็กๆแล้ว พอโตขึ้นก็อ่านที่มันยากมีเนื้อหาเข้มข้นขึ้นมาตามวัย มันเหมือนไม่ใช่แค่เรื่องการอ่านแล้วอะ เพราะเราแก่กว่าเขาด้วย ปลายปีนี้เราจะ 30 แล้ว ส่วนเขาต้นปีหน้าจะ 23 แต่เรายังอ่านนิยายฝรั่งเนื้อเรื่องแบบอ่านเอาฟินอยู่เลย ถ้าเทียบเป็นไทยก็เหมือนวัยรุ่นไทยอ่านนิยายแจ่มใสอะมั้ง อดเปรียบเทียบบ้าๆบอๆไม่ได้ว่าทำไมเรากากจังวะ เหมือนดูไม่เป็นผู้ใหญ่เลย เราไม่กล้าถามไปจริงๆว่าสุดท้ายแล้วถ้าเราพอใจที่จะอ่านนิยายไร้สาระแบบนี้เขาจะว่ายังไง
ฮ่าๆๆ พอแล้วดีกว่า เหมือนกระทู้ปรึกษาปัญหาหัวใจเข้าไปทุกทีละอะ ยังไงวีคที่ผ่านมาใครที่อ่านหนังสืออะไรก็เอามาแชร์กันได้เหมือนเดิมนะคะ ซื้ออะไรมาใหม่ๆก็เอามาอวดกันได้ค่ะ แล้วกลับมาเจอกันอีกในวีคหน้านะคะ
*** A book A week: วีคนึงที่ผ่านมาอ่านอะไรกันมั่งเอ่ย #22 ***
เราตั้งใจว่าจะอ่านงานคลาสสิคให้มากขึ้นค่ะ จะหยุดซื้อพวกนิยาย contemporary แบบที่อ่านเอาฟินเอาแซบแล้วละ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยให้อะไรกับชีวิตเท่าไหร่เลย ส่วนตัวรู้สึกว่าอ่านงานพวกนี้มากๆแล้วทำให้อ่านงานคลาสสิคยากขึ้นด้วย เหมือนกับเราจะเคยชินกับภาษาง่ายๆ มุมมองสำเร็จรูปที่ไม่ได้มีประเด็นให้ตองขบคิดมากเท่าไหร่นัก พอไปอ่านงานคลาสสิคอีกทีจะรู้สึกเหมือนมันยากขึ้นมากเลย ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนานขึ้น เพราะเริ่มเคยชินกับอะไรที่มันง่ายเกินไป วันนี้เลยอยากจะให้มาบอกเล่าถึงงานคลาสสิคที่ชื่นชอบกันค่ะ มารีวิวของที่เคยๆอ่านไปแล้วก็ได้ หรือจะมีเล่มไหนที่แนะนำก็ยินดีนะคะ เราอ่านได้ทั้งไทยและอังกฤษเลยค่ะ
หรือใครที่มีปัญหาในการเริ่มอ่านงานคลาสสิคก็ลองมาแชร์กันได้นะคะ เราเองก็เคยมีมาก่อนค่ะ ช่วงม.ปลายเราพยายามจะหัดอ่านนะ ทั้งของไทยและของต่างประเทศเลย (อ่านฉบับแปลก่อนนี่ละ) แต่ถ้าเป็นของต่างประเทศเราอ่านได้น้อยเล่มมาก ถ้าจำไม่ผิดเล่มแรกที่อ่านและชอบมากก็คือ Go Ask Alice ค่ะ ที่เอามาแปลไทยเป็นโอ้..อลิซ ออกแนวชีวิตเหลวแหลกของวัยรุ่นดีค่ะ สมัยนั้นชอบอะไรที่ตีแผ่มุมมืดของวัยรุ่น อ่านแล้วรู้สึกมันแซบและน่าติดตามดีค่ะ นอกนั้นที่พออ่านได้บ้างก็จะเป็น Little Women กับบันทึกของแอนน์แฟรงก์ค่ะ เล่มที่พยายามจะอ่านให้เข้าใจและสนุกก็คือ Moby Dick กับ Jonathan Livingston Seagull ค่ะ อ่านแล้วไม่รอดเลย รู้สึกมันอืดๆ ไม่สนุก ไม่น่าตื่นเต้น ส่วน Great Expectation นี่อ่านแล้วไม่เข้าใจเลยว่าพยายามจะบอกอะไรกับเรา พออ่านแล้วไม่รู้สึกสนุกและเฟล ก็เลยฝังใจไปว่างานคลาสสิคมันยากไป มันฉลาดเกินไปสำหรับสมองคนอย่างเรา ก็เลยไม่ค่อยแตะอีกเลยค่ะ เปลี่ยนแนวมาอ่านพวกประสบการณ์ท่องเที่ยวแทนแล้วก็พวกคินดะอิจิที่อ่านเอามันได้เรื่อยๆ งานคลาสสิคของไทยแบบพวกงานของนักเขียนซีไรท์เราก็อ่านได้ไม่เยอะนะคะ (อ่าน "อมตะ" แค่เล่มเดียวเอง) ขนาดภาษาแม่แล้วแท้ๆยังรู้สึกว่าอ่านแล้วยากไปเลยค่ะ เนื้อหามันหนักและรู้สึกมันเครียดๆอะค่ะ เหมือนเอาจริงๆเราชอบอ่านนิยายร่วมสมัยที่มันแซบๆ อ่านเอาฟินไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ทีเนี้ยแฟนเราที่อ่านหนังสือมานานกว่าเรา อ่านภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว เขาจะชอบบอกว่าให้อ่านงานดีๆมั่งเถอะ หยุดอ่านนิยายที่ไม่ค่อยให้อะไรกับชีวิตได้แล้ว เราก็สะอึกไปเหมือนกันนะ คือเราก็อยากอ่านงานดีๆนะ ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่อ่านแล้วมันเครียดมันเฟล มันน่าเบื่อ บางทีเลยทำให้กดดันตัวเองเหมือนกันว่าเราห่วยรึเปล่า อ่านแต่อะไรไร้สาระประโลมโลกไปวันๆ แต่งานที่มีสาระจริงๆกลับไม่คิดจะสนใจ เพราะเขาจะชอบกรอกหูว่าเนี่ย หนังสือที่ดีคือหนังสือที่อ่านแล้วเปลี่ยนความคิดและเปลี่ยนชีวิตเราได้ ส่วนพวกที่อ่านเอาสนุกเอาฟินมันก็แค่ความชั่วคราว ไม่ต่างกับดูละครทีวีหรอก เราก็ว่ามันจริงแหละ แต่ก็นะ เหมือนมันเสพติดความง่ายของนิยายร่วมสมัยไปแล้ว เวลาที่ดู booktuber เขารีวิวอะไรกันมันก็พาลให้อยากได้ตามไปหมด แล้วยิ่งอ่านงานแบบนี้มากเท่าไหร่เรารู้สึกเหมือนมันจะกัดกินความสามารถในการอ่านงานดีๆไปเรื่อยๆ ยิ่งอ่านงานง่ายๆมากขึ้น พอไปอ่านงานชั้นดีเลยกลายเป็นว่ามันยาก มันเครียด มันไม่เพลิดเพลินเท่าที่ควร
เราเคยดูคลิปที่ booktuber พวกที่อ่านงานคลาสสิคเยอะๆเขาแนะนำสำหรับคนที่เริ่มต้นนะ เขาบอกว่าถ้าลองอ่านแล้วไม่ชอบก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ชอบงานคลาสสิคทั้งหมด มันคือไม่ชอบงานเล่มนั้นๆมากกว่า แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองว่าจะต้องอ่านให้ได้ ถ้าลองอะไรแล้วไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ต้องไปดันทุรังจะเปลี่ยนให้กลายเป็นชอบหรอก มันไม่ผิดที่สุดท้ายแล้วจะอ่านงานคลาสสิคน้อยหรือแทบไม่อ่านเลย เพราะการอ่านคือความพอใจความเพลิดเพลิน เราควรจะอ่านให้มันสนุกเรามากกว่า หลายๆคนก็พูดประมาณนี้ทั้งนั้นเลย ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ควรจะเป็นแหละ ปัญหามันอยู่ที่เราเองมั้ง เหมือนกับว่าเราอยากจะอ่านได้แบบมีสาระ ไม่อยากให้แฟนเรามองว่าอ่านแต่ของไม่มีแก่นสาร จริงๆเขาก็เคยอ่านของพวกนั้นนะ พวก chick-lit เขาก็เคยอ่าน แต่เขาอ่านตอนเขา 12-13 ไง เพราะเขามาจากประเทศที่ใช้อังกฤษคล่อง ในขณะที่เราเพิ่งมาอ่านตอนมหาลัยเอง ช่วง 15-16 นี่เขาเริ่มอ่านแต่งานดีๆล้วนๆแล้ว พวกงานคลาสสิคอะไรที่มันสำหรับเยาวชนหน่อยก็ผ่านมือเขามาตั้งแต่เขายังเด็กๆแล้ว พอโตขึ้นก็อ่านที่มันยากมีเนื้อหาเข้มข้นขึ้นมาตามวัย มันเหมือนไม่ใช่แค่เรื่องการอ่านแล้วอะ เพราะเราแก่กว่าเขาด้วย ปลายปีนี้เราจะ 30 แล้ว ส่วนเขาต้นปีหน้าจะ 23 แต่เรายังอ่านนิยายฝรั่งเนื้อเรื่องแบบอ่านเอาฟินอยู่เลย ถ้าเทียบเป็นไทยก็เหมือนวัยรุ่นไทยอ่านนิยายแจ่มใสอะมั้ง อดเปรียบเทียบบ้าๆบอๆไม่ได้ว่าทำไมเรากากจังวะ เหมือนดูไม่เป็นผู้ใหญ่เลย เราไม่กล้าถามไปจริงๆว่าสุดท้ายแล้วถ้าเราพอใจที่จะอ่านนิยายไร้สาระแบบนี้เขาจะว่ายังไง
ฮ่าๆๆ พอแล้วดีกว่า เหมือนกระทู้ปรึกษาปัญหาหัวใจเข้าไปทุกทีละอะ ยังไงวีคที่ผ่านมาใครที่อ่านหนังสืออะไรก็เอามาแชร์กันได้เหมือนเดิมนะคะ ซื้ออะไรมาใหม่ๆก็เอามาอวดกันได้ค่ะ แล้วกลับมาเจอกันอีกในวีคหน้านะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้